บทที่ 1117 ทิศทางของวิถีสูงสุดที่ 8
“เวลา ไม่ใช่แค่เร่งความเร็วให้ไหลผ่านไป หมุนย้อนกาลเวลา หรือหยุดนิ่งเท่านั้น”
“ยังมีการแสดงออกในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้น…”
สวี่ชิงมองผืนทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ข้างหน้า ทันทีที่บรรลุเแก่นแท้ของทะเลทรายแห่งนี้ แม้เขาจะมีพลังแห่งกาลเวลา แต่ภายในใจก็ยังคงสั่นไหวไปกับรูปแบบการแสดงออกของกาลเวลาที่แห่งนี้ เกิดความคิดขึ้นมากมาย
“กาลเวลา อาจเป็นสิ่งที่มองเห็นได้ในระดับมหภาค ครอบคลุมระบบดาวทั้งหมด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง… ครอบคลุมสรรพสิ่งชีวิตทั้งปวง ตราบใดที่มีตัวตนก็ล้วนอยู่ในขอบเขตของมันทั้งสิ้น”
“แม่น้ำแห่งกาลเวลา มีอยู่ทุกหนแห่ง”
“แต่ก็ไม่ได้ตายตัวเปลี่ยนแปลงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลจากพลังภายนอก หรือจะเป็นการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ บางอย่างล้วนทำให้มันเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แตกต่างกันได้”
“ส่วนสิ่งที่ทะเลทรายผืนนี้แสดงออกมา คือแขนงหนึ่งของกาลเวลา”
สวี่ชิงสูดหายใจลึก ความรู้สึกเข้าใจแจ่มแจ้งในใจก็ยิ่งชัดเจนขึ้น
“ทรายเม็ดหนึ่ง การเคลื่อนที่ทุกครั้งของมันล้วนทำให้เกิดเส้นเวลาเส้นหนึ่ง จากนั้น บนเส้นกาลเวลานี้ก็จะมีทรายเม็ดที่ 2 ปรากฏขึ้น”
“ทรายเม็ดแรกและทรายเม็ดที่ 2 แก่นแท้ของพวกมันเหมือนกัน แต่เส้นเวลาต่างกัน”
“หมุนเวียนเช่นนี้ เส้นเวลาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกิดความปั่นป่วนขึ้น เหมือนกับทะเลทรายแห่งนี้ หากสุดท้ายทำให้พวกมันกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ เช่นนั้นก็เท่ากับว่าเดินอยู่ภายในกาลเวลา แต่กลับอยู่นอกกาลเวลา พูดได้ว่าเป็นการควบคุม”
ในดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายประหลาด
“แต่น่าเสียดาย ข้าในตอนนี้ยังทำได้ไม่ถึงขั้นกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ ทำได้เพียงทำให้พวกมันเกิดขึ้นอย่างไม่เป็นลำดับ”
“และเส้นเวลาไม่เป็นลำดับที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของตัววัตถุเองนี้ ในมุมหนึ่งก็เหมือนว่าเกิดเป็น…โชคชะตาที่แตกต่างกันออกไปอย่างนั้นหรือ”
“ทุกครั้งที่มีเส้นเวลาเพิ่มขึ้น 1 เส้น ก็จะมีทรายอีกเม็ดหนึ่งที่อิงตามเส้นเวลานั้นปรากฏเพิ่มขึ้น แนวโน้มในภายหลังของทรายเม็ดนี้ ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับทรายในยามแรกเริ่มอีกต่อไป กลายเป็นเส้นทางที่เป็นอิสระ”
เพราะเขาพบว่า อำนาจและอำนาจเทพ ในเสี้ยวพริบตานี้กลับคล้ายคลึงกันอย่างน่าอัศจรรย์
“แต่ก็ยังมีความแตกต่างเล็กน้อย อำนาจเทพชะตาวาสนาของข้านั้นคือการใช้มีดสลักเส้นด้ายแห่งโชคชะตาเส้นใหม่ลงไป ทำให้มันโดดเด่นและกลายเป็นผู้กำหนดชะตา”
“แต่แขนงกาลเวลา คือเปลี่ยนแปลงตัววัตถุให้เกิดเส้นเวลาที่แตกต่างกันมากมาย…”
“ความแตกต่างที่ชัดเจน รอเมื่อวันหลังกลับสู่แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในยามที่กายเซียนและกายเทพรวมเป็นหนึ่ง น่าจะมีความเข้าใจที่ชัดแจ้งกระจ่างยิ่งขึ้น”
“ส่วนในตอนนี้…”
ดวงตาของสวี่ชิงฉายประกายแสงวาววาม เขากำลังครุ่นคิดว่าพลังของแขนงกาลเวลานี้จะแสดงออกมาอย่างไรในยามต่อสู้
ขณะเดียวกันก็หยิบเอาวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือออกมาขวดหนึ่ง แล้วดื่มรวดเดียว
หลายวันนี้ เขาได้ดื่มไปแล้ว 2 ขวด ขวดหยิบออกมาตอนนี้คือขวดที่ 3
จากการแผ่ซ่านไปของวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือ ความคิดของสวี่ชิงก็เดือดพล่านขึ้น
“ใช้กับตัวข้าเองได้ จากทุกการกระทำของข้า กระทั่งว่าทุกจังหวะการเต้นของหัวใจ ไปสร้างเส้นเวลาที่แตกต่างกันนับไม่ถ้วน”
“แม้ข้าจะไม่อาจทำให้พวกมันกลับคืนเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่ผ่านจากนาฬิกาชีวิตของข้า ระเบิดพลังออกสู่ภายนอกในคราวเดียว ก่อให้เกิดเป็นมหาสมุทรปั่นป่วนแห่งกาลเวลา!”
“ผู้ที่เข้ามาในมหาสมุทรอันปั่นป่วนของข้า จะต้องแบกรับพลังแห่งกาลเวลา จมอยู่ในความสับสนวุ่นวาย ในเส้นเวลาอันนับไม่ถ้วน ไม่ตายก็คลุ้มคลั่ง!”
“หากใช้กับศัตรู… ก็เป็นเช่นเดียวกัน!”
“ทุกการเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายจะเกิดเส้นเวลาไม่เป็นลำดับขึ้น 1 เส้น เมื่อมีมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากอีกฝ่ายไม่อาจควบคุมการเปลี่ยนแปลงนี้ได้ จึงทำได้เพียงเผชิญหน้าอย่างจำยอม เกิดความวุ่นวายภายในตนเอง!”
“กระทั่งว่าเกิดความรู้สึกราวสายตาแบบนั้นของเทพเจ้า เลือดเนื้อทั้งหมดในร่างล้วนเกิดความรู้สึกเหมือนแยกตัวเป็นอิสระ”
“พลังวิเศษนี้ แม้แต่ผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวก็ยากจะหลีกเลี่ยง!”
ในดวงตาของสวี่ชิงเกิดความเย็นยะเยือกขึ้น
“เข้าสู่มหาสมุทรล้วนทุกข์ทรมาน จนประสบพบเคราะห์กรรม กาลเวลาไม่สิ้นสุด จึงเรียกว่า…ห้วงนรก!”
สวี่ชิงมือทั้ง 2 ประสานปางมือ โคจรพลังของตัวเองให้ปกคลุมทะเลทรายไปทั้งผืน ในใจได้รวบรวมสิ่งที่ตนคิดให้กลายเป็นจิตเจตจำนง ตราประทับแปรเปลี่ยนเป็นวิถี และประทับลงใน 7 วิถีสูงสุด
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ ความคิดของเขาก็ยังคงแผ่ขยายออกไป
พลังของวารีศักดิ์สิทธิ์พิสดารบันลือในตอนนี้ก็กำลังสำแดงฤทธิ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเข้าใจที่แต่เดิมก็น่าทึ่งอยู่แล้วของสวี่ชิงได้รับการเสริมพลังอยู่ตลอด
“นอกจากนี้ เกี่ยวกับความสามารถของแขนงกาลเวลาน่าจะยังมีวิธีแสดงออกที่ดีกว่านี้อื่นๆ อีก ซึ่งข้าต้องขบคิดอย่างละเอียดในภายหลัง”
“ยกตัวอย่างเช่น… ผสานไปกับพลังมิติแบบนั้นหรือ”
สวี่ชิงครุ่นคิด ครู่ต่อมา จิตใจของเขาก็พลันสั่นไหว
“เส้นเวลาที่เกิดเพิ่มเติม รวมกับมิติที่เป็นเฉพาะของเส้นเวลานั้น สิ่งที่ปรากฏคือ…”
“โชคชะตา…ที่มีต้นกำเนิดของข้าแต่มีอนาคตที่แตกต่างกันไปอย่างนั้นหรือ”
สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้นขึ้นมาเล็กน้อยทันที เขารู้สึกรางๆ ว่าตนเองเหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้
“หรือพูดให้แม่นยำกว่านั้น ควรเรียกว่า…กาลอวกาศเช่นนั้นหรือ”
“กาลอวกาศที่เกิดจากตัวข้าเป็นพื้นฐานเช่นนั้นหรือ”
“ภายในกาลอวกาศอันนับไม่ถ้วน ตัวข้านับไม่ถ้วน…”
สวี่ชิงพลันเงยหน้าขึ้น จิตใจในเสี้ยวพริบตานี้แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์รุนแรง เริ่มทดลองทันที
กาลเวลาผันผ่าน 3 วันผ่านไป
สวี่ชิงยังคงจมอยู่กับการสัมผัสรับรู้ของตนเอง สำรวจค้นหาวิธีการหลอมรวมของกาลเวลาและมิติ
ในระหว่างนี้ แนวคิดที่เขาคิดได้ บางส่วนก็นำมาอนุมาน บางส่วนก็นำไปทดลองจริง แต่ผลลัพธ์ล้วนล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น
ดังนั้น เขาจึงเปลี่ยนความคิดโดยสิ้นเชิง ให้ความสำคัญกับสร้างเส้นเวลาไม่เป็นลำดับ พยายามเปลี่ยนให้พลังมิติของตัวเองเป็นกล่องใบหนึ่งเพื่อบรรจุเส้นเวลา
กระบวนการนี้ดำเนินไปอย่างเชื่องช้ามาก
แต่สวี่ชิงไม่ได้ใส่ใจสนใจเรื่องพวกนี้ สมาธิทั้งหมดของเขาจมดิ่งอยู่กับมัน
ทว่า… สำหรับอวิ๋นเหมินเชียนฝาน ความตื่นตะลึงในใจของนาง จากการฝึกบำเพ็ญของสวี่ชิงก็ยิ่งเพิ่มขึ้นทุกวัน!
พลังบำเพ็ญในระดับหวนสู่อนัตตาของนาง แม้ว่าจะทะลวงขั้นไปสู่ระดับเตรียมสู่เทวะได้หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับวาสนา แต่นางในฐานะที่เป็น 1 ในคนสำคัญของตระกูล ประสบการณ์และความรู้ย่อมมีอยู่แล้ว
ทว่าต่อให้ประสบการณ์และความรู้ของนางไม่ธรรมดา อีกทั้งเคยได้สัมผัสกับผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวคนอื่นๆ แต่ตลอดหลายวันนี้ ในใจของนางก็ยังคงเกิดพายุที่ไม่มีที่สิ้นสุดจากฉากการบำเพ็ญของสวี่ชิงอยู่ดี
การก่อตัวของพายุลูกนี้ จากการสัมผัสรับรู้ต่อทะเลทรายของสวี่ชิง ก็ได้ปะทุแบบไต่ระดับขึ้นในใจของอวิ๋นเหมินเชียนฝาน
ในช่วง 2-3 วันแรก เนื่องจากนางสัมผัสได้ว่าทรายทุกเม็ดในทะเลทรายทั้งผืนกำลังฉายประกายแสงวูบวาบอย่างช้าๆ สุดท้ายทะเลทรายผืนนี้ในสายตาของนางก็ราวกับเปลี่ยนเป็นห้วงท้องฟ้าดาราอันเจิดจรัสพร่างพราย
สิ่งนี้ทำให้นางจิตใจสั่นไหว
จากนั้น ก็เป็นทรายทุกเม็ดล้วนกำลังสั่นสะเทือน กระทั่งมีช่วงเวลาสั้นๆ ที่ในครรลองสายตาของอวิ๋นเหมินเชียนฝาน ทรายทุกเม็ดล้วนลอยขึ้นฟ้า
ความรู้สึกราวกับความฝันภาพมายาเช่นนั้นส่งผลต่อการรับรู้ของนาง ระลอกคลื่นอารมณ์กลายเป็นคลื่นยักษ์
แต่เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในภายหลังถึงจะยิ่งพลิกผันจินตนาการของนาง
นางพบว่า… บนร่างของสวี่ชิงกลับเกิดความบิดเบี้ยวขึ้น เกิดความพร่าเลือน ราวกับว่าซ้อนทับกัน กระทั่งไม่รู้ว่าตาฝาดหรือไม่ ในเสี้ยวพริบตาหนึ่ง นางเหมือนเห็นสวี่ชิงนับไม่ถ้วน!
แม้จะเป็นเพียงชั่วพริบตา สิ่งเหล่านี้ก็หายไปราวกับภาพลวงตา แต่สิ่งที่ตามมาคืออาการสั่นสะท้านของร่างกายนางและอาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง
ฟ้าดินพลิกหมุน
และสิ่งที่ทำให้นางหวาดผวามากยิ่งขึ้นไปอีกก็คือ ตัวเองที่อยู่ในอาการวิงเวียนนี้ แก่ชราลงในเสี้ยวพริบตา และในเสี้ยวพริบตาก็กลับเป็นเด็ก และในเสี้ยวพริบตาก็ฟื้นคืนกลับมา
อีกทั้งภาพหลอนก็ปรากฏขึ้นถี่ๆ ราวกับได้ผ่านชีวิตที่แตกต่างกันไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ความสุขความเศร้า การพบเจอ การพลัดพราก ความรักความแค้น ล้วนอยู่ในนั้น
ดีที่สิ่งเหล่านี้ จากการที่สวี่ชิงสังเกตเห็นในช่วงจังหวะสำคัญ ก็ยกมือขึ้นประสานปางมือหยุดลง อีกทั้งยังมีพลังอ่อนโยนปกคลุม เพื่อป้องกันผลกระทบให้นาง
ไม่เช่นนั้นแล้ว เกรงว่านางในยามนี้คงกลายเป็นกระดูกแห้งไปแล้ว
ภาพฉากมากมายเหล่านี้ ทำให้พายุในใจของอวิ๋นเหมินเชียนฝานรุนแรงอย่างยิ่ง
“บรรพจารย์ก็ไม่เคยทำให้ข้ามีความรู้สึกเช่นนี้เลย…”
อวิ๋นเหมินเชียนฝานหายใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า รีบถอยหลังเว้นระยะห่างไประยะหนึ่ง ไม่กล้าเข้าใกล้สวี่ชิง
ขณะเดียวกันกับที่ในใจเคารพยำเกรง ก็มีความรู้สึกที่ปลอดภัยยิ่งกว่าเดิมเอ่อล้นขึ้นมาในใจ
นางมั่นใจอีกครั้งว่าวิถีแห่งการทำนายของตนในครั้งนี้ถูกต้องอย่างยิ่ง
ส่วนความเป็นความตายของสมาชิกคนสำคัญคนอื่นๆ นางไม่รู้ แต่นางรู้ว่าตัวเองในครั้งนี้ น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว
ขณะเดียวกัน นางรู้สึกรางๆ ว่าวิชาการทำนายของตน หลังจากได้ผ่านภาพฉากมากมายเมื่อครู่ ก็ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเช่นกัน
“การเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการบำเพ็ญของผู้อาวุโสเหยียนเสวียนจื่อ ในระดับหนึ่งแล้วแฝงไว้ซึ่งนัยของวิถีแห่งการทำนายอย่างนั้นหรือ”
อวิ๋นเหมินเชียนฝานครุ่นคิด นั่งขัดสมาธิอยู่ที่ไกล สัมผัสอย่างระมัดระวัง
เช่นนี้เอง ผ่านไปอีก 2 วัน
ทะเลทรายทั้งผืนก็ยิ่งเจิดจ้าพร่างพรายขึ้นเรื่อยๆ ทรายนับไม่ถ้วนลอยขึ้นสู่ฟ้าอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดเคลื่อนที่ซึ่งกันและกัน วนเวียนก่อเกิดเป็นพายุในทะเลทรายแห่งนี้
เสียงครืนครั่นกึกก้องขณะที่ดังสะท้อนไปทั่วทุกทิศ นอกทะเลทราย บนผืนดิน มีคนเดินเข้ามา 1 คน
ผู้มาเยือน เป็นผู้หญิง
สวมกระโปรงยาวผ้าโปร่งบางสีดำทั้งชุด มือถือทวนสีดำเล่มหนึ่ง ใบหน้าของนางงดงาม แต่สีหน้าแฝงด้วยจิตสังหาร ทั่วทั้งร่างแผ่ซ่านกลิ่นอายอันหนาวเหน็บ
นางยืนอยู่นอกพายุทะเลทราย ก้าวเท้าไป 1 ก้าว เหยียบเข้าสู่ขอบเขตของทะเลทราย
แต่ก็เป็นเพียงแค่ 1 ก้าวเท่านั้น ร่างทั้งร่างก็หยุดชะงัก
ครู่ต่อมา นางค่อยๆ ดึงเท้ากลับ ยืนอยู่ตรงนั้น ราวกับกลายเป็นภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่ง อากาศโดยรอบถูกกลิ่นอายของนางแช่แข็ง ยิ่งมีแรงกดดันไร้รูปร่างแผ่ซ่านไปทั่วทุกทิศ
ราวกับว่าสรรพสิ่งและสิ่งมีชีวิตทั้งปวง เพียงแค่เข้าใกล้ก็จะถูกไอความเย็นนั่นกลืนกิน
ทว่า พลานุภาพทั้งหมดของภูเขาน้ำแข็งลูกนี้ ปรากฏขึ้นเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น จากการที่นางดึงเท้ากลับ จากการจ้องมอง มันก็เริ่มละลาย
ทุกสิ่งถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งอย่างรวดเร็ว
“ทะเลทรายกาลเวลา…”
“อำนาจแห่งกาลเวลา!”
“มิน่าเล่าผู้อาวุโสและที่ปรึกษาก่อนหน้านี้ ต่างตายอย่างแปลกประหลาด จนข้าถูกเรียกมาเพื่อขัดขวาง ที่ปรึกษาแห่งตระกูลอวิ๋นเหมินผู้นี้ ไม่เพียงแต่เป็นผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัว แต่ยังมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นระดับเจ้าเหนือหัวช่วงกลาง!”
“เขาซ่อนตัวอยู่ในตระกูลอวิ๋นเหมิน เป้าหมายจะต้องเป็นกุญแจลับดอกนั้นอย่างแน่นอน…”
ผู้หญิงคนนั้นเงียบงัน
นางในฐานะอัจฉริยะฟ้าประทานของตระกูลตี้หลิง ยิ่งเป็นผู้ครอบครองป้ายอนุมัติเมืองเซียน ตลอดชั่วชีวิตได้ต่อสู้กับผู้คนนับไม่ถ้วน ความรู้ประสบการณ์ของนางยังเหนือกว่าสมาชิกตระกูลเกือบทั้งหมด
นางมีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับผู้บำเพ็ญในระดับเดียวกันทุกคน
ทว่าในตอนนี้… ความเคร่งขรึมบนใบหน้าของนาง ค่อยๆ ปะปนไปด้วยความรู้สึกอันตรายที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในใจ
ก้าวเมื่อครู่นี้ นางสัมผัสได้ถึงความตาย
“คนคนนี้ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา”
หลังจากความเงียบนิ่งไปชั่วครู่ ผู้หญิงคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ถอยหลังไปช้าๆ
หลังจาก 3 ก้าว ร่างกายของนางพลันหยุดชะงัก สีหน้าเปลี่ยนไปในเสี้ยวพริบตา
นางตระหนักได้ว่าการถอยร่นไปของตนยังช้าเกินไปเล็กน้อย
ระยะเวลาที่นางยืนอยู่ที่นี่ก็นานเกินไปแล้วเล็กน้อย อีกทั้งระหว่างนั้นจังหวะการเต้นของหัวใจ ตลอดจนความคิดภายในใจ และการเคลื่อนไหวของร่างกายก็มากเกินไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ก้าวที่นางไม่ควรเหยียบย่างเข้าไปในทะเลทรายก้าวนั้น
ดังนั้น ท่ามกลางความไม่รู้ตัวของนางเมื่อครู่ เส้นเวลาแต่ละเส้น…แต่ละเส้น ก็ได้ก่อตัวขึ้นบนร่างของนางแล้ว ทำให้นางที่ถอยหลังร่างเกิดการบิดเบี้ยว เกิดความพร่าเลือน และเกิดการซ้อนทับกัน
แต่นางในฐานะผู้บำเพ็ญระดับเจ้าเหนือหัวย่อมไม่ธรรมดา ทันทีที่รับรู้ถึงความผิดปกติของตัวเอง นางก็ไม่ลังเลที่จะปะทุพลังบำเพ็ญขึ้น ทั้งยิ่งเด็ดขาดอย่างยิ่ง ไม่เสียดายค่าตอบแทนระเบิดทลายสมบัติลับประจำตระกูลของตัวเอง อาศัยพลังของมันเพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง ระเบิดออกมาอย่างกึกก้อง
ชั่วพริบตาต่อมา ภูเขาน้ำแข็งมหึมาที่แท้จริงและกว้างใหญ่ ก็ได้ก่อตัวขึ้นโดยมีนางเป็นศูนย์กลาง พุ่งขึ้นส่งเสียงสนั่นหวั่นไหวเลื่อนลั่นไปทั่วทิศ ตั้งตระหง่านอยู่นอกทะเลทราย
ผนึกทุกสิ่ง แช่แข็งทุกอย่าง รวมถึงตัวนางเองและกาลเวลาด้วย!
หลายวันต่อมา ภูเขาน้ำแข็งยังคงตั้งตระหง่าน
ส่วนพายุบนทะเลทรายก็ค่อยๆ สลายไป ทะเลทรายทั้งผืนกลับคืนสู่สภาพปกติ
สวี่ชิง ในตอนนี้ก็ลืมตาขึ้น
เขาไม่ได้มองภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ไกลออกไป เพียงแต่ถอนหายใจในใจกับการสัมผัสรับรู้ของตัวเอง
ผ่านจากความพยายามในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เขาพบว่าเนื่องจากความเข้าใจของตนยังไม่เพียงพอ สุดท้ายก็ยังไม่อาจทำให้กาลเวลาและมิติหลอมรวมกันได้
“แต่นี่คือทิศทางหนึ่ง ทิศทางของวิถีสูงสุดที่ 8 !”
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ยกสะบัด ทะเลทรายก็พลันปั่นป่วนขึ้นทันที ทรายทุกเม็ดล้วนกำลังสั่นไหว กาลเวลานับไม่ถ้วนที่นี่ล้วนกำลังสอดประสาน แสงเจิดจรัสพร่างพรายหลากหลายสีสัน
สุดท้ายก็รวมตัวกันเบื้องหน้าสวี่ชิง กลายเป็นเส้นทางที่พราวพร่างเส้นหนึ่ง
สวี่ชิงลุกขึ้นยืน พูดกับบอวิ๋นเหมินเชียนฝาน “ไปกันเถอะ”
ส่วนอวิ๋นเหมินเชียนฝานในตอนนี้ กำลังมองภูเขาน้ำแข็งที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในความรับรู้ของนาง โดยเฉพาะเมื่อมองเห็นร่างของสตรีที่ถูกผนึกอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง ในขณะเดียวกับที่จำอีกฝ่ายได้ นางก็หันไปมองสวี่ชิงโดยสัญชาตญาณ
“ผู้อาวุโส นาง…”
“นางพยายามที่จะแช่แข็งกาลเวลา แต่ก็ล้มเหลว ตอนนี้ยังไม่ตาย แต่ก็ไม่ต่างอะไรกับคนตายเท่าไรแล้ว”
“เอ๋ เช่นนั้น…ของที่อยู่บนร่างของนางล่ะเจ้าคะ” อวิ๋นเหมินเชียนฝานกะพริบตาปริบๆ
สวี่ชิงส่ายศีรษะ ไม่ได้เอ่ยปากต่อ
เพราะมหาสมุทรห้วงนรกที่ผนึกอยู่ในภูเขาน้ำแข็งนั้น แม้เขาจะเป็นผู้กระตุ้นให้เกิดขึ้น แต่เขาก็ไม่มีความสามารถที่จะรวมมันให้เป็นหนึ่งเดียวได้ หากก้าวเข้าไป ก็จะตกอยู่ในนั้นเช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องนี้ สวี่ชิงย่อมไม่เปิดเผยออกมา
ตอนนี้เขาก้าวไปข้างหน้า 1 ก้าว เดินบนเส้นทางพร่างพรายเบื้องหน้า ระหว่างเดินก็ข้ามผ่านกาลเวลา ข้ามผ่านทะเลทราย เมื่อปรากฏตัวขึ้น…ก็อยู่หน้าค่ายกลผนึกหินยักษ์โบราณแห่งหนึ่งแล้ว
อวิ๋นเหมินเชียนฝานที่อยู่ข้างหลังติดตามไปอย่างน่ารักว่าง่าย
(>>>พิสูจน์อักษร By Zank<<<)



