Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1527

ตอนที่ 1527

ต่อต้านความว่างเปล่าไร้ขอบเขต

ดวงดาวสั่นสะเทือนไปทั่ว กฎธรรมชาติทั้งหลาย ความว่างเปล่าและกาลเวลาทั้งปวง เต๋าทั้งหมด ต่างก็ถูกสะกดข่มไว้โดยสิ้นเชิง

เจตจำนงที่ตกลงมานั้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่คงอยู่ในดาวชางหมางแห่งนี้ กลุ่มหมอกอันไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกไป ถ้ามองดาวดวงนี้มาจากที่ห่างไกล ก็ดูคล้ายกับว่าจะประกอบไปด้วยกลุ่มหมอก ที่ปกคลุมดาวทั้งดวงไว้ภายใน

เจตจำนงนั้นแพร่กระจายออกไปยังทุกสรรพสิ่ง คล้ายกับเป็นกฎธรรมชาติ ในชั่วพริบตาก็ปรากฏขึ้นเหนือดาวครึ่งดวง และโจมตีลงไปยังประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ทำการปิดกั้นพลังของการเคลื่อนย้ายทางไกลออกไป

คนทั้งหมดที่อยู่ในบริเวณนั้นตกตะลึง รู้สึกว่าหายนะอันน่าเหลือเชื่อกำลังใกล้เข้ามาแล้วอย่างช่วยไม่ได้

คนทั้งหมดเริ่มร้องตะโกนขึ้นมา

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ใครกำลังโจมตีค่ายกลเวท?”

“ศัตรูกำลังบุกรุกเข้ามาในชางหมางพ่าย? เป็นไปไม่ได้!”

ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบประกายขึ้นด้วยความต้องการสังหาร เห็นได้ชัดว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนได้มาถึงและพยายามจะป้องกันไม่ให้ตนเองผ่านเข้าไปในเขตสุสาน

ในช่วงเวลานี้เองที่มีบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายเสียงพูดดังก้องอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าวและผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้คนอื่นๆ

“การเคลื่อนย้ายทางไกลทั้งปวง เป็นสิ่งต้องห้าม!”

เสียงนี้เย็นชา ไร้ความรู้สึกและดุร้าย นอกจากเมิ่งฮ่าวและเจ้าสำนักแล้ว คนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็สั่นสะท้าน ซาจิ่วตง จินหยุนซาน และไป๋อู้เฉินกระอักโลหิตออกมา ดูเหมือนว่าคนอื่นๆ ทั้งหมดแทบจะระเบิดออกไป ร่างกายพวกมันกำลังถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสด้วยคำพูดเพียงแค่ประโยคเดียว

โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปากเจ้าสำนัก และดวงตาเมิ่งฮ่าวก็แดงก่ำด้วยเส้นเลือด แต่ก็ไม่มีโลหิตไหลซึมออกมา

“สหายเต๋าทั้งหลาย ถ้าพวกเราไม่ต่อสู้กลับไป ก็จะมีอันตรายเพิ่มมากขึ้น!”

เมิ่งฮ่าวยิ้มอย่างดุร้าย โบกสะบัดมือออกไป กระจกทองแดงปรากฏขึ้น กลายเป็นเส้นใยสีดำนับไม่ถ้วนในทันที ก่อตัวเป็นชุดเกราะอย่างรวดเร็ว อาวุธสงครามปรากฏขึ้นอยู่ในมือ และเมิ่งฮ่าวก็กรีดเฉือนขึ้นไปในท้องฟ้า

เสียงระเบิดดังก้องขึ้น เจตจำนงแห่งหลัวเทียนที่กำลังตกลงมาสั่นสะท้าน เวลาเดียวกันนั้น แรงกดดันอันมหาศาลก็เริ่มกดทับลงมา ตัวประตูเคลื่อนย้ายทางไกลเองเริ่มแตกกระจายออกไป

คนทั้งหมดไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต่างก็ไร้ทางเลือกนอกจากต้องปลดปล่อยพลังการฝึกตนออกมาอย่างเต็มกำลังเท่านั้น ทำให้เกิดเป็นพลังระเบิดขึ้น ขณะที่คนทั้งหมดเริ่มต่อสู้กลับไปยังเจตจำนงแห่งหลัวเทียน

พลังแก่นแท้อันไร้ขอบเขตปะทุออกไป ถึงแม้ว่าจะถูกบดขยี้ด้วยแรงกดดัน แต่บุคคลเหล่านี้ก็เป็นผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้ทั้งหมด และมีบางคนที่อยู่ในขั้นสูงสุดของเก้าแก่นแท้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคนทั้งหมดต่างก็ได้รับผลประโยชน์จากการเข้าฌานในครั้งที่แปดบนแท่นบูชาเหนือสูงสุด ทำให้ต่างก็มีร่องรอยของกลิ่นอายเหนือสูงสุด สามารถจะต่อต้านกับเจตจำนงที่กำลังพุ่งลงมาอย่างต่อเนื่องนี้ได้

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น และค่ายกลเวทก็สั่นสะท้าน แสงบิดเบี้ยวไปมา และพื้นดินก็แตกกระจายออกไป ดาวครึ่งดวงกำลังสั่นไหวไปมา และรอยแตกร้าวก็แผ่กระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของประตูเคลื่อนย้ายทางไกล ถ้ามันถูกทำลายไป ก็คงเป็นเรื่องยากสำหรับกองกำลังชางหมางพ่ายที่จะผ่านเข้าไปในเขตสุสาน ประตูทางเข้าคงจะถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา

ในตอนนี้เองที่เจตจำนงซึ่งกำลังตกลงมา เริ่มก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างของหัตถ์ยักษ์อันเลือนลางข้างหนึ่ง หัตถ์ยักษ์นั้นปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ขณะที่กดทับลงมายังค่ายกลเวท

คนทั้งหมดแม้แต่จินหยุนซาน ต่างก็มองขึ้นไปด้วยความสิ้นหวัง นี่คือสิ่งที่พวกมันไม่อาจจะต่อสู้ด้วยได้ เป็นเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของหลัวเทียน!

หัตถ์ยักษ์บดขยี้ลงมายังทุกสรรพสิ่ง แต่ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไป ดวงตาก็สาดประกายขึ้น ตัดสินใจที่จะนำชิ้นไม้แกะสลักออกมา ความจริงแล้วเขาไม่ต้องการที่จะทำเช่นนี้ ครั้งล่าสุดที่อยู่ในช่วงของการเข้าฌานตามลำพัง ซึ่งพยายามจะดูดซับเวทรุ่นเก้าเข้าไป เจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็สอดมือเข้ามาขัดขวาง เขาจึงได้แต่พึ่งพาพลังของตนเองเพื่อต่อสู้กลับไป

เท่าที่เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ การใช้เวทรุ่นเก้าก่อนหน้าที่จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ เป็นการสูญเสียอย่างที่ไม่อาจจะนำกลับคืนมาได้ และจะทำให้มีประสิทธิภาพน้อยลงไปในวันข้างหน้า!

แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ทางเลือกใดๆ นอกจากต้องใช้มันออกมาเท่านั้น อย่างไรก็ตามในตอนที่เขากำลังจะทำเช่นนั้น เจ้าสำนักก็แหงนหน้าขึ้นและส่งเสียงคำรามด้วยโทสะออกมา

“นี่คือชางหมางพ่าย (สำนักไร้สิ้นสุด) ซึ่งเป็นหนึ่งในสาขาของชางหมางเต้า! (เต๋าไร้สิ้นสุด) นี่คือมรดกแห่งชางหมางเหลาจู่ (ปรมาจารย์ไร้สิ้นสุด) เจตจำนงใดๆ ก็ไม่มีสิทธิ์สอดมือเข้ามายุ่งกับพวกข้า!” สองมือของเจ้าสำนักขยับร่ายเวทอย่างรวดเร็ว และชี้นิ้วขึ้นไปในท้องฟ้า ทันใดนั้นพื้นดินที่อยู่ห่างไกลออกไปก็เริ่มสั่นไหวไปมา และกลิ่นอายที่เก่าแก่โบราณก็ปะทุขึ้น

ทันใดนั้นมันก็ปรากฏขึ้นมา หัตถ์ยักษ์ที่อยู่ตรงด้านบนสั่นสะท้านหยุดชะงักนิ่ง

จากนั้นเสียงพึมพำก็ได้ยินมาอย่างเลือนราง แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะรับรู้เป็นคำพูดได้ว่า

“ภูตผี…”

ทันใดนั้นหัตถ์ยักษ์ก็พุ่งถอยไปทางด้านหลัง เคลื่อนที่ออกไปด้วยความรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม เวลาเดียวกันนั้นก็เกิดรอยแตกขึ้นบนพื้นดิน แสงเจิดจ้าสีแดงพุ่งกระจายออกมาจากภายใน จากนั้นเสาลาวาก็ระเบิดขึ้นไป คาดไม่ถึงว่าตรงด้านบนสุดของมันจะเป็นกระดองเต่าหนึ่งชิ้น!

กระดองเต่ากระจายเป็นพลังที่เก่าแก่โบราณออกมา ทำให้ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนไปมาอย่างรุนแรง แทบจะราวกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่เก่าแก่เป็นอย่างมากอยู่ด้านล่างมัน กำลังพยายามจะหลบหนีจากไป กระดองเต่าเริ่มหมุนคว้างไปมา ทำให้เกิดเป็นลมพายุพุ่งกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ในทันทีที่หัตถ์ยักษ์สัมผัสโดน ลมพายุก็พังทลายลงไป และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากมุมปากของเจ้าสำนัก ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำ ตระหนักดีถึงอันตรายอันวิกฤตในตอนนี้ ดังนั้นจึงกัดฟันแน่นและร้องตะโกนว่า “ของวิเศษไร้สิ้นสุด ออกมา!”

ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก กระดองเต่าที่หมุนวนไปมาก็หยุดชะงักนิ่ง และมีบางสิ่งบางอย่างยื่นออกมาจากภายใน มันคือ…มือที่มีแต่โครงกระดูก!

โครงกระดูกนั้นเป็นสีทองโดยสิ้นเชิง และเป็นมือของผู้ฝึกตนผู้หนึ่ง!

ปราณเซียนที่บริสุทธิ์และเข้มข้นกระจายออกมา เป็นสิ่งที่เกินกว่าความคาดคิดของคนทั้งหมด ไม่มีใครเคยเห็นสิ่งที่บริสุทธิ์และทรงพลังเช่นนี้มาก่อน ยกเว้นเมิ่งฮ่าว ซึ่งเคยพบเห็นปราณเซียนเช่นนี้ ในตอนที่ไปยังเสาแห่งเซียน ซึ่งอยู่ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต

ในทันทีที่มือโครงกระดูกปรากฏขึ้น ตะเกียงสัมฤทธิ์ที่อยู่ภายในร่างเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้าขึ้นมา

เมิ่งฮ่าวคิดย้อนกลับไปในครั้งแรกที่มาถึงดาวชางหมาง และสิ่งที่ตนเองรู้สึกได้จากตะเกียงสัมฤทธิ์ในทันที คนส่วนใหญ่ไม่อาจจะรู้ได้ว่ามือข้างนี้เป็นของใคร ยกเว้นว่าพวกมันจะคุ้นเคยกับตำนานหรือเรื่องราวเมื่อในอดีต แต่เมิ่งฮ่าวมั่นใจว่า จากความรู้สึกของตนเอง มือโครงกระดูกข้างนั้น…ต้องเป็นของ…

ชางหมางเหลาจู่อย่างแน่นอน!

ท่านได้เปลี่ยนจากเซียนกลายเป็นภูตผี และเป็นคนแรกในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งหลัวเทียนที่อยู่เหนือสูงสุด และยังเป็นบุคคลแรกด้วยเช่นกันที่ทำลายดรรชนีของหลัวเทียนไปหนึ่งข้าง

เห็นได้ชัดว่า ถึงแม้ท่านจะกลายเป็นภูตผีไปแล้ว แต่มือของท่านก็กลายเป็นเซียนไป ท่านทิ้งมันไว้ทางด้านหลังในฐานะที่เป็นมรดกตกทอด และกลายเป็นของวิเศษที่ช่วยปกป้องคุ้มครองชางหมางพ่าย

ในทันทีที่มือโครงกระดูกปรากฏขึ้น เจตจำนงแห่งหลัวเทียนที่ตกลงมาก็เริ่มสั่นสะท้าน และส่งเสียงแผดร้องคำรามด้วยโทสะออกมา มือโครงกระดูกลอยสูงขึ้นไป เริ่มมีขนาดใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งดูคล้ายกับหัตถ์ยักษ์ จากนั้นก็กระแทกลงไปยังหัตถ์ยักษ์ที่ตกลงมาของเจตจำนงแห่งหลัวเทียน

ราวกับมียักษ์สองตนพุ่งผ่านห้วงกาลเวลาและความว่างเปล่า กระแทกเข้าหากันเหนือประตูเคลื่อนย้ายทางไกล!

เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วไปทั้งดาวชางหมาง ทำให้รอยแตกกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นดิน หัตถ์ยักษ์ของเจตจำนงแห่งหลัวเทียนแตกกระจายกลายเป็นเสี่ยงๆ ในทันที และเสียงแผดร้องด้วยโทสะอีกเสียงก็ดังก้องอยู่ในโลกแห่งนี้

ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และดาวครึ่งดวงก็ดูเหมือนว่าแทบจะพังทลายลงไป แต่จากนั้นแสงสีทองก็กระจายออกมาจากมือโครงกระดูก ปกคลุมไปทั่วทุกสรรพสิ่ง ป้องกันทุกสิ่งทุกอย่างไว้ภายใน ทำให้มั่นใจได้ว่าเจตจำนงแห่งหลัวเทียนไม่อาจจะทำอะไรได้!

ในตอนที่หัตถ์ยักษ์ซึ่งก่อตัวขึ้นมาจากเจตจำนงแห่งหลัวเทียนพังทลายลงไป ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลก็เริ่มทำงานขึ้น เสียงกระหึ่มดังก้องออกไป และแสงอันเจิดจ้าก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ เมิ่งฮ่าวและคนทั้งหมดหายสาบสูญไป

เมื่อเป็นเช่นนี้เสียงแตกร้าวก็ดังออกมาจากประตูเคลื่อนย้ายทางไกล แต่เนื่องจากแสงสีทองปกคลุมทุกสรรพสิ่งไว้ภายใน มันจึงไม่แตกกระจายออกไป ถึงแม้ว่าจะส่วนใหญ่แล้วจะพังทลายลงไป แต่ส่วนหลักก็ยังคงครบถ้วนสมบูรณ์

เจตจำนงแห่งหลัวเทียนตกอยู่ในความเงียบ และจากนั้นก็ค่อยๆ จางหายไป เวลาเดียวกันนั้นแสงสีทองก็เริ่มเลือนรางลงไปอย่างช้าๆ มือสีทองหดเล็กลงไป กลายเป็นโครงกระดูกอีกครั้ง จากนั้นก็กลับเข้าไปใต้กระดองเต่า จมลงไปในพื้นลาวา

รอยแตกบนพื้นดินค่อยๆ ปิดกลับลงไปอย่างช้าๆ และทุกสิ่งทุกอย่างก็กลับไปเป็นปกติเหมือนเดิม…

เมื่อเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ที่ด้านในของเขตสุสาน

โลหิตกำลังไหลซึมออกมาจากปากเมิ่งฮ่าว และคนอื่นๆ ต่างก็ตกอยู่ในสถานะที่เลวร้าย สีหน้าแต่ละคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่คิดย้อนกลับไปยังอันตรายจากเมื่อครู่นี้ด้วยจิตใจที่สั่นสะท้าน

ถ้าหัตถ์ยักษ์นั้นฟาดลงไปบนพื้น ประตูเคลื่อนย้ายทางไกลไม่เพียงแต่จะถูกทำลายไปเท่านั้น แต่คนทั้งหมดก็จะถูกสังหารไปทั้งร่างกายและวิญญาณ

คนทั้งหมดเริ่มมองไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งสามารถจะบอกได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขาในทันที

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าสำนัก ที่มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ลึกล้ำ

หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวก็ประสานมือและโค้งตัวลงต่ำให้กับคนทั้งหมด

“สิ่งที่เมิ่งโหม่วสัญญา จะต้องทำตามอย่างแน่นอน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น เจ้าสำนักมีสีหน้าผ่อนคลายเล็กน้อย ผ่านไปชั่วขณะคนอื่นๆ ก็พยักหน้าให้

“ขอบคุณเมิ่งเต้าโหย่ว (สหายเต๋าเมิ่ง)” เจ้าสำนักกล่าว

เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไรออกมาอีก ก้าวเดินตรงไป และมองออกไปยังเศษซากปรักหักพังที่เต็มอยู่ในเขตสุสาน ส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทำให้มั่นใจได้ว่าสถานที่แห่งนี้แทบจะไร้ซึ่งเจตจำนงแห่งหลัวเทียนโดยสิ้นเชิง ถึงแม้ว่าจะมีร่องรอยอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ก็อ่อนแอเป็นอย่างมาก

ยิ่งไปกว่านั้นยิ่งลึกเข้าไปในเก้าดินแดนกว้างใหญ่ ซึ่งรวมกันเป็นเขตสุสาน เจตจำนงเหล่านั้นก็ยิ่งเลือนลางลงไปมากขึ้น อันที่จริงก็ดูเหมือนว่าดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า จะไม่มีร่องรอยเจตจำนงแห่งหลัวเทียนอยู่แม้แต่น้อย

“นั่นต้องเป็นสถานที่สำหรับให้ข้าก้าวเข้าไปเหนือจุดสูงสุดอย่างแน่นอน”

เมิ่งฮ่าวคิดลืมดวงตาที่สามขึ้นมา และโลกแห่งนี้ก็เปลี่ยนไป ไกลออกไปยังดินแดนกว้างใหญ่แห่งที่เก้า สามารถจะมองเห็นบัลลังก์ขนาดใหญ่ และเงาร่างๆ หนึ่งที่นั่งอยู่ด้านบน ดวงตาของเงาร่างนั้นลืมขึ้นมา และมองมายังเมิ่งฮ่าวโดยตรง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!