บทที่ 410 ปล่อยให้ข้าจัดการเอง! (ปลาย)
……
ชายวัยกลางคนหรี่ตามอง ตอนนี้เขาไม่เลือกออกพลังต้านทาน ทว่าถอยฉากหลบวาบและทะยานย้อนกลับจนทิ้งระยะห่างไปหลายจั้ง……
……
ขณะที่อีกฝ่ายถอยห่าง ที่เบื้องหน้าทัวป้าเหยียนปรากฏร่างของชายหนุ่มผู้หนึ่ง!……
..
เขาคือเยี่ยฉวน
คนที่ตามเยี่ยฉวนเข้ามาติดๆ ทั่วปาเซียวเหยาได้กวาดตามองคนรอบข้างด้วยสายตาระแวดระวัง
เยี่ยฉวนยกกระบี่ชี้หน้าชายวัยกลางคนซึ่งถอยกลับไปไม่ไกลนัก “คอยอยู่ตรงนั้นเดี๋ยว ข้าจะกลับไปเด็ดหัวเจ้าเอง!”
จากนั้นคนพูดก็รีบหันกลับมาทางทัวป้าเหยียนผู้ที่กำลังมองตรงมาพอดี
เยี่ยฉวนเปิดเผยรอยยิ้ม “ไม่แปลกใจเลยหรือ? ไม่นึกละสิ?”
สตรีไม่พูดตอบโต้ ทว่าเครื่องรางอัคคีผลาญโลกันต์ที่ซุกซ่อนไว้ในแขนเสื้อหยุดสั่นลงแล้วอย่างสิ้นเชิง
เยี่ยฉวนอ้าแขนโอบหญิงสาวไว้ทั้งร่าง “ปล่อยให้ข้าจัดการพวกมันเอง!”
ทันทีที่พูดจบ เขาหันขวับเดินตรงไปยังคนแต่งหน้าพอกหนาซึ่งยืนไม่ห่างไปมากนัก
หญิงสาวลอบมองทางด้านหลังของคนที่กำลังเดินห่างออกไป หากมิได้เอ่ยคำ
ขณะต่อมาทั่วปาเซียวเหยาก้าวออกมาเผชิญหน้ากับทัวป้าเหยียน พลางมองสตรีฮ่องเต้ด้วยสายตาสำรวจ “เจ้ามีชื่อสกุลทัวป้างั้นหรือ?” ทัวป้าเหยียนละสายตามามองทั่วปาเซียวเหมา จากนั้นจึงพยักหนาแทนคำตอบ
เด็กสาวยิ้มกว้าง “เหตุบังเอิญจัง! ข้าก็มีชื่อสกุลทั่วปา!”
หญิงสาวได้แต่นิ่งเงียบ
ในที่ไม่ไกลกันนั้นเยี่ยฉวนกำลังตรงเข้าหาชายแต่งหน้าพอกหนา กระบี่หลิงซิ่วกระชับอยู่ในอุ้งมือ ซึ่งในขณะนี้กระบี่หลิงซิ่วได้บรรลุเป็นกระบี่แท้จริงขั้นกลางแล้ว!
หลังจากสูบกลืนเอากระบี่ทั้งแปดเข้าสู่ร่างกาย เยี่ยฉวนก็ยังไม่บรรลุขั้นผสานเทพ ดังนั้นเขาจึงไปขอให้จ้าวหอชั้นหกช่วยจัดหากระบี่แท้จริงและกระบี่ประกายแสงขั้นสูงอีกสามเล่ม ซึ่งเขาต้องเสียคัมภีร์พลังปราณขั้นสวรรค์ถึงสองคัมภีร์แลกกับกระบี่ทั้งสี่เล่ม
คัมภีร์ทักษะยุทธ์ขั้นสวรรค์ถึงสองคัมภีร์ ว่ากันตามจริงชายหนุ่มเองรู้สึกเสียดายและลังเลใจไม่น้อย
ทว่าเขาไม่มีทางเลือกที่ดีกว่า จึงจำใจยอมแลก! เยี่ยฉวนต้องบรรลุขั้นผสานเทพ ซึ่งเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาประสบความสำเร็จได้รับชัยชนะเหนือคนกล้าแกร่งในขั้นผนึกยุทธ์พวกนี้!!
ฉะนั้นเมื่อเขาสูบกลืนกระบี่ประกายแสงขั้นสูงสิบเอ็ดและกระบี่แท้จริงหนึ่งเล่ม เยี่ยฉวนได้บรรลุผสานเทพสมใจ นอกจากนั้นยังทำให้กระบี่ของเขาพัฒนาเป็นกระบี่แท้จริงขั้นกลางด้วย!
ภายหลังจากสำเร็จขั้นผสายเทพเป็นที่เรียบร้อย เขาจะต้องหาคู่ฝึกฝนเพื่อค้นหาช่องว่างระหว่างตนและพลังขั้นผสานเทพ
คนที่ยืนอยู่ตรงข้าม ชายแต่งหน้าพอกหนาหรี่ตามองเยี่ยฉวนด้วยความระแวงระวัง “จ้าวกระบี่สินะ! เจ้า……”
ฉับพลันต่อมาชายหนุ่มกระโจนพรวดพร้อมพุ่งกระบี่หลิงซิ่วเข้าหา ชั่วเสี้ยววินาทีขณะที่เหลือบมองพลันลำแสงกระบี่พุ่งวาบตรงเข้าหาหว่างคิ้ว
กระบี่ทะยานด้วยความเร็วเหลือล้ำสุดพรรณนา แม้แต่ชายวัยกลางคนซึ่งพลังผนึกยุทธ์ยังสีหน้าเผือดวูบ เมื่อได้สัมผัสทั้งความเร็วและพลังอำนาจรุนแรงของกระบี่
เขาจัดการเผยฝ่ามือผลักออกทั้งสองข้าง พลันเส้นสายสีชมพูจำนวนมากมายพุ่งวาบออกจากใจกลางฝ่ามือทั้งสองนั้น เส้นสายชมพูทะยานเข้ารัดกระบี่ในมือของเยี่ยฉวนพันไว้จนแน่นหนา จนกระทั่งกระบี่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ต่อไป
ขณะนั้นเยี่ยฉวนตัดสินใจปล่อยหมัดพุ่งกระแทกออกไปตรงๆ หมายฟาดเข้าตรงศีรษะของชายวัยกลางคน
บัดนี้แววตาของคนตรงข้ามส่งประกายตาน่ากลัว เขาไม่หลบหลีกแต่กลับกำหมัดข้างซ้ายและส่งออกต้านทานแรงปะทะจากหมัดตรงของเยี่ยฉวนทันที
ตู้ม!
สองหมัดทรงพลังปะทะซึ่งกันและกัน เสียงระเบิดกัมปนาทสั่นสะเทือนก่อนที่ร่างของเยี่ยฉวนจะร่วงหล่น ถึงกระนั้น ครู่ต่อมาเมื่อเยี่ยฉวนทะยานออกมือขวาได้เอื้อมคว้าด้ามกระบี่หลิงซิ่ว ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่สะบัดผละออกจากเส้นสายสีชมพู
ที่รัดตรึงแน่นด้วยแรงผลักออกของชายวัยกลางคน ขณะที่ต่อมาเยี่ยฉวนผงะถอยหลังห่างไปทันทีนับหลายจั้ง!
ทันทีที่คนหยุดนิ่ง เยี่ยฉวนจึงกระแทกฝ่าเท้าลงบนพื้นดิน สร้างแรงระเบิดส่งร่างทะยานขึ้นสู่เบื้องบน!
เมื่อชายหนุ่มพุ่งเข้าหาชายวัยกลางคน กระบี่ในมือก็แผ่กระจายแรงผลักดันออกมาทันที
และเมื่อเขาทะยานมาอยู่เผชิญหน้ากับชายวัยกลางแล้ว เขาพลันฉวยกระชับด้ามกระบี่จากนั้นจึงฟาดฟันในทิศทางจากบนลงล่าง
หนึ่งกระบี่ชี้ชะตา!
ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่แรงผลักดันภายในกระบี่กำลังพุ่งทะยานเพิ่มขึ้นรวดเร็ว!
ยามนี้พลังกระบี่เหนือกว่าผนึกยุทธ์และแตะถึงขั้นควบยุทธ์สะท้านภพ!
คนตรงหน้าสังเกตเห็นกระบี่ของเยี่ยฉวน สีหน้าของชายวัยกลางคนแสดงถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน ด้วยได้ประจักษ์ถึงพลังอันมหาศาลของกระบี่ซึ่งเกินกว่าที่ตนคาดคิดมากมาย!
ซ้ำมิใช่พลังชนิดที่ผู้ฝึกกระบี่ขั้นผสานเทพคนไหนจะสำแดงได้!
หากเขาไม่กล้าปล่อยความคิดเนิ่นนานจึงผงะถอยหลังไปครึ่งก้าว ขณะต่อมานั้นเองกองทัพเส้นสีชมพูพุ่งออกจากกายคนและหอบกระแสลมสีชมพูตรงเข้าท่วมกระบี่ของเยี่ยฉวนกระทั่งมิดเม้ม
ทุกสิ่งเงียบงัน
ตู้ม!
สิ้นเสียงระเบิดเส้นสายสีชมพูพลันฉีกขาดกระจุยกระจาย ร่างคนของใครคนหนึ่งถอยร่นจนแทบไม่เป็นกระบวน
ชายวัยกลางคนนั่นเอง ร่างผงะถอยหลังไกลออกไปนับหลายจั้งแทบไม่มีทีท่าจะยั้งหยุด ซึ่งการที่ร่างคนครูดถากไปนั้น พื้นดินในบริเวณจึงระเบิดแยกแตกออกเป็นร่องรางทางยาว
ภาพที่ปรากฏทำให้หลายคนตกตะลึงงงงัน!
คนผสานเทพสามารถเอาชนะคนผนึกยุทธ์ได้หรือ?
หากมิได้เห็นกับตา คงยากที่จะเชื่อว่าเกิดขึ้นจริง!
ภายในลานดิน หลังจากที่เยี่ยฉวนใช้กระบี่ฟาดจนชายวัยกลางคนถอยร่นไป เขายังไม่หยุดรั้งรอ พลันกระบี่หลิงซิ่วในมือแปรเปลี่ยนเป็นแสงกระบี่และทะยานวาบเข้าสู่ฝักกระบี่ด้านหลังเยี่ยฉวนอย่างเงียบเชียบ ชายหนุ่มสะบัดมือชี้ไปที่ชายวัยกลางคนกลางอากาศ
ฉึก!
เพียงเหลือบมองเห็นเป็นแสงกระบี่วาบ ความเร็วที่สุดบรรยายแม้ชายชราเจียงเหยี่ยก็ไม่สามารถจับทิศทางการเคลื่อนไหวของกระบี่ได้
เมื่อกระบี่หลิงซิ่วโบยบิน ใบหน้าของชายวัยกลางคนที่อยู่ไม่ไกลนักแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง เขาจึงเพียงกำมือเข้าหากันจะออกต้านทาน ในทันทีนั้น……
ฉึก!
กระบี่พุ่งปักเข้าสู่ตรงกลางหว่างคิ้ว!
ทั่วทั้งบริเวณพลันเงียบกริบ
เยี่ยฉวนก้าวเท้าเดินตรงไปยังชายวัยกลางคนโดยสะพายฝักกระบี่ไว้ข้างหลัง คนตรงข้ามยังมีลมหายใจ ในขณะนั้นสายตาจ้องแน่วนิ่งมองตรงใบหน้าของชายหนุ่ม “เจ้ามัน……”
เขาไม่พูดจาส่งหมัดกระแทกเข้าที่ใบหน้าของชายวัยกลางคนทันที!
เปรี้ยง!
ชายวัยกลางคนไม่สามารถจบคำพูดประโยคนั้น ศีรษะคนระเบิดโลหิตกระจายเป็นฟองฝอย
เยี่ยฉวนเก็บกระลงฝักพลางพึมพำเสียงแผ่ว “ใครกล้าทำให้คนของข้าเจ็บ ข้าจะฆ่ามัน!”
จากนั้นจึงคว้าเอาวงแหวนสัมภาระของชายวัยกลางคน ก่อนจะหันหลังเดินจากไป
ทุกคนได้แต่มองดูสิ่งที่เขาทำด้วยความตื่นตะลึง



