บทที่ 730 ข้าน่ะสู้เก่งนัก!
บนฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลกู่ กู่เหลียนกำมือขวาของตนแน่น สีหน้าดูเย็นเยือกและมืดครึ้ม
เขารับรู้แล้วว่าตนเองได้กลายเป็นคนโง่เสียแล้ว!
ทว่าเขาสงสัยว่ายอดฝีมือที่แข็งแกร่งเช่นนั้นจะผิดสัญญาได้อย่างไร?
ชายชราคนเดิมปรากฏกายขึ้นข้างๆ กู่เหลียน ชายชราจ้องมองไปที่สุดขอบฟ้าและขมวดคิ้วน้อยๆ “ชายผู้นั้นแข็งแกร่งจริงๆ หรือ?”
กู่เหลียนกล่าวอย่างแผ่วเบา “เขาเกือบจะทำลายแก่นเต๋าแห่งวิทยายุทธ์ของข้าในการโจมตีเพียงครั้งเดียว เจ้าจะพูดเช่นนั้นกับข้าอีกหรือ?”
ชายชรากดเสียงต่ำ “ยอดฝีมือเช่นนั้นคงไม่ผิดสัญญา”
กู่เหลียนส่ายศีรษะน้อยๆ “อย่างไรเสีย คนผู้นี้ไม่ธรรมดา ตระกูลกู่ของพวกเราไม่ควรประเมินเขาต่ำเกินไป”
คนข้างๆ กล่าวสมทบ “ย่อมเป็นเช่นนั้น ข้าได้ตรวจสอบที่มาของเยี่ยฉวน สมบัตินั่นคงจะอยู่ที่เขา มากไปกว่านั้นดูเหมือนว่าจะมีชายลึกลับที่มากฝีมือหนุนหลังเขาอยู่ เหตุเพราะเยี่ยฉวนได้ตกอยู่ในอันตรายมาหลายต่อหลายครั้งแต่เขาก็สามารถเอาตัวรอดได้อย่างง่ายดายในทุกครั้ง ทว่าพวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าคนผู้นั้นเป็นใครหรือมาจากที่ไหน!”
กู่เหลียนเอ่ยเสียงทุ้ม “ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร ตระกูลกู่ของพวกเราจะต้องได้สมบัตินั่นมา หากพวกเราได้มันมา ตระกูลกู่ก็จะสามารถก้าวข้ามสำนักยุทธ์ฝ่ายเหนือและสำนักยุทธ์ฝ่ายใต้ได้ รวมถึงเขตนักบุญเช่นกัน หรือแม้แต่อารามเว่ยหยาง”
ชายชราคนข้างๆ กล่าวเสียงต่ำ “ทว่าหากพวกเราจะได้รับสมบัตินั่นมาจริงๆ ข้าเกรงว่าจะเกิดปัญหาขึ้นเช่นกัน!”
กู่เหลียนกล่าว “ข้าจะลองเสี่ยงดู!”
อีกคนพยักหน้าน้อยๆ และราวกับรำลึกถึงบางสิ่งได้เขาจึงพูดต่อ “เท่าที่ข้ารู้มา เยี่ยฉวนและตระกูลอวิ๋นดูเหมือนจะมีความแค้นเคืองต่อกัน”
กู่เหลียนเอ่ย “ติดต่อตระกูลอวิ๋น นอกจากนั้นค่ายกลขนาดใหญ่จำต้องถูกตรึงไว้ในแดนแห่งไฟชำระตลอด อย่าให้เยี่ยฉวนออกไปได้”
คนข้างๆ พยักหน้ารับ “มีคนคอยตรึงค่ายกลเอาไว้แล้ว ทว่าสัตว์อสูรที่อยู่ในชั้นเก้านั้น…”
หลังจากกู่เหลียนได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ตระกูลกู่ค่อนข้างหวาดกลัวแดนแห่งไฟชำระ
หลังจากที่เงียบไปพักหนึ่ง กู่เหลียนจึงกล่าวขึ้น “ข้าจะหาหนทางจัดการมันเอง”
จากนั้นเขาก็หันหลังและจากไปที่สุดขอบฟ้า
—
ณ ตระกูลตู๋กู
เป็นเพราะเยี่ยฉวนจึงทำให้มีเพียงคนไม่กี่คนที่ยังมีชีวิตอยู่ในตระกูลตู๋กู ซึ่งในเวลานี้ตระกูลตู๋กูไม่พร้อมพอที่จะเป็นหนึ่งในสามตระกูลชั้นสูงไปพร้อมกับตระกูลเหยียนและตระกูลกู่อีกต่อไป
ในโถงกลางนั้น ตู๋กูเหลียนผู้ที่ยังเป็นร่างวิญญาณนั่งอยู่เงียบๆ สีหน้าของเขาดูขุ่นเคืองชอบกล
เหตุเพราะเยี่ยฉวน กำลังของตระกูลตู๋กูจึงอ่อนแอลงเป็นอย่างมากและกองกำลังรอบๆ บางกองก็เริ่มที่จะรุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตโดยรอบ
ทว่าตระกูลตู๋กูนั้นไม่สามารถต้านทานได้และพวกเขาก็ไม่กล้าดีพอที่จะต่อต้าน
ในเวลาเดียวกันนั้นตู๋กูหมิงเดินเข้ามาในหอโถง
เมื่อเห็นตู๋กูหมิง ตู๋กูเหลียนก็ผุดยืนขึ้นรีบออกปากถาม “เขาถูกสังหารหรือไม่?”
ตู๋กูหมิงส่ายศรีษะ
ตู๋กูเหลียนกลับไปนั่งที่เดิมพลางกล่าว “แม้แต่ตระกูลกู่ก็ไม่สามารถสังหารเขาได้……”
ตู๋กูหมิงจ้องมองไปที่ตู๋กูเหลียน “พวกเราจำต้องออกจากดินแดนสวรรค์!”
“ออกจากดินแดนสวรรค์หรือ!”
ตู๋กูเหลียนหรี่ตาลงเล็กน้อย “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ตู๋กูหมิงกล่าวเสียงต่ำ “บัดนี้ตระกูลตู๋กูของพวกเรากำลังตกต่ำ หากพวกเราดำรงอยู่ที่นี่ พวกเราจำต้องถูกคร่าชีวิตเพียงเท่านั้น หากเราไปจากที่นี่พร้อมกับพวกพ้องของเรา อาจจะมีโอกาสที่จะได้กลับมา”
ตู๋กูเหลียนกล่าวอย่างเดือดดาล “เขาสังหารผู้คนมากมายของตระกูลตู๋กู แล้วพวกเราจะทำเพียงปล่อยเรื่องนี้ผ่านไปหรือ?”
ตู๋กูหมิงทอดถอนหายใจเสียงต่ำ “หากพวกเรายังจะทำการอันใดเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ ผู้คนมากมายในตระกูลของเราจะต้องตาย!”
ตู๋กูเหลียนกำหมัดแน่น “เยี่ยฉวนจำต้องตาย!”
ตู๋กูหมิงจ้องมองไปที่ตู๋กูเหลียนแล้วจากนั้นก็ค่อยๆ ถอยไปอย่างเงียบเชียบ
ด้านนอกหอนั้นตู๋กูหมิงทอดมองไปที่ท้องฟ้าและเอ่ยอย่างแผ่วเบา “พวกเราสิ้นหวังแล้ว……”
หลังจากนั้นเขาก็ออกไปทันที
ออกไปจากตระกูลตู๋กู!
ท้ายที่สุดเขาก็เลือกที่จะออกจากตระกูลตู๋กู เหตุเพราะเขาไม่สามารถมองเห็นความหวังอื่นใดอีกได้
ในโถงนั้นหลังจากที่เงียบงันไปพักหนึ่ง ตู๋กูเหลียนก็ไปที่ศาลบรรพบุรุษของตระกูลตู๋กู ใจกลางศาลบรรพบุรุษนั้นมีรูปปั้นชายวัยกลางคนอยู่
ตู๋กูเหลียนเงียบงันไปเป็นเวลานาน จากนั้นเขาก็คุกเข่าลง “ท่านบรรพบุรุษ มีบางสิ่งที่ผิดพลาดได้เกิดขึ้นกับตระกูลตู๋กูอย่างไม่ทันได้ตระเตรียม ผู้สืบสกุลที่ไม่เหมาะสมผู้นี้ขออัญเชิญวิญญาณท่านออกมาด้วยความเคารพ!”
ทันใดนั้น มือของรูปปั้นดังกล่าวก็ขยับ
…
ที่ชั้นเก้าของแดนแห่งไฟชำระ
เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิกับพื้น เบื้องหน้าของเขาคือกระบี่ชี่วิญญาณที่กำลังกลั่นตัวอยู่
ด้านหลังของเขาเป็นเยี่ยหลิง ซึ่งขณะนี้กำลังพิงเขาอยู่อย่างเงียบๆ ในขณะที่ตู๋กูเสวียนนั่งอยู่ข้างๆ และจ้องมองลูกๆ ของตน
และสุดท้ายก็มีเจ้าสัตว์อสูรตัวเล็กจ้อยกำลังจับตามองเยี่ยฉวนอย่างไม่วางตา มันใคร่จะสังหารชายหนุ่มด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว ทว่ามันไม่กล้าดีพอที่จะทำ
ราวครึ่งชั่วยามผ่านไป สุญญากาศเบื้องใต้เยี่ยฉวนก็สั่นเทิ้มน้อยๆ และจากนั้นกระบี่ชี่วิญญาณก็ถูกกลั่นออกมา
กระบี่ชี่วิญญาณทุกเล่มนั้นเป็นศาสตราวุธขั้นสุดยอด กระบี่ที่เห็นนี้ยังไม่สามารถถูกสัมผัสได้ แม้แต่ยอดฝีมือแห่งขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถสัมผัสมันได้ มิฉะนั้นจะถูกกัดกร่อน ยิ่งไปกว่านั้นกระบี่ยังมาในรูปแบบของอากาศธาตุจึงน้ำหนักเบายิ่งนัก ฉะนั้นหากมันถูกใช้เป็นกระบี่บินมันจะมีความเร็วที่ว่องไวอย่างมาก!
เยี่ยฉวนเร่งรีบนำกระบี่เข้าไปในหอคอยแห่งเรือนจำ เขาไม่อาจหาญพอที่จะเก็บกระบี่ไว้ด้านนอกนานนัก เหตุเพราะเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อย่างสมบูรณ์
ในหอคอยแห่งเรือนจำ อาหลิงยืนอยู่เบื้องหน้ากระบี่ชี่วิญญาณทั้งแปด นางทอดมองไปที่พวกมันด้วยสายตาเย็นชา “พวกเจ้าน่ะระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ข้าน่ะต่อสู้เก่งมาก รู้หรือไม่?” ยามที่เด็กหญิงพูดไปนางก็ขยับหมัดน้อยๆ ของตัวเองไปด้วย
เยี่ยฉวน “……”
เมื่อเห็นเยี่ยฉวน อาหลิงก็กะพริบตาปริบๆ แล้วจากนั้นก็หันไปรดน้ำผลจิตวิญญาณของนางต่อ ทว่าเด็กหญิงยังคงจ้องมองไปที่กระบี่ทั้งเก้าอย่างเย็นชาเป็นครั้งเป็นคราว แน่นอนว่ากระบี่ทั้งหมดนั้นไม่อาจหาญพอที่จะมีเรื่องกับนาง
เยี่ยฉวนส่ายศีรษะและยิ้ม ชายหนุ่มจ้องมองไปที่กระบี่ชี่วิญญาณทั้งเก้า……ด้วยกระบี่บินทั้งเก้านี้ เขาก็มีไม้ตายเพิ่มอีกหนึ่ง
ในขณะนั้นตู๋กูเสวียนก็เดินมาหา นางมองไปที่บุตรชายและกล่าวอย่างแผ่วเบา “เจ้าคิดจะทำอันใดต่อไปหรือ?”
เยี่ยฉวนจับมือเล็กๆ ของเยี่ยหลิงเอาไว้ขณะที่นางหลับใหลอยู่ “ปกป้องพวกท่าน!”
ตู๋กูเสวียนทรุดนั่งลงเบื้องหน้าเยี่ยฉวน ก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “เจ้าเต็มใจที่จะเรียกข้าว่าท่านแม่หรือ?”
มือทั้งสองของเยี่ยฉวนนั้นสั่นเทิ้มเบาๆ เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “โปรดให้เวลาข้าสักพัก!”
อย่างไรเสียก็มีบางสิ่งที่ไม่สามารถหลุดออกไปจากใจของเขาได้ในตอนนี้
เมื่อได้ยินคำของเยี่ยฉวนตู๋กูเสวียนจึงกล่าว “ย่อมได้ ย่อมได้……”
นางยิ้มพร้อมน้ำตา
เยี่ยฉวนเอ่ยอย่างแผ่วเบา “น้องสาวข้าและข้าเติบโตขึ้นในตระกูลเยี่ย ทว่าพวกเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับท่านพ่อเลย เขา……”
ผู้เป็นมารดาเงียบงันไป
เยี่ยฉวนกล่าวต่อ “ท่านเล่าเรื่องเกี่ยวกับเขาให้ข้าฟังได้หรือไม่?”
ตู๋กูเสวียนส่ายศีรษะ “ข้าจะบอกเรื่องของเขาในครั้งหน้าได้หรือไม่?”
เยี่ยฉวนพยักหน้า จากนั้นเขาก็นำร่างของเยี่ยหลิงไปสู่อ้อมแขนของตู๋กูเสวียนและเดินไปหาเจ้าสัตว์อสูรตัวเล็กที่อยู่ไม่ไกล
เจ้าสัตว์อสูรตัวเล็กจ้อยก็มองไปที่เยี่ยฉวนด้วยท่าทางสงบนิ่ง ชายหนุ่มไม่สามารถอ่านความรู้สึกของมันได้
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงกล่าว “ผู้คนมากมายต้องการสังหารข้า พวกเขาแข็งแกร่งมากนัก”
สัตว์อสูรตัวเล็กจ้องมองไปที่อีกฝ่ายนิ่งๆ
คนกล่าวต่อ “ยามที่ข้าเห็นเจ้าในครั้งแรก ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นสัตว์อสูรผู้ชอบธรรม เจ้าคงไม่หันหลังให้กับเรื่องเช่นนี้ใช่หรือไม่?”
เจ้าสัตว์อสูรตัวเล็กจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนและกล่าวอย่างมาดมั่น “ไม่ ข้าจะทำเช่นนั้น!”
และจากนั้นมันก็โพล่งออกมาอีกครั้ง “ข้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ!”
เยี่ยฉวนอับจนคำพูด เจ้านี่ไม่ตกหลุมพรางเขา!
สัตว์อสูรตัวน้อยจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนโดยตรงเข้าไปในดวงตา “นางไม่อยู่ที่นี่ใช่หรือไม่?”
เป็นธรรมดาที่บุคคลที่เจ้านี่พูดถึงคือเจียนจื่อไจ้
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ไม่อยู่!”
เจ้าสัตว์อสูรตัวเล็กจ้องเขม็งไปที่เยี่ยฉวนหลังจากนั้นมันจึงกล่าว “เจ้ามนุษย์ จงออกไปจากที่นี่เสีย!”
ด้วยเหตุนี้มันก็หันหลังแล้วจากไป ในเวลาเดียวกันเยี่ยฉวนก็รีบเร่งเอ่ยออกมา “ช้าก่อน”
สัตว์อสูรตัวเล็กจ้องมองไปที่เยี่ยฉวน เยี่ยฉวนครุ่นคิดจากนั้นจึงกล่าว “เจ้าไม่อยากออกไปจากที่นี่หรือ?”
สัตว์อสูรตัวน้อยส่งสายตาแดกดันทิ่มแทง “เจ้าทำได้หรือไง?”
เยี่ยฉวนกล่าว “ข้าไม่สามารถทำได้ แต่ท่านอาจารย์สามารถทำได้!”
เจียนจื่อไจ้!
สัตว์อสูรตัวน้อยหรี่ตาลงเล็กน้อย มันมองไปที่เยี่ยฉวนเช่นนั้น หลังจากเวลาผ่านไปนานมันก็ส่ายศีรษะ “หากนางเห็นข้า นางคงอยากสังหารข้าเท่านั้น!”
เยี่ยฉวนกล่าว “ข้าอยู่นี่ นางจะไม่ทำเช่นนั้น”
อสูรตัวน้อยยิ้มเยาะ “เจ้าจะรับรองได้อย่างไร?”
เยี่ยฉวนกล่าวอย่างจริงจัง “ข้าเป็นศิษย์ของนาง นางโปรดปรานข้ามากที่สุดและมักจะฟังข้า”
สัตว์อสูรตัวน้อยจ้องมองไปที่เยี่ยฉวนและกล่าว “ข้าไม่เข้าใจ เจ้าไม่มีเชื้อสายของเซียนและสภาพร่างของเจ้านั้นช่าง……ธรรมดา เหตุใดนางจึงโปรดปรานเจ้ากัน?”
เยี่ยฉวน “……”
“ฮ่าๆ…”
อยู่ๆ เสียงของเจียนจื่อไจ้ก็ดังขึ้นมาจากหอคอยแห่งเรือนจำ “เจ้าสัตว์อสูรพิทักษ์แห่งสำนักเซียนนี่ชาญฉลาดนัก ข้าจะไว้ชีวิตมัน ฮ่าๆ……”
เยี่ยฉวน “……”
บัดนั้นสัตว์อสูรตัวน้อยพลันกล่าว “ข้าออกไปไม่ได้ ทว่าหากพวกเขามาที่ชั้นเก้านี้ ข้าจะปกป้องน้องสาวและมารดาของเจ้า”
ได้ยินเช่นนั้นเยี่ยฉวนก็ยินดียิ่งนัก ทว่าก่อนที่จะทันได้พูดอะไร สัตว์อสูรตัวจ้อยก็พูดขึ้นเสียก่อน “ทว่าข้ามีข้อแลกเปลี่ยนหนึ่งอย่าง”
เยี่ยฉวนกล่าวอย่างจริงจัง “คืออะไรหรือ?”
สัตว์อสูรตัวเล็กจ้อยลังเลใจก่อนจะกล่าวออกมา “หากเจียนจื่อไจ้มาที่นี่ โปรดบอกนางอย่าตีข้า!”
เยี่ยฉวนชะงักงันไป… เจ้านี่เกรงกลัวเจียนจื่อไจ้จริงๆ
ดูแล้วสิ่งที่เจียนจื่อไจ้กระทำกับสำนักเซียนนั้นซับซ้อนมากกว่าที่ชายชราเคยกล่าวไว้
ไม่เพียงเช่นนั้นสตรีนางนี้ก็ไม่ธรรมดา แม้นางจะอ่อนโยนและกราดเกรี้ยวเป็นครั้งคราวในเวลาปกติ แต่เยี่ยฉวนก็รู้ว่าบุคคลผู้นี้นั้นน่ากลัวเป็นที่สุด เหตุเพราะยามที่นางมีน้ำโห นางอาจสามารถทำลายโลกทั้งใบได้!
ครั้งหน้าคงจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่ยั่วยุนาง!
ด้วยสัญญาที่ให้ไว้กับสัตว์อสูรตัวน้อย เยี่ยฉวนก็โล่งใจขึ้นมานิดหนึ่ง อย่างน้อยที่สุดตราบที่เยี่ยหลิงและตู๋กูเสวียนไม่ได้ออกไป ในยามนี้พวกเขาก็จะยังปลอดภัย
เยี่ยฉวนนั่งขัดสมาธิและจับจ้องไปที่แผ่นยันต์ผนึกพิภพ จากนั้นเขาจึงกล่าวเสียงต่ำ “แม่นางเจียน ข้าจะกลั่นมันอย่างไรหรือ?”
เจียนจื่อไจ้กล่าว “หยดเลือดของเจ้าลงไป!”
เยี่ยฉวนเอ่ยอย่างไม่เชื่อ “เพียงเท่านั้นเองหรือ?”
“ใช่”
“ท่านมั่นใจหรือ?”
“ข้ามั่นใจ!”
“ท่านไม่ได้โป้ปดใช่หรือไม่?”
“ไม่!”
เยี่ยฉวน “……”
น่าตะขิดตะขวงจริง!
เยี่ยฉวนไม่ได้หยดเลือดลงไปในทันที เหตุเพราะคำของเจียนจื่อไจ้ดูไม่น่าเชื่อถือ ทว่าผู้เยี่ยมยุทธชั้นสองก็ไม่ตอบรับเขา
ในพื้นที่นั้นเยี่ยฉวนลังเลอยู่เป็นเวลานาน ท้ายที่สุดเขาก็ยอมหยดเลือดลงบนแผ่นยันต์ผนึกพิภพ
ในเวลานั้นเอง แผ่นยันต์ผนึกพิภพก็เปล่งแสงสีขาวสว่างออกมา เวลาต่อมามันก็ลอยตรงมาที่กึ่งกลางหว่างคิ้วของชายหนุ่ม
ตู้ม!
ลมปราณอันแข็งแกร่งพวยพุ่งออกมาจากร่างของเยี่ยฉวนในบัดดล ในเวลาเดียวกันนั้นร่างมายาร่างหนึ่งก็ปรากฏเบื้องหน้าเขา ไม่ช้าร่างมายาร่างนั้นก็ก่อตัวเป็นร่างที่ชัดเจน นั่นคือชายวัยกลางคนที่สวมใส่ฉลองพระองค์มังกรและมงกุฎมังกร
จักรพรรดิเซียน!
จักรพรรดิเซียนมองไปที่เยี่ยฉวนและกล่าวด้วยเสียงที่ดังสนั่นชัดเจน “นี่คือแคว้นใดหรือ?”
ศีรษะของเยี่ยฉวนพลันว่างเปล่า ในเวลาต่อมาเขาจึงส่ายศีรษะ “ข้าหารู้ไม่!”
จักรพรรดิเซียนจึงถามต่อ “แล้วสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเหล่านี้เล่าคือสิ่งใดบ้าง?”
เยี่ยฉวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นจึงส่ายศีรษะ “ข้าหารู้ไม่!”
จักรพรรดิเซียนเงียบงันไปครู่หนึ่งและกล่าว “เจ้าไม่รู้สิ่งใดเลยหรือ……มันคงเป็นการยากที่ข้าจะช่วยเจ้า คงจะดีกว่านี้ถ้าเจ้ายังรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง!”
เยี่ยฉวน “……”



