Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1431

ตอนที่ 1431

หนึ่งคนหลบหนีด้วยความหวาดกลัว

สวรรค์พลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่กลุ่มเมฆและสายหมอกนับไม่ถ้วนมารวมตัวกัน เพื่อก่อตัวเป็นหัตถ์ยักษ์ที่บดบังไปทั่วทั้งท้องฟ้า ราวกับว่าหัตถ์ยักษ์นี้มาแทนที่สวรรค์ กระจายเป็นพลังผนึกแห่งการทำลายล้างอันยิ่งใหญ่!

เห็นได้ชัดว่าเมื่อหัตถ์ยักษ์นี้ตกลงมา ก็สามารถจะผนึกพื้นฐานฝึกตน, พลังชีวิต, วิญญาณ…และทุกสิ่งทุกอย่างของคนผู้หนึ่งไว้ได้!

ภาพที่สวรรค์กำลังสั่นสะท้านปฐพีกำลังสั่นสะเทือนนี้ ทำให้จิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุนต้องหมุนคว้างไปมา ความรู้สึกถึงอันตรายอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนพุ่งขึ้นมาในจิตใจ มันตระหนักดีว่าถ้าไม่โจมตีกลับไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งบางอย่าง ก็คงต้องตายไปอย่างแน่นอน!!

โดยหลักการแล้วผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คือผู้ไร้พ่าย ยกเว้นสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในสถานที่เช่นสุสานแห่งนี้ หรือการเผชิญหน้ากับผู้พิสดารชราที่อยู่ในขั้นสูงสุดของผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ แต่ในตอนนี้เงาแห่งความตายกำลังปกคลุมอยู่ในจิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุน

มันส่งเสียงกู่ร้องอย่างน่าอนาถใจออกมา ในช่วงวิกฤตของการต่อสู้ โดยไม่ลังเลใดๆ มันตัดสินใจ…ระเบิดหนึ่งในแก่นแท้ของตัวเองไป!

ค่าตอบแทนที่มันต้องจ่ายออกมามากมายมหาศาล ช่วงเวลามากกว่าหนึ่งหมื่นปีข้างหน้า พลังของมันจะค่อยๆ ย้อนกลับจากเก้าแก่นแท้กลายเป็นแปดแก่นแท้อย่างช้าๆ

มันกำลังระเบิดแก่นแท้ของตนเองเพื่อแลกเปลี่ยนกับโอกาสรอดชีวิต

ถ้ามันสามารถจะหลีกเลี่ยงจากเครื่องหมายผนึกอันน่ากลัวนี้ได้ ก็สามารถจะไปร่วมมือกับตี้ปาจื้อจุน ซึ่งอย่างน้อยพื้นฐานฝึกตนที่ตกลงไปของมัน ก็จะทำให้สามารถมีชีวิตรอดอยู่ต่อไปได้!!

“เมิ่งฮ่าว!” ตี้ลิ่วจื้อจุนร้องตวาดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยโทสะอย่างชั่วร้าย แม้ในขณะที่เสียงของมันดังก้องออกมา ก็กางแขนออกเป็นวงกว้าง ทำให้ลมพายุสีดำและขาวพุ่งขึ้นมา เมื่อลมพายุนั้นหมุนคว้างไปมาก็กลายเป็นสีเทาไป และความผันผวนอันน่ากลัวของกลิ่นอายแก่นแท้ก็ปรากฏขึ้น แข็งแกร่งจนสามารถจะทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ใดๆ ก็ตามต้องสั่นสะท้าน แสดงให้เห็นว่าตี้ลิ่วจื้อจุนยินดีที่จะโจมตีไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความบ้าคลั่งมากแค่ไหน

ช่างเป็นภาพที่น่าตกใจยิ่งเมื่อได้เห็นลมพายุกำลังม้วนกวาดตรงไปยังหัตถ์สวรรค์นั้น

เมื่อพวกมันกระแทกเข้าหากัน ก็คล้ายกับว่าพื้นดินที่ด้านล่างกำลังแตกกระจายขึ้นไปสู่ท้องฟ้าที่ด้านบน ตรงด้านบนหัตถ์สวรรค์นั้นก็คือเมิ่งฮ่าว เสื้อผ้าพลิ้วไสวไปมา กลิ่นอายอันน่ากลัวพุ่งกระจายออกไป และใบหน้าก็เย็นชาราวน้ำแข็ง ที่เบื้องล่างลงไปคือลมพายุพสุธา ตรงด้านล่างของลมพายุคือตี้ลิ่วจื้อจุนผู้บ้าคลั่ง เส้นผมและเสื้อผ้าของมันกำลังยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง

ตูมมมมมมม!

ทั้งหมดนี้ต้องใช้เวลาในการอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในช่วงเวลาแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น ในชั่วพริบตาหัตถ์ยักษ์และลมพายุอันดุร้าย…ก็กระแทกเข้าหากัน

เกิดเป็นเสียงระเบิดที่ดูเหมือนว่าจะดังก้องจนเพียงพอที่จะทำลายสวรรค์หั่นปฐพีให้แหลกละเอียดลงไปได้ ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกฉีกกระชากให้ขาดออกเป็นชิ้นๆ!

ตี้ลิ่วจื้อจุนแผดร้องเป็นเสียงโหยหวน ขณะที่ระเบิดแก่นแท้ไปหนึ่งชนิด ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่หนึ่งแก่นแท้เท่านั้น แต่ก็เหมือนกับการระเบิดไปทั้งเก้าแก่นแท้ เสียงกระหึ่มพุ่งขึ้นมา ขณะที่ลมพายุแผดร้องคำรามราวกับเป็นมังกร ด้วยความพยายามที่จะกลืนกินหัตถ์ยักษ์นั้นลงไป

แต่ไม่ว่าลมพายุนั้นจะแผดร้องอย่างบ้าคลั่งมากแค่ไหน หัตถ์สวรรค์ซึ่งประกอบไปด้วยเครื่องหมายผนึกของเมิ่งฮ่าวก็ยังคงกดดันลงไปอย่างต่อเนื่อง ลมพายุแตกกระจายออกไป และพลังระเบิดแก่นแท้ของตี้ลิ่วจื้อจุนก็กลายเป็นระลอกคลื่นที่พุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ขึ้นที่ด้านล่าง และถึงแม้ว่าหัตถ์ยักษ์นั้นจะไม่ถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง แต่ดรรชนีทั้งสี่ก็ถูกกวาดล้างออกไปด้วยแรงระเบิดนั้น

ดรรชนีสุดท้ายพุ่งลงไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็สูญเสียพลังแห่งการผนึกไป

ตี้ลิ่วจื้อจุนกระอักโลหิตออกมา และทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะแก่ชราลงไปหนึ่งพันปี พร้อมกับใบหน้าที่ซีดขาว รู้สึกอ่อนแอลงไปอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่สีหน้าดุร้ายก็ยังคงปรากฏขึ้น และดวงตาก็สาดประกายด้วยความเกลียดชัง ขณะที่ถอยไปทางด้านหลัง ก็หัวเราะออกมา

“เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่มีทางสังหารข้าได้! ความแค้นนี้เปิ่นจุนจะจดจำไว้ตลอดไป!!” ความเกลียดชังที่มีต่อเมิ่งฮ่าวพุ่งขึ้นมาในจิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุนจนบรรลุถึงจุดสูงสุด แต่ในขณะที่มันพูดขึ้นมา ก็ยืมพลังจากการระเบิด และใช้พลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ออกมา พุ่งตรงไปยังตี้ปาจื้อจุน

ทำนองเดียวกันนั้นตี้ปาจื้อจุนกำลังพุ่งตรงมาอย่างรวดเร็ว เมื่อไหร่ที่คนทั้งสองร่วมมือกัน ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะมีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับเช่นตอนนี้ก็ยังไม่อาจจะต้านทานพวกมันได้

เมิ่งฮ่าวตระหนักถึงเรื่องนี้ดี ตี้ลิ่วจื้อจุนก็รู้ เช่นเดียวกับตี้ปาจื้อจุน

เมื่อเห็นว่าการต่อสู้อันน่ากลัวกำลังจะได้ข้อสรุปแล้ว แม้แต่ตี้ปาจื้อจุนก็ยังต้องถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ในความคิดของมันนอกจากว่าเมิ่งฮ่าวเป็นผู้โง่เขลาโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาคงต้องตระหนักดีว่าไม่อาจจะต่อสู้ได้อีกต่อไป ถ้ายังขืนสู้ต่อ ก็คงจะผลักดันให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายเป็นอย่างยิ่ง

นอกจากนี้ระลอกคลื่นแห่งการต่อสู้ที่กระจายออกมาของสองผู้ยิ่งใหญ่ ในที่สุดก็จะถูกผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ รับรู้ได้ และเมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น การต่อสู้ก็ไม่อาจจะดำเนินต่อไปได้อย่างแน่นอน

เนื่องจากเช่นนั้น จึงไม่มีทางที่ตี้ปาจื้อจุนจะคาดคิดได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อจากนั้น สิ่งที่มันเห็นทำให้ต้องตกตะลึงมากขึ้นกว่าเดิม

สิ่งที่มันคิดว่าเป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง ทันใดนั้นก็เป็นไปได้อย่างแท้จริง!

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ที่นั่นในท้องฟ้า มองลงไปยังตี้ลิ่วจื้อจุนที่กำลังหลบหนีไปทางด้านล่าง รวมทั้งตี้ปาจื้อจุนด้วยสายตาที่เย็นชา คนทั้งสองกำลังพุ่งตรงเข้าหากันด้วยความรวดเร็วสูงสุด

“ถ้าข้าบอกว่าจะสังหารเจ้า ข้าก็ต้องทำให้จงได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบและเยือกเย็น เป็นคำพูดเช่นเดียวกับตอนที่เขาพูดออกมาก่อนหน้านี้ ซึ่งกำลังจะฝากรอยแผลเป็นไว้บนร่างของตี้ลิ่วจื้อจุน

เมื่อคำพูดของเมิ่งฮ่าวดังก้องออกไป จิตใจของตี้ลิ่วจื้อจุนก็เริ่มเต้นรัวขึ้นอย่างแปลกๆ

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวยกเท้าขวาขึ้นมาและจากนั้นก็ก้าวเดินตรงไป เมื่อเท้าข้างนั้นเหยียบย่างลงไป แก่นแท้แห่งกาลเวลาก็ปะทุขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัว เมิ่งฮ่าวเริ่มเดินตรงไปด้วยวิธีการที่แปลกๆ เมื่อทำเช่นนั้นแก่นแท้แห่งกาลเวลาที่อยู่รอบๆ ตัวก็เริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ในชั่วพริบตาโลกรอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวก็ได้รับผลกระทบในรูปแบบของกาลเวลา!

เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินไปเป็นก้าวสุดท้าย ก็หายตัวไป เวลาเดียวกันนั้นเวลาในบริเวณนั้นก็เริ่มไหลย้อนกลับ แม้แต่พลังแห่งเจตจำนงของตี้ลิ่วจื้อจุนก็ยังไม่อาจจะทำอะไรเพื่อต่อต้านผลกระทบนั้นได้ เมื่อครู่นี้มันกำลังพุ่งตรงไปยังตี้ปาจื้อจุน แต่ตอนนี้กลับเป็นตรงกันข้าม ใบหน้ามันยังคงเต็มไปด้วยความยินดี และจิตใจก็ยังคงเต้นรัวขณะที่ทันใดนั้นก็เริ่ม…เคลื่อนที่ย้อนกลับมาทางด้านหลัง!!

จากมุมมองของตี้ปาจื้อจุน ดูเหมือนว่ามันกำลังหลบหนีจากไป

ในชั่วพริบตาตี้ลิ่วจื้อจุนก็ถูกฉุดลากห่างออกไปจากตี้ปาจื้อจุน

ต่อมาแรงระเบิดที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของการระเบิดตนเองของแก่นแท้และหัตถ์สวรรค์ทันใดนั้นก็ถูกดูดกลับเข้าไป ราวกับว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายในกระแสแห่งกาลเวลากำลังได้รับผลกระทบ!

ในตอนนี้เองที่จู่ๆ เมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏกายขึ้นที่เบื้องหน้าของตี้ลิ่วจื้อจุน ราวกับว่าเขาแค่เดินผ่านห้วงกาลเวลาเพื่อมายังตำแหน่งใดก็ได้ตามที่ต้องการ ภาพที่เห็นนี้ทำให้ตี้ปาจื้อจุนต้องหยุดชะงักนิ่งในทันที หนังศีรษะด้านชาด้วยความตื่นตระหนก ถูกบดขยี้ราวกับมีเสียงฟ้าร้องคำรามอยู่ในจิตใจ

“เวลา…แก่นแท้แห่งกาลเวลา!! ไม่ใช่ แก่นแท้แห่งกาลเวลาไม่มีกลิ่นอายเช่นนั้น นั่นคือ…นั่นคือ…”

ตี้ปาจื้อจุนสูดหายใจเข้าลึกๆ จิตใจหมุนคว้างขณะที่มองเห็นเมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้นที่เบื้องหน้าตี้ลิ่วจื้อจุน จากนั้นก็ยื่นมือออกไปแตะที่หน้าผากของมัน และขยับมือเคลื่อนไหว วาดเป็นกล่องสี่เหลี่ยมอยู่ในอากาศรอบๆ ตัวตี้ลิ่วจื้อจุน

เสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่ตี้ลิ่วจื้อจุนสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากเริ่มต้นจวบจนยุติลง มันไม่อาจจะต่อต้านกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ได้โดยสิ้นเชิง แทบจะราวกับว่ามันมองไม่เห็นเมิ่งฮ่าวมาอยู่ที่เบื้องหน้าแม้แต่น้อย

มันไม่ได้ต่อสู้กลับไปขณะที่แสงจากมือเมิ่งฮ่าวเริ่มปกคลุมมาบนร่าง ร่างกายมันถูกผนึกไว้ พื้นฐานฝึกตนถูกผนึก และวิญญาณก็ถูกผนึกไว้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวมันต่างก็ถูกผนึกไปโดยสิ้นเชิง!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นเมื่อตี้ลิ่วจื้อจุนกลายเป็น…ภาพวาดไป จากนั้นก็ลอยลงมาบนฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว!

ขณะที่เมิ่งฮ่าวถือภาพวาดนั้นไว้ สองแก้มก็แดงเรื่อขึ้นเล็กน้อย แต่ดวงตากลับเย็นชาราวน้ำแข็ง หันหน้าไปมองยังตี้ปาจื้อจุน

จิตใจตี้ปาจื้อจุนกำลังหมุนคว้าง และเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมา ความไม่อยากจะเชื่อปกคลุมไปทั่วใบหน้า และความหวาดกลัวก็ระเบิดขึ้นมาในจิตใจ

“นั่น…นั่นคือกลิ่นอายของพื้นฐานเต๋า ในรูปแบบของแก่นแท้แห่งกาลเวลา!!”

ตี้ปาจื้อจุนสั่นสะท้านขณะที่ความหนาวเย็นราวน้ำแข็งแผ่กระจายไปทั่วทั้งไขสันหลังและเต็มไปทั่วร่าง จากนั้นก็แผดร้องออกมาและหลบหนีจากไป

อันที่จริงคนผู้นี้ตระหนักดีว่าเมิ่งฮ่าวมีความแข็งแกร่งมากแค่ไหน แม้แต่ก่อนที่จะเข้ามาในเขตสุสานแห่งนี้ การต่อสู้ของเขากับตี้ลิ่วจื้อจุนก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความน่ากลัวมากแค่ไหน ด้วยเช่นนั้นตี้ปาจื้อจุนจึงไม่ต้องการที่จะมีเรื่องกับเขา แต่เนื่องจากคำสั่งของบุรุษหนุ่มในชุดสีทองจินหยุนซาน ทำให้มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องโจมตีไปและพยายามจะสังหารเมิ่งฮ่าวบนสะพาน

ตัวมันเองรวมถึงคนอื่นๆ ทั้งหมดสันนิษฐานว่าเมิ่งฮ่าวได้ตายไปแล้ว นอกจากนี้ก็ไม่มีใครที่ตกลงไปในหุบเหวแล้วจะมีชีวิตรอดมาได้ แล้วมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าเมิ่งฮ่าวยังคงมีชีวิตอยู่!?

หลังจากที่ได้รับข้อความร้องขอความช่วยเหลือจากตี้ลิ่วจื้อจุน มันก็รีบมาอย่างรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อมาถึงก็ได้เห็นการต่อสู้ที่ทำให้ต้องตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง จากนั้นก็มองเห็นเมิ่งฮ่าวทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างสมบูรณ์ และมันก็ได้เห็นสิ่งที่มั่นใจได้ว่าสูงเกินกว่าแก่นแท้ด้วยเช่นกัน เป็นพื้นฐานเต๋าที่ผสมรวมเข้ากับแก่นแท้แห่งกาลเวลา เพื่อสร้างเป็น…เครื่องหมายผนึกอันน่ากลัว!

“คิดจะหลบหนี?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงราบเรียบ ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก มือขวาของตี้ปาจื้อจุนก็พุ่งขึ้นมา ฟาดลงไปบนศีรษะของตนเอง

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น เมื่อร่างกายมันแห้งเหี่ยวลงไป พลังชีวิตจำนวนมากระเบิดออกไป และมันยังได้สังเวยอายุขัยบางส่วนออกไปอีกด้วย เพื่อแลกเปลี่ยนกับความรวดเร็วที่พุ่งทะยานขึ้นมา ในชั่วพริบตามันก็อยู่ห่างออกไปไกลเป็นอย่างยิ่ง

มันกำลังหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ สิ่งที่เมิ่งฮ่าวกระทำก็คือพูดออกมาเท่านั้น และตี้ปาจื้อจุนก็ทุ่มออกมาจนสุดตัวเพื่อหลบหนีจากไป นอกจากนี้มันก็ได้เห็นชะตากรรมของตี้ลิ่วจื้อจุนด้วยสองตาของตนเองอีกด้วย

เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง วิธีการหลบหนีของตี้ลิ่วจื้อจุนไม่อาจจะเทียบได้กับตี้ปาจื้อจุนแม้แต่น้อย มันจากไปอย่างไร้ร่องรอย และเห็นได้ชัดว่าตนเองไม่อาจจะไล่ตามไปได้ทันในช่วงเวลาสั้นๆ

เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่า…ตนเองทำให้ตี้ปาจื้อจุนรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างมากจนต้องรีบหลบหนีจากไปอย่างรวดเร็ว

“ไม่เป็นไร เจ้าเป็นหนี้ข้า ข้าจะค่อยๆ เก็บทั้งต้นทั้งดอก ถึงจะหลบหนีไปได้ แต่ข้าก็รู้ว่าคนทั้งหมดกำลังมุ่งหน้าไปยังที่แห่งใด” หลังจากผ่านไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็แค่นเสียงเย็นชา และจากนั้นก็ก้าวเดินตรงไป มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่เคยเห็นตอนที่อยู่ตรงด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต จุดศูนย์กลางที่ซึ่งบุรุษหนุ่มชุดสีทองและคนทั้งหมดกำลังเฝ้ารอคอยอยู่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!