บทที่ 1068 ครอบครัวที่ยอดเยี่ยมสุดยอดไปเลย
เผชิญหน้ากับศีรษะที่น่าหวากลัว สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวไม่มีกำลังรบต้านทานใดๆ ตลอดเส้นทางมานี้ถูกพันธนาการเดินทางมา พวกเขาคิดวิธีที่จะลองสลัดให้หลุดพ้นมากมาย
แต่ล้มเหลวทั้งสิ้น
ตอนนี้ถูกโยนลงมา สังเกตเห็นสีหน้าอีกฝ่าย เอ้อร์หนิวสูดลมหายใจลึก
“เอ่อ…มันกำลังให้พวกเราทำอาหารให้หรือ”
สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงเป้าหมายของศีรษะนี้เช่นกัน ทายว่าอีกฝ่ายน่าจะสังเกตเห็นวิธีที่ศิษย์พี่ใหญ่เรียกโครงกระดูก ทำให้มันไม่ต้องดูดดินโคลนขึ้นมาให้เปลืองแรงก็สามารถกินอาหารได้ในรวดเดียว
ดังนั้นจึงมีการลักพาตัวพวกเขา 2 คนก่อนหน้านี้
เหตุที่รวมเขามาด้วย คิดว่าคงเพราะในตอนที่ศิษย์พี่ใหญ่เรียกโครงกระดูก หมอกสีเทาบนมีดสลักชะตาวาสนาของตนก็คงส่งผลเช่นเดียวกัน
“คงจะเป็นแบบนี้กระมัง…”
สวี่ชิงมองเอ้อร์หนิวผาดหนึ่ง
ขณะเดียวกันนี้ ศีรษะที่อยู่บนท้องฟ้า เห็นพวกตนทั้ง 2 ที่เป็นบ่าวรับใช้กลับยังไม่เริ่มงาน ดังนั้นแรงดูดที่ส่งออกมาจากปากก็พลันแรงขึ้น อีกทั้งยังแผ่มาที่ร่างของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว คล้ายเป็นการเตือน
ภายใต้แรงดูดนี้ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวจิตใจสั่นสะท้าน ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น สวี่ชิงแผ่หมอกสีเทาบนมีดสลักชะตาวาสนาออกไป ส่วนเอ้อร์หนิวทางนั้นก็ทุ่มสุดแรงเกิด ร้องเรียกเสียงดัง “จงตื่นขึ้นเถิด!”
เสี้ยวขณะต่อมา สุสานแห่งนี้สั่นสะเทือน หลุมศพมหาศาลพังถล่ม ซากศพแต่ละซาก…แต่ละซาก ภายใต้การเรียกขานของทั้ง 2 คน ต่างคลานออกมา
จากนั้น ก็ลอยขึ้นฟ้าจากแรงดูด ศีรษะมหึมานั่นกลืนกินไม่หยุด
ภาพเหตุการณ์นี้หลังจากดำเนินไป 1 ก้านธูป ท่ามกลางการทำงานอย่างขยันขันแข็งของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว แรงดูดก็ค่อยๆ สลายไป สีหน้าของศีรษะมหึมาฉายแววพึงพอใจออกมา
เหมือนว่ามันไม่ได้กินอาหารที่สะอาดแบบนี้มานานมากแล้ว
ในเมื่อแต่ก่อนต้องกินดินเข้าไปมาก
แต่ตอนนี้มีคนปอกเปลือกให้
แต่เทียบกับความสบายอารมณ์ของมันแล้ว เอ้อร์หนิวทางนี้หน้าตาเคร่งเครียด สวี่ชิงก็ขมวดคิ้วไปเช่นกัน ประสบการณ์ที่เป็นฝ่ายเสียเปรียบเช่นนี้ทำให้พวกเขายากจะควบคุมทิศทางของสถานการณ์ได้
แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะคิดวิธีรับมืออะไรออก เสี้ยวขณะต่อมา แรงดูดก็เกิดขึ้นอีก ร่างของทั้ง 2 คนกลับมาอยู่ข้างศีรษะมหึมานั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้ หลังจากถูกพันธนาการใหม่อีกรอบ…
ศีรษะใหญ่นี้เคลื่อนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จากไปไกลจากภัตตาคารแห่งนี้ ครู่หนึ่ง ก็พาสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวข้ามผ่านระยะทางไกลมหาศาล
ในตอนที่มาปรากฏขึ้นก็เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยขุนเขา
ฟ้าดินยังคงมืดมิด สายฝนยังคงโปรยปราย และขุนเขาที่ว่านี้ สิ่งที่เห็นในรูม่านตาที่หดเล็กของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว…นั่นเป็นหลุมศพที่ใหญ่กว่าจำนวนมากมายมหาศาล
สถานที่ที่พวกเขาอยู่เมื่อก่อนหน้านี้ หลุมศพแม้จะกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา แต่ก็ล้วนแต่มีขนาดปกติ
แต่ที่นี่ บนหลุมศพขนาดใหญ่ที่ราวกับขุนเขาแต่ละหลุม…แต่ละหลุม เหล่านั้นยังมีหลุมศพเล็กๆ มากมาย จำนวนมากยิ่งกว่าก่อนหน้า
มาถึงที่นี่ ที่กลางอากาศ ศีรษะมหึมานั่นพลันอ้าปากกว้าง ไม่ได้แผ่แรงดูดออกไป แต่ส่งเสียงคำรามต่ำออกมา
เสียงคำรามเหมือนสายฟ้าฟาด ดังครืนครั่นแผ่ไปทั่วทุกสารทิศท่ามกลางม่านฝน
เสี้ยวขณะต่อมา ภาพที่ทำให้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวต้องยิ่งหวาดหวั่นครั่นคร้ามก็ปรากฏขึ้น
เห็นเพียงจากเสียงสะท้อนก้องของเสียงคำราม ที่สุดปลายสายตาไกลๆ เหมือนมีเสียงคำรามคล้ายกันดังแว่วสะท้อนมา อีกทั้งไม่ใช่เสียงเดียว แต่เป็นระลอกมาจากทั่วทุกสารทิศ
สุดท้าย…ศีรษะที่มีขนาดย่อมกว่าศีรษะนี้ที่พันธนาการพวกเขา 2 คนเอาไว้ ก็ใช้ความเร็วที่น่าตื่นตะลึงแหวกผ่านอากาศ พุ่งตรงมาที่นี่
มองไปแล้วนี่เหมือนจะเป็นตัวเมีย ระลอกคลื่นพลังที่แผ่ออกมาเป็นระดับเจ้าเหนือหัวเช่นเดียวกัน
ขณะเดียวกัน จากรอบๆ ทิศยังมีศีรษะที่ขนาดเล็กยิ่งกว่า 7-8 ศีรษะ ประดุจลูกเล็กๆ พุ่งมาอย่างรวดเร็ว
พวกมันอ่อนแอกว่ามาก เป็นแค่ระดับหวนสู่อนัตตาเท่านั้น
เห็นภาพเหล่านี้ ในใจสวี่ชิงเคร่งเครียด
เอ้อร์หนิวยิ่งในใจสั่นสะท้าน
“นี่เป็นครอบครัวหนึ่งอย่างนั้นหรือ”
นี่ก็เป็นครอบครัวหนึ่งจริงๆ
ตอนนี้รวมตัวอยู่ด้วยกัน พวกมันสังเกตเห็นพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คน ก็ต่างเข้าใกล้มา สายตาจับจ้องไป บ้างก็อ้าปากคล้ายว่าจะกลืนกิน
ตอนนี้ ศีรษะที่ใหญ่ที่สุดที่พาพวกสวี่ชิงทั้ง 2 คนมาที่นี่ส่งเสียงคำรามต่ำทุ้มออกมา
คล้ายจะบอกคู่ของตัวเองและลูกๆ
จากนั้น…ศีรษะตัวเมียและศีรษะเล็กๆ ทั้งหมด ดวงตาในเสี้ยวพริบตานี้ก็เปล่งประกายสุดขีด
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเห็นแล้วโล่งอก
แม้จะจนปัญญา แต่ภายใต้การกดดันจากครอบครัวนี้ก็จำต้องพยายามทุ่มเทหาอาหารให้พวกมันอยู่ดี
ส่วนร้านภัตตาคารก็คือพื้นที่สุสานขนาดใหญ่แห่งนี้
ภายใต้การเรียกขานของทั้ง 2 ซากศพมากมายปรากฏขึ้น ส่วนตัวตนในหลุมศพขนาดใหญ่ พวกเขาลองเรียกแล้วแต่ไม่เป็นผล
และครอบครัวนี้…ในตอนแรกเริ่มก็ต่างแผ่แรงดูดออกเป็นบริเวณกว้างกลืนกิน
สุดท้ายก็ยังมีดินโคลนจำนวนหนึ่งถูกสูดเข้าไป
แต่มาถึงภายหลัง พวกมันก็ลอยอยู่กลางอากาศเสียเลย ไม่ได้แผ่แรงดูดออกไปอยู่ทุกชั่วขณะ รอเมื่อซากศพคลานออกมาถึงจะเจ้าคำ ข้าคำ สูดซากศพพวกนั้นเข้าปาก
ระหว่างนี้ยังคำรามเสียงต่ำซึ่งกันและกัน เหมือนเวลากินข้าว ครอบครัวหนึ่งพูดคุยกันอย่างสนิทสนม
ทำเอาสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเห็นแล้วจิตใจอ่อนล้า
อย่างไรเสียการเรียกออกมาไม่หยุด สำหรับพวกเขาก็เป็นการผลาญพลังอย่างหนึ่งเหมือนกัน
เพียงแต่ กระเพาะของพวกมันใหญ่เหลือเกินนัก
“นี่กินภูเขาเข้าไปก็ตั้งหลายลูกแล้ว ทำไมยังไม่อิ่มอีก!”
เอ้อร์หนิวถอนหายใจในใจ ส่งสัญญาณสายตาให้สวี่ชิง
สวี่ชิงเข้าใจทันทีโดยไม่ต้องพูดอะไร ทั้ง 2 จึงร่วมกันหลอมหมอกสีเทาเข้าไปในสุสานขนาดใหญ่บนยอดเขา แม้ไม่อาจเรียกตัวตนที่หลับใหลอยู่ภายในออกมาได้โดยตรง แต่จากการสำรวจของพวกเขาเมื่อครู่ ก็เชื่อว่าจะต้องก่อให้เกิดเป็นแรงกระตุ้นได้ในระดับหนึ่ง
มีความเป็นไปได้ว่าจะตื่นขึ้นจากการกระตุ้นนี้
สำหรับตื่นขึ้นมาแล้วจะเป็นอย่างไร พวกเขา 2 คนก็ไม่สนใจอะไรให้มากแล้ว
ตอนนี้จากการลงมือสุดกำลัง สุสานนั่นระเบิดออก
แผ่นดินสะเทือนขุนเขาสั่นไหว มือยักษ์ข้างหนึ่งทะลวงออกมาจากหลุมศพขุนเขา
ทันทีที่มือใหญ่ข้างนี้ปรากฏขึ้น ศีรษะมหึมาบนท้องฟ้าดวงตาก็พลันเปล่งประกาย
สีหน้าของมันคล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่หัวเราะ คล้ายว่าเข้าใจความคิดของสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเป็นอย่างดี
สำหรับการปรากฏขึ้นของซากศพมหึมานี้ก็ไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย กลับเป็นคู่ของมันที่พุ่งออกไป ชนเข้าอย่างแรง
มือใหญ่สั่นสะเทือน คล้ายหวั่นเกรง เริ่มถอยกลับไป
ส่วนศีรษะ 2 ศีรษะนี้แผ่จิตมุ่งร้ายออกมา ไล่ตามชนไปที่ภูเขาลูกนั้น ทะลวงดินโคลน พุ่งเข้าไปข้างใน
เห็นเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็ไม่หยุดคิดให้เสียเวลา ทะยานไปอย่างเต็มกำลัง ฉวยโอกาสหนี หนีไปไกลในพริบตา
ศีรษะเล็กๆ เหล่านั้นคิดจะขัดขวาง แต่เห็นได้ชัดว่าด้านความเร็วสู้ 2 คนนี้ไม่ได้ ดังนั้นไม่นานนักสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวก็หายไปจากขอบฟ้า
พวกเขาในชั่วอึดใจเดียวหนีไป 1 ก้านธูปเต็มๆ อีกทั้งความเร็วไม่ลดลงแม้เพียงน้อยนิด แต่ละคนต่างไม่พูดไม่จา หนีเต็มกำลังต่อไป
แต่เสี้ยวขณะต่อมา ความกดดันอันคุ้นเคยก็พลันกดอัดลงมา
ศีรษะมหึมานั่นมาปรากฏข้างหน้าทั้ง 2 คนอีกครั้ง มันมองไปที่หลุมศพบนผืนดินก่อน จากนั้นก็มองไปทางพวกเขาทั้ง 2 คนเหมือนอย่างจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวฝีเท้าหยุดชะงัก หนังศีรษะชาวาบ
ขณะเดียวกัน ครอบครัวศีรษะก็พุ่งทะยานมาอย่างรวดเร็ว วนล้อมรอบๆ กายทั้ง 2 คน
ในยามความหวาดหวั่นพรั่นพรึง สวี่ชิงพลันเอ่ยอย่างจริงจังขึ้นมา “ซากศพที่นี่มีมากกว่าสักหน่อย”
เอ้อร์หนิวก็พยักหน้าอย่างรวดเร็ว เผยสีหน้าประจบประแจง
“ใช่แล้วๆ พวกเราไม่ได้หนี แต่มาสำรวจสถานที่ที่ซากศพมากกว่า ที่นี่ดีมากๆ”
พูดแล้วเขาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น รีบทำการเริ่มเรียกขานพร้อมกับสวี่ชิงที่นี่ทันที
เสี้ยวขณะต่อมา แผ่นดินส่งเสียงคำรามลั่น หลุมศพแต่ละหลุมๆ ถล่มยุบตัวลง มีซากศพจำนวนมหาศาลคลานออกมาเป็นอาหารจริงๆ ทำให้ครอบครัวนี้เหมือนคลายความโมโหลงไปเล็กน้อย
ส่วนสวี่ชิงและเอ้อร์หนิวในใจกลับเกิดความจนปัญญามากยิ่งกว่าเดิม ในช่วงเวลาสั้นๆ ไม่กล้ามีความคิดเป็นอื่นอีก ทำได้เพียงเรียกขานอย่างสุดกำลังที่นี่
แต่มีบางครั้งสิ่งที่จงใจทำให้ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญกลับไม่สัมฤทธิ์ผล ทว่ากลับการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจกลับนำพาเหตุการณ์ไม่คาดฝันมา
เหมือนอย่างเช่นตอนนี้ จากการเรียกขานของทั้ง 2 คน ซากศพปรากฏออกมาน้อยลงเรื่อยๆ ในตอนที่พวกเขาจะล้มเลิก เสียงคำรามต่ำเสียงหนึ่งก็พลันดังออกมาจากใต้ดิน
“ใครมารบกวนการฝึกบำเพ็ญของข้า!”
จากเสียงที่ดังขึ้น พื้นดินคำรามลั่น ดินนับไม่ถ้วนกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ คลื่นวนลูกมหึมาปรากฏขึ้น
ชายชราคนหนึ่งขมวดคิ้ว เดินออกมาจากคลื่นวนก้าวหนึ่งด้วยใบหน้าเย็นชา
ชายชราคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่มาจากเผ่าปีกมารฝั่งประจิม
และรัศมีอำนาจที่ก่อขึ้นมาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเหมือนกับหญิงชราที่ถูกบรรพจารย์ตระกูลอวิ๋นสังหาร ตัวตนที่แท้จริงคือระดับเจ้าเหนือหัว
อำนาจของเขาเกี่ยวกับความตาย ดังนั้นหลังจากที่เข้ามาในโลกแห่งสายฝนใบนี้ เมื่อสังเกตเห็นว่าที่นี่กลิ่นอายความตายเข้มข้นก็ดีใจเป็นอย่างยิ่ง
ที่นี่สำหรับเขาแล้วเป็นสถานที่ฝึกบำเพ็ญที่ดีที่สุด
ดังนั้นจึงเลือกสถานที่ใต้ดินแห่งหนึ่งนั่งขัดสมาธิ ดูดซับกลิ่นอายทั่วทุกสารทิศ
เมื่อครู่ดูดซับไป…ดูดซับไป ก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ นี่จึงเดินออกมาพร้อมความเย็นยะเยือก
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวเห็นเช่นนี้ สีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมาทันที
และในขณะที่เสียงของชายชราคนนี้ดังก้อง ฝีเท้าของตัวเองที่ขยับก็พลันหยุดชะงัก หน้าขาวซีดไปในทันที เขาเห็นสวี่ชิงและเอ้อร์หนิว จำตัวตนของพวกเขาได้แต่ไม่มีใจไปสนใจ เพราะเขามองเห็นศีรษะน่าหวาดกลัวกลุ่มนั้นที่ข้างหลังทั้ง 2 คน
ทุกอย่างนี้ทำให้หัวใจของเขาหล่นวูบ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ใต้ดินก็ไม่ได้รู้สึกถึงตัวตนน่าหวาดกลัวที่โลกภายนอกเหล่านี้ สังผัสได้ถึงพวกสวี่ชิง 2 คนเท่านั้น
ไม่เช่นนั้น เขาก็ไม่กล้าออกมาหรอก
แต่ตอนนี้…ในขณะเดียวกับที่หัวใจของเขาเต้นรัว อกสั่นขวัญหายอยู่นั้น ลมหายใจก็หอบถี่ขึ้นมา
เพราะครอบครัวศีรษะครอบครัวนั้น สายตาทั้งหมดล้วนจับจ้องมาบนร่างของเขา
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงดวงตาวาววาบ เขาพลันรู้สึกว่า สถานการณ์ตอนนี้เหมือนว่าจะไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดังนั้นจึงเงยหน้าขึ้น เอ่ยราบเรียบ “ใครกำลังเห่ากันนะ”
ชายชราเมื่อได้ยิน ในใจเดือดดาลนัก แค่ก็ทำได้เพียงสะกดกลั้นเอาไว้ จ้องศีรษะมหึมานั่นอย่างระมัดระวัง ลองถอยร่นไปข้างหลัง
“แล้วจะเห่าอะไรนักหนา” โอกาสนี้ เอ้อร์หนิวจะปล่อยไปได้อย่างไร มองไปยังเจ้าเหนือหัวที่อยู่ข้างล่างอย่างหยิ่งผยอง
ชายชราอัดอั้น ชั่วชีวิตนี้เขายังไม่เคยมีประสบการณ์ถูกเรียกแบบนี้ ตอนนี้ภายในใจเคี้ยวฟันกรอดด้วยความแค้น แต่กลับทำอะไรไม่ได้ และในตอนที่เขาลองถอยหลังต่อไปนี้เอง สวี่ชิงหรี่ตาลง พลันเอ่ยขึ้น “ทิ้งถุงเก็บของไว้!”
ชายชราสีหน้าเคร่งขรึม ขณะเดียวกัน พลังกดดันจากศีรษะนั่นก็พลันกดอัดลงมา
เผชิญหน้ากับแรงกดดันเช่นนี้ ชายชราในใจสั่นสะท้าน สะกดกลั้นความอัดอั้น เอาถุงเก็บของออกมา หลังจากวางไว้ข้างๆ ก็ถอยหลังไป
เอ้อร์หนิวเลียริมฝีปาก เอ่ยขึ้นทันที “ทิ้งกำไลไว้ ทิ้งปิ่นของเจ้าด้วย แล้วก็เข็มขัดก็เป็นของวิเศษเหมือนกัน”
“ใช่แล้ว ยังมีหยกประดับที่ห้อยอยู่ก็ทิ้งเอาไว้ด้วยเหมือนกัน”
“เสื้อคลุมก็ไม่เลว ถอดมา!”
ชายชราได้ยินก็โกรธเดือดดาล คำรามเสียงต่ำออกมา
แต่เสียงคำรามต่ำที่ดังยิ่งกว่าดังออกมาจากปากของศีรษะมหึมาที่อยู่ข้างหลังสวี่ชิง ส่งออกมาราวพลังกดดัน
ชายชราสั่นสะท้านไปทั้งร่างด้วยความอัดอั้น กัดฟันกรอด ถอดกำไลข้อมือ ปิ่น เข็มขัดและหยกประดับ ยังมีเสื้อคลุมอีกด้วย…ล้วนถอดออกทั้งหมด จากนั้นก็ถอยไปอย่างรวดเร็ว
ศีรษะมหึมากวาดตามองอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้ไล่ตามไป ส่วนของที่ทิ้งเอาไว้พวกนั้นก็ไม่ได้เอาไปด้วยเช่นกัน แต่หันกลับไปกินข้าวต่อ
สวี่ชิงและเอ้อร์หนิวในใจนึกเสียดายเล็กน้อย
แต่ว่าผลเก็บเกี่ยวก็มหาศาลนัก ต่างเก็บของเหล่านี้ลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากที่มองหน้ากัน ในใจก็เกิดความรู้สึกหนึ่งขึ้นมา
“ครอบครัวนี้เป็นคนดีใช้ได้เลยนะเนี่ย”
……
ขณะเดียวกัน ในโลกแห่งสายฝนที่โปรยปรายไปทั่วทั้งสุสาน ในส่วนลึกมีภูเขาน่าครั่นคร้ามสูงเสียดเมฆลูกหนึ่ง
ภูเขาลูกนี้ก็เป็นหลุมศพเช่นกัน
ในภูเขาเงียบสงัด มีเพียงจักรพรรดินีเท่านั้นที่เดินอยู่ในห้องฝังศพที่เป็นใจกลางของสุสานในภูเขาลูกนั้น
ซากร่างนับไม่ถ้วนรอบๆ นางกำลังกลายเป็นเถ้าธุลี โลงมหึมาที่อยู่ใจกลางก็เช่นกัน รวมถึงตัวตนน่าครั่นคร้ามที่ยังไม่ทันจะฟื้นตื่นร่างหนึ่งในโลง ก็จะหายไปตลอดกาลด้วย
จักรพรรดินีใบหน้าไร้อารมณ์ เดินไปจนสุดทางของวังสุสาน
ตรงนั้นมีประตูหินบานหนึ่ง
ยืนอยู่หน้าประตู สายตาของจักรพรรดินีเหมือนมองทะลุได้ มองเห็นข้างในนั้น
นั่นเป็นวังใต้ดินที่กว้างใหญ่ไพศาลยิ่งกว่าแห่งหนึ่ง
ในวังใต้ดินเต็มไปด้วยโครงกระดูกกลาดเกลื่อน กองกันนับไม่ถ้วนราวมหาสมุทร
รวมกันที่ใจกลางเป็นแท่นบูชาที่ก่อขึ้นจากกระดูกแท่นหนึ่ง
บนแท่นบูชามีซากร่างนั่งขัดสมาธิส่องประกายสีเงินร่างหนึ่ง
บนร่างตลบอวลไปด้วยกลิ่นอายเซียน แผ่พลังกดดันแห่งมหาจักรพรรดิ
น่าเสียดาย แตกดับไปแล้ว
รอบๆ มีตราประทับมรดกสีสันพราวพร่างมากมาย ในนั้นระลอกคลื่นพลังแข็งแกร่ง ในตราประทับทุกตราล้วนมีพลังวิเศษที่ไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกันก็ยังมีรอยเต๋ามากมายปรากฏรางเลือน รอยเต๋าเหล่านี้ล้วนแปรเปลี่ยนมาจากอำนาจ แฝงไว้ด้วยพลังน่าหวั่นเกรง ยิ่งมีของวิเศษมหาจักรพรรดิมากมาย ส่องประกายพราวพร่าง หลับใหลอยู่ที่นี่
ไม่ว่าชิ้นใด หากอยู่ที่โลกภายนอกล้วนมากพอให้ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือบ้าคลั่งทั้งนั้น
โดยเฉพาะในมือทั้ง 2 ของซากร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่มีผลึกหินสีดำก้อนหนึ่ง ในนั้นมีหมอกลอยวนเวียน ปรากฏเป็นใบหน้าของมหาจักรพรรดิปีกมารอยู่รางๆ !
ส่วนรอบๆ วังใต้ดินยังมีประตูหินที่ทั้งมีขนาดมหึมาทั้งปิดผนึกอยู่อีก 8 บาน เหมือนว่านี่เป็นทางเข้าที่ทอดตัวมาที่นี่ 8 ทาง
จักรพรรดินีตอนนี้ยืนอยู่ข้างหลังประตูหินบานหนึ่งในนั้น
องค์ท่านไม่ได้ผลักประตูหินในทันที แต่หลังจากที่จ้องมองครู่หนึ่ง ในดวงตาก็ฉายแววครุ่นคิด
“ผนึกมรดกเป็นของจริง รอยเต๋าอำนาจเป็นของจริงเช่นกัน ของวิเศษมหาจักรพรรดิก็เป็นของจริง”
“ส่วนโครงกระดูกเซียนนี้ก็ตรงกับกลิ่นอายของหมิงเหยียนจริงๆ”
“โครงกระดูกรอบๆ ก็ล้วนแล้วแต่ตายเพราะพลังชีวิตถูกดูดกลืน ซึ่งสอดคล้องกับสภาวะปิดด่านของหมิงเหยียน”
สายตาของจักรพรรดินีจับจ้องไปยังผลึกหินสีดำที่อยู่บนมือทั้ง 2 ที่แห้งเหี่ยวของโครงกระดูกเซียนก้อนนั้น
“นั่นคือวิญญาณชะตาของมหาจักรพรรดิปีกมารรุ่นนี้ที่ถูกหมิงเหยียนในช่วงรุ่งเรืองชิงเอาไป ใครถือครองมัน คนคนนั้นก็จะถือครองชะตาของมหาจักรพรรดิปีกมาร ซึ่งก็เป็นสิ่งที่มหาจักรพรรดิปีกมารปรารถนาที่จะชิงเอามันกลับคืนไปมากที่สุด”
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



