บทที่ 950 ถ้าคิดว่าแน่จริงจงลงมือทำ! (ต้น)
เยี่ยฉวนนิ่งอึ้งพูดไม่ออก เขาจับคำพูดเหน็บแนมประชดประชันของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน
……ชายหนุ่มหาได้สนใจไม่ ก่อนจะเอนพิงต้นไม้ต่อไปพร้อมกับถามว่า “แม่นางถัง เหตุใดสำนักกระบี่และสถาบันฝึกยุทธ์ถึงเสื่อมถอยไปได้ถึงเพียงนี้?”
ใน ‘ตำราประจักษ์โลกา’ บันทึกไว้ว่าความแข็งแกร่งของสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์มีมากเทียบเท่าชุมนุมผู้คุมกฎและเผ่าถัง
ทว่าตอนนี้พวกเขาอ่อนด้อยกว่าเผ่าถังเสียแล้ว!
ถังชิงส่ายหน้า “เจ้าไม่รู้อะไร ในช่วงที่กำลังรุ่งโรจน์พวกเขาแข็งแกร่งนัก! เวลานั้นไม่มีใครกล้าก่อความขุ่นเคืองแก่สำนักกระบี่แม้แต่น้อย! ประกอบกับช่วงนั้นสำนักกระบี่มีคนขั้นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดอยู่ถึงสามสิบคน! ต่อมาเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ‘ราชบุตรของเผ่าอสูร’ พลั้งมือฆ่าศิษย์สำนักกระบี่ตายคนหนึ่ง ทำให้คนขั้นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดจำนวนสิบหกคน……บากบั่นจู่โจมเข้าไปถึงเมืองท่าของเผ่าอสูร บังคับให้เผ่าอสูรสำเร็จโทษองค์ชายคนนั้นเสีย”
เยี่ยฉวนขมวดคิ้วเล็กน้อย “เผ่าอสูรไม่กล้าโต้ตอบเลยงั้นหรือ?”
หญิงสาวกล่าวเสียงขรึม “พวกเขาจะโต้ตอบได้อย่างไร? นี่คงไม่รู้ถึงความน่าสะพรึงกลัว……ยามที่คนขั้นมหาเซียนกระบี่ชั้นยอดกว่าสามสิบคนมารวมตัวกันสินะ! ถ้าลงมือพร้อมกันเมื่อใด……ความรุนแรงนั้นถึงขั้นทำลายล้างเลยทีเดียว อีกทั้งขั้นพลังของเจ้าสำนักกระบี่ยังสุดลึกล้ำยากที่จะรู้ได้ และสำนักกระบี่ไปร่วมมือกับสถาบันฝึกยุทธ์ด้วยแล้ว จะให้เผ่าอสูรต่อสู้โต้ตอบได้อย่างไร? ถ้าเผ่าอสูรตอบโต้กลับไปจริง พวกเขาอาจเป็นฝ่ายที่ถูกทำลายจนย่อยยับ!”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “สถาบันฝึกยุทธ์เล่า?”
เสียงถังชิงกล่าวเรื่อยๆ “ช่วงที่สถาบันฝึกยุทธ์เฟื่องฟู มีสุดยอดอัจฉริยะชื่อว่าโจวหยาฝู ปรากฏตัวขึ้นในสถาบันฝึกยุทธ์……เขาได้นำความรุ่งเรืองถึงขีดสุดมาสู่สถาบันแห่งนี้ คนผู้นี้ชำนาญในกฎเต๋าและไม่อาจมีผู้ใดมาประมือได้อย่างสิ้นเชิง เขาสู้กับฝ่ายตรงข้ามทุกวัน แรกเริ่มก็สู้กับประมุขแห่งเผ่าอสูร จากนั้นถึงได้กลายเป็นหัวหน้าเผ่าถังของเรา ต่อมาสู้กับผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวของชุมนุมผู้คุมกฎ…”
เสียงหยุดลงไปชั่วครู่ ก่อนคนพูดจะเอ่ยต่อไป “เขาเอาชนะได้หมดทุกคน”
เยี่ยฉวนเงียบงัน…
สตรีพูดขึ้นว่า “ในตอนนั้นสามารถต้านทานกำลังคนนับพันได้เพียงลำพัง กล่าวได้ว่าเป็นช่วงที่รุ่งเรืองที่สุดของสถาบันฝึกยุทธ์”
คนฟังตั้งคำถาม “โจวหยาฝูคนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม?”
ถังชิงตอบเสียงอ่อนเบา “ไม่แน่ใจ รู้แต่เพียงว่าในที่สุดเขาไปยังโลกรกร้างดินแดนตะวันออก เป็นไปได้ว่าจะเข้าไปในอาณาจักรเทพเจ้า ทว่าหลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้างข้าสุดที่จะรู้ บางทีอาจจะถูกฆ่าตายหรือไปที่อื่นแล้วก็เป็นได้”
เยี่ยฉวนขมวดคิ้วพลางถามด้วยความสงสัย “อาณาจักรเทพเจ้าที่ว่า มีพลังอำนาจมากเชียวหรือ?”
หญิงสาวนิ่งเงียบ
ขณะที่เยี่ยฉวนขยับจะพูด ถังชิงพลันเอ่ยขัดจังหวะว่า “เวลานั้นดินแดนจักรวาลดวงดาวน้อยใหญ่ต่างถูกพิชิต และรวมเป็นหนึ่งเดียวทั้งจักรวาล เจ้าคิดว่าอย่างไร?”
ชายหนุ่มบอกออกไปว่า “เรื่องนั้นข้ารู้ ดูเหมือนว่าหลังจากนั้นผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวจะเป็นคนที่ออกมาขัดขวางสินะ?”
ถังชิงกล่าวเสียงอ่อนเบา “ข้าเกรงว่าเวลานั้นคงมีแต่อาณาจักรเทพเจ้าและผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเท่านั้น ที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่อาณาจักรเทพเจ้ากันแน่”
ว่าแล้วนางหยุดปากพลางทำท่าลังเลเหมือนไม่ค่อยแน่ใจ
เยี่ยฉวนถามทันที “มีอะไร?”
ถังชิงหันมามองหน้าอีกฝ่าย “เอาเถอะ ข้าคงอยู่ได้อีกไม่นาน ถึงบอกสิ่งที่รู้ให้ฟังไปก็ไม่มีผลอะไรทั้งนั้น เจ้ารู้ไหมว่าทำไมหลังจากเกิดเหตุการณ์……เรื่องของอาณาจักรเทพเจ้าและผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวถึงมีอยู่เพียงน้อยนิด?”
คนถูกถามส่ายหน้าด้วยจนคำตอบ
สตรีบอกให้ว่า “เพราะผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวตายไปแล้ว!”
ชายหนุ่มพึมพำเสียงแห้ง “เขาถูกฆ่าตายงั้นหรือ?”
หญิงสาวพยักหน้า “เขาตายอย่างน่าอนาถ ร่างยังถูกแขวนไว้ที่ทุ่งมรณะเทพเจ้าในโลกรกร้างดินแดนตะวันออกจนบัดนี้ ซึ่งทำให้ชุมนุมผู้คุมกฎรู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างยิ่ง คนของชุมนุมผู้คุมกฎไม่มีใครพยายามนำร่างของเขากลับคืนมาสักคน”
เยี่ยฉวนนิ่วหน้า “ไม่ถูก ถ้าผู้นำสูงสุดแห่งจักรวาลดวงดาวเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จริง เหตุใดอาณาจักรเทพเจ้าถึงล่าถอยไปง่ายๆ อย่างนี้?”
อีกฝ่ายเหลือบตามองเยี่ยฉวน “เรื่องนี้มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับเจ้า”
คำตอบทำให้เขาตกตะลึงไปเล็กน้อย “เกี่ยวกับข้า? ทำไม?”
ถังชิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ก่อนหน้านั้น สมบัติล้ำค่าปรากฏตัวขึ้นที่ทุ่งมรณะเทพเจ้า แต่วันดีคืนร้ายหายสาบสูญไป ผู้ก่อตั้งของเผ่าข้าจึงสันนิษฐานว่า การที่จู่ๆ อาณาจักรเทพเจ้าถอนกำลังออกไปเช่นนี้ อาจเป็นเพราะสมบัติล้ำค่าชิ้นนั้นของเจ้าก็ได้ ทว่าไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัด”
มีอะไรบางอย่างเกี่ยวกับหอคอยงั้นหรือ?
เยี่ยฉวนสั่นศีรษะ หอคอยไม่ได้บอกอะไร ไม่อย่างนั้นคงรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้นแล้ว
ก่อนหน้ายอดยุทธ์ที่ชั้นสองกับคนอื่นๆ ต่างถูกจองจำนับแต่นั้น พวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้างเช่นเดียวกัน
ไม่สิ!
คนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมีอยู่อีกคน!
สตรีลึกลับ!
เวลานั้นนางไม่ได้ถูกจองจำ!
……ต้องรู้สิว่าตอนนั้นเกิดอะไรขึ้น!
เสียงของถังชิงพูดต่อมา “ไม่ว่าจะอย่างไร คนรุ่นหลังควรจดจำกู่ทาเถี่ยน ไว้ให้มาก ถ้าไม่เพราะเขา……โลกใบนี้อาจตกอยู่ในมือของอาณาจักรเทพเจ้าไปแล้วก็ได้”
เยี่ยฉวนกล่าวยิ้มๆ “บางทีอาจจะไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก”
คนตรงข้ามส่ายหน้า “แน่ล่ะ มันเลวร้ายเสียยิ่งกว่าอะไร ฝ่ายที่ได้รับชัยชนะไม่มีทางทำดีต่อผู้แพ้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใดที่จักรวาลรวมกันเป็นหนึ่ง จะไม่มีใครเป็นศัตรูของพวกเขา ณ เวลานั้นคนที่เดือดร้อนก็คือคนที่อยู่ภายใต้การปกครองนั่นเอง”
ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างยอมรับ “เจ้าพูดถูก”
ชายหนุ่มหันไปมองถังชิง “แม่นางถัง ช่วงเวลาที่เฟื่องฟูของเผ่าถังของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หญิงสาวเอ่ยแผ่วเบา “ช่วงเวลาที่เฟื่องฟูครั้งแรก คือเมื่อหลายพันปีก่อน ในตอนนั้นมีหัวหน้าเผ่าที่น่าอัศจรรย์เป็นที่สุด และเวลานี้พวกเราอยู่ในช่วงเฟื่องฟูครั้งที่สอง!”
คนฟังมีสีหน้าพิศวงสงสัย ทว่าเสียงถังชิงตัดบทเสียดื้อๆ “ข้าบอกอะไรเจ้ามากกว่านี้ไม่ได้”
เยี่ยฉวนพยักหน้า “ได้ ข้าจะไม่ถามอีก”
ถังชิงกล่าวว่า “อันที่จริงสาเหตุที่ทำให้สำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์เสื่อมถอยไปได้ขนาดนี้ มิใช่เนื่องมาจากสาเหตุปัญหาภายในเลย แรกเริ่มปัญหาภายในของพวกเขาไม่มีผลต่อเรื่องนี้ กองกำลังใดก็ตามย่อมมีทั้งระยะเฟื่องฟูและระยะตกต่ำ ทว่าเมื่อประสบกับระยะตกต่ำทั้งสำนักกระบี่กับสถาบันฝึกยุทธ์……กลับขาดจุดยืนที่มั่นคงและยังมีความขัดแย้งภายในกันเองอีก ดังเช่นตอนนี้สูญเสียไพ่ใบสำคัญครั้งใหญ่ ทั้งร่างอวตารของผู้ก่อตั้ง ทั้งปัญหาขัดแย้งภายใน!”
คนพูดพลางสั่นศีรษะ “ถ้าไม่นำร่างอวตารของผู้ก่อตั้งออกมาใช้ให้เสียเปล่า พวกเราคงไม่ต้องจู่โจมสำนักกระบี่เป็นการใหญ่เช่นนี้ พวกเขาเสื่อมถอยเป็นเพราะคนที่ทำหน้าที่ในการตัดสินใจ คนแล้วคนเล่าที่ตัดสินใจผิดพลาด”



