ตอนที่ 1028
ขโมยการค้าของข้า
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่ตบไปยังถุงสมบัติ เพื่อหยิบเอาขนนกสีดำออกมา ซึ่งเป็นสิ่งของที่เขาสามารถใช้เปลี่ยนแปลงกลิ่นอายหรือรูปร่างหน้าตาได้ และเป็นสิ่งที่เขามองว่าเป็นส่วนที่สำคัญมากในของวิเศษทั้งหลายเหล่านั้น
อย่างไรก็ตาม เขาก็ตระหนักดีด้วยเช่นกันว่า ตัวด้วงสีดำเหล่านี้มีลักษณะนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์พิเศษเฉพาะ ครั้งล่าสุดที่เขามายังที่แห่งนี้ ก็ได้ใช้ขนนกสีดำนี้ร่วมกับผีโต้ง จนทำให้สามารถจะดึงเอาต้นสมุนไพรไปจากบริเวณนี้ได้
เมิ่งฮ่าวรู้ว่าความสามารถในการเปลี่ยนแปลงกลิ่นอายของขนนกนี้ จะใช้ได้กับตัวด้วงสีดำในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ก่อนที่จะไม่มีผลกระทบใดๆ กับพวกมัน
“เว้นแต่ว่าจะมีวิธีการบางอย่างที่ไปดึงดูดความสนใจของพวกมันได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ขนนกนี้มีผลกระทบกับพวกมันเพิ่มมากขึ้น”
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดพร้อมกับดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขาได้สังเกตดูมานานแล้วว่าดินแดนขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยต้นสมุนไพรเหล่านี้ ไม่ได้มีตำแหน่งที่ตายตัวอยู่ในความว่างเปล่า แต่มันได้ลอยไปอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่ามันไม่ได้เป็นไปตามกฎธรรมชาติ แต่จริงๆ แล้วก็มีลักษณะการเคลื่อนที่ที่เป็นรูปแบบเฉพาะบางอย่าง
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่เป็นเวลานาน ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้นและบินขึ้นไปในอากาศ หลังจากที่คิดคำนวณเส้นโคจรของดินแดนต้นสมุนไพรเหล่านี้ เขาก็บินไปทางเบื้องหน้าของมัน เมื่อไหร่ที่เขาผ่านเศษซากปรักหักพังที่กำลังลอยไปมาอยู่ในความว่างเปล่า เขาก็จะโยนหินปราณเซียนที่ถูกผนึกไว้ออกไปบนเศษซากเหล่านั้น
“จากความรวดเร็วของการเคลื่อนที่ของดินแดนต้นสมุนไพรเหล่านั้น มันน่าจะผ่านมายังซากปรักหักพังเหล่านี้ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้” เมิ่งฮ่าวพึมพำขึ้นด้วยดวงตาที่สาดประกายเจิดจ้า
เขามุ่งหน้าไปไกลมากขึ้นอีกเล็กน้อย หว่านหินปราณเซียนไปบนซากปรักหักพังตรงตำแหน่งที่แตกต่างกันประมาณสิบก้อน จากนั้นก็รีบพุ่งกลับไปยังทิศทางของดินแดนต้นสมุนไพรอย่างรวดเร็ว และไปซ่อนตัวอยู่ใกล้กับตำแหน่งที่เขาได้วางหินปราณเซียนก้อนแรกไว้ จากนั้นก็เฝ้ารอคอยด้วยความอดทน
ในที่สุดหลังจากเวลาที่ธูปเผาไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ดินแดนต้นสมุนไพรก็ปรากฏขึ้น ลอยผ่านความว่างเปล่าตรงมายังเศษซากปรักหักพังที่เมิ่งฮ่าวกำลังซ่อนตัวอยู่
เมิ่งฮ่าวคิดทบทวนแผนการของตนเองด้วยความรวดเร็ว จากนั้นโดยไม่ลังเลใดๆ อีก เขาใช้มือขวาขยับร่ายเวทและชี้ตรงไปยังหินปราณเซียนที่ถูกผนึกไว้ คลื่นของพลังนิ้วทำให้ผนึกที่อยู่บนหินปราณเซียนถูกลบออกไป เปิดเผยกลิ่นอายของมันออกมา
ในตอนที่กลิ่นอายนั้นกระจายออกมา ดินแดนต้นสมุนไพรก็สั่นสะท้าน และตัวด้วงสีดำนับไม่ถ้วนได้บินขึ้นไปในอากาศอย่างบ้าคลั่ง พวกมันกลายเป็นลมพายุสีดำของตัวด้วง มีจำนวนนับหมื่นตัว ในที่สุดพวกมันก็รวมตัวกันจนมีรูปร่างเป็นหัตถ์ยักษ์พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยเสียงซี่ซี่ขณะที่ตัวด้วงสีดำเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดขนนกออกไป และกระตุ้นให้มันทำงานขึ้น
ทันใดนั้น รูปร่างหน้าตาของเขาก็เปลี่ยนไป ไม่ได้ดูเหมือนกับผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่ดูคล้ายกับเป็นตัวด้วงสีดำแทน พร้อมกับมีกลิ่นอายที่คล้ายคลึงกับพวกมันเป็นอย่างมาก
ในทันใดนั้นเอง ตัวด้วงสีดำนับหมื่นที่คล้ายกับเป็นลมพายุ ได้พุ่งเข้าไปในซากปรักหักพังที่เมิ่งฮ่าวกำลังซ่อนตัวอยู่ เขารีบเข้าไปรวมกลุ่มกับตัวด้วงอย่างรวดเร็ว ด้วยจิตใจที่เต้นรัว พยายามทำท่าให้ดุร้ายดูน่ากลัวเหมือนกับพวกมัน
เขายังได้ส่งเสียงออกมาเหมือนกับพวกมันอีกด้วย พยายามจะลอกเลียนแบบพวกมันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ขณะที่พวกมันเริ่มโจมตีไปยังหินปราณเซียน
ไม่นานต่อมา ทั่วทั้งซากปรักหักพังที่ยืดยาวออกไป ก็พังทลายลงภายใต้พลังที่ระเบิดออกมาของตัวด้วงสีดำนับหมื่นตัว และจากนั้นก็ถูกกลืนกินลงไปด้วยความตะกละตะกลาม
เกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังก้องออกมา ขณะที่ตัวด้วงทำการขบเคี้ยวเศษชิ้นส่วนของก้อนศิลา จนทำให้จิตใจเมิ่งฮ่าวต้องเต้นรัว จากมุมมองของเขา แม้แต่ฟันของเจ้าอ้วนก็ยังไม่อาจจะเทียบได้กับฟันของพวกมัน
สำหรับหินปราณเซียน หนึ่งในตัวด้วงสีดำที่มีความรวดเร็วมากที่สุดได้กลืนกินลงไป เมิ่งฮ่าวเฝ้าสังเกตดูขณะที่มันส่งเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานออกมา แสงสีดำพุ่งขึ้นมาจากร่างของมัน หมุนวนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ ตัว จนมองเห็นเป็น…ดวงตาปีศาจได้อย่างเลือนราง
ด้วงดำตัวอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นมองไปด้วยดวงตาที่บ้าคลั่งเย็นชา ราวกับว่าพวกมันปรารถนาจะพุ่งตรงไปฉีกกระชากด้วงตัวนั้นออกเป็นชิ้นๆ และกลืนกินมันลงไป ก่อนที่พวกมันจะทันได้ขยับตัวเคลื่อนไหว ด้วงดำที่มีดวงตาปีศาจก็มองขึ้นไปและแผดร้องออกมา เพียงแค่เสียงร้องข่มขู่ของมันก็ทำให้ด้วงดำตัวอื่นๆ ต้องสงบนิ่งในทันที
เมิ่งฮ่าวมองไปด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ เขาติดตามกลุ่มด้วงสีดำไป ขณะที่พวกมันบินวนไปรอบๆ บริเวณนั้นอยู่ชั่วขณะ และจากนั้นก็มุ่งหน้ากลับเข้าไปยังดินแดนต้นสมุนไพร
เขายังคงระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลาขณะที่บินไปพร้อมกับกลุ่มตัวด้วง เขามักจะขยับปาก ส่งเสียงแผดร้องออกมาเป็นระยะ
ทำให้ดูเหมือนกับว่าเขาคือตัวด้วงสีดำจริงๆ หลังจากที่กลับเข้าไปในดินแดนต้นสมุนไพร เขาพยายามจะไม่ไปสร้างความสงสัยให้กับด้วงสีดำตัวอื่นๆ เหล่านั้น
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบลง เขาก็ยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นด้วยความเยือกเย็น กรอกดวงตาไปมา ในที่สุดเขาก็เริ่มค่อยๆ ขยับตัวเลื่อนไปด้านข้าง ไปยังบริเวณที่อยู่ด้านหลัง ซึ่งเป็นสถานที่ที่ตัวด้วงสีดำส่วนใหญ่อยู่กันในที่แห่งนั้น เป็นสถานที่ซึ่งมีดอกตะวันฉายงอกเงยอยู่ มองเห็นประกายแสงแวบขึ้นมาขณะที่ดอกตะวันฉายหายไปอย่างฉับพลัน
เมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความวิตกกังวล แต่ก็มีความตื่นเต้นขึ้นด้วยเช่นกัน หลังจากนั้นเขาก็เริ่มขยับตัวออกไปยังตำแหน่งอื่นด้วยความระมัดระวังตัว เมื่อต้องไปเผชิญหน้ากับด้วงดำตัวอื่นๆ เขาก็จะขยับปากและแผดร้องออกมา ราวกับเป็นการส่งเสียงเตือนด้วงดำตัวอื่นๆ ว่า…เขาก็เหมือนกับพวกมัน
น่าเสียดายที่เสียงแผดร้องของเขา ไม่ได้คล้ายคลึงกับพวกมันมากเท่าใดนัก แต่เขาก็กระตือรือร้นที่จะศึกษาเรียนรู้ และทำการลอกเลียนแบบพวกมันอย่างต่อเนื่อง จนทำให้มีเสียงที่เหมือนกับพวกมันร้องออกมา…
ใครก็ตามที่รู้จักเมิ่งฮ่าว และมองเห็นภาพนี้ จะต้องตกตะลึงและรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงนักอย่างแน่นอน แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกตื่นเต้นมากเป็นอย่างยิ่งอยู่ในตอนนี้
“รวย! ข้ากำลังรวยแล้ว!” เขาคิด คลืบคลานผ่านด้วงดำไปตัวแล้วตัวเล่า เมื่อเก็บรวบรวมต้นเถาวัลย์ประกายเซียนได้บางส่วนแล้ว ก็มองไปเห็นหญ้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ดวงตาต้องสาดประกายเจิดจ้าขึ้น เขารีบคลานตรงไป
เมิ่งฮ่าวกระทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จัดการเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรที่แตกต่างกันเจ็ดถึงแปดต้น แสงในดวงตาของเขาเริ่มเจิดจ้ามากขึ้นไปเรื่อยๆ ในช่วงหนึ่งเขาได้หมุนตัวไปรอบๆ และสังเกตเห็นต้นสีม่วงเล็กๆ อยู่ห่างออกไปไม่กี่สิบจ้าง
“ต้นสายฟ้าม่วง!” เมิ่งฮ่าวคิด เลียริมฝีปาก เขากำลังจะเริ่มคืบคลานตรงไป แต่ทันใดนั้นเอง หนึ่งในด้วงดำที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นได้มองมายังเขาด้วยสายตาที่เย็นชา ราวกับว่ามันกำลังลังเลใจเกี่ยวกับบางสิ่งบางอย่างอยู่
เมิ่งฮ่าวนิ่งแข็งไปด้วยความกังวล เขารู้ว่าแค่ด้วงดำตัวนั้นร้องออกมา ก็จะไปปลุกระดมให้ด้วงดำตัวอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณทั้งหมดตกอยู่ในความบ้าคลั่งขึ้นในทันที
เพื่อป้องกันไม่ให้มันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนกเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวจึงแสร้งทำเป็นมีความดุร้ายและน่ากลัวกว่าพวกมัน เขาได้แผดร้องข่มขู่ไปยังพวกมัน ราวกับว่าเขากำลังจะเข้าไปโจมตีพวกมัน
ในตอนนี้ด้วงดำตัวที่อยู่เบื้องหน้าเขากำลังสั่นสะท้านไปทั้งร่างราวกับมีโทสะขึ้นมา สีหน้ามันเริ่มดุร้ายอย่างถึงที่สุดขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวจ้องมองกลับไป ก้าวเดินไปข้างหน้าสองสามก้าวเพื่อข่มขู่และแผดร้องออกมา
ไม่นานต่อมา ด้วงสีดำตัวนั้นก็ถอยไปทางด้านหลัง สร้างเป็นที่ว่างให้เมิ่งฮ่าวคลานผ่านไป เขาค่อยๆ เดินผ่านด้วงตัวนั้นไปด้วยจิตใจที่เต้นรัว จากนั้นก็รีบตรงไปยังต้นไม้สีม่วงเล็กๆ นั้น แสงระยิบระยับปกคลุมอยู่รอบๆ ต้นไม้นั้นในทันที และจากนั้นมันก็หายสาบสูญไป
การหายไปของต้นไม้นี้เห็นได้ชัดว่าทำให้เกิดความไม่สมดุลบางอย่างขึ้น ดังนั้นในที่สุดกลุ่มด้วงสีดำก็สังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งกำลังเกิดขึ้นอยู่ ดินแดนต้นสมุนไพรทั้งหมดสั่นสะท้านขึ้น ขณะที่ด้วงดำตัวแล้วตัวเล่าบินขึ้นไปในอากาศ มีท่าทางกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง พวกมันหมุนวนเป็นวงกลมอยู่ห่างจากพื้นไม่มากนัก ทำการค้นหาไปทั่วบริเวณนั้นอย่างไม่ลดละ
เมิ่งฮ่าวก็บินขึ้นไปในอากาศด้วยเช่นกัน แสร้งทำเป็นว่าเขากำลังค้นหาอะไรบางอย่างอยู่
ตัวด้วงเริ่มบินขึ้นไปในอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หนังศีรษะเมิ่งฮ่าวเริ่มด้านชา เขารู้ว่าถ้าตัวด้วงเหล่านี้ทำการค้นหาไปอย่างต่อเนื่อง พวกมันก็จะพบเห็นเขาได้ในที่สุด ทำให้จิตใจเริ่มเต้นรัว แต่ทันใดนั้นเอง ที่ด้านหน้าขึ้นไปในความว่างเปล่า เขามองเห็นหนึ่งในตำแหน่งที่เขาได้โยนหินปราณเซียนทิ้งไว้ เขาจึงรีบคลายผนึกหินก้อนนั้นและกลิ่นอายของมันออกอย่างฉับพลัน
ในทันทีที่กลิ่นอายได้กระจายออกมา เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ตัวด้วงสีดำที่อยู่รอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าวเริ่มบ้าคลั่งขึ้น ดวงตากลายเป็นสีแดงเข้ม พวกมันหันหน้าออกไปที่ด้านนอกของดินแดนต้นสมุนไพร และพุ่งตรงไปในทันที โดยมีเมิ่งฮ่าวติดตามไปอยู่ทางด้านหลัง
อีกครั้งที่เศษซากปรักหักพังเหล่านั้นถูกทำลายและกัดกินลงไป ด้วงสีดำอีกตัวได้กลืนกินหินปราณเซียนเข้าไป และดวงตาปีศาจก็ปรากฏขึ้นอยู่บนหลังของมัน จากนั้นตัวด้วงสีดำทั้งหมดได้กลับไปยังดินแดนต้นสมุนไพร อีกครั้งที่เมิ่งฮ่าวเริ่มคืบคลานไปมา ทำการเก็บรวบรวมต้นสมุนไพร
เมื่อไหร่ที่ถูกตัวด้วงสีดำตรวจพบ เมิ่งฮ่าวก็จะคลายผนึกหินปราณเซียนไปหนึ่งก้อน กระทำเช่นนี้จนเวลาผ่านไปสองสามวัน เมิ่งฮ่าวก็เริ่มจะคุ้นเคยกับกิจวัตรประจำวันเช่นนี้ และเขาก็ได้เก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรไปมากกว่าเจ็ดสิบชนิดแล้ว
หลังจากที่ฝึกฝนเสียงแผดร้องมาเป็นเวลานาน ทำให้ตอนนี้เขาร้องได้แทบจะเหมือนกับตัวด้วงสีดำเป็นอย่างยิ่ง
“ครั้งนี้ข้าได้ลาภก้อนใหญ่แล้ว!” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดด้วยความตื่นเต้น ขณะที่คืบคลานตรงไปยังดอกวิญญาณเต่า
ทันใดนั้นตัวด้วงสีดำที่อยู่รอบๆ ตัวเขาทั้งหมดก็เริ่มปั่นป่วนขึ้นด้วยความตื่นเต้น และยังได้แผดร้องออกมาอีกด้วย พวกมันเริ่มเงยหน้าขึ้นและมองออกไปในท้องฟ้าด้วยสายตาที่เย็นชา
เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกใจ โดยไม่ต้องขบคิดใดๆ เขาส่งเสียงแผดร้องร่วมกับตัวด้วงเหล่านั้น ในทันทีที่เขามองเห็นสิ่งที่พวกมันกำลังมองไป ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้นด้วยความตกตะลึง ที่ห่างไกลออกไป ความว่างเปล่าที่เคยเงียบสงบก่อนหน้านี้ กลับถูกรบกวนด้วยระลอกคลื่นอยู่ในตอนนี้
ระลอกคลื่นนั้นได้กระจายออกมา คล้ายกับเป็นคลื่นบนพื้นผิวของสระน้ำ และในท่ามกลางคลื่นเหล่านั้นมองเห็นเป็นเงาร่างร่างหนึ่ง กำลังพุ่งผ่านความว่างเปล่ามา ราวกับว่า…เพียงแค่เดินอยู่!
เงาร่างนั้นเป็นหญิงสาวที่สวมใส่ชุดยาวสีชมพู มีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม ถึงแม้ว่าจะดูไม่เย็นชามากนัก แต่ก็มีความเก่าแก่โบราณอยู่เล็กน้อย นางถือโคมไฟอยู่ในมือ กระจายแสงออกไปอยู่รอบๆ ร่างนาง ขณะที่เดินตรงมา
ดูเหมือนว่านางจะมีความระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ในทันทีที่มาถึง นางก็มองไปรอบๆ เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลใดๆ อยู่ในบริเวณนี้ ก่อนที่นางจะรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แทบจะในทันทีที่หญิงสาวนางนั้นปรากฏกายขึ้น กลุ่มด้วงสีดำพร้อมกับเมิ่งฮ่าว ส่งเสียงแผดร้องและบินตรงไปยังนางด้วยความก้าวร้าว
อย่างไรก็ตาม ในทันทีที่กลุ่มตัวด้วงสีดำได้เข้าไปใกล้ นางก็ยกโคมไฟขึ้นสูงเหนือศีรษะ และจากนั้นก็เปิดที่ด้านข้างของโคมไฟออก เผยให้เห็นเป็นเชิงเทียนที่อยู่ภายใน ที่อยู่บนเชิงเทียนเป็นกิ่งไม้สีขาวขนาดเล็ก ซึ่งในตอนนี้กำลังลุกไหม้อยู่ และกระจายเป็นแสงไฟอันเจิดจ้าออกมา หญิงสาวนางนั้นไม่ได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย นางกรีดปลายนิ้วไปด้วยความรวดเร็ว และหยดโลหิตลงไปบนเปลวไฟนั้น
เมื่อโลหิตไปกระทบกับเปลวไฟ ก็กลายเป็นกลุ่มหมอกควัน กระจายตรงไปยังกลุ่มตัวด้วงสีดำที่ใกล้เข้ามา ในชั่วพริบตา กลุ่มควันเหล่านั้นก็ปกคลุมไปรอบๆ ตัวด้วงทั้งหมด รวมทั้งเมิ่งฮ่าวด้วย
ทันใดนั้น ตัวด้วงที่อยู่รอบๆ เมิ่งฮ่าวก็หยุดชะงักนิ่ง ดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในความมึนงง เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างขึ้นด้วยความตกตะลึง จนกระทั่งตระหนักได้ว่ากลุ่มควันนั้นไม่มีผลกระทบต่อตัวเองแม้แต่น้อย
ถึงแม้ว่ากลุ่มควันเหล่านั้นจะกระจายออกไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง แต่แสงนั้นก็เริ่มมืดสลัวลงไป หลังจากที่คิดคำนวณอยู่ชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็มั่นใจว่ามันคงจะอยู่ได้อีกไม่เกินชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอกเท่านั้น
ต่อมาเมิ่งฮ่าวก็เห็นว่าหญิงสาวเยาว์วัยในชุดสีชมพู มีท่าทางพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่นางพุ่งลงไปยังดินแดนต้นสมุนไพรที่ด้านล่าง นางลงไปยืนอยู่บนพื้นดิน ทำให้กลุ่มควันกระจายออกมายังทุกแห่งหนที่นางเดินไป และทำให้ตัวด้วงสีดำที่บินขึ้นมาต้องหมดสติตกลงไป นางเดินไปเรื่อยๆ ด้วยความระมัดระวังตัว และเริ่มทำการเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพร
“มาขโมยการค้าของข้า?”
เมิ่งฮ่าวคิด และมีโทสะขึ้นในทันที มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดในชีวิตก็คือ เมื่อมีคนมาขโมยการค้าไปจากเขา ก่อนหน้านี้เขารู้สึกหวาดกลัวที่จะเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรในบริเวณนี้ เขาได้ใช้หินปราณเซียนไปมากกว่าสิบก้อน และยังได้ใช้เวลาอยู่หลายวัน เพื่อแสร้งทำเป็นตัวด้วง และในที่สุดด้วยความพยายามเหล่านั้น ก็ทำให้เขาสามารถจะเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรไปได้เจ็ดสิบชนิด แต่หญิงสาวนางนี้ใช้เพียงแค่โคมไฟ ก็สามารถจะเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรไปสิบต้นได้ในช่วงเวลาสั้นๆ! จึงเป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวไม่อาจจะยอมรับได้
“ข้าเกลียดพวกฉ้อโกง! หญิงสาวนางนี้เป็นพวกฉ้อโกง!” เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่นด้วยโทสะ ขณะที่มองไปยังหญิงสาวที่ทำการเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดนางก็พุ่งตรงไป กลุ่มควันที่ถูกใช้มาเพื่อทำให้กลุ่มตัวด้วงสีดำตกอยู่ในสภาวะมึนงง ไม่มีผลกระทบต่อเขาแม้แต่น้อยนิด
ในทันทีที่เขาบินออกไป หญิงสาวเยาว์วัยก็หันหน้ามองมา และอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
ขณะที่นางมองมา เมิ่งฮ่าวก็แผดเสียงร้องของตัวด้วงสีดำออกมาอย่างดีที่สุด เท่าที่เขาจะสามารถลอกเลียนแบบออกมาได้ ทำให้กลายเป็นเสียงที่…ลอกเลียนแบบได้อย่างสมบูรณ์มากที่สุด