บทที่ 929 : ยอดฝีมือเผ่าถังนั่นไร้เทียมทานในหล้านี้!
ทั่วทั้งบริเวณนั้นเงียบสนิท
เยี่ยฉวนถูกยอดฝีมือขั้นไขว่คว้าเต๋ารายล้อมเอาไว้ไร้ทางหนี
ขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเยว่ ผู้เฒ่าชุดคลุมดำและขาวต่างจ้องชายหนุ่มเขม็ง นัยน์ตาเปล่งประกายไปด้วยจิตสังหาร
ความจริงแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเขาพร้อมบุกตลอดเวลา แต่ไม่คาดคิดว่าเยี่ยฉวนจะไร้ร่องรอยหลังโดนกระบวนท่ากระบี่นั่นเข้าไป!
ช่างแปลกยิ่ง!
ต่อหน้าเยี่ยฉวน แม้คุณหนูสามจะไร้แขนทั้งสองไปแล้ว ภายนอกนางยังคงใจเย็น
ทว่าจิตใจนางนั้นไม่!
ชายคนนี้ไม่เกรงกลัวใดๆ!
พร้อมจะฆ่าจริง!
และพร้อมจะเชือดนางทิ้งตลอด!
นางสัมผัสได้ว่ากระบี่ของเยี่ยฉวนนั้นอบอวลไปด้วยจิตสังหาร
ชายหนุ่มอยากฆ่านาง
เยี่ยฉวนไม่อยากสร้างศัตรูก็จริง แต่เมื่อต้องทำแล้ว เขาจะฆ่าให้หมดทุกคน!
คุณหนูสามจ้องเยี่ยฉวน “หากสังหารข้า เจ้าและสหายจะไม่พบเจอคำว่าความสงบสุข นี่ไม่ใช่คำขู่แต่เป็นความจริง”
ชายหนุ่มเอ่ยต่อ “แต่หากไม่ฆ่าเสีย เจ้าจะแว้งกัดข้าไม่ปล่อยเลยไม่ใช่หรือไร”
เขากล่าว รอยยิ้มแปรเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกเมื่อเตรียมสังหารคุณหนูสามทิ้ง
“นายน้อยเยี่ย!”
ตอนนั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้นมา
หญิงสาวนางหนึ่งเดินมาหาเยี่ยฉวนอ้อยอิ่ง
นางมีใบหน้าละม้ายคล้ายคุณหนูสาม สวมชุดลายเกล็ดหิมะ รูปร่างผอมเพรียว ใบหน้าอันงดงามยิ่ง ความงามของนางถือว่าเลอค่านัก!
เมื่อนางเข้ามา เหยี่ยหลานและคนอื่นรีบโค้งให้ “ขอต้อนรับท่านหญิงใหญ่ขอรับ!”
ต่างจากก่อนหน้านี้ คนของฝ่ายนั้นไร้ซึ่งความหวาดหวั่น มีเพียงความเคารพอันสูงส่งเท่านั้น!
นางผงกหัวรับแล้วมองเยี่ยฉวนต่อ “นายน้อยเยี่ย……คิดหรือไม่ว่าจะออกไปจากที่นี่ได้อย่างไรหลังจากฆ่านางแล้ว? หากสังหารนาง เราพร้อมจะทิ้งเรื่องสำนักกระบี่ชั่วคราวและมาแก้แค้นทันที! ท่านยังมีเพื่อนพ้องและครอบครัว แม้ท่านจะหนีพ้น แต่พวกเขาหนีได้แน่หรือ”
เยี่ยฉวนถามต่อ “นายหญิง แล้วท่านคิดว่าข้าควรทำเช่นไรเล่า”
นางกระซิบ “นายน้อยเยี่ยเอ๋ย เป้าหมายของเราไม่ใช่ท่านแต่เป็นสมบัติ! พวกเราต้องแน่ใจว่าสมบัติอยู่ที่เจ้าหรือไม่ หากไร้ซึ่งสมบัตินั่น เราคือพันธมิตรกัน แต่หากมีและยอมยกให้……พวกเรายังคงเป็นพันธมิตรกัน”
เยี่ยฉวนตอบกลับ “แต่พวกเจ้าค้นตัวข้าไปแล้วนี่!”
เขาเอ่ยจบก็โบ้ยไปยังผู้อาวุโสเยว่ซึ่งอยู่ไม่ไกล
ผู้อาวุโสเยว่มองคุณหนูใหญ่แล้วพยักหน้าเบาๆ
คุณหนูใหญ่คลี่ยิ้มออกมา “ข้าขอค้นตัวอีกครั้ง และนี่จะเป็นครั้งสุดท้าย เนื่องจากมีคนบอกมาว่าท่านได้รับสมบัติกลับคืนมาแล้ว พวกเราควรหยุดมุ่งเป้าไปยังสำนักกระบี่เสียที”
เยี่ยฉวนนิ่งเงียบ
คุณหนูใหญ่เอ่ยต่อ “นายน้อยเยี่ยเอ๋ย นี่ถือเป็นเรื่องดีสำหรับท่านด้วย หากพบว่าไร้ซึ่งมหาสมบัติหลังจากค้นตัวแล้ว กองกำลังอำนาจทั้งหลายจะไม่เพ่งเล็งเจ้าอีกต่อไป……ทว่าจะเพ่งเล็งสำนักกระบี่แทน แน่นอนว่าพวกเราก็เช่นกัน หากท่านปฏิเสธเช่นนี้ กองกำลังเหล่านั้นย่อมลังเลเพราะไม่อยากถูกหลอกใช้……เข้าใจความหมายข้าใช่ไหม”
เยี่ยฉวนจ้องตรงไปยังคุณหนูใหญ่ “บอกพวกเขาให้ถอยไปให้ห่างกว่า หมื่นจั้งสิ”
ผู้อาวุโสเยว่หน้าตึงไป “เยี่ยฉวน อย่าสามหาวนัก”
ชายหนุ่มเมินเสียงนกเสียงกาและจ้องคุณหนูใหญ่ต่อไป
คุณหนูใหญ่หันไปมองผู้อาวุโสเยว่และคนอื่นๆ “พวกเจ้าถอยไป”
ทุกคนละล้าละลังเสียจนอีกฝ่ายต้องย้ำ “ทำตามที่ข้าสั่งซะ!”
ผู้อาวุโสเยว่และคนอื่นต่างไม่กล้าขัดคำสั่ง พวกเขายอมถอยไปทันที
ไม่นานนัก บริเวณนี้จึงมีเพียงสามคนเท่านั้น
เยี่ยฉวน คุณหนูสาม และคุณหนูใหญ่
ชายหนุ่มเดินไปหาคุณหนูใหญ่ “เอาเลยสิ!”
เป็นอย่างที่คุณหนูใหญ่ว่า……ควรยืนยันให้รู้กันไปข้างว่าสมบัติไม่ได้อยู่ที่เขา มีเพียงทางนี้เท่านั้นที่อำนาจมืดเหล่านั้นจะยอมปล่อยตนไปเสียที
คุณหนูใหญ่คลี่ยิ้มออกมา “ดูท่านมั่นใจนักว่าไม่มีสมบัตินั่นอยู่กับตัว”
เยี่ยฉวนเอ่ยเสียงต่ำ “รีบค้นตัวเถอะน่า!”
คุณหนูใหญ่ก้าวไปใกล้ชายหนุ่ม มือขวาของนางทาบลงบนอกของเขา
ไม่นานนัก พลังอันแข็งแกร่งเข้าครอบคลุมตัวเยี่ยฉวนทันที
ตอนนั้นเอง กระบี่เล่มหนึ่งถูกกดไว้บริเวณท้ายทอยของคุณหนูใหญ่
หากหญิงสาวคนนี้เคลื่อนไหวแม้เพียงนิด กระบี่จะแทงทะลุคอนางชั่วพริบตา
และกระบี่ที่ว่าคือกระบี่เจิ้นหุน หากแทงเข้าไปในคอของนาง หญิงสาวคงไม่แคล้วสิ้นชีพแน่นอน
คุณหนูใหญ่เพ่งพินิจเยี่ยฉวน พลังจิตตรวจตราของนางมุ่งตรงไปในร่างกายอีกฝ่าย ยามนี้นางเห็นทุกอย่างในร่างกายชายหนุ่มชัดเจน
แน่นอนว่าไม่พบหอคอยแห่งเรือนจำ……
หอคอยในยามนี้มีตัวตนน้อยนัก หากมันอยากซ่อนตัว คนปกติย่อมไม่มีทางหาเจอ
ไม่นาน หญิงสาวดึงมือขวาออกไปก่อนจะหันมองเยี่ยฉวน “เจ้าไม่มีจุดตันเถียนจริงๆ ด้วย!”
เยี่ยฉวนยิ้มออกมา “แน่นอนว่าไม่มี!”
หญิงสาวมองอีกฝ่ายอย่างล้ำลึกและกำลังเอ่ยอะไรบางอย่าง ทว่าเยี่ยฉวนกลับหายตัวไปเสียแล้ว
ตอนนั้นเอง ผู้อาวุโสเยว่และคนอื่นปรากฏขึ้นต่อหน้าหญิงสาว
คุณหนูใหญ่หันไปมองนครอานุภาพ ราวกับกำลังขบคิดอะไรบางอย่าง
ผู้อาวุโสเยว่ถามเสียงเข้ม “นายหญิง สมบัตินั่นอยู่ในตัวเขาหรือไม่ขอรับ”
คุณหนูใหญ่ส่ายหน้า
ผู้อาวุโสเยว่ตอบ “เช่นนั้นแล้ว สำนักกระบี่มีมันแน่นอนขอรับ”
คุณหนูใหญ่กล่าวเสียงนุ่มขึ้นมา “อย่าเชื่อทุกอย่างที่คนผู้นั้นเอ่ยสิ”
ผู้อาวุโสเยว่หน้าตึงไป “หมายความว่าสมบัตินั่นอาจยังอยู่ที่เขาหรือขอรับ”
นางพยักหน้า “ชายคนนั้นช่างลึกลับนัก ข้าอ่านไม่ออกเลยสักนิด สมบัตินั่นอาจยังอยู่ในมือของสำนักกระบี่ สำนักกระบี่อาจอยากเบนความสนใจโดยการเอ่ยเช่นนั้นก็เป็นได้”
ผู้อาวุโสเยว่ถามเสียงเข้ม “เช่นนั้นพวกเราควรจับตัวเยี่ยฉวนก่อนหรือไม่ขอรับ?”
คุณหนูใหญ่เอ่ยกลั้วหัวเราะ “เกรงว่าโอกาสทองนั้นจะหายไปเสียแล้วน่ะสิ”
นางเอ่ยพลางมองคุณหนูสาม “ข้าพร่ำบอกไปหลายพันครั้งแล้วว่าอย่าดูถูกคนอื่นเมื่ออยู่ข้างนอก เจ้าคิดว่าตัวเองแกร่ง แต่ย่อมมีบางคนที่แข็งแกร่งกว่าอยู่”
คุณหนูสามเผยสีหน้าไร้อารมณ์ออกมา “ข้าประมาทเอง”
เอ่ยจบ นางมองไปยังคุณหนูใหญ่ “เจ้ามีพลังเหนือมากพอจะสังหารเขาได้แท้ๆ แล้วทำไมถึงปล่อยไปล่ะ?”
ผู้อาวุโสเยว่และคนอื่นต่างมองไปยังคุณหนูใหญ่กันหมด!
นางหันไปมองนครอานุภาพแล้วกระซิบ “พวกเรายังต้องการชายผู้นั้น ไม่ว่าสมบัตินั่นจะอยู่ในมือเขาหรือสำนักกระบี่ ทั้งคู่ต้องมีอันเป็นไป”
ผู้อาวุโสเยว่ถามขึ้นมา “ท่านจะจัดการสำนักกระบี่ก่อน แล้วหลังจากนั้นใช้เยี่ยฉวนหรือขอรับ?”
คุณหนูใหญ่พยักหน้า “มาทำลายล้างสำนักกระบี่ก่อนเถิด!”
คุณหนูสามพลันแทรกขึ้น “ทำไมพวกเราไม่ฆ่าเยี่ยฉวนก่อนหรือ”
คุณหนูใหญ่หันไปมองอีกฝ่าย “หากฆ่าตอนนี้ ใครเล่าจะช่วยเราจัดการสำนักกระบี่?”
คุณหนูสามมองคุณหนูใหญ่ “ท่านพี่นี่ช่างเจ้าเล่ห์นัก!”
คุณหนูใหญ่มองไปยังนครอานุภาพอีกครั้ง “ผู้อาวุโสเยว่ ส่งสารไปบอกสำนักกระบี่ว่าพวกเราจะมอบโอกาสสุดท้ายให้ หากไม่มอบสมบัตินั้นมา สำนักกระบี่จะหายจากโลกนี้ไปตลอดกาล”
หลังจากนั้น นางหันหลังจากไป
ผู้อาวุโสเยว่เหาะไปยังที่ตั้งสำนักกระบี่ทันที
เมื่อเขาแสดงตัว หมู่เฟิงเฉินโผล่มาตรงหน้า
ผู้อาวุโสเยว่มองหมู่เฟิงเฉินแล้วตอบ “จ้าวตำนานเทพกระบี่ ท่านแน่ใจแล้วหรือว่าจะไม่มอบสมบัตินั้นมาให้เรา?”
หมู่เฟิงเฉินตอบอย่างใจเย็น “ดูท่าทางพวกท่านยังคิดว่าสมบัตินั่นยังอยู่ที่พวกเราอีกงั้นหรือ!”
ผู้อาวุโสเยว่ตอบ “เจ้าบอกว่ามันอยู่ที่เยี่ยฉวน ยืนยันได้หรือไม่เล่า?”
หมู่เฟิงเฉินถามกลับ “แล้วเยี่ยฉวนยืนยันอย่างไรล่ะ……ว่าไม่มีสมบัตินั่นกับตัว”
ผู้อาวุโสเยว่ตอบกลับเสียงเบา “เขาปล่อยให้เราค้นตัว ท่านเล่า……จะยอมให้พวกเราค้นตัวไหม”
หมู่เฟิงเฉินสบถ “ถ้าให้ค้นจริง เจ้าจะเชื่อเรอะว่าสมบัตินั่นไม่ได้อยู่กับเราน่ะ”
ผู้อาวุโสเยว่จ้องเขม็งใส่อีกฝ่าย “แน่นอนว่าไม่!”
หมู่เฟิงเฉินจึงยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็มาแสดงฝีมือเลยสิ ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก”
ผู้อาวุโสเยว่ได้แต่ส่ายหัวยิ้มๆ “สำนักกระบี่มีผู้สนับสนุนนี่ท่าจะจริงอย่างที่คุณหนูใหญ่ว่าไว้เลย ใครล่ะ ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวหรือ?”
หมู่เฟิงเฉินยิ้มเหยาะ “สำนักกระบี่จะเฝ้ารอเจ้า!”
หลังจากนั้น เขาหมุนตัวจากไป
ผ่านไปสักพัก ผู้อาวุโสเยว่จากไปเช่นกัน
ด้านนอกนครอานุภาพ
คุณหนูใหญ่มองไปยังนครและเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเขาดูมั่นใจจริงเชียว!”
ผู้อาวุโสเยว่พยักหน้า “บางทีผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวอาจติดต่อพวกเขาแล้วก็เป็นได้ขอรับ”
ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว!
คุณหนูใหญ่กระซิบ “ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวยังไม่ปรากฏตัวเลยนะ!”
ผู้อาวุโสเยว่เอ่ยเสียงเข้ม “เป็นไปได้หรือไม่ว่าสำนักกระบี่จะมอบสมบัตินั้นให้แก่ผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาว”
นางส่ายหัว “หากสมบัตินั้นอยู่ในมือ พวกเขาย่อมไม่มีทางมอบให้หรอก ไม่มีใครอยากยกสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นให้ใครทั้งนั้น”
เอ่ยจบ นางหน้าตึงขึ้นมา แล้วหันไปมองอีกฝ่าย “วันนั้นเยี่ยฉวนมอบให้ก่อนหรือ”
ผู้อาวุโสเยว่พยักหน้า
คุณหนูใหญ่ถึงกับขมวดคิ้วมุ่น
ตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสเยว่อธิบาย “ในวันนั้น เยี่ยฉวนโดนพวกเรากับสำนักกระบี่ล้อมเอาไว้ เขาฝ่าวงล้อมออกมาได้เพราะมอบของนั้นให้ขอรับ… เขาแค่รอบคอบก็เท่านั้น หากไม่ทำเช่นนั้นเกรงว่าป่านนี้คงตายไปแล้ว!”
คุณหนูใหญ่ถามขึ้นเสียงนุ่ม “เจ้าพบผู้สนับสนุนเบื้องหลังเขาหรือยัง”
ผู้อาวุโสเยว่ส่ายหน้า “คนของพวกเราไปยังจักรวาลดาวเว่ยหยาง และพบว่าชายวัยกลางคนเป็นคนสังหารอวตารของผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวในวันนั้น แต่ชายคนนั้นกลับหายไป พวกเราไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ที่ใด”
คุณหนูใหญ่มองอีกฝ่าย “แม้แต่พวกเราก็ไม่รู้เลยหรือ”
ผู้อาวุโสเยว่ส่ายหน้า “ไม่เลยขอรับ! เอาเป็นว่า อดีตของเยี่ยฉวนนั้นไม่ธรรมดาเลย”
นางหัวเราะเบาๆ “จะซับซ้อนเพียงใดกันเชียว?”
ผู้อาวุโสเยว่เอ่ยเสียงเข้ม “หากสมบัตินั่นไม่อยู่กับเขาแล้ว พวกเราอย่าตั้งตนเป็นศัตรูเลยดีกว่าขอรับ อีกทั้งยังบำเพ็ญพัฒนาตนมาถึงขั้นนี้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ และอาจจะกลายเป็นผู้ฝึกกระบี่ไร้เทียมทานในภายภาคหน้าได้ขอรับ!”
เขาหยุดลงทันควัน
ผู้สนับสนุนของชายหนุ่มนั้นแข็งแกร่งมาก เช่นเดียวกับเยี่ยฉวนที่ห่างไกลจากคำว่าอ่อนแอไปมาก!
คุณหนูใหญ่เงียบไปเล็กน้อย แล้วหันไปมองยังทิศทางที่สำนักกระบี่ตั้งอยู่ “ทำลายล้างสำนักกระบี่ก่อนแล้วกัน”
เอ่ยจบ นางแบมือออกมา เครื่องรางนำสารพลันพุ่งตัดผ่านอากาศออกไป
ผ่านไปหลายชั่วอึดใจ
เหนือสำนักกระบี่ พื้นที่รอบด้านพลันแตก แยกออกจากกันถึงพันจั้ง ในรอยแตกนั้น เสียงคำรามต่างดังก้องให้ได้ยินไปทั่ว!
ตอนนั้นเอง ทุกคนในนครอานุภาพต่างมองไปยังสำนักกระบี่
ณ สำนักกระบี่ หมู่เฟิงเฉินแหงนมองฟ้า คนสิบสองคนพุ่งออกมาจากรอยแตกนั่น
สิบสองคนสวมชุดเกราะดำ หมวกเกราะดำ สะพายกระบี่ไว้ที่สะโพกด้านหลัง พวกเขาต่างควบม้าเขาเดียวซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าม้าทั่วไปและมีปีกสีดำ ม้าพวกนั้นควบอย่างรวดเร็วพร้อมสายฟ้าแล่นแปลบปลาบบริเวณกีบม้า
เห็นดังนั้น หมู่เฟิงเฉินตกใจอย่างมาก ในยามนี้รู้แล้วว่ากองกำลังลับนั่นคือใคร!
เผ่าถัง!
สายเลือดตระกูลขุนนางอันสูงส่งในโลกรกร้างดินแดนตอนใต้!
เป็นที่เลื่องลือยิ่งว่ายอดฝีมือเผ่าถังนั้นไร้เทียมทานในใต้หล้า!
หมู่เฟิงเฉินแหงนมองฟ้าพร้อมพึมพำ “เยี่ยฉวน… แม้สำนักกระบี่จะจมลงสู่นรก พวกเราจะฉุดเจ้าลงไปด้วย!”



