Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1439

ตอนที่ 1439

เสียงร้องเรียกแห่งจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่

เสียงร้องเรียกที่ดังก้องออกมานั้น ไม่ได้มาจากเมิ่งฮ่าวเอง แต่มาจากตะเกียงสัมฤทธิ์ที่อยู่ภายในร่าง เวลาเดียวกันนั้นดวงตาที่สามก็เปิดขึ้นมา ทำให้แสงอันเจิดจ้าสาดประกายออกไปปกคลุมทั่วทั้งโลกแห่งนี้!

มีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างที่ยากจะบอกได้ เมื่อแสงและเสียงร้องเรียกนั้นกระจายออกไป แผ่นฟ้าและผืนดินก็เริ่มสั่นสะเทือนไปมา และจินหยุนซานก็ไม่อาจจะทำอะไรเพื่อหยุดยั้งมันได้!

สีหน้าของจินหยุนซานเปลี่ยนไปในทันที!

เมิ่งฮ่าวลอยตัวอยู่ในกลางอากาศคล้ายกับเป็นวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ แสงอันยิ่งใหญ่สาดประกายออกมาจากดวงตาที่สาม เขากำลังใช้ดวงตาที่สามมองออกไปยังโลกที่อยู่รอบๆ ตัว มองเห็นภูตผีมากมายจนดูเหมือนว่าจะมีจำนวนที่ไร้จุดสิ้นสุด ย้อนกลับไปในตอนที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ พวกมันคงอาศัยอยู่ในโลกที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งจบลงด้วยการถูกทำลายไปโดยดรรชนีของหลัวเทียน

ด้วยเช่นนั้นจึงสามารถจะกล่าวได้ว่าเจ้านายที่แท้จริงของสุสานแห่งนี้ก็คือภูตผีเหล่านี้!

เมื่อเมิ่งฮ่าวเปิดดวงตาที่สามขึ้นมา ก็ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในรูปแบบของแสงอันเจิดจ้าออกไป พร้อมกับเสียงร้องเรียกจากตะเกียงสัมฤทธิ์ให้กระจายออกไปอย่างเงียบๆ ทั่วทั้งดินแดนอันกว้างใหญ่ ในตอนนั้นเองที่ภูตผีทั้งปวงซึ่งเคยคุกเข่ากราบกรานเมิ่งฮ่าวจากก่อนหน้านี้ จู่ๆ ก็สั่นสะท้านและมองขึ้นมาด้วยแววตาที่สับสน

“ใคร…กำลังร้องเรียกพวกเรา…?”

“นั่นคือกลิ่นอายของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ เป็นความผันผวนของจักรพรรดิ…”

“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…กำลังร้องเรียกพวกเรา!”

เสียงของพวกมันไม่อาจจะได้ยินโดยสิ่งมีชีวิตใดๆ และไม่อาจจะมองเห็นภูตผีเหล่านั้นด้วยเช่นกัน แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้สามารถจะรู้สึกได้ถึงความผันผวนที่กำลังกระจายออกมาจากภูตผีเหล่านั้น

มีแต่กลุ่มภูตผีด้วยกันเองเท่านั้นที่จะได้ยินเสียงของพวกมัน ซึ่งเริ่มดังมากขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งคล้ายกับเป็นคลื่นเสียงขนาดใหญ่

ขณะที่ภูตผีซึ่งไม่ได้อยู่บนดินแดนอันกว้างใหญ่กำลังสั่นสะท้าน ประกายแสงแห่งความตื่นเต้นก็มองเห็นได้จากในดวงตาพวกมัน!

เสียงแผดร้องของพวกมันกระจายออกไปยังทุกซอกมุมของดินแดนอันกว้างใหญ่ ตามมาด้วยกลิ่นอายอันเย็นชาราวน้ำแข็ง ภูตผีเริ่มลอยตรงมา ทำให้เกิดเป็นความหนาวเย็นจนสามารถจะแช่แข็งทุกสรรพสิ่งได้ พวกมันเริ่มคลุ้มคลั่งขึ้นอันเนื่องมาจากเสียงร้องเรียกที่พวกมันรู้สึกได้จากจักรพรรดิของตนเอง

“จักรพรรดิ…นั่นคือกลิ่นอายของจักรพรรดิ ท่านกำลังร้องเรียกพวกเรา!!”

ดูเหมือนว่าภูตผีที่อยู่ด้านนอกดินแดนอันกว้างใหญ่มีจำนวนอย่างไร้จุดสิ้นสุด ทำให้เกิดเป็นเสียงแตกร้าวดังก้องออกมา ขณะที่น้ำแข็งกระจายออกปกคลุมไปทั่วทั้งเศษซากปรักหักพังแห่งนั้น กลุ่มภูตผีนับไม่ถ้วนพุ่งตรงมาคล้ายกับเป็นระลอกคลื่นอันน่าตกใจ ม้วนกวาดไปทั่วสะพานที่เชื่อมต่ออยู่กับดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกนี้

เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนดังก้องขึ้นมา “อะไรก็ตามที่มาขัดขวางเส้นทางการไปกราบกรานองค์จักรพรรดิจะต้องถูกทำลายไป!!”

เสียงแผดร้องอย่างดุร้ายและน่ากลัว ดังก้องออกมาจากกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ สะพาน ก่อนที่กลุ่มหมอกจะทันได้กระจายหายไป ความหนาวเย็นราวน้ำแข็งและกลุ่มภูตผีก็บดขยี้พวกมันไป

เสียงกระหึ่มดังก้องขึ้นขณะที่สะพานสั่นสะท้าน แขนแห่งเลือดเนื้อที่ถูกสร้างขึ้นมาเป็นสะพานถูกแช่แข็งไป และภายในช่วงเวลาไม่กี่อึดใจ ตัวสะพานเองก็กลายเป็นน้ำแข็ง ขณะที่กลุ่มภูตผีตรงด้านนอกรีบพุ่งเข้าไปบนดินแดนอันกว้างใหญ่

ขณะที่เกิดขึ้นเช่นนั้น ภูตผีตนแล้วตนเล่าก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นอยู่ภายในเศษซากปรักหักพังบนพื้นผิวของดินแดนอันกว้างใหญ่ ตอนแรกพวกมันมีท่าทางสับสน แต่เมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงร้องเรียกนั้นดังออกมาจากเมิ่งฮ่าว จิตใจพวกมันก็เต้นรัวขึ้นด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดภูตผีทั้งปวงที่อยู่ภายในเศษซากปรักหักพังและพื้นที่ใกล้เคียงก็มองขึ้นมา และเริ่มร้องตะโกนขึ้นว่า

“นั่นคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!!”

“กลิ่นอายของจักรพรรดิ…จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่ตายไป ท่านกลับมาแล้ว!!”

“จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…กำลังร้องเรียกพวกเรา!!”

ตูมมมมมมม!

ภูตผีทั้งปวงทั้งบนดินแดนอันกว้างใหญ่และตรงด้านนอก กำลังพุ่งตรงมายังอาณาเขตจุดศูนย์กลางที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวอยู่ตรงนั้น

ภายในซากปรักหักพังของวิหาร ทันใดนั้นกลิ่นอายอันน่าตกใจก็ปรากฏขึ้น ตามมาด้วยเงาร่างอันเลือนราง ดูเก่าแก่โบราณแตกต่างไปจากภูตผีตัวอื่นๆ ขณะที่มองออกไปยังที่ห่างไกล พลังอันแข็งแกร่งก็ปะทุขึ้นมาจากร่างมัน

“จักรพรรดิ…กลับมาแล้ว!” มันพึมพำ ใช้มือขวาทำท่าคว้าจับออกไป ทำให้หอกวิญญาณปรากฏขึ้นอยู่ในมือ จากนั้นร่างมันก็กลายเป็นอากาศอันหนาวเย็นพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล

ตรงสถานที่อีกแห่งซึ่งเป็นแม่น้ำ กำลังเริ่มพลุ่งพล่านปั่นป่วนขึ้นมา เมื่อใบหน้าอันดุร้ายพุ่งขึ้นมาจากภายในน้ำ เมื่อมันลืมตาขึ้นมา ก็มองไปรอบๆ ด้วยความว่างเปล่าอยู่ชั่วขณะ ก่อนที่จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“จักรพรรดิ…นั่นคือจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…” มันลอยขึ้นมาจากน้ำด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ภูตผีตนนี้มีความยาวถึงหนึ่งหมื่นจ้าง ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนขณะที่มันบินออกไปด้วยความรวดเร็วสูงสุดยังทิศทางเสียงร้องเรียกของเมิ่งฮ่าว

ตรงตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปมากกว่านั้นคือภูเขาอันสูงใหญ่ ยืนไว้ด้วยบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งในชุดยาวสีขาวที่พลิ้วไสวไปมา มันเป็นภูตผีตนหนึ่ง แต่ก็ยังมีเจตจำนงและจิตใจของตนเอง หันหน้ามองออกไปยังที่ห่างไกลด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อและร่างกายที่สั่นสะท้าน จากนั้นก็เริ่มหัวเราะขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นราวคลุ้มคลั่ง

“มันไม่ใช่จักรพรรดิ แต่ก็เป็นตัวแทนของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่…” มันลอยตัวบินออกไป กระจายเป็นความหนาวเย็นราวน้ำแข็ง ขณะที่มุ่งหน้าตรงไปยังที่ห่างไกล

ภาพเช่นเดียวกันนี้เกิดขึ้นอยู่ในทั่วทุกที่บนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรกนี้ ขณะที่กลุ่มภูตผีเริ่มบินไป เสียงกระหึ่มก็ดังเต็มอยู่ในแผ่นฟ้าและผืนดิน โลกแห่งนี้สั่นสะเทือนไปทั่ว!

ภายในสุสานบนดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งแรก ความหนาวเย็นราวน้ำแข็งแผ่กระจายออกไป อันที่จริงถ้าสามารถจะมองลงมาจากจุดที่อยู่สูงขึ้นไป ก็จะดูเหมือนว่าดินแดนอันกว้างใหญ่ทั้งปวงกำลังกลายเป็นน้ำแข็งไป!

น้ำแข็งปกคลุมไปทั่วทั้งเศษซากปรักหักพัง ภูเขาถูกแช่แข็งไป แม่น้ำจับตัวกันเป็นก้อนน้ำแข็ง ต้นไม้ใบหญ้านับไม่ถ้วนและแม้แต่สายลมก็ยังเริ่มแข็งตัวขึ้นมา

ขณะที่โลกแห่งนี้สั่นสะท้าน กลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงด้านนอกของแท่นบูชา ก็รู้สึกได้ถึงความหนาวเย็นราวน้ำแข็งนี้ และความประหลาดใจก็พุ่งขึ้นมา

“กำลังเกิดอะไรขึ้น!?”

“ไม่ถูกต้อง ความร้อนในที่แห่งนี้เริ่มลดลงไปอย่างรวดเร็ว!”

ในความตกใจของพวกมัน ก็มองออกไปรอบๆ และเห็นหิมะกำลังลอยพลิ้วไปมาอยู่ในอากาศ แต่หิมะเหล่านี้ไม่ได้เป็นสีขาว พวกมันเป็นสีดำ! แน่นอนว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวกำลังมองเห็นอยู่นี้ไม่ใช่หิมะ แต่เป็นภูตผีนับไม่ถ้วน!

นี่เป็นครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้อย่างแท้จริงว่า เจตจำนงของตนเองกำลังร้องเรียกภูตผีเหล่านี้จากภายในเขตสุสาน ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี สวรรค์พลุ่งพล่านปั่นป่วน เมิ่งฮ่าวที่ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ กางแขนออกเป็นวงกว้าง ขณะที่ความหนาวเย็นอันไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไป เสียงแตกร้าวดังเต็มอยู่ในอากาศ เมื่อภูตผีนับไม่ถ้วนหมุนวนไปมาอยู่รอบๆ ตัว

สิ่งมีชีวิตไม่อาจจะมองเห็นภูตผีเหล่านี้ได้ แต่ก็รู้สึกได้ว่ากำลังมีอะไรเกิดขึ้น พวกมันรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่าตกใจนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวขึ้นมาอยู่รอบๆ กายเมิ่งฮ่าว และสามารถจะบอกได้ว่ามีเงาร่างที่มองไม่เห็นกำลังห้อมล้อมเขาอยู่

แต่…จินหยุนซานแตกต่างออกไป เนื่องจากมันอยู่ในสถานะของความว่างเปล่าศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหลอมรวมเข้ากับโลกแห่งนี้ มันคือโลกและโลกก็คือมัน ดังนั้นมันจึงสามารถจะมองเห็นภูตผีทั้งหมดที่กำลังบินอยู่รอบๆ ตัวเองและเมิ่งฮ่าวได้

ดังนั้นมันจึงมองไปด้วยความตกตะลึง

ขณะที่เหล่าภูตผีเริ่มกราบกรานต่อเมิ่งฮ่าว พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้นด้วยความหลงใหลและตื่นเต้น

“ขอคารวะ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!!”

“ขอคารวะ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!!”

“ขอคารวะ จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่!!”

เสียงนับไม่ถ้วนดังก้องขึ้นมาจนทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน คลื่นเสียงขนาดใหญ่ดังกระหึ่มราวกับเป็นเสียงฟ้าร้องคำราม

“เป็นไปไม่ได้!!” จินหยุนซานรู้สึกประหลาดใจอย่างถึงที่สุด และกำลังสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างรุนแรง สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ช่างน่าตกใจไปโดยสิ้นเชิง

มันแทบไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่กำลังมองเห็นอยู่นี้

ภูตผีปรากฏตัวมากขึ้นเรื่อยๆ กระจายออกไปทั่วทุกทิศทางนับหมื่นหลี่ พวกมันทั้งหมดกราบกรานลงไปด้วยความกระตือรือร้นและคลั่งไคล้!

ยังมีบางเงาร่างที่ทำให้จินหยุนซานต้องตื่นตระหนกอย่างถึงที่สุด ซึ่งกำลังกราบกรานต่อเมิ่งฮ่าวเช่นเดียวกัน จินหยุนซานสั่นสะท้านจนหน้าผากเริ่มมีเม็ดเหงื่อไหลลงมา

เมิ่งฮ่าวกำลังได้รับการกราบกรานจากกลุ่มภูตผีนับไม่ถ้วน ราวกับว่าเขาคือจักรพรรดิของพวกมัน ดวงตาเย็นชาขณะที่มองไปรอบๆ และผู้ฝึกตนที่สบสายตากับเขาก็ต้องสะท้านใจอย่างรุนแรง ราวกับว่าพวกมันกำลังถูกฟาดด้วยสายฟ้า หรือว่าถูกแช่แข็งจนกลายเป็นน้ำแข็งไป

เจ้าสำนักกำลังสั่นสะท้านด้วยความประหลาดใจ ลุกขึ้นมายืนในทันที และห่างออกไปด้านข้าง ซาจิ่วตงก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

คนทั้งสองต่างก็อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเก้าแก่นแท้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงความว่างเปล่าศักดิ์สิทธิ์ และไม่อาจจะมองเห็นกลุ่มภูตผี แต่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของคนทั้งสองก็สามารถจะตรวจจับภูตผีนับไม่ถ้วนได้อย่างชัดเจน ซึ่งเมิ่งฮ่าวเรียกมาจากทั้งภายในและภายนอกดินแดนอันกว้างใหญ่แห่งนี้

ทั่วทั้งบริเวณนั้นเต็มไปด้วยวิญญาณภูตผีโดยสิ้นเชิง!

และจากนั้นก็ยังมีอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างรวดเร็วจนทำให้คนทั้งสองต้องสูดหายใจเข้าไปอย่างหนักหน่วง ถ้าพวกมันมีปฏิกิริยาเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงซ่างกวนหงและผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้คนอื่นๆ หรือแม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นใด คนทั้งหมดต่างก็รู้สึกว่ากำลังหมุนคว้างด้วยความประหลาดใจ!

การต่อสู้ระหว่างเมิ่งฮ่าวและจินหยุนซาน กำลังบรรลุถึงจุดสูงสุดอย่างแท้จริง

หนังศีรษะจินหยุนซานด้านชาขึ้น แทบไม่อยากจะเชื่อว่าแม้แต่การเปลี่ยนแปลงความว่างเปล่าศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง ก็ยังไม่อาจจะบีบบังคับให้เมิ่งฮ่าวใช้แก่นแท้ที่เก้าออกมาได้ แต่กลับ…ทำให้เขาเรียกกองกำลังของเหล่าภูตผีมานับไม่ถ้วน!

“เจ้าเป็นใคร?!?!” จินหยุนซานแผดร้องออกมา เมื่อเสียงของมันดังก้องออกไป เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขวาขึ้นมา รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในตอนนี้ ถึงแม้ว่าตนเองจะไม่ใช่จักรพรรดิของดินแดนแห่งนี้อย่างแท้จริง แต่ก็สามารถจะออกคำสั่งต่อกลุ่มภูตผีเหล่านี้ได้

ถึงโลกแห่งนี้จะไม่ได้เป็นของตนเอง แต่ก็ไม่เป็นไร เขาจะพิชิตมันเอง!

เมิ่งฮ่าวลดมือลง และโบกสะบัดชายแขนเสื้อส่งเจตจำนงออกไปยังกลุ่มภูตผีนับไม่ถ้วน จากนั้นเหล่าภูตผีก็มองขึ้นไปยังจินหยุนซาน กรีดร้องออกมาและพุ่งตรงเข้าไปหามัน

จิตใจจินหยุนซานสั่นสะท้าน และความรู้สึกถึงวิกฤตอันร้ายแรงที่เต็มอยู่ในจิตใจก็ยิ่งมีความเข้มข้นมากขึ้นกว่าเดิม ไม่มีเวลาครุ่นคิดว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ได้แต่กัดฟันแน่นและปลดปล่อยพลังแห่งการเปลี่ยนแปลงความว่างเปล่าศักดิ์สิทธิ์ออกไปทั้งหมด ส่งผลให้พลังของโลกแห่งนี้โจมตีกลับไปยังภูตผีเหล่านั้น!

แต่ก็มีอยู่อย่างหนึ่งที่มันไม่ได้พิจารณาอย่างถ่องแท้ ถึงแม้ว่ามันจะใช้การเปลี่ยนแปลงความว่างเปล่าศักดิ์สิทธิ์ให้กลายเป็นโลกของตนเอง แต่โลกแห่งนี้ทั้งก่อนที่จะเกิดหายนะอันยิ่งใหญ่และหลังจากนั้น…ก็เป็นของภูตผีเหล่านี้ตลอดไป!

ครั้งหนึ่งพวกมันเคยเป็นผู้ฝึกตน แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา พวกมันก็กลายเป็นภูตผีพยาบาท!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!