Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1465

ตอนที่ 1465

ท่าทีที่องอาจ

เครื่องหมายผนึกแรกแห่งเวทรุ่นเก้าปรากฏขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะเป็นแค่เค้าโครงร่างเท่านั้น ถึงจะเป็นแค่ภาพลวงตาแต่ก็ครบถ้วนสมบูรณ์แบบ

สามารถจะกล่าวได้ว่าเครื่องหมายผนึกนี้ประกอบไปด้วยเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์แทบจะทั้งหมดของเมิ่งฮ่าว ซึ่งเป็นหนทางเดียวเท่านั้นที่เขาจะปลดปล่อยมันออกมาได้ในตอนนี้

เครื่องหมายผนึกเปล่งแสงระยิบระยับ ไปปรากฏขึ้นบนพื้นผิวของกำแพงในทันที

แทบจะทันใดนั้น กำแพงก็เริ่มสั่นสะท้านไปมา และเกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่ว

นามฟางมู่ปรากฏขึ้น และไปอยู่ตรงอันดับหนึ่งในทันที ผลักดันให้รายชื่ออื่นๆ ทั้งหมดตกลงไปทางด้านล่าง ต่อจากนามฟางมู่เป็นตัวเลขที่มีค่าสูงมากกว่าสามสิบล้าน…

เป็นตัวเลขที่สูงกว่าผู้อยู่ในอันดับหนึ่งก่อนหน้านี้หลายร้อยเท่า เป็นตัวเลขที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือน!!

เมิ่งฮ่าวไม่สนใจเกี่ยวกับรายชื่อหรือตัวเลขเท่าใดนัก แต่ก็รับรู้ได้ว่ากำแพงสามารถจะยอมรับได้มากกว่าหนึ่งเครื่องหมายผนึก จึงรีบขยับมือร่ายเวทด้วยมือขวา จากนั้นก็กดลงไปบนกำแพง เครื่องหมายผนึกรูปแบบที่สองลอยออกไป และทำให้กำแพงสั่นสะเทือนขึ้นมาอีกครั้ง เสียงกระหึ่มอย่างรุนแรงดังก้องออกมาเป็นเวลานานกว่าที่จะเงียบสงบลงไป

เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น ตัวเลขที่อยู่ข้างนามฟางมุ่…ก็พุ่งจากสามสิบล้าน…กลายเป็นสามร้อยล้านอย่างน่าตกใจในทันที!

ระดับตัวเลขที่น่ากลัวเช่นนี้สูงเกินกว่าตัวเลขก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ถ้าพูดออกมาดังๆ ก็จะทำให้แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง

จากกฎของชางหมางไถ ตัวเลขหนึ่งแสนเป็นการบ่งบอกว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์นั้นทรงพลังเพียงพอที่จะให้ผู้แข็งแกร่งอาณาจักรเต๋านำไปใช้ หนึ่งล้านคือหลักเกณฑ์สำหรับราชันเต๋า และสิบล้านสำหรับจักรพรรดิเต๋า หนึ่งร้อยล้านสำหรับผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ หนึ่งพันล้านสำหรับผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ และสำหรับเก้าแก่นแท้…ตัวเลขก็คือหนึ่งหมื่นล้านหรือสูงไปกว่านั้น

กำแพงนี้เผยให้เห็นถึงระดับพลังสุดท้ายของความสามารถศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับพื้นฐานฝึกตน ดังนั้นจึงสามารถจะกล่าวได้ว่าเครื่องหมายผนึกที่รวมกันทั้งสองของเวทผนึกเมิ่งฮ่าว ทรงพลังจนทำให้ผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้ต้องสั่นสะท้านได้อย่างเหลือเฟือ

ระดับพลังอันน่ากลัวเช่นนี้ เป็นสิ่งที่แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังต้องสั่นสะท้าน และทำให้ประกายแสงอันแน่วแน่ปรากฏขึ้นในดวงตา ในตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าเวทผนึกสวรรค์ของตนเองต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก

พร้อมกับดวงตาที่สาดประกายขึ้น เมิ่งฮ่าววางฝ่ามือลงไปบนกำแพงอีกครั้ง ใช้เจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของตนเองวางเครื่องหมายผนึกรูปแบบที่สาม, สี่ และห้าลงไป

เมื่อเครื่องหมายผนึกรูปแบบที่สามหลอมเข้าไปในกำแพง กำแพงก็สั่นสะเทือนอยู่ชั่วขณะ จากนั้นตัวเลขที่อยู่ข้างนามฟางมู่ก็พุ่งทะยานขึ้นไป บรรลุถึงหนึ่งพันล้าน จากนั้นก็สองพันล้าน และในที่สุดก็สามพันล้าน นั่นหมายความว่าสามเครื่องหมายผนึกรวมกัน สามารถจะทำให้ผู้ยิ่งใหญ่แปดแก่นแท้ต้องสั่นสะท้านขึ้นมาได้

เมื่อเครื่องหมายผนึกรูปแบบที่สี่หลอมรวมลงไป กำแพงก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมากขึ้น จนรอยแตกร้าวเริ่มแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของมัน แทบจะทันใดนั้นกำแพงก็พยายามจะปกปิดรอยแตกร้าวเหล่านั้นไว้ ตัวเลขที่อยู่ต่อจากนามฟางมู่เปลี่ยนไปอีกครั้ง บรรลุถึงระดับที่น่าประหลาดใจ เปลี่ยนจากสามพันล้านไปจนกระทั่งถึงหนึ่งหมื่นล้าน จากนั้นก็สองหมื่นล้าน เมื่อถึงสามหมื่นล้านก็ยังไม่ยอมหยุด แต่พุ่งขึ้นไปอย่างต่อเนื่องจนกระทั่งถึงหกหมื่นล้าน!!

ตัวเลขอันน่าเหลือเชื่อนี้ เป็นผลมาจากการหลอมรวมของเครื่องหมายผนึกสี่รูปแบบ หกหมื่นล้านเป็นการบ่งบอกว่าความสามารถศักดิ์สิทธิ์นี้สามารถจะสังหารผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ไปได้ครึ่งหนึ่ง!

และนั่น…ก็เป็นแค่การหลอมรวมของสี่เครื่องหมายผนึกเท่านั้น!

ต่อมา…เครื่องหมายผนึกรูปแบบที่ห้าก็ปรากฏขึ้น และรอยแตกร้าวก็กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของกำแพงมากขึ้น เกิดเป็นเสียงระเบิดดังก้องออกมา ขณะที่กำแพงบรรลุถึงขีดจำกัดของมันและระเบิดขึ้น!

แต่ก่อนที่กำแพงจะแตกกระจายออกไปโดยสิ้นเชิง เมิ่งฮ่าวก็มองเห็นตัวเลขที่อยู่ข้างนามฟางมู่กลายเป็นหนึ่งแสนล้าน และกำลังพุ่งสูงขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจจะมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายได้ ขณะที่กำแพงพังทลายลงไป

เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้าง จนต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ ยกมือขึ้นมาและมองลงไป จากนั้นแสงอันเจิดจ้าก็สาดประกายขึ้นมาในแววตา

“เครื่องหมายผนึกสวรรค์ห้ารูปแบบหลอมรวมเข้าด้วยกันเพียงพอที่จะสังหาร…ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ แม้แต่คนที่อยู่ในขั้นสูงสุดก็ตาม!” เมิ่งฮ่าวสูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาเจิดจ้าขึ้น จิตใจเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่จะได้เห็นรูปแบบสุดท้ายของเวทรุ่นเก้า

ในช่วงเวลาเดียวกับที่กำแพงพังทลายลงไป เสียงกระหึ่มขนาดใหญ่ก็ดังก้องขึ้น ตามมาด้วยแสงอันเจิดจ้า ชั้นที่สิบของเจดีย์ซึ่งเป็นชางหมางไถเริ่มกระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าของ…สวรรค์ชั้นที่สิบออกมา!

จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาทั้งหมดของชางหมางพ่าย มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เคยเรียกสวรรค์ชั้นที่เก้าลงมาได้ ตอนนี้เมิ่งฮ่าวคือบุคคลแรกที่เรียกสวรรค์ชั้นที่สิบ! ซึ่งก็คือ…สิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยสิ้นเชิง!

ในวันนี้เสียงระฆังดังก้องไปทั่วทั้งชางหมางพ่าย อันเนื่องมาจากการตกลงมาของสวรรค์ชั้นที่เก้า เสียงระฆังเหล่านั้นเพิ่งจะจางหายไป และยังไม่มีใครฟื้นสติกลับมาจากสิ่งที่จะกลายเป็นหัวข้อพูดคุยกันในโลกแห่งการฝึกตนอีกนานหลายปีนับจากนี้ไป

แต่ในตอนนี้เอง…ที่เสียงระฆังเริ่มดังก้องกังวานขึ้นมาอีกครั้ง จากสำนักแรก, สอง, สาม…จนกระทั่งถึงสำนักที่เก้า

“หือ? ทำไมระฆังถึงได้ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง?”

“นั่นเป็นแค่เสียงสะท้อน? ข้า…ข้าไม่ได้หูฝาดไปใช่หรือไม่?”

“นี่…นี่เกิดอะไรขึ้น!?!?” ขณะที่เสียงระฆังดังก้องขึ้นมา ศิษย์ในสำนักแรกจนถึงสำนักที่แปด ก็มองไปรอบๆ ด้วยความตกตะลึง อีกครั้งที่เสียงอันเย็นชาไร้ความรู้สึกดังก้องขึ้น

“ตี้จิ่วจง ฟางมู่ สวรรค์ชั้นที่สิบ!”

คนทั้งหมดตกตะลึงกันไปทั่ว รวมทั้งผู้ถูกเลือกที่คล้ายกับเป็นพญาอินทรีเหล่านั้น ผู้แข็งแกร่งทรงพลังในอาณาจักรเต๋า, ราชันเต๋าและจักรพรรดิเต๋าทั้งปวง

ในตอนนี้ความเงียบกริบปกคลุมไปทั่วทั้งชางหมางพ่าย แต่จากนั้นเสียงพูดคุยก็ดังก้องขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าคนทั้งหมดกำลังร้องตะโกนออกไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและตกตะลึงกันไปทั่ว

“เป็นไปไม่ได้! นี่เป็นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง!!”

“สวรรค์ชั้นที่สิบ! เป็นไปได้อย่างไรกัน? นั่นคือสวรรค์ชั้นที่สิบ…สวรรค์ชั้นที่เก้าเพิ่งจะปรากฏขึ้น! แล้วฟางมู่จะเรียกสวรรค์ชั้นที่สิบลงมาได้อย่างไรกัน?! นี่…นี่คือการสร้างตำนานแล้ว!”

“หลอกลวง! มันต้องหลอกลวงอย่างแน่นอน! บัดซบ มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง!” เสียงร้องตะโกนจำนวนมากดังเต็มไปทั่วทั้งชางหมางพ่าย ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนไปมา

กลุ่มคนส่วนใหญ่แทบไม่อยากจะเชื่อ และไม่ต้องการจะเชื่อ ใบหน้าของผู้ถูกเลือกซีดขาวไร้สีเลือด ความรู้สึกที่พวกมันเพิ่งจะรับรู้นี้ยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้

แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังต้องสั่นสะท้าน สีหน้าของผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้และแปดแก่นแท้เปลี่ยนไป เวลาเดียวกันนั้นผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ที่กำลังเข้าฌานอยู่ก็ลืมตาขึ้นมา

เป็นไปไม่ได้ที่กลุ่มคนเช่นพวกมันจะไม่สนใจสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ สวรรค์ชั้นที่เก้าคือเป้าหมายหลัก แต่สวรรค์ชั้นที่สิบ…คือจุดสูงสุดที่ไม่มีใครสามารถจะบรรลุได้มาก่อน

เมื่อศิษย์เช่นนี้ปรากฏขึ้นมาในสำนัก แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ยังต้องให้ความสนใจ

เจ้าสำนักคือบุคคลแรกที่ส่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ของตนเองออกไป เพียงชั่วขณะมันก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา หลังจากที่ตรวจสอบดูอย่างละเอียด รอยยิ้มอันแห้งแล้งก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเลิกให้ความสนใจในทันที

จินหยุนซานในชุดยาวสีทองและซาจิ่วตงต่างก็มองไปด้วยความสงสัยเช่นเดียวกัน ความไม่มั่นใจทำให้พวกมันต้องหยุดชะงักนิ่งไปชั่วขณะ

พวกมันคือกลุ่มคนที่รับรู้ได้ถึงร่องรอยบางอย่าง ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ทั้งหมดต่างก็ให้ความสนใจต่อผู้ถูกเลือกที่มีนามว่าฟางมู่เป็นอย่างยิ่ง

แต่จากนั้นพวกมันก็นึกขึ้นได้ว่าตี้จิ่วจงอยู่ภายใต้การดูแลของอมนุษย์ตี้จิ่วจื้อจุน และพวกมันก็มองไปทางอื่น ไม่ให้ความสนใจฟางมู่อีกแม้แต่น้อย

หรือบางทีอาจจะถูกต้องมากกว่าที่จะกล่าวว่า พวกมันไม่กล้าที่จะไปสนใจ

ชางหมางพ่ายตกอยู่ในความตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม นามฟางมู่ในตอนนี้กลายเป็นตำนานไปแล้ว ภายในตี้จิ่วจงกลุ่มคนกำลังร้องตะโกนขึ้นมาเป็นเสียงดัง แม้แต่เยียนเอ๋อร์ก็ตาม

ในขณะที่เสียงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นดังก้องออกมา เมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านบนสุดของชางหมางไถ อยู่ตรงด้านบนของชั้นที่สิบ และกลายเป็นคนแรกในชางหมางพ่ายที่เคยเรียกสวรรค์ชั้นที่สิบให้ปรากฏขึ้นมาได้ ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่ตรงด้านบนสุดของสวรรค์ชั้นที่สิบ

ดูคล้ายกับเทพเซียนเป็นอย่างยิ่ง เสื้อผ้ากำลังกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น เส้นผมกำลังพลิ้วไปมาอยู่รอบๆ ตัว จากนั้นก็มองขึ้นไปในท้องฟ้าและกลุ่มเมฆสีดำที่กำลังม้วนตัวไปมาด้วยความพลุ่งพล่านปั่นป่วน

ในตอนนี้เองที่สวรรค์ทั้งสิบเริ่มจางหายไปจากชางหมางไถ เริ่มจากสวรรค์ชั้นแรก กลายเป็นลำแสงพุ่งขึ้นมาและผ่านเข้าไปในร่างเมิ่งฮ่าว

จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และขณะที่ลำแสงนั้นผ่านเข้ามาในร่าง ก็รับรู้ได้ว่ามันกำลังรวมเข้ากับเวทผนึกรูปแบบแรกจากเก้ารูปแบบ

“มันคือโชควาสนาจากชางหมางไถ? หลังจากที่สิ้นสุดลงมันก็ปรากฏขึ้นมา…?” เมิ่งฮ่าวมีท่าทางครุ่นคิด เวลาเดียวกันนั้น สวรรค์ชั้นที่สอง, สามและสี่…ก็หายไปเช่นเดียวกัน กลายเป็นลำแสงพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว

ขณะที่ลำแสงเหล่านั้นหลอมรวมเข้ามาในร่าง เขาก็ยิ่งมีความตื่นเต้นมากขึ้น เครื่องหมายผนึกแรกเริ่มแข็งตัวมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นสวรรค์ชั้นที่เก้าและสิบก็จางหายไปและพุ่งเข้ามา ทำให้เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ภายในร่าง

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สูดหายใจเข้าลึกๆ และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความดีใจ ตอนนี้เครื่องหมายผนึกรูปแบบแรกเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้วสามในสิบส่วน!!

ก่อนที่เขาจะทันได้ใช้เวลาสังเกตดูนานมากไปกว่านี้ สายฟ้าก็เริ่มปรากฏขึ้นในกลุ่มเมฆตรงด้านบน

หนึ่งร้อย, หนึ่งพัน, หนี่งหมื่น!

ทัณฑ์สายฟ้าอันไร้ขอบเขตเริ่มฟาดลงมายังเมิ่งฮ่าว เต็มไปด้วยพลังการทำลายล้างและความตาย ผู้ยิ่งใหญ่เจ็ดแก่นแท้และคนอื่นๆ หยุดให้การช่วยเหลือ นอกจากนั้นก็เห็นได้ชัดว่าสายฟ้าเหล่านี้ปรากฏขึ้นสำหรับเมิ่งฮ่าวโดยเฉพาะเท่านั้น เขาจึงจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับมันตามลำพัง

ขณะที่คนทั้งหมดพุ่งถอยไปทางด้านหลัง ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้า เมื่อศิษย์แห่งตี้จิ่วจงทั้งหมดมองมา เสียงกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่ว

เมิ่งฮ่าวก็บินขึ้นไปในอากาศเหนือชางหมางไถ ถือโอกาส…โจมตีไปยังทัณฑ์สายฟ้าอย่างรวดเร็ว!

เขาบินขึ้นไปในท้องฟ้า ไร้ความหวาดกลัว หัวเราะเป็นเสียงเย็นชาออกมา แววตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งการดูถูก เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการจะต่อสู้ด้วย

เมื่อศิษย์นับไม่ถ้วนตรงด้านล่างมองเห็นเช่นนี้ พวกมันก็เริ่มโห่ร้องตะโกนให้กำลังใจเป็นเสียงดังก้องขึ้น เป็นภาพที่จะประทับอยู่ในจิตวิญญาณของพวกมันไปตลอดกาล

เมื่อกลุ่มผู้ถูกเลือกเหล่านั้น มองไปยังเมิ่งฮ่าว ก็ทำให้จิตใจพวกมันต้องสั่นสะท้านด้วยท่าทีที่องอาจเช่นนั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!