Skip to content

Outside Of Time 1115

Outside of Time
BC

บทที่ 1115 ใช้เทพเป็นทาส

7 วันต่อมา

C

ริมเขา 9 ลำนำ เสียงขับขานราวนกจาบฝนของหญิงสาว ดังก้องทั่วทิศราวน้ำแร่กระจ่างหลั่งริน

“ทิวเขาขจีดั่งกลบรอยเซียน 9 ลำนำคดเคี้ยวเสียดเมฆ วารีครามกระซิบเพรียกหินผา แสงอัสดงไร้มลทินลมป่าสน”

เมื่อเสียงแผ่กระจาย สามารถเห็นเขา 9 ลำนำทั้งหมดจากไกลๆ หมอกเมฆอบอวล ในนั้นมีลำธารหลั่งรินจากยอดเขา 9 ลำนำคดเคี้ยวถึงเชิงเขา หลอมรวมกับสายธารวารีคราม

บนแม่น้ำมีเรือล่องราวใบไม้ร่วงหล่น

“ผู้อาวุโส ที่นี่คือเขา 9 ลำนำ ภูเขานี้มีธาร 9 ลำนำ ยามหลั่งรินมีเสียงเซียนดังก้อง ได้ชื่อมาเพราะเหตุนี้”

ในเรือจุดเครื่องหอมพร้อมตะเกียง

อวิ๋นเหมินเชียนฝานดีดกู่เจิงพลางมองสวี่ชิงที่ทอดมองเขา 9 ลำนำ ในใจเกิดคลื่นระลอกเพิ่มขึ้นตามระยะทาง

แม้ว่าผ่านมา 7 วันแล้ว แต่ภาพการตายประหลาดของที่ปรึกษาตระกูลตี้หลิงก่อนหน้านี้ยังปรากฏในสมองของนางเป็นครั้งคราว

ทำให้ผู้บำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 7 แดนร่ำไห้สิ้นชีพชั่วพริบตา เรื่องเช่นนี้… จากมุมมองนางหากไม่ใช่เตรียมสู่เทวะ 9 แดนขั้นสมบูรณ์ย่อมทำไม่ได้

สิ่งนี้ทำให้นางเข้าใจชัดแจ้ง สิ่งที่เหยียนเสวียนจื่อคนนี้แสดงออกยามอยู่ตรงเทือกเขาเถ้าวิญญาณ ถือเป็นเพียงยอดเขาน้ำแข็งเท่านั้น ถ้าตลอดทางนี้ตนไม่เจอระดับเจ้าเหนือหัว นั่นย่อมปลอดภัยแล้ว

ด้วยเหตุนี้ความรู้สึกเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายในใจนางจึงน้อยลงมาก สิ่งที่เพิ่มขึ้นกลับเป็นความอัศจรรย์ ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง

การผ่อนคลายจิตใจทำให้นางยิ้มบ่อยกว่าแต่ก่อนมาก

หลอมรวมกับดนตรี เสียงกู่เจิงประสานเสียงสายน้ำเป็นระลอก

ผสานกลิ่นเครื่องหอมกับแสงตะเกียง ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ทำให้รู้สึกว่า ‘ธารกระจ่างหลั่งรินเรื่อยเฉื่อย ลืมความวุ่นวายแห่งสรรพสิ่ง’

ฟังเสียงเซียน มอง 9 ลำนำ สวี่ชิงยกกาเหล้าดื่มอึกหนึ่ง

เทียบกับความผ่อนคลายของอวิ๋นเหมินเชียนฝานแล้ว ท่ามกลางเสียงเซียนแผ่วพลิ้ว ในใจสวี่ชิงยามนี้ลืมความวุ่นวายทางโลก

แม้เหล้าที่ดื่มด่ำซึบซาบในปาก แต่กลับหวนนึกถึงความทรงจำ

ท่ามกลางความเลือนราง ปีนั้นก็เป็นเรือลำหนึ่ง บนเรือมี 2 คน ทั้งมีดนตรีเอ่อท้นในใจ

คล้ายสัมผัสถึงสภาวะจิตสวี่ชิงตอนนี้ อวิ๋นเหมินเชียนฝานก้มหน้าบรรเลงเพลงเบาๆ เสียงแผ่วพลิ้วเหนือธารกระจ่าง

“นกผกผินหวนคืนฝันวันวาน ใจสงบคล้อยตามภาพทิวทัศน์ หวังเคียงข้างท่านที่นี่ ไม่ถามหาเวลากำหนดกลับ”

สายธารส่องสะท้อนระยิบระยับ เรือไม้แล่นผ่านเขา 9 ลำนำ

“ข้ามีลำนำหนึ่ง ไม่ได้ฟังนานแล้ว เจ้าอยากบรรเลงหรือไม่” สวี่ชิงพลันเอ่ยถาม

“เชียนฝานยินดี” อวิ๋นเหมินเชียนฝานรีบเงยหน้า มองเงาหลังสวี่ชิงพลางกล่าวอย่างว่าง่าย

สวี่ชิงเอื้อมมือหยิบแผ่นหยกบันทึกทำนองเพลง ก่อนวางตรงหน้าอวิ๋นเหมินเชียนฝาน

อวิ๋นเหมินเชียนฝานยกมือกระจ่าง วางมันกลางฝ่ามือ หลับตาจดจ่อ

สักพักเสียงเพลงค่อยเปลี่ยนไป

ท่วงทำนองคุ้นเคยดังก้องกลางฟ้าดิน

ธารทอดยาว เรือโดดเดี่ยว ล่องห่างไปช้าๆ

หญิงบนเรือบรรเลงเพลง ฝ่ายชายทอดมองไปไกล

ท่ามกลางภูผาธารา เขาหวนคืนฝันวันวาน

คลื่นลมพัดพากลิ่นอายแห่งยุทธภพ

เสียงกู่เจิงเหมือนบรรยายความสุขทุกข์ชั่วชีวิต

สุดท้ายทุกอย่างแปรเปลี่ยนเป็นสุรากาเดียว

ท่ามกลางความเดียวดายสวี่ชิงดื่มรวดเดียวหมด

อวิ๋นเหมินเชียนฝานมองสวี่ชิง ก่อนเอ่ยถามเสียงเบาประโยคหนึ่ง “ผู้อาวุโส… ลำนำนี้นัยลึกซึ้ง แฝงความอาวรณ์ชั่วชีวิต แม้ว่าเศร้ารันทด แต่เป็นอิสระ ผู้ประพันธ์ลำนำย่อมไม่ธรรมดา ไม่ทราบว่าชื่อลำนำนี้คือ?”

สวี่ชิงไม่ได้ตอบ แต่มองสายน้ำและขอบฟ้า

ลมแรงพัดมา ผมยาวพลิ้วไหว ยามอาภรณ์สะบัดโบก กลิ่นอายเยียบเย็นพัดมาตามลม

ทำให้ลมหยุด

คลื่นแสงบนแม่น้ำนิ่งสงบ

พริบตาต่อมาผิวน้ำหน้าเรือไม้พลันม้วนตลบ!

สายธารแหว่งเว้า ศีรษะมหึมาศีรษะหนึ่งโผล่ขึ้นมาฉับพลัน

ศีรษะราวอสรพิษ เกล็ดแน่นขนัด ทั้งตัวดำสนิท ของเหลวหนืดหยาดหยด ดวงตาคล้ายเปลวไฟสีแดง เปี่ยมเจตนาร้าย

ขนาดตัวนับร้อยจั้ง ยามปรากฏตัวเหนือผิวน้ำ เทียบกับมันแล้ว… เรือไม้เหมือนของเล่นเด็ก

สิ่งที่ตามมาคือเสียงพึมพำดังก้องจิตวิญญาณเป็นระลอก

ถ้าเสียงเข้าโสตประสาทย่อมทำให้คลุ้มคลั่ง จิตวิญญาณไม่เสถียร กายเนื้อสั่นสะเทือน

ขณะเดียวกันเมื่อศีรษะประหลาดปรากฏ โดยรอบเริ่มบิดเบี้ยว ความรู้สึกเลือนรางเด่นชัด

หลังสบตามัน อวิ๋นเหมินเชียนฝานไม่อาจควบคุมอัตราการเต้นหัวใจที่เพิ่มขึ้น คล้ายกำลังกระเด็นออกจากอก

ในสมองยิ่งเหมือนฉีกสะบั้น ความคลุ้มคลั่งโจมตีจากภายนอกอย่างดุดัน

ทั้งตัวนางสั่นสะท้าน สัมผัสได้ชัดเจนว่าร่างกายตนเหมือนต้องการผลักดันเจตจำนงออกจากกายเนื้อชั่วพริบตา คล้ายจะแยกจากกัน

ตอนนี้ปราณวิญญาณทั่วทิศยิ่งม้วนตลบ ถูกกลิ่นอายที่ต่างจากปราณวิญญาณโดยสิ้นเชิงโจมตี ขณะต้านทานกัน ปราณวิญญาณเริ่มแปดเปื้อน

นั่นคือลมหายใจเทพ นั่นคือไอพลังประหลาด!

นั่นคือ… เทพเจ้า!

เมื่อจิตใจอวิ๋นเหมินเชียนฝานสั่นสะท้าน พลังบำเพ็ญถูกกำราบ พริบตายามร่างกายกับจิตวิญญาณยากแบกรับ พลังอ่อนโยนแผ่ออกจากตัวสวี่ชิงปกคลุมนางไว้

ป้องกันจากโลกภายนอก

ต่อมาสวี่ชิงยกมือขวา คว้าไปข้างหน้า

ห้วงอากาศบิดเบี้ยวเลือนรางข้างหน้าสะเทือนทันที แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ พังทลายชั่วพริบตา

แม่น้ำพลันม้วนซัด ก่อตัวเป็นพลังดั่งย้ายเขาคว่ำสมุทร กลายเป็นฝ่ามือตะครุบศีรษะเทพเจ้านั่น

ก่อนเหวี่ยงขึ้นมาเต็มแรง

ฟ้าดินสั่นสะเทือน

เสียงคำรามเจ็บปวดดังออกจากปากเทพ ร่างสั่นสะท้านภายใต้แรงมหาศาล ถูกลากออกมาจากแม่น้ำทั้งอย่างนั้น

เมื่อสายธารสาดกระเซ็นก็เผยให้เห็นตัวสิ่งประหลาดอย่างสมบูรณ์

ทั้งตัวศีรษะครองพื้นที่ 9 ส่วน

ใต้ศีรษะมหึมานับร้อยจั้งคือร่างบอบบาง ผิวหนังสีเทา ของเหลวหนืดไหลเป็นทาง

โดยรอบรายล้อมด้วยดวงแสงมากมาย หมุนวนส่องประกายต่อเนื่อง แผ่แสงลึกลับประหลาดออกมา

ปราณขุ่นมัวและความคลุ้มคลั่งเด่นชัด

ในตัวมีเปลวไฟลุกโชน ทว่าเหนือเปลวไฟมีตัวครอบสร้างจากอักขระ

ใต้ตัวครอบเปลวเพลิงโดนผนึกควบคุม

ทั้งเหนือตัวครอบยังมีแผ่นหยกพิเศษแผ่นหนึ่ง

แผ่นหยกเหมือนสิ่งมีชีวิต มีหนวดมากมาย ทอดยาวพันศีรษะคล้ายปรสิตเกาะติดแน่น

“ทาสเทวะ!”

“ผู้อาวุโส นี่คือทาสเทวะที่ตระกูลตี้หลิงใช้ทรัพยากรซื้อมาจากสำนักเซียนมรรคา ทาสเทวะ… มีพลังต่อสู้ระดับเจ้าเหนือหัว ผู้อาวุโสท่าน…”

หลังจากสวี่ชิงปกป้องอวิ๋นเหมินเชียนฝานจากโลกภายนอก นางฟื้นตัวกลับมาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้จิตใจสั่นระรัว เห็นชัดว่าคิดไม่ถึงว่าผู้ตามล่าจะใช้ทาสเทวะเพื่อสังหารตน

เมื่อนึกถึงความน่ากลัวของทาสเทวะ อวิ๋นเหมินเชียนฝานตัวสั่น กล่าวเตือนตามสัญชาตญาณ

แต่เพิ่งกล่าวเพียงครึ่งเดียว นัยน์ตานางพลันเบิกกว้างพูดไม่ออก

ด้วยสิ่งที่นางเห็นคือเทพเหี้ยมโหดน่ากลัวเมื่อครู่ ตอนนี้กำลังถูกมือใหญ่เหมือนภาพมายากวาดตะครุบกลางอากาศ ไม่ว่าดิ้นรนอย่างไรล้วนไม่อาจหลุดพ้น

สวี่ชิงที่อยู่ตรงหน้า ท่าทางเป็นปกติ สายตาสำรวจมองเทพเหมือนพิจารณา

ภาพนี้ทำให้อวิ๋นเหมินเชียนฝานหายใจกระชั้นถี่ ในสมองนึกถึงที่ปรึกษาร่ำไห้เจียนตายก่อนหน้านี้

‘เทพระดับเพลิงเทวะ’ สายตาสวี่ชิงกวาดมองเปลวไฟที่ถูกครอบในกายเทพ

มองออกว่าตัวครอบสร้างจากอักขระหนาแน่นแตกต่างกันนับไม่ถ้วน จำนวนไม่ต่ำกว่าพันล้าน ทั้งซับซ้อนอย่างยิ่ง ระหว่างอักขระยังมีการเปลี่ยนแปลงเป็นลำดับ ไม่ได้เรียงลำดับเพียงแบบเดียว

นอกจากนี้เหนือตัวครอบยังมีแผ่นหยกเหมือนสิ่งมีชีวิต ทั้งแปลกประหลาด สวี่ชิงไม่เคยเห็นมาก่อน ไม่อาจแยกแยะได้ทันทีเช่นกัน

หลังจากมาถึงวงแหวนที่ 5 นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจอเทพ ก่อนหน้านี้เห็นเทพเป็นทาสมาก่อน ถูกผู้บำเพ็ญใช้เป็นของวิเศษหรืออสูรศักดิ์สิทธิ์

แต่จากคำพูดของอวิ๋นเหมินเชียนฝาน เขาพอทราบความเป็นมาของทาสเทวะประเภทนี้

‘ถูกควบคุมโดยสำนักสายตรงแต่ละดินแดน ทั้งขายออกไปได้’

สวี่ชิงครุ่นคิด สนใจวิธีกำราบเทพเป็นทาสไม่น้อย ทั้งจากการสังเกต เขาพบว่าวิธีการเช่นนี้ค่อนข้างชาญฉลาด

หากไม่เข้าใจแก่นแท้ คิดทำลายมันคงยากมาก

ถ้าดึงดันทำลาย เพลิงเทวะของเทพที่เป็นทาสย่อมมอดดับ เสียสติถึงขั้นทำให้จิตวิญญาณและกายเนื้อพินาศ

‘ในเมื่อเป็นทาส ทั้งจำหน่ายได้ แน่นอนว่าย่อมมีวิธีควบคุม’

สวี่ชิงถอนสายตากลับ มองไปตรงขอบฟ้า

ใต้แสงเหนือแดงก่ำ บริเวณที่สวี่ชิงมองเกิดคลื่นอากาศ มีเงาร่าง 4 สายถูกบีบให้ปรากฏตัว

เมื่อเห็นทั้ง 4 คน อวิ๋นเหมินเชียนฝานจำได้ทันที

3 คนในนั้นคือที่ปรึกษาตระกูลตี้หลิง คนหนึ่งคือผู้อาวุโสแกนหลักของตระกูลตี้หลิง

3 คนแรกมีพลังบำเพ็ญระดับเตรียมสู่เทวะ 7 แดน ส่วนฝ่ายหลัง… บรรลุระดับเตรียมสู่เทวะ 9 แดนแล้ว

ดังนั้นนางเลยบอกกล่าวทันที

ตอนนี้ทั้ง 4 คนยืนบนเวิ้งฟ้า สีหน้าตื่นตระหนก หวาดกลัวหาใดเปรียบ ในใจเกิดคลื่นยักษ์ล้นฟ้า

ในมือคนหนึ่งถือกลองเล็กหน้าเดียว ไม่ว่าเขาตีกลองอย่างไร เทพเชื่อมต่อกับกลองก็ยังไม่อาจดิ้นรนจากฝ่ามือมายาของสวี่ชิงได้แม้แต่น้อย

เมื่อสวี่ชิงมองมา ทั้ง 4 คนใจสั่นสะท้านทันที หนังศีรษะชาวาบ ถอยหลังโดยไม่ลังเลทันที

แต่เห็นชัดว่าสายไปแล้ว

เมื่อพวกเขาหลบหนี สวี่ชิงก้าวมาบนเวิ้งฟ้า

ครู่ต่อมาฟ้าดินเปลี่ยนสี

ในสายตาอวิ๋นเหมินเชียนฝานเหมือนมีภาพวาดกว้างใหญ่แผ่กลางเวิ้งฟ้า บดบังทุกสิ่ง ทำให้ทุกอย่างพร่าเลือน

ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจ ภาพซ่านสลาย ไม่เห็นผู้บำเพ็ญ 4 คน มีเพียงสวี่ชิงกลับมา

มือหนึ่งถือกาเหล้า อีกมือคว้าศีรษะหนึ่งมา

ศีรษะนี้เป็นของผู้อาวุโสแกนหลักแห่งตระกูลตี้หลิงคนนั้น

เขาไม่ตาย นัยน์ตาฉายแววหวาดกลัวและสิ้นหวังเด่นชัด กำลังถูกค้นวิญญาณ

เมื่อกลับมาถึงเรือไม้ การค้นวิญญาณก็เสร็จสิ้น

สวี่ชิงทราบความจริงของภารกิจนี้แล้ว

‘ตระกูลอวิ๋นเหมินครอบครองกุญแจลับเข้าแผ่นดินวาสนาบางแห่ง นี่คือชนวนสงครามของ 2 เผ่า แต่กุญแจลับไม่ธรรมดา คล้ายยากช่วงชิง’

‘ดังนั้นหลังจากกำราบตระกูลอวิ๋นเหมินถึงขีดสุด ตระกูลตี้หลิงเสนอเดิมพันซึ่งไม่อาจปฏิเสธแก่ตระกูลอวิ๋นเหมิน’

‘ตระกูลอวิ๋นเหมินส่งศิษย์คนสำคัญมา 14 คน ตระกูลตี้หลิงตามล่า สุดท้ายหากทั้ง 14 คนสิ้นชีพ ตระกูลอวิ๋นเหมินเป็นฝ่ายแพ้ ถ้าเหลือรอดถึงจุดหมายปลายทางแม้เพียงคนเดียว เท่ากับตระกูลตี้หลิงพ่ายแพ้’

‘สิ่งเดิมพันคือกุญแจลับกับหนทางรอดของตระกูลอวิ๋นเหมิน’

สวี่ชิงไม่สนใจกุญแจลับนี้

ดังนั้นเลยบีบศีรษะบนมือเป็นเถ้าธุลี ขณะเดียวกันกลองควบคุมเทพนั่นพลันปรากฏในมือสวี่ชิง เขาลองตบเบาๆ

เมื่อเสียงดังตึง เทพตรงหน้ากลายเป็นแสงเคลื่อน หลอมรวมเข้ากับกลอง ปรากฏเป็นสัญลักษณ์บนหน้ากลอง

หลังจากเก็บเสร็จ สวี่ชิงหันมองอวิ๋นเหมินเชียนฝานที่กำลังหายใจกระชั้นถี่ ในใจท่วมท้นด้วยความยากจะเชื่อ

“สุราหมดแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยปาก โยนกาเหล้าบนมือให้

“เอ่อ…” อวิ๋นเหมินเชียนฝานรับเข้าอ้อมแขนตามสัญชาตญาณ ทั้งตัวสั่นเทา รีบหยิบอีกกาหนึ่งออกมา ยื่นมาตรงหน้าสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว

(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)

AC

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!