Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1450

ตอนที่ 1450

เข้าสังกัดสำนัก

“บางทีมนุษย์ไม่อาจจะช่วยมันได้ แต่ผู้ฝึกตนสามารถ!” ชายชรากล่าวผ่านร่องฟัน ขณะที่บินขึ้นไปในอากาศ พื้นฐานฝึกตนของมันไม่ได้สูงมากนัก และได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสมาเมื่อหลายปีก่อน อายุขัยของมันกำลังจะสิ้นสุดลงแล้ว ดังนั้นการบินไปนี้มันต้องเผาไหม้แก่นแท้พลังชีวิตบางส่วนของตนเองออกมาเท่านั้น แต่ก็ไม่อาจจะทำได้นานมากนัก

ครั้งหนึ่งมันเคยคิดว่าตนเองจะแก่ชราและตายไปอย่างเรียบง่ายอยู่ในเถาฮวาชุน (หมู่บ้านดอกท้อ) ไม่เคยคิดว่าจะต้องมาพบเจอกับเด็กชายที่อยู่ในอ้อมแขนตนเองผู้นี้ แทนที่จะบอกว่านักศึกษาวัยกลางคนเลี้ยงดูเด็กชายผู้นี้จนเติบโตขึ้นมา ไม่สู้บอกว่าชายชราเป็นผู้ที่ดูแลเด็กชายให้เติบใหญ่ขึ้นมาจะดีกว่า

“ก็แค่เจ็บป่วยเท่านั้น ใช่หรือไม่?!” ชายชราแผดร้องออกมา ในที่สุดก็บินไปบนยอดเขาที่อยู่ใกล้เคียง ที่แห่งนั้นมันดึงแผ่นหยกออกมาจากอกเสื้อด้วยความระมัดระวัง เป็นแผ่นหยกชำรุดที่แทบจะแตกหักออกไปแล้ว หลังจากที่ดึงออกมา ก็มองลงไปด้วยความลังเลเล็กน้อย นี่คือสิ่งของล้ำค่ามากที่สุดของมัน แม้แต่ตนเองก็ไม่รู้ว่าแผ่นหยกนี้มาจากที่แห่งใด แต่ก็มั่นใจว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในแผ่นหยกนี้มีความโดดเด่นและล้ำลึกเป็นอย่างยิ่ง

น่าเสียดายที่พรสวรรค์ของมันอยู่ในเกณฑ์ปกติทั่วไป และไม่เคยจะฝึกฝนได้สำเร็จ แต่ก็ยังคงจำได้อย่างแม่นยำ ย้อนกลับไปในวันที่มันได้ครอบครองแผ่นหยกนี้ ผู้ฝึกตนมากมายทำการต่อสู้เพื่อแย่งชิงแผ่นหยก และดูเหมือนว่าคนทั้งหมดเหล่านั้นจะแข็งแกร่งทรงพลังเป็นอย่างมากสำหรับมัน

มันกัดฟันแน่น โยนความลังเลทั้งหมดทิ้งไป กดนิ้วลงไปบนแผ่นหยก ทันใดนั้นก็ดูเหมือนว่ามันจะแก่ชราลงไปมากขึ้น แต่ผนึกที่อยู่บนแผ่นหยกก็เปิดออก ลำแสงอันทรงพลังพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า จนสามารถจะมองเห็นได้ ถึงแม้จะอยู่ในที่ห่างไกลออกไป

เห็นได้ชัดว่าชายชราปลดผนึกแผ่นหยกเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้ฝึกตนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง และคิดว่าจะมอบแผ่นหยกนี้ให้เป็นค่าตอบแทนสำหรับคนที่ช่วยชีวิตเด็กชายผู้นี้ได้

ชายชราไม่ได้คิดว่าการกระทำเช่นนี้จะเป็นอันตรายต่อตนเองหรือไม่ ในจิตใจของมันต่อให้มีอันตรายก็คู่ควร เมื่อเทียบกับความหวังที่จะได้รับ นอกจากนี้ก็เห็นได้ชัดว่ามันยังจำได้ ในตอนที่มองเห็นศิษย์บางคนจากชางหมางพ่ายบินไปมาเมื่อเร็วๆ นี้ หลังจากที่คิดคำนวณอยู่เล็กน้อย ก็มั่นใจว่าช่วงนี้คือฤดูกาลรับสมัครศิษย์ของดินแดนที่เก้าแห่งชางหมางพ่าย

ในอดีตที่ผ่านมาชางหมางพ่ายเข้มงวดในการรับศิษย์ใหม่เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อเร็วๆ นี้ตี้จิ่วจง (สำนักที่เก้า) กำลังขยายกองกำลัง ทำให้ผู้ฝึกตนจากตี้จิ่วจงทำการรวบรวมเด็กที่มีพรสวรรค์เป็นพิเศษจากพื้นที่ต่างๆ และนำพวกมันกลับไปยังสำนักเพื่อเริ่มต้นฝึกตน

แผ่นหยกเปล่งประกายเจิดจ้าออกมาไม่นานนัก ก็มองเห็นลำแสงพุ่งฝ่าอากาศตรงมา เริ่มมองเห็นเป็นบุรุษวัยกลางคนสามคน ซึ่งมีพื้นฐานฝึกตนที่ไม่ธรรมดา หลังจากที่พวกมันพุ่งลงมาและมองเห็นแผ่นหยก สีหน้าก็เปลี่ยนไป

ชายชราเนื้อตัวสกปรกประสานมือและโค้งตัวลงต่ำในทันที

“ใช่เป็นสหายเต๋าจากชางหมางพ่ายหรือไม่? จ้ายเซี่ย (คำแทนตัวเองด้วยความถ่อมตัว) ซุนต้าเหลย เป็นผู้ฝึกตนเร่ร่อน วันนี้ขอมอบของวิเศษชิ้นนี้เพื่อแลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือจากสหายเต๋า ได้โปรดช่วยชีวิตเด็กผู้นี้ด้วย”

ผู้ฝึกตนทั้งสามมองไปยังเด็กชาย จากนั้นผู้นำของพวกมันก็ทำท่าคว้าจับ ทำให้แผ่นหยกลอยเข้ามาอยู่ในมือ หลังจากที่ตรวจสอบดูชั่วขณะ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มขึ้นมา

“คาดไม่ถึงว่าแผ่นหยกนี้จะมีมรดกอยู่ด้านใน” มันหัวเราะเป็นเสียงดังก้อง โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ส่งกระแสลมปราณเข้าไปในร่างเด็กชาย จากนั้นโดยที่ไม่ยอมมองไปอีกครั้ง ก็หันหลังและเตรียมตัวจะจากไป เช่นเดียวกับสหายทั้งสองของมัน ซึ่งมีท่าทางดีใจเหมือนกัน

ชายชราเนื้อตัวสกปรกกำลังรู้สึกวิตกเป็นอย่างยิ่ง เด็กชายยังคงมีร่างกายที่แห้งเหี่ยว และไม่ได้ดูดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้แต่อย่างใด ทันใดนั้นชายชราก็โพล่งขึ้นมาว่า “สหายเต๋าทั้งสาม เด็กผู้นี้…มีพรสวรรค์ที่ยากจะพบเห็น มันมีวิญญาณที่หยั่งรู้ มีกระดูกลมปราณ และยังมีเส้นโลหิตที่ผสานเข้ากับเส้นลมปราณอีกด้วย!”

สามผู้ฝึกตนหยุดชะงักนิ่ง บุรุษที่หยิบแผ่นหยกไปขมวดคิ้ว ภารกิจของพวกมันคือค้นหาศิษย์ที่มีพรสวรรค์พิเศษ และการเปลี่ยนแปลงที่แปลกๆ ของฟ้าดิน ซึ่งเกิดขึ้นในหมู่บ้านใกล้เคียงก็เป็นเหตุให้พวกมันต้องมายังสถานที่แห่งนี้เป็นอันดับแรก และทำให้พวกมันสามารถจะแสดงตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน เมื่อแผ่นหยกเปล่งประกายเจิดจ้าออกมา

หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายชรา ผู้ฝึกตนที่หยิบแผ่นหยกไปก็เดินมาอยู่ด้านข้างเด็กชาย และวางมือลงไปบนหน้าผาก หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียด ร่างกายมันก็เริ่มสั่นสะท้าน

“ศิษย์น้องทั้งสอง พวกท่านก็มาดูด้วย!” ผู้ฝึกตนอีกสองคนเดินมาตรวจดูเด็กชาย หลังจากที่ทำเช่นนั้นก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเช่นเดียวกัน

“พรสวรรค์ชั้นเยี่ยม!”

“มันมีกระดูกลมปราณ วิญญาณที่หยั่งรู้ และเส้นโลหิตที่ผสานเข้ากับเส้นลมปราณจริงๆ!”

“จากคนทั้งหมดที่พวกเราพบเห็นมาเมื่อเร็วๆ นี้ สามารถจะกล่าวได้ว่าเด็กผู้นี้ยอดเยี่ยมมากที่สุด!!”

ดวงตาของสามผู้ฝึกตนลุกโชนขึ้นด้วยความคลั่งไคล้ เนื่องจากการขยายกองกำลังของตี้จิ่วจงเมื่อเร็วๆ นี้ ทำให้มีการรับศิษย์เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับผู้ฝึกตนทั้งสามเหล่านี้ ถ้าพวกมันพบเห็นเด็กในโลกมนุษย์ที่มีพรสวรรค์พิเศษ ก็จะนำกลับไปยังสำนัก และพวกมันก็จะได้รับรางวัลตอบแทนในรูปแบบของทรัพยากรในการฝึกตน

คนทั้งสามมองไปยังชายชราเนื้อตัวสกปรก และหนึ่งในนั้นก็เริ่มสอบถามขึ้นมาในทันที

“เด็กผู้นี้มีนามว่าอะไร?”

“ฟางมู่!” ชายชรากล่าวตอบ

“เจ้าเป็นญาติกับมัน? มันไม่สบาย พวกเราจำเป็นต้องพากลับไปยังสำนักเพื่อทำการรักษา หลังจากนั้นพวกเราก็ต้องการให้มันกลายเป็นศิษย์ของชางหมางพ่าย”

ชายชราพยักหน้าตอบตกลงในทันที เท่าที่มันคิดโอกาสเดียวที่เสี่ยวฮ่าวจื่อจะมีชีวิตรอดได้ก็คือต้องไปยังชางหมางพ่ายเท่านั้น ซึ่งเป็นหนึ่งในสำนักที่มันเชื่อว่าน่าจะเชื่อถือได้

ผู้ฝึกตนทั้งสามไม่พูดอะไรอีก ยกเด็กชายขึ้นมา จากนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ในที่สุดพวกมันก็บรรลุถึงที่ราบอันกว้างใหญ่ ซึ่งตรงกลางมีประตูเคลื่อนย้ายทางไกลอยู่แห่งหนึ่ง ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้นมีเกราะป้องกันคอยปกป้องอยู่ตามมาตรฐานทั่วไป เพื่อป้องกันคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่ายผ่านเข้าไป

เมื่อคนทั้งสามก้าวเข้าไปในประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ชั่วขณะต่อมาแสงระยิบระยับก็พุ่งขึ้นมา และเด็กชายก็ถูกเคลื่อนย้ายทางไกลจากไป

ในที่ห่างไกลออกไป ชายชราเนื้อตัวสกปรกเพิ่งจะมองเห็นแสงของการเคลื่อนย้ายทางไกลได้อย่างเลือนลาง และถอนหายใจออกมา ถึงแม้ว่ามันไม่ต้องการจะแยกจากเด็กชาย แต่แววตาก็ยังคงเต็มไปด้วยแสงแห่งความมุ่งหวัง

มันรู้ดีตั้งแต่ต้นว่าเด็กชายฟางมู่ผู้นี้มีพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อ ซึ่งสามารถจะทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน เดิมทีมันคิดว่าจะเฝ้ารออีกไม่กี่ปี แล้วค่อยนำเด็กชายออกไปจากโลกแห่งนี้ เพื่อไปพบกับคนรู้จักเก่าแก่ในโลกแห่งการฝึกตน เพื่อรับเด็กชายเข้าสำนักและให้เริ่มต้นวิถีแห่งการฝึกตน

แต่เหตุการณ์ในวันนี้ก็เป็นเรื่องที่บังเอิญเป็นอย่างยิ่ง เท่าที่ชายชราคิดการที่ฟางมู่สามารถเข้าสังกัดชางหมางพ่าย ถือได้ว่าเป็นโชควาสนาที่แท้จริง

ในที่สุดชายชราก็ถอนหายใจและมุ่งหน้ากลับไปยังหมู่บ้าน ขณะที่แสงจันทร์สาดส่องลงมาจากเบื้องบน ชายชราก็ดูแก่ลงไปกว่าเดิมและดูโดดเดี่ยวขึ้นเล็กน้อย

ความเป็นจริงก็คือว่า ต่อให้ชายชราไม่นำเด็กชายไปยังยอดเขา สามผู้ฝึกตนจากชางหมางพ่ายก็จะมาอยู่ดี การเปลี่ยนแปลงของฟ้าดินที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านได้ไปดึงดูดความสนใจของพวกมัน ด้วยเช่นนั้นพวกมันก็จะมองเห็นความพิเศษของเด็กชาย และนำกลับไปยังสำนักด้วยเช่นกัน

ทั้งหมดนั้นเป็นแผนการที่เมิ่งฮ่าวจัดเตรียมมานานแล้ว

เป็นวิธีที่สะดวกมากที่สุดที่จัดเตรียมให้ร่างจำแลงของตนเอง สามารถค้นหาความรู้แจ้งของเวทรุ่นเก้าได้

เวลาเดียวกันนั้นประตูเคลื่อนย้ายทางไกลก็เริ่มส่องประกายเจิดจ้าขึ้นมาตรงสถานที่บางแห่งในตี้จิ่วจง สามผู้ฝึกตนวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าว หลังจากที่ก้าวเดินออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล พวกมันก็มุ่งหน้าตรงไปยังวิหารหลักของสำนัก

ไม่นานนักเสียงกระหึ่มก็ดังก้องอยู่ในสำนัก ขณะที่ลำแสงมากมายพุ่งตรงมายังวิหาร ทำให้ศิษย์ที่อยู่ใกล้เคียงจำนวนมากเกิดความสนใจขึ้นมา ต่างก็มองไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้

ภายในวิหารชายชราหลายคนเพิ่งจะนั่งลงขัดสมาธิอยู่รอบๆ ร่างจำแลงเมิ่งฮ่าว ทั้งหมดต่างก็แผ่พุ่งพลังลมปราณเข้าไปในร่างของเด็กชาย และค่อยๆ ฟื้นฟูจากสภาวะแห้งเหี่ยวนั้นอย่างช้าๆ

“มันมีพรสวรรค์ชั้นเยี่ยมจริงๆ ตลอดหลายปีมานี้ นี่คือคนแรกที่มีพรสวรรค์เช่นนี้!”

“มันมีแม้แต่กระดูกลมปราณ วิญญาณหยั่งรู้ และเส้นโลหิตที่ผสานเข้ากับเส้นลมปราณ! มันไม่ใช่เด็กน้อย มันคือของวิเศษอันล้ำค่า! เหล่าฟูไม่เคยได้ยินเรื่องเช่นนี้มาก่อน!!”

“ถ้าเด็กผู้นี้ฝึกตน ก็จะต้องก้าวหน้าขึ้นไปอย่างรวดเร็วแน่นอน!!”

กลุ่มคนทั้งหมดส่งเสียงหึ่งๆ พูดคุยกัน พรสวรรค์อื่นๆ ไม่เคยกระตุ้นให้เกิดเป็นปฏิกิริยาเช่นนี้มาก่อน แต่มันมีพรสวรรค์ชั้นเยี่ยม พร้อมกับกระดูกลมปราณ วิญญาณหยั่งรู้ และเส้นโลหิตที่ผสานเข้ากับเส้นลมปราณ ทำให้ร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าวนี้คล้ายกับเป็นอัญมณีที่ยากจะพบเห็น!

ในที่สุดร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้แห้งเหี่ยวอีกต่อไป ซึ่งชายชราเชื่อว่าเป็นเพราะการรักษาของพวกมัน แต่ก็ดูผอมซูบและอ่อนแอลงไปมากขึ้น เห็นได้ชัดว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงของการหลับลึก

“นำมันไปยังห้องด้านข้าง ให้ใครมาดูแลมันด้วย เมื่อมันตื่นขึ้นมา ก็เตรียมการให้มันเข้าสังกัดสำนักอย่างเป็นทางการ” ชายชราทั้งหมดต่างก็เหน็ดเหนื่อยกับความพยายามที่ทุ่มเทออกไป หลังจากที่จัดเตรียมในสิ่งที่จำเป็นแล้ว พวกมันก็มองไปยังร่างจำแลงเมิ่งฮ่าว ด้วยแววตาที่ตื่นเต้น ในที่สุดพวกมันก็กลับไปยังที่พักของตนเอง เริ่มนั่งสมาธิเข้าฌาณเพื่อฟื้นฟูพลังการฝึกตน

ไม่กี่วันต่อมาร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา ตอนแรกมีท่าทางสับสน แต่จากนั้นแววตาก็คมกล้าขึ้น และเริ่มกระจายเป็นแสงอันเย็นชาและเจิดจ้าออกมา

ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่งที่ได้เห็นแววตาเช่นนั้นในดวงตาของเด็กชายผู้หนึ่ง

ในที่สุดแสงอันเย็นชาก็จางหายไป และดวงตาก็เริ่มกลับคืนเป็นปกติเหมือนเดิม

“ข้ารู้สึกตัวแล้ว” เด็กชายพึมพำ รู้สึกราวกับว่าเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากความฝัน รับรู้ได้ถึงร่างจริงของตนเอง ที่อยู่ลึกลงไปจากพื้นดินของดาวหลัก ตี้จิ่วจื้อจุนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนดาวครึ่งดวงนั้น เพื่อเข้าฌานตามลำพัง

เวลาเดียวกันนั้นในที่สุดร่างจริงของเมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ในไม่ช้าตนเองก็จะสามารถค้นหาความรู้แจ้งของแปดแก่นแท้ได้อย่างสมบูรณ์แล้ว

“ร่างจำแลงนี้จะกลายเป็นชีวิตที่สี่ของข้า ภารกิจของมันคือสร้างเวทรุ่นเก้าให้สำเร็จเท่านั้น!”

“สำหรับการฝึกตนของมัน…ข้าสร้างร่างจำแลงนี้ขึ้นมา หลังจากที่สังเกตดูร่างกายของตนเองซึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่โดยตะเกียงสัมฤทธิ์อย่างละเอียด ในดาวชางหมางทั้งหมด หรือจริงๆ แล้วก็ในความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตทั้งปวง น่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะค้นหาขนหงส์หรือเขากิเลน กว่าการค้นหาใครบางคนที่มีพรสวรรค์เกินกว่าร่างจำแลงนี้!”

“เมื่อเป็นเช่นนั้น มันก็สามารถจะฝึกฝนพื้นฐานฝึกตนได้รวดเร็วกว่าคนปกติทั่วไปมากนัก การมีชื่อเสียงอยู่ในตี้จิ่วจง บรรลุถึงจุดสูงสุดทีละก้าว ก็ไม่น่าจะลำบากเท่าใดนัก”

“ด้วยการไม่มีปราณอสูรอยู่เลย ทำให้ร่างของมันเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์” แววตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งความพึงพอใจ

ไม่กี่วันต่อมาร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นศิษย์ของชางหมางพ่าย พรสวรรค์ของมันทำให้ตี้จิ่วจงสะท้านไปทั่ว และเมื่อปรมาจารย์อาณาจักรเต๋าได้ยินเรื่องนี้ ก็มาทำการตรวจสอบด้วยตนเอง

ส่งผู้คนไปยังเถาฮวาชุน (หมู่บ้านดอกท้อ) เพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม และทำให้มั่นใจว่าไม่มีอะไรที่พลาดไป จากนั้นร่างจำแลงเมิ่งฮ่าวก็ถูกส่งไปอยู่ในแผนกแห่งหนึ่งของตี้จิ่วจง และกลายเป็นศิษย์สายในไป

ปีนี้ ร่างจริงเมิ่งฮ่าวกลายเป็นตี้จิ่วจื้อจุนมาสิบปีแล้ว

ปีนี้ ศิษย์ที่มีนามว่าหานเป้ย ได้กลายเป็นหนึ่งในว่าที่เซิ่งหนี่ว์ (สตรีศักดิ์สิทธิ์) ของสำนัก

ปีนี้ ฟางมู่ซึ่งเป็นร่างจำแลงของเมิ่งฮ่าว กลายเป็นศิษย์สายในของแผนกแห่งหนึ่งในตี้จิ่วจง!

ทั้งชายชราเนื้อตัวสกปรก ทั้งสามผู้ฝึกตนที่นำร่างจำแลงนี้กลับมายังสำนัก ทั้งเหล่าชายชราที่ทำการรักษา รวมทั้งคนทั้งหมดในดาวชางหมาง ต่างก็ไม่อาจจะคาดคิดได้ว่าฟางมู่ผู้นี้จะเบ่งบานเป็นบุปผาที่เจิดจ้าเช่นไร มีแต่ร่างจริงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่รู้

บางทีอาจจะเป็นสีแดงจ้าราวโลหิต หรือบางทีอาจจะแห้งเหี่ยวไปราวกับเป็นบุปผาที่โรยรา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!