บทที่ 409 ปล่อยให้ข้าจัดการเอง! (ต้น)
……
วาจาที่โต้ตอบมาของชายวัยกลางคน ทำให้สตรีสูงวัยซึ่งยืนอยู่ข้างหลังทัวป้าเหยียนสีหน้าหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัด……
……
นางไม่คิดว่าคนพวกนี้ไม่ให้เกียรติแม้กระทั่งเยี่ยฉวน!……
..
ในแผ่นดินชิง เยี่ยฉวนถือว่าเป็นคนมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดคนหนึ่ง นอกจากอาณาจักรต้าอวิ๋น สถานศึกษาฉางหลานได้รับการกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินชิง!
ซึ่งนอกจากสถานศึกษาฉางหลาน ความกล้าแกร่งของเยี่ยฉวนก็จัดว่าน่าเกรงขามมากไม่น้อยเช่นกัน กล่าวกันว่าเยี่ยฉวนเป็นคนที่มายับยั้งคำพูดที่ว่านี้ในแผ่นดินชิงเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม นางไม่เคยคิดว่าคนพวกนี้จะพูดจาไม่ให้เกียรติเขาเช่นนี้!
“เยี่ยฉวนงั้นหรือ?”
จากนั้นชายชราสวมผ้าคลุมแดงที่ยืนข้างชายวัยกลางคน นิ่วหน้าเล็กน้อยขณะทำท่าครุ่นคิด
อีกฝ่ายหันมามองหน้าคนชราสวมผ้าคลุมแดงพลันถามว่า “เจียงเหยี่ย เจ้ารู้จักคนผู้นี้ไหม?”
ชายชราผู้มีนามว่าเจียงเหยี่ยส่ายหน้าน้อยๆ “ไม่รู้จัก แต่เคยได้ยินว่าคนผู้นี้มีความขัดแย้งกับสถานศึกษาฉางมู่และพวกคนของดินแดนอันธการ ได้ยินว่าฉางมู่ส่งคนขั้นแข็งแกร่งเข้าแผ่นดินชิงหลายต่อหลายคน ส่วนผลที่ได้จะเป็นอย่างไร ข้าสุดที่จะรู้ได้”
ผลที่ได้!
เรื่องที่เกิดขึ้นกับสถานศึกษาฉางมู่เพียงแพร่สะพัดอยู่ภายในแผ่นดินชิงเท่านั้น หาได้แพร่งพรายไปถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ใจกลางแผ่นดินใหญ่ไม่! เพราะเรื่องนี้จะถูกขัดขวางโดยคนของผู้ตรวจการเขตแดน สองผู้ตรวจการเขตแดนแห่งสำนักผู้ตรวจการเขตแดนถูกสังหาร ไม่ต้องแปลกใจว่าสำนักจะรู้สึกอับอายมากขนาดไหน พวกเขาปล่อยให้เรื่องนี้ออกไปถึงหูของบุคคลภายนอกไม่ได้ ด้วยจะทำให้ความเคารพเลื่อมใสที่มีลดลง!
แต่ไหนแต่ไรมา สำนักผู้ตรวจการเขตแดนไม่เคยถูกทำให้ขัดเคือง!
ทุกวันนี้ถ้าคนอื่นรู้ว่าคนของสำนักผู้ตรวจการเขตแดนสองคนถูกฆ่าตาย ความเชื่อมั่นศรัทธาในการได้รับความดูแลคุ้มครองจากสำนักแห่งนี้ในใจของผู้คนต้องลดน้อยถอยลงแน่!
เพราะฉะนั้นสำนักผู้ตรวจการเขตแดนจึงพยายามยับยั้งข่าวสาร ยกเว้นกลุ่มมหาอำนาจบางกลุ่ม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สถานศึกษาฉางมู่จึงมีน้อยคนที่จะล่วงรู้
ชายวัยกลางคนแต่งหน้าพอกหนาเตอะแสยะยิ้มทันที “เจียงเหยี่ยเจ้าไม่ต้องเป็นห่วง ในแผ่นดินชิงแห่งนี้ยกเว้นอาณาจักรต้าอวิ๋น กลุ่มอำนาจอื่นเป็นพวกขี้ปะติ๋ว เมื่อไม่มีผู้ตรวจการเขตแดน กลุ่มอำนาจเหล่านั้นจึงไม่ต่างอะไรกับมดปลวกในสายตาของข้า!”
เจียงเหยี่ยพยักหน้า “ถูก”
เขามองไปทางทัวป้าเหยียนที่ไม่ไกลนัก สีหน้าเคลือบรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ “เรือนร่างของนางที่อยู่ภายในนั้นเย้ายวนนัก เป็นความเย้ายวนกระตุ้นอารมณ์ที่หาไม่ได้ง่ายๆ จึงไม่สมควรพลาดอย่างยิ่ง นอกจากนั้นแคว้นหนิงก็แข็งแกร่งไม่น้อย ภายหลังที่พวกเราจับตัวนางไปแล้ว ทรัพย์สมบัติของแคว้นหนิงและรอบๆ แคว้นจะตกเป็นของข้า ข้าจะได้ครอบครองทั้งคนงามและทรัพย์สมบัติ ฮ่าฮ่า.”
คนแต่งหน้าพอกหนายิ้มกว้าง “ข้าก็ไม่เคยคิดฝันว่าการมาแผ่นดินชิงครั้งนี้ ข้าจะได้เป็นฮ่องเต้ของแคว้นเล็กๆ ในแผ่นดินชิง ฮ่ะฮ่ะ.”
ทันทีที่พูดจบคนได้ก้าวออกไปข้างหน้า พลันเกิดแรงปะทะประหลาดพุ่งเข้าพัดกวาดคนในที่นั้นทั้งทัวป้าเหยียนรวมทั้งคนอื่นๆ
ทันใดนั้นชายชราและสตรีสูงวัยสองคนทางด้านหลังฮ่องเต้สตรีก้าวออกมาข้างหน้า พร้อมกับที่สตรีสูงวัยผลักฝ่ามือขึ้นข้างบน
เปรี้ยง!
ฉับพลันพลังปะทะของชายวัยกลางคนแต่งหน้าพอกหนาที่ปล่อยออก ค่อยๆ น้อยถอยลงกระทั่งเลือนหาย
ชายวัยกลางคนเบนสายตามาจับจ้องหญิงสูงวัยอีกฝ่าย พลางยิ้มเยาะมุมปาก “น่าสนใจนี่”
ว่าแล้วคนพูดเหลือบมองไปยังชายชราสองคนที่ยืนถัดไป “ในเมื่อพวกเจ้าทั้งสองอุตส่าห์มาทั้งที ออกแรงสักหน่อยก็แล้วกัน ข้ายกให้พวกเจ้าทั้งสองจัดการสองคนนั้น ว่าอย่างไร?”
สองชายชราสบตากันแวบหนึ่งก่อนพยักหน้าพร้อมกัน “ตกลง!”
หลังจากนั้นทั้งสองจึงทะยานออกไปอย่างรวดเร็ว พุ่งเข้าหาชายชราและสตรีสูงวัยคนที่ยืนข้างหลังทัวป้าเหยียน
เสียงของสตรีสูงวัยจากข้างหลังพูดรัวเร็วกับฮ่องเต้สตรี “ดูแลพระองค์ด้วยเพคะ ฝ่าบาท!”
จากนั้นร่างของนางและชายชราทั้งสองบังเกิดความสั่นน้อยๆ และกลายเป็นลางเลือนปานภูตผี ต่อมาบนท้องฟ้าเวิ้งว้างว่างเปล่าจึงปรากฏคนแข็งแกร่งขั้นผสานเทพสี่คนต่อสู้ขับเคี่ยวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
พื้นดินข้างล่าง ชายวัยกลางคนซึ่งแต่งหน้าหนาและคนชื่อเจียงเหยี่ยกำลังย่างสามขุมเข้าหาทัวป้าเหยียน
กลุ่มทหารอารักขาที่ปักหลักอยู่เบื้องหน้าฮ่องเต้สตรีไม่มีใครถอยหลังแม้แต่คนเดียว ถึงแม้รู้ดีว่าไม่มีทางรับมือชายชราและชายวัยกลางคนได้ก็ตามที!
ด้วยคนทางด้านหลังคือฮ่องเต้สตรีแห่งแคว้นหนิง คนซึ่งพวกเขาต่างเดิมพันด้วยความจงรักภักดี!
ทัวป้าเหยียนมองตรงสีหน้าไม่ส่อแสดงอารมณ์ ในชายแขนเสื้อกว้างที่สวมใส่มือของนางกำแผ่นเครื่องรางสองชิ้นซึ่งเริ่มแผ่รังสีความร้อนออกมาทีละน้อย
เครื่องรางอัคคีผลาญโลกันต์!
สิ่งล้ำค่าชนิดนี้คุณสมบัติเทียบเท่าศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นสวรรค์ แต่ใช้งานได้เพียงครั้งเดียว ถึงแม้จะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง ทว่าพลังทำลายนั้นไม่ด้อยเลย หากใช้ได้ถูกที่ถูกเวลา แม้คนที่มีขั้นพลังแข็งแกร่งระดับผนึกยุทธ์ก็ยังถูกทำลายไม่มีเหลือ!
แน่ชัดว่านางเองก็ไม่รอดชีวิต หรือก็คือนางไม่ปรารถนาจะรอดชีวิต!
ด้วยรู้แก่ใจดีว่าการมีชีวิตอยู่นั้นเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าตาย!
คนแต่งหน้าหนาเตอะเดินใกล้เข้ามาทุกทีๆ พลางจ้องมองเขม็งมายังสตรีฮ่องเต้ แววตาเต็มไปด้วยความหิวกะหาย
ทัวป้าเหยียนพยายามรวบรวมพลังชี่ในกาย ขณะที่เครื่องรางอัคคีผลาญโลกันต์ในมือเกิดความสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ บ่งชัดว่าพร้อมแล้วที่จะระเบิด พลันนั้นเองปรากฏแสงกระบี่หนึ่งพุ่งวาบลงมาจากท้องฟ้าเบื้องบน
จากนั้นทุกสายตาที่อยู่ในลานโล่ง ต่างแหงนเงยมองขึ้นไปบนท้องฟ้าเป็นตาเดียว!
ฮ่องเต้ทัวป้าเหยียนก็เงยหน้าขึ้นไปมองด้วยเช่นกัน
แสงกระบี่พุ่งมาด้วยความเร็วสุดขีด ประดุจดาวตกกำลังพุ่งตกลงมาบนพื้นโลกอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นสีหน้าของคนแต่งหน้าพอกหนาซึ่งขณะยืนประจันหน้ากับทัวป้าเหยียนแปรเปลี่ยนไปทันที ด้วยประจักษ์แก่สายตาว่าเป้าหมายของแสงกระบี่แท้ที่จริงกลับกลายเป็นตนนั่นเอง!
พลันประกายสายตาเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบก่อนจะผลักออกฝ่ามือขวาขึ้นไป ชั่วแวบหนึ่งเส้นสายยาวยืดสีชมพูพุ่งขึ้นไปในอากาศปะทะกับแสงกระบี่เข้าอย่างจัง
กระบี่ซึ่งกำลังทะยานพลันชะงักหยุดนิ่งอยู่กับที่ ลอยคว้างอยู่กลางอากาศ
เส้นสายสีชมพูสกัดแสงกระบี่ทว่าขณะต่อมา แสงกระบี่พลันบังเกิดการสั่นอย่างหนักหน่วงรุนแรง!
เปรี้ยง!
เส้นสายสีชมพูสะบัดกลับตีลงมาที่ชายวัยกลางคนแต่งหน้าพอกหนาอย่างแรง กับเป็นจังหวะเดียวกันกับที่กระบี่ทะยานมาตรงเหนือศีรษะของคนผู้นั้น!!!



