ตอนที่ 1516
กลับมา
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปตรงด้านนอกของความว่างเปล่าไร้ขอบเขต
แสงซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากเครื่องหมายผนึกทั้งแปดของเวทรุ่นเก้า มีความแข็งแกร่งสูงเกินกว่าระดับเก้าแก่นแท้ เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าจะอยู่ห่างจากระดับเหนือสูงสุดมากน้อยแค่ไหน แต่ก็มั่นใจว่าไม่มีผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้แม้แต่คนเดียวที่จะมีชีวิตรอดอยู่ได้เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับมัน!
เสียงกระหึ่มจนแสบแก้วหูพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ใบหน้าเหล่านั้นไม่อาจจะกลับเข้าไปในเสาต้นนั้นได้ ก่อนที่พวกมันจะถูกแผดเผาไป
พวกมันส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจออกมาก่อนที่จะตกตายไป แต่เสียงเหล่านั้นก็จางหายไปแทบจะในทันที เมื่อใบหน้าเหล่านั้นกระจัดกระจายหายไป แต่ก่อนที่พวกมันจะกระจายหายไป ก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกขอบคุณที่ได้รับการปลดปล่อย
ในที่สุดทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบกริบลงไป เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าที่เมิ่งฮ่าวและนกแก้วจะสามารถคาดคิดได้
นกแก้วมองไปยังเสาอสูร ซึ่งยังคงสั่นสะท้านอยู่ที่นั่น และเมิ่งฮ่าวที่ยังคงกระจายเป็นบรรยากาศที่บ้าคลั่งออกมา
นกแก้วต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่จ้องมองไปยังเมิ่งฮ่าว หลังจากที่แยกจากกันมานานหลายปี ก็กลายเป็นว่าเมิ่งฮ่าวยังคงเป็นคนที่…ต้องล้างแค้นให้จงได้!
“มัน…มันคิดจะทำอะไร?” นกแก้วครุ่นคิด ดวงตาเบิกกว้างขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ “ช่างดุร้ายนัก! มี…มีแต่ผู้ฝึกตนเหนือสูงสุดเท่านั้นที่จะทำลายเสานั่นไปได้ ตอนนี้มันพยายามจะทำลายเสาอสูรนั่น?”
นกแก้วมองไปรอบๆ ยังเศษซากปรักหักพัง และความปั่นป่วนวุ่นวายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว จากนั้นก็มองกลับไปยังเสาต้นนั้น ชั่วขณะต่อมาหลังจากที่แสงเหล่านั้นจางหายไป เสียงแตกร้าวก็ดังก้องออกมา
เวลาเดียวกันนั้นก็สามารถจะมองเห็นรอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนเสา ถึงแม้ว่าเสานั้นจะไม่ถูกบดขยี้ไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่อาจจะซ่อมแซมรอยแตกร้าวเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
นกแก้วสั่นสะท้านและจากนั้นก็ร้องตะโกนออกไปว่า “เมิ่งฮ่าว พอได้แล้ว ค่ายกลเวทพร้อมแล้ว พวกเราต้องออกไปจากที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้!” จากนั้นนกแก้วก็หมุนตัวพุ่งตรงไปยังค่ายกลเวทที่เรียบร้อยสมบูรณ์ ซึ่งเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่มราวกับมีชีวิตขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวเริ่มถอยหลังไปในทันที ถึงแม้ว่าจะเป็นการต่อสู้อย่างขมขื่น แต่ตนเองก็ได้รับชัยชนะมาอย่างงดงาม
“ตอนนี้ข้าไม่อาจจะทำลายเสานี้ได้ แต่สักวันหนึ่งข้าจะกลับมายังที่แห่งนี้ และกำจัดมันออกไป!” เมิ่งฮ่าวครุ่นคิด ด้วยแววตาที่สาดประกายเย็นชา
แทบจะในทันทีที่รอยแตกร้าวปรากฏขึ้น เค้าโครงร่างคนที่อยู่ภายในเสาก็เริ่มหดตัวเล็กลงไป ผลไม้บนเค้าโครงร่างนั้นระเบิดขึ้น และในที่สุดเสียงกรีดร้องแหลมเล็กก็ดังก้องออกมา พุ่งผ่านเสาเข้ามาสู่โลกแห่งนี้ ดังก้องออกไปทั่วทุกทิศทาง
ขณะที่ได้ยินเสียงกรีดร้องนี้ โลหิตก็พ่นกระจายออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว จึงรีบเร่งความเร็วขึ้นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย เวลาเดียวกันนั้นเสาที่เป็นตัวแทนของเซียนก็เริ่มหดตัวและเหี่ยวแห้งลงไป และกลายเป็นว่าไปทำให้เสาของปราณอสูรเริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา
แต่รอยแตกร้าวก็ยังคงมีอยู่ อย่างน่าตกใจยิ่งในตอนนี้เองที่เจตจำนงแห่งความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขตก็พุ่งขึ้นมา ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน จากนั้นดวงตาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันตรงด้านบน
ดวงตานั้นมีขนาดใหญ่โตมหาศาล เป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง เป็นความปั่นป่วนวุ่นวายขนาดใหญ่ และดูเหมือนว่าจะประกอบไปด้วยกลุ่มหมอกที่พลุ่งพล่านปั่นป่วนของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต เห็นได้ชัดว่าดวงตานี้คือเจตจำนงแห่งหลัวเทียน เป็นกลยุทธ์สุดท้ายที่แสดงออกมาในวันนี้ ในทันทีที่มันปรากฏขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบกริบลงไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อดวงตานั้นลืมขึ้นมาก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกได้ถึงวิกฤตอันร้ายแรง สามารถจะบอกได้ว่ากฎธรรมชาติในบริเวณนี้กำลังถูกทำลายไป และขณะที่ดวงตานั้นจ้องมองมา ก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันน่ากลัวจนทำให้หนังศีรษะต้องด้านชาขึ้นมา ทันใดนั้นตะเกียงสัมฤทธิ์ก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้ามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เมิ่งฮ่าวคล้ายกับเป็นเงาร่างแห่งแสง
แทบจะในทันทีที่ดวงตานั้นลืมขึ้นมา เมิ่งฮ่าวก็บรรลุถึงค่ายกลเวทพร้อมกับนกแก้ว
นกแก้วแผดร้องออกมา ขณะที่ค่ายกลเวทเริ่มทำงาน แต่ในขณะที่แสงของมันเริ่มส่องสว่างขึ้นมา ก็ดูเหมือนว่าดวงตาขนาดใหญ่นั้นจะทำให้ท้องฟ้าซึ่งเต็มไปด้วยหมู่ดาวที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต้องบิดเบี้ยวไปมา ขณะที่ปากขนาดใหญ่ปรากฏขึ้น พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวและนกแก้วราวกับว่าต้องการจะกลืนกินทั้งสองลงไป
ดวงตานกแก้วกลายเป็นสีแดงเจิดจ้า และแผดร้องออกมาอีกครั้ง เสียงแตกร้าวได้ยินมา ดังออกมาจากรอยแตกร้าวที่กำลังกระจายไปทั่วทั้งกระจกทองแดง ด้วยการทำลายกระจกไป ก็สามารถจะลบล้างผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงกฎธรรมชาติ ซึ่งเกิดขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียน ชั่วขณะต่อมาเสียงกระหึ่มก็ดังก้องขึ้น เมื่อนกแก้วและเมิ่งฮ่าวหายตัวไป
ซึ่งเป็นตอนที่ปากขนาดใหญ่พุ่งมาถึงในทันที ปากนั้นกัดลงไปอย่างรุนแรง ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวสั่นสะท้าน เหลือทิ้งไว้แต่หลุมควันขนาดใหญ่ตรงจุดที่ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเคยตั้งอยู่
ดวงตานั้นจ้องมองออกไปยังที่ห่างไกล และเสียงแผดร้องแหลมเล็กก็ได้ยินออกมาจากทิศทางของเสาปราณอสูร
เมื่อเกิดขึ้นเช่นนั้น แสงอันเจิดจ้าของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลก็ปรากฏขึ้นตรงมุมๆ หนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียน ชั่วขณะต่อมาเมิ่งฮ่าวและนกแก้วก็ปรากฏตัวขึ้น
เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาในทันที และนกแก้วก็มีท่าทางอ่อนล้าลงไป แสงของประตูเคลื่อนย้ายทางไกลจางหายไป และกระจกทองแดงก็ปรากฏขึ้น เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถูกทำลายไป แต่ก็เห็นได้ชัดว่าตกอยู่ในสภาพอันเลวร้าย ก่อนที่มันจะเดินทางออกไปตรงด้านนอกของความว่างเปล่าอันไร้ขอบเขต
“บัดซบ! อู่เหยียเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว? พอกันที เมิ่งฮ่าว เจ้าต้องอธิบายเรื่องทั้งหมดนี้ให้อู่เหยียฟังบ้าง!” นกแก้วกล่าวขึ้นด้วยท่าทางหงุดหงิดเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวตอบกลับไปด้วยคำถาม “ดวงตานั่นคือ…หลัวเทียน? หลัวเทียนคือเจตจำนงของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต?”
มองเห็นแววตาหวาดกลัว ขณะที่นกแก้วเริ่มต้นพูดขึ้น “ตำนานเคยกล่าวไว้ว่าโลกแก่นแท้ของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตมีเจตจำนงอยู่ เจตจำนงนั้นถูกเรียกว่าหลัวเทียน ร่างกายหลักของเจตจำนงนั้นคงอยู่ตรงด้านนอกของความว่างเปล่าไร้ขอบเขต แต่เจตจำนงนั้นก็ปกคลุมไปทั่วความว่างเปล่าไร้ขอบเขตด้วยเช่นกัน
ในตอนแรกเจตจำนงนั้นประทานพรให้กับสิ่งมีชีวิตทั้งปวง และสันนิษฐานกันว่ายังได้สอนให้สิ่งมีชีวิตรู้จักการฝึกตนอีกด้วย แต่เมื่อเวลาล่วงผ่านไป มันก็เริ่มอ่อนแอลง และจากนั้นก็เป็นบ้าไป”
“แต่ข้ามีความทรงจำอย่างเลือนรางลึกๆ ข้างในซึ่งดูเหมือนจะบ่งชี้ว่า…หลัวเทียนนี้จริงๆ แล้วก็แตกต่างไปจากเดิม แต่ไม่มีใครบอกได้อย่างแท้จริง…แม้แต่ข้าก็ไม่มั่นใจ บัดซบ ข้าไม่รู้ได้อย่างไร?” นกแก้วส่ายหน้าไปมาด้วยความสับสน
ดวงตาเมิ่งฮ่าวทอประกายครุ่นคิด ขณะที่จ้องมองไปยังนกแก้ว และถามไปอีกครั้ง “ชางหมางเหลาจู่ (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด) เป็นคนสร้างเจ้าขึ้นมา?”
“ชางหมางเหลาจู่…” นกแก้วพึมพำ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงแห่งการหวนรำลึก หลังจากที่ตื่นขึ้นมา ความทรงจำของมันก็เผยออกมาอย่างช้าๆ หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก ก็พยักหน้า แต่จากนั้นจู่ๆ ก็ดูเหมือนว่าจะรู้สึกลังเล เห็นได้ชัดว่า…ชางหมางเหลาจู่สร้างกระจกทองแดงขึ้นมา แต่ไม่ได้สร้างนกแก้ว เห็นได้ชัดว่า…นกแก้วมาจากช่วงเวลาก่อนที่ชางหมางเหลาจู่จะมีชีวิตอยู่!
นกแก้วไม่ต้องการคิดไปถึงเรื่องราวเมื่อในอดีต และด้วยเช่นนั้นมันจึงเริ่มร้องตะโกนไปยังเมิ่งฮ่าว “ช่างมันเถอะ เมิ่งฮ่าว เจ้ายังไม่ได้อธิบายข้าเลย บัดซบ ความทรงจำของอู่เหยียเพิ่งจะฟื้นคืนมา แต่จากนั้นก็ต้องหวาดกลัวจนแทบตาย!!”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหาร ขณะที่มองออกไปยังทิศทางของดาวชางหมาง “ข้ากำลังจะไปหาคำอธิบาย ให้กับพวกเราทั้งสอง!”
ดังเช่นที่เมิ่งฮ่าวกล่าวมา เรื่องต่อไปที่เขากำลังจะทำก็คือไปหาคำอธิบาย
จากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ เจตจำนงแห่งหลัวเทียนจะมีผลกระทบกับตนเอง เฉพาะตอนที่อยู่ตรงด้านนอกของความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเท่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่อาจจะทำอะไรได้เมื่ออยู่ภายในความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเอง ซึ่งหมายความว่าเมิ่งฮ่าวจะปลอดภัยชั่วคราว
คำอธิบายของนกแก้วช่วยยืนยันความสงสัยของตนเอง เมิ่งฮ่าวหมุนตัวไป รังสีสังหารแวบขึ้นมาในดวงตา ขณะที่พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล
นกแก้วเริ่มติดตามไปในทันที
“ผีโต้งที่ตายยากนั่นหายไปไหนแล้ว?” นกแก้วถามขึ้น แต่ก็ต้องพบกับความเงียบจากเมิ่งฮ่าว นกแก้วสั่นสะท้านขึ้นมาในทันที “เกิด…เกิดอะไรขึ้น?”
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ขณะที่เปิดถุงสมบัติ และหยิบเอาเศษชิ้นส่วนซึ่งเป็นชุดเกราะผีโต้งออกมาอย่างระมัดระวัง นกแก้วจ้องมองไปด้วยความตกตะลึงเป็นเวลานาน ก่อนที่จะส่งเสียงแผดร้องด้วยความเจ็บปวดใจออกมา
หลังจากนั้นก็ดูเหมือนว่าจะตกอยู่ในความเงียบไปตราบชั่วนิรันดร์ ในที่สุดนกแก้วก็หันหน้ามายังเมิ่งฮ่าว ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำโดยสิ้นเชิง
“เมิ่งฮ่าว ข้าขอถามเจ้าเรื่องหนึ่ง และเจ้าต้องตอบข้าด้วย พวกเรา…จะไปกำจัดพวกมันเมื่อไหร่?”
“เร็วๆ นี้” เมิ่งฮ่าวพึมพำตอบกลับไป ดวงตากลายเป็นสีแดงไปด้วยเช่นกัน “พวกเราจะไปกำจัดสามสิบสามสวรรค์ พวกเราจะไปกำจัดอาณาจักรเทพ และพวกเราจะไปกำจัดอาณาจักรมาร จากนั้น…พวกเราจะออกไปยังด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต และกำจัดเจตจำนงแห่งหลัวเทียน!”
“เร็วๆ นี้…” ด้วยเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็กลายเป็นลำแสงพุ่งผ่านท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวราวกับเป็นสายฟ้า
ขณะที่บินตรงไป ก็โคจรหมุนวนพลังการฝึกตน แต่ร่างกายที่แห้งเหี่ยวก็ไม่อาจจะฟื้นคืนกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ดูผอมแห้งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ดุร้ายอย่างถึงที่สุด ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยแสงสีแดง ทำให้มีท่าทางคล้ายกับว่า เพิ่งจะปีนป่ายขึ้นมาจากหลุมฝังศพ
เสียงกระหึ่มอย่างน่าตกใจดังก้องไปทั่วทั้งแผ่นฟ้าและผืนดิน ขณะที่เมิ่งฮ่าวบินตรงไปยังดาวชางหมางด้วยความตั้งใจอันน่ากลัว หลังจากที่เดินทางไปเพียงไม่กี่เดือน ก็อยู่ห่างจากดาวชางหมางไม่ไกลมากนัก ในที่สุดก็สามารถมองเห็นดาวดวงนี้ได้จากที่ห่างไกล
ขณะที่เข้าไปใกล้ เกราะป้องกันของดวงดาวก็พุ่งขึ้นมาราวกับว่าจะปิดกั้นเขาไว้ เมิ่งฮ่าวไม่แม้แต่จะชำเลืองมองไป พุ่งผ่านเกราะป้องกันนั้นไปโดยตรง ครั้นแล้วเสียงอันเคร่งขรึมก็ดังก้องออกมา
“ขอต้อนรับตี้จิ่วจื้อจุน (ผู้ยิ่งใหญ่อันดับเก้า) กลับมาด้วยความเคารพ!”
ขณะที่เสียงนั้นดังก้องขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ผ่านเข้าไปในชั้นบรรยากาศของดาวชางหมาง ในทันทีที่ทำเช่นนั้น ผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นๆ ก็สามารถจะรับรู้ได้ถึงการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าว และกลิ่นอายอันน่ากลัวอย่างเข้มข้นก็ทำให้พวกมันต้องมองขึ้นมากันทั้งหมด
จินหยุนซาน เจ้าสำนัก และคนอื่นๆ ต่างก็กลับออกมาจากเขตสุสานแล้ว แต่ก็ยังคงไม่อาจจะไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้าได้สำเร็จ หลังจากที่ล้มเหลวติดต่อกัน พวกมันก็กลับมานั่งเข้าฌานตามลำพัง แต่ตอนนี้สีหน้าพวกมันต่างก็เต็มไปด้วยความตกตะลึง