Skip to content

หนึ่งกระบี่นิจนิรันดร์ 553

Yi Jian Du Zun
BC

บทที่ 553 วินาทีสังหาร! (ต้น)

C

ณ สุสานกระบี่ เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิอยู่บนพื้น ท่าทางสงบนิ่งดุจหลวงจีนขณะเข้าฌาน……

ด้านนอกสุสานกระบี่……

ชายชราไม่ได้นอนหลับขี้เซาเช่นเคย ทว่าคอยเฝ้าสังเกตความเป็นไปภายในสุสานกระบี่ เพราะเกรงว่าเยี่ยฉวนจะแอบสูบกลืนกระบี่โดยที่ตนเองไม่เห็นอีก

เวลาค่อยเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ กระทั่งวันใหม่ยังไม่มีวี่แววว่าเยี่ยฉวนจะกลับออกมาสักที

ที่เชิงเขาหุบเขาชางเจี้ยน ทุกวันจะมีโลงบรรจุซากศพถูกนำมาวางเพิ่มเฉกเช่นที่ผ่านมา ถึงกระนั้นรอบๆ โลงเหล่านั้นก็มีร่างคนตายจำนวนหนึ่งเช่นกัน!

สำนักชางเจี้ยนและสำนักผู้ตรวจการเขตแดนยังคงแข่งกันอย่างไม่มีฝ่ายใดยอมน้อยหน้า!

ทว่าเท่าที่รู้ ทุกคนตั้งหน้าตั้งตาคอยอย่างอื่นที่กำลังจะมาต่างหาก

เหตุการณ์ในปัจจุบัน เป็นแค่การอุ่นเครื่องเท่านั้น!

วันที่สาม เยว่ฉีก็เข้าไปในสุสานกระบี่

นางเดินไปหยุดตรงหน้าเยี่ยฉวน พลางจ้องมองอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้ารู้ไหมว่าอะไรคือความหมายของเซียนกระบี่?”

ชายหนุ่มสั่นศีรษะมองด้วยความงงงัน

สตรีพึมพำเสียงเบา “ผู้ที่มีเต๋าแห่งกระบี่เป็นของตัวเอง นั่นแหละที่เขาเรียกว่าเซียนกระบี่!”

คนพูดไม่รอฟังคำตอบของอีกฝ่าย หันหลังกลับและออกไปทางเดิม

ปล่อยให้เยี่ยฉวนนั่งมึนงงอยู่ในสุสานกระบี่คนเดียวเป็นนาน ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นและเดินออกจากสุสานกระบี่

หลายวันมานี้เขาสัมผัสได้ถึงพลังปณิธานกระบี่ของคนมากมายก็จริง ทว่าพบคนที่เป็นเซียนกระบี่ในนี้น้อยมาก

พลังปณิธานกระบี่ของเซียนกระบี่นั้นแตกต่างจากผู้ฝึกฝนกระบี่ทั่วไป ข้อแตกต่างที่เด่นชัดที่สุดของพลังปณิธานกระบี่ของเซียนกระบี่ก็คือกฎเต๋าของตนเอง!

แล้วกฎแห่งเต๋าของตนเองเป็นอย่างไรกันแน่?

นี่เป็นความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับเต๋าแห่งกระบี่ และการยอมปวารณาตัวเพื่อให้กระบี่มีชีวิตขึ้นมาใหม่!

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เขาไม่สามารถทำได้!

เขาไม่อาจบังคับตัวเองให้ทำได้สำเร็จ ด้วยมิใช่เรื่องที่จะสามารถเร่งรัดกันได้ ก่อนที่จะบรรลุเป็นเซียนกระบี่ เขาต้องใช้เวลาในการสั่งสม สิ่งที่เขาต้องสั่งสมมิใช่แค่เรื่องเต๋าแห่งกระบี่ ทว่าเป็นเรื่องการทำความเข้าใจกับชีวิตด้วย!

การจะเป็นเซียนกระบี่ มิใช่เรื่องง่าย!

นี่เองคือจุดประสงค์ของเยว่ฉีที่แวะมาในวันนี้!

หลังจากออกมา เยี่ยฉวนไปจัดการทำกับข้าวตามหน้าที่

ในหอโถง เขากำลังนั่งอยู่ตรงกันข้ามกับเยว่ฉี

ครู่หนึ่งต่อมาเสียงของเยี่ยฉวนถามขึ้นว่า “อาจารย์เยว่ ในสำนักชางเจี้ยนใครต่อสู้เก่งที่สุดขอรับ?”

เยว่ฉีตอบทันควันโดยไม่ต้องคิด “พี่ใหญ่”

สีหน้าของคนฟังแสดงว่าประหลาดใจไม่น้อย “ไม่ใช่ท่านเจ้าสำนักงั้นหรือขอรับ?”

เยว่ฉีสั่นศีรษะ “พี่ใหญ่มีทักษะในการต่อสู้ที่สุด เจ้าสำนักมีทักษะในการบริหารจัดการที่สุด ส่วนพี่หกเป็นทั้งยอดฝีมือและมีศักยภาพสูงที่สุด!”

“แล้วอาจารย์ล่ะขอรับ?” อีกฝ่ายถามทันที

สตรีย้อนถามเสียงเรียบ “ถามทำไม?”

เยี่ยฉวนตอบยิ้มๆ “แค่สงสัย”

เยว่ฉีส่ายหน้าน้อยๆ “เวลานี้เจ้าเป็นศิษย์สำนักชางเจี้ยน จึงต้องทำความเข้าใจไว้อย่างหนึ่งว่า เมื่ออยู่ในสำนักเจ้าอาจมีความทะเยอทะยาน แต่ไม่ใช่ไร้หลักการ ด้วยความแกร่งกล้าเช่นนี้เจ้าอยากจะอยู่ตรงไหนในสำนักก็ได้ แต่หากใช้วิธีที่ไม่ถูกไม่ควร ชีวิตของเจ้าจะตกอยู่ในอันตราย!”

เยี่ยฉวนยิ้มรับ “อาจารย์เยว่อย่าห่วงเลยขอรับ ข้าไม่เคยคิดที่จะเป็นเจ้าสำนักชางเจี้ยนแม้แต่น้อย!”

เยว่ฉีพยักหน้าเนิบๆ “ข้ารู้ แต่คนอื่นเขาคิด”

เยี่ยฉวนผงกศีรษะ “เข้าใจแล้วขอรับ อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไม่ชอบมีเรื่องอยู่แล้ว”

เยว่ฉีถลึงตาใส่ “เจ้านั่นแหละตัวดี!”

“.”

หลังกินข้าวเย็นแล้วเยว่ฉีหายเงียบเข้าหอโถงชั้นในเช่นเคย เยี่ยฉวนจึงใช้เวลานี้ลงจากหุบเขาอวิ่นเจี้ยน และไปยังยอดเขาจูชี

ชื่อของหุบเขาก็บอกเป็นนัย ยอดเขาจูชีเป็นสถานที่หลอมเหล็กและหล่ออาวุธนั่นเอง

กองกำลังขนาดใหญ่จะสถานที่สำหรับหล่ออาวุธ ดังที่สำนักชางเจี้ยนเช่นกัน!

เยี่ยฉวนมาเพื่อเข้าพบอาจารย์บนยอดเขาจูชี จ้านเถี่ย

เมื่อเห็นคนที่โผล่ขึ้นมา เหล่าศิษย์ที่บนยอดเขาจูชีรีบออกมาคารวะทักทายกันเป็นที่เอิกเกริก “ยินดีที่ได้พบ ศิษย์พี่อาน!”

เยี่ยฉวนคารวะตอบทุกคนที่เจอ จากนั้นจึงเดินไปตามทางที่ศิษย์ซึ่งอยู่บนยอดเขาจูชีชี้นำให้กระทั่งมาถึงยังหอโถงหลัก

ศิษย์คนหนึ่งรีบกุลีกุจอมาต้อนรับ หลังจากคารวะผู้มาเยือนแล้ว เยี่ยฉวนก็ได้รับการบอกเล่าว่า “ศิษย์พี่อาน อาจารย์กำลังหล่ออาวุธ โปรดคอยสักครู่!”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ได้สิ! เจ้ามีอะไรก็ไปทำเถอะ! ข้าคอยอยู่ที่นี่คนเดียวได้!”

อีกฝ่ายจึงว่า “ถ้าต้องการอะไร เรียกข้าได้ทุกเมื่อ!”

หลังจากนั้นไม่นานคนพูดจึงกลับออกไป

ชายหนุ่มนั่งลงบนม้านั่งและคอยอยู่อย่างนั้นจนเนิ่นนาน ชายวัยกลางคนร่างกำยำผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นในหอโถง

เขามีรูปร่างที่แข็งแรงทรหดอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่อนแขนทั้งสองข้างประดุจเสาขนาดมหึมา อีกทั้งอัดแน่นด้วยพละกำลังที่แข็งแกร่ง!

จ้านเถี่ย!

ระดับสุดยอดปรมาจารย์แห่งยอดเขาจูชี

จ้านเถี่ยเขม้นมองเยี่ยฉวน “มีธุระอะไร?”

ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นจากที่นั่งแสดงคารวะทักทาย “ท่านลุงจ้าน ข้ามาที่นี่เพื่อขอให้ท่านช่วยหล่อหีบกระบี่ขั้นสวรรค์ให้น่ะขอรับ!”

หีบกระบี่!

หีบกระบี่ที่เยี่ยฉวนมีอยู่นั้น เป็นหีบกระบี่ขั้นแท้จริงเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอแก่พลังของเขาในเวลานี้

เขาต้องการใช้หีบกระบี่ขั้นสวรรค์!

จ้านเถี่ยก้าวมายืนต่อหน้าเยี่ยฮวน “เจ้ารู้ไหมว่าหีบกระบี่ขั้นสวรรค์อย่างที่เจ้าว่านั้นมีมูลค่าสักเท่าไร?”

ชายหนุ่ส่ายหน้าพร้อมกับปฏิเสธ “ไม่ทราบขอรับ”

จากนั้นอีกฝ่ายจึงร่ายยาว “จะต้องใช้สุดยอดศิลาจิตวิญญาณอย่างน้อยห้าพันล้านชิ้น เฉพาะในส่วนของค่าวัตถุดิบ ค่าแรงและค่าสายแร่ปฐพี ส่วนในการขึ้นรูปศาสตราวุธจิตวิญญาณขั้นสวรรค์ จะต้องใช้สุดยอดศิลาจิตวิญญาณถึงหนึ่งหมื่นล้านชิ้น! ยิ่งกว่านั้น ถึงจะมีสุดยอดศิลาจิตวิญญาณเพียงอย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์ เพราะจะต้องใช้ของล้ำค่าที่มีชื่อว่าเพชรน้ำค้างสีม่วงด้วย! ใช้เพชรน้ำค้างสีม่วงอีกมากทีเดียว!”

เมื่อพูดถึงตอนนี้เขาขยับเข้ามาใกล้เยี่ยฉวนอีกก้าว “เจ้ามีไหมล่ะ?”

สุดยอดศิลาจิตวิญญาณ 10,000 ล้านชิ้น!

เยี่ยฉวนสั่นศีรษะดิก “ไม่ ไม่มีขอรับ”

จ้านเถี่ยนิ่งงัน ทอดสายตามองคนตรงหน้าครู่หนึ่ง “เจ้าไม่มีเงิน พูดไปก็เปล่าประโยชน์!”

หลังจากนั้นคนหันหลังเดินออกจากสถานที่ไปทันที ทว่าเขากลับหยุดฝีเท้ากระทันหันและหันกลับมามองเยี่ยฉวน ก่อนจะพูดว่า “แต่ถ้าเจ้าจะช่วยอะไรสักอย่าง ข้าสามารถหล่อกระบี่แท้จริงให้โดยไม่คิดค่าจ้าง!”

“อะไรนะขอรับ?” ชายหนุ่มรีบถามกลับ

จ้านเถี่ยพูดเสียงดังฟังชัดว่า “ที่จวนเจ้าเมืองอวิ๋นคงเป็นที่เก็บของล้ำค่าชั้นหนึ่ง มีชื่อว่าหม้อต้มหว่านฉี ซึ่งถือว่าเป็นของล้ำค่าชั้นสวรรค์ ความพิเศษของมันใช้หลอมศาสตราวุธจิตวิญญาณ ถ้าเจ้าสามารถนำออกมาได้ ข้าจะหล่อหีบกระบี่ให้เจ้าโดยไม่คิดค่าจ้าง ไม่เพียงเท่านั้นข้าจะหลอมกระบี่บินแถมให้ เป็นของพิเศษซึ่งใช้กับหีบกระบี่ใบนี้อีกด้วย!”

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!