Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1545

ตอนที่ 1545

เต้าฟาง ยังจำข้าได้หรือไม่

เส้นขนทั่วร่างเต้าฟางลุกขึ้นตั้งชี้ชัน รู้สึกได้ถึงอันตรายที่พุ่งขึ้นมาในจิตใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นความรู้สึกถึงอันตรายอย่างเข้มข้นมากที่สุด ซึ่งมันเคยพบเจอมาสองครั้ง ในตอนที่อาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไป

มันรู้สึกราวกับว่าแทบไม่อาจจะหายใจได้ พื้นฐานฝึกตนกำลังสั่นสะท้าน มองเห็นกองทัพที่เต็มไปด้วยผู้ฝึกตนอันน่ากลัวนับไม่ถ้วนกำลังใกล้เข้ามา ยิ่งไปกว่านั้นมันยังสามารถจะรับรู้ได้ว่า มีบุคคลอันน่ากลัวอยู่มากมายภายในกองกำลังขนาดใหญ่ทั้งหมดนั้น

มันมองไม่เห็นเมิ่งฮ่าว เห็นแต่กิ้งก่าชราขนาดใหญ่เท่านั้น ราวกับว่ามันไม่มีคุณสมบัติที่จะมองเห็นเงาร่างซึ่งยืนอยู่บนศีรษะของกิ้งก่า แต่สิ่งที่สามารถจะมองเห็นได้ทั้งหมดตรงตำแหน่งที่เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ก็คือ กระแสน้ำวนที่กำลังหมุนวนไปมา เป็นกระแสน้ำวนที่ดูเหมือนว่าสามารถจะทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องบิดเบี้ยวไปมา

เต้าฟางไม่ลังเลแม้แต่น้อย ไม่มีเวลาแม้แต่จะร้องตะโกนออกมา รีบขยับมือร่ายเวทจากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป ทำให้ผนึกไร้ขอบเขตเริ่มส่งเสียงดังกระหึ่ม ระลอกคลื่นอันทรงพลังระเบิดออกไป ขณะที่ผนึกไร้ขอบเขตทำการควบคุมกลุ่มหมอกแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ให้สร้างเป็นเกราะป้องกันขนาดใหญ่ เพื่อปิดกั้นกองกำลังที่ใกล้เข้ามาเหล่านั้น จากนั้นเต้าฟางก็ขยับมือร่ายเวทอีกครั้ง ทำให้กลิ่นอายอีกสองชนิดกระจายออกมาจากค่ายกลเวท

กลิ่นอายทั้งสองนั้น หนึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรเทพ และอีกหนึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรมาร พวกมันโผล่เข้าไปในกลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น พุ่งกระจายออกไปในทั่วทุกทิศทาง ทำหน้าที่เหมือนกับเป็นสัญญาณเตือนภัย

พวกมันคือสัญญาณแห่งพลังของอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร รวมทั้งเป็นคำตักเตือนให้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงรับรู้ว่า สถานที่แห่งนี้ไม่อาจจะมาตอแยได้

เมื่อกระทำเรื่องราวเหล่านี้เสร็จสิ้น เต้าฟางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา มันยังคงวิตกอยู่เล็กน้อย แต่ก็เฝ้าเตือนตัวเองว่าสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัวทั้งหมด ที่เคยพบเจอมาในช่วงชีวิตอันยาวนานของตนเอง มักจะหวาดกลัวต่อกลิ่นอายทั้งสองชนิดนี้

มันได้แต่หวังว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะยังคงเป็นเช่นเดียวกัน

“พวกมันอาจจะแค่เดินทางผ่านมา ใช่แล้ว…แค่เดินทางผ่านมาอย่างแน่นอน” เต้าฟางเฝ้าบอกกับตัวเอง

“คงจะเป็นเช่นนั้น สามสิบสามสวรรค์ไม่เคยทำสิ่งใดๆ ที่จะไปตอแยกองกำลังขนาดใหญ่ของผู้ฝึกตนเช่นนั้น และผู้รอดชีวิตของอาณาจักรขุนเขาทะเลก็ไม่มีใครสามารถจะหลบหนีออกมาจากผนึกนี้ได้ จึงไม่มีทางที่พวกมันจะสามารถติดต่อกับกองกำลังอันน่ากลัวเช่นนั้นได้”

“ต้องเป็นเช่นนี้อย่างแน่นอน…นอกจากนั้นจะมีใครในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตจะกล้ามาตอแยอาณาจักรเทพและอาณาจักรมารด้วย? คนเช่นนั้นคล้ายกับเป็นขนหงส์หรือเขากิเลน ไม่มีทางจะมาใส่ใจต่อสถานที่เช่นนี้” ขณะที่เต้าฟางทำการปลอบใจตัวเองเช่นนี้ ก็ค่อยๆ เริ่มเยือกเย็นลง ด้วยความเชื่อมั่นว่าการขบคิดวิเคราะห์สถานการณ์ในตอนนี้ของตนเองเป็นสิ่งที่ถูกต้อง

แต่ก็ยังไม่อาจจะขจัดความหวาดกลัวที่เกาะกุมอยู่ในจิตใจ อันเนื่องมาจากเงาร่างอันลี้ลับที่อยู่ภายในกระแสน้ำวนบนศีรษะของกิ้งก่าชราได้ เงาร่างนั้นมันไม่สามารถจะมองเห็นได้อย่างแท้จริง จนมีความรู้สึกว่าใครก็ตามที่อยู่ในกระแสน้ำวนนั้น ต้องเป็นผู้ที่น่าหวาดกลัวมากที่สุดในกองกำลังขนาดใหญ่นั้น

มันรู้สึกวิตกเป็นอย่างมาก ขณะที่นั่งรออยู่ตรงนั้น จนไม่ทันได้สังเกตเห็นว่าตัวเองกำลังเริ่มสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยการช่วยเหลือจากอาณาจักรเทพและอาณาจักรมาร ทำให้พื้นฐานฝึกตนของมันในตอนนี้อยู่ในระดับเก้าแก่นแท้ แต่ก็ยังคงสั่นสะท้านอยู่เช่นนั้น

ความรู้สึกหวาดกลัวม้วนกวาดไปทั่วจิตใจราวกับเป็นอุทกภัยที่ไหลหลาก ทำให้รู้สึกราวกับว่าแทบจะหายใจไม่ออก

มันได้แต่เฝ้ารอคอยด้วยความหวังว่า กองกำลังนี้จะแค่เดินทางผ่านมาเท่านั้น

ตรงด้านนอกของผนึกไร้ขอบเขต ซึ่งเป็นเกราะป้องกันกลุ่มหมอก ขณะที่ทำการผนึกสามสิบสามสวรรค์ไว้อย่างแน่นหนา ทำให้มุมมองของเมิ่งฮ่าวถูกบดบังไปอีกครั้ง

กองกำลังค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ ผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนลอยตัวอยู่ที่นั่น ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความต้องการสังหาร รวมทั้งความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าต่อเมิ่งฮ่าว แต่ละคนหันหน้ามามองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความกระตือรือร้น ทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะพูดออกมา คนทั้งหมดกำลังรอคอยให้เมิ่งฮ่าวออกคำสั่ง

ศิษย์ของตี้จิ่วจงทำเช่นนี้ เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนจากสำนักอื่นๆ ทั้งหมด แม้แต่ผู้ยิ่งใหญ่เก้าแก่นแท้ก็ไม่มีข้อยกเว้น เจ้าสำนัก จินหยุนซาน ปลวกยักษ์และศีรษะขนาดใหญ่ กิ้งก่าชรา และผู้ใต้บังคับบัญชาคนอื่นๆ ของเมิ่งฮ่าว ต่างก็เงียบกริบไปโดยสิ้นเชิง

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนศีรษะกิ้งก่าชรา มองออกไปยังกลุ่มหมอก ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยรังสีสังหารอันทรงพลัง จนดูเหมือนว่าจะสามารถกลายเป็นตัวตนขึ้นมาได้ จากนั้นเกราะป้องกันกลุ่มหมอกก็พลุ่งพล่านปั่นป่วน ขณะที่กลิ่นอายสองชนิดได้ปะทุออกมาจากภายในผนึกไร้ขอบเขต

ทั้งสองนั้นอยู่ในขั้นสูงสุดเก้าแก่นแท้ ไม่ใช่ผู้คน เป็นแค่กระแสแห่งเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกทิ้งไว้เพื่อข่มขู่ใครก็ตามที่เข้ามาในอาณาเขตแห่งนี้

“สถานที่แห่งนี้ถูกปกป้องโดยนักรบผู้กล้าแห่งอาณาจักรเทพ ใครก็ตามจากส่วนอื่นๆ ของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ต้องจากไปในทันที!”

เวลาเดียวกันนั้น อีกหนึ่งเสียงก็ดังก้องออกมาด้วยเช่นกัน ฟังดูโหดเหี้ยมน่ากลัว และเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายด้วยเช่นกัน

“ใครก็ตามที่บุกรุกอาณาเขตของอาณาจักรมาร จะต้องถูกกำจัดไปทั้งตระกูล ไม่ให้หลงเหลือมีชีวิตรอดได้แม้แต่คนเดียว!”

อันที่จริงถ้าปราศจากเมิ่งฮ่าวแล้ว ใครก็ตามต้องรู้สึกหวาดกลัวต่อคำข่มขู่นี้ แม้แต่ชางหมางพ่ายก็ยังต้องถอยไปทางด้านหลัง เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับอาณาจักรเทพ หรืออาณาจักรมาร ก็จะนำไปสู่ภัยพิบัติซึ่งชางหมางพ่ายไม่มีทางจะยอมรับได้

แต่ตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างแตกต่างกันออกไป แม้ในขณะที่ข้อความจากสองกระแสเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์ดังก้องออกมา ก็ไม่มีผู้ฝึกตนในกองกำลังแม้แต่คนเดียวที่จะขยับตัวเคลื่อนไหว จริงๆ แล้ว กลิ่นอายอันน่ากลัวของพวกมันยิ่งมีความแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้น

ขณะที่คนทั้งหมดเฝ้ามองมา เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขึ้นอย่างช้าๆ และจากนั้นก็ชี้นิ้วตรงไปยังเกราะป้องกันกลุ่มหมอก

เขาไม่พูดออกมาแม้แต่คำเดียว แค่ชี้นิ้วออกไปอย่างเรียบง่าย โดยที่ไม่ได้ปลดปล่อยวิชาเวทออกไปแม้แต่น้อย แต่เกราะป้องกันกลุ่มหมอกก็เริ่มสั่นสะเทือน และสองกระแสของเจตจำนงศักดิ์สิทธิ์เก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุด ก็ถูกทำลายไปในทันที

เวลาเดียวกันนั้น เสียงแผดร้องคำรามที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องแตกกระจายไปก็ดังก้องออกมาจากภายในกองกำลังนับไม่ถ้วน รังสีสังหารของพวกมันพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างเข้มข้น ในชั่วพริบตาผู้ฝึกตนจำนวนมากมายมหาศาลก็พุ่งตรงไปยังเกราะป้องกันกลุ่มหมอก

เจ้าสำนักและคนอื่นๆ ผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้ขั้นสูงสุดจำนวนมาก ต่างก็ปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์ออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน กลุ่มหมอกเริ่มพังทลายลงไปในทันที

ด้านล่างของเกราะป้องกันกลุ่มหมอก ภายในผนึกไร้ขอบเขต เต้าฟ้ากำลังวิตกมากยิ่งขึ้น มองเห็นกลุ่มหมอกที่ด้านนอกกำลังถูกโจมตีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสามารถจะรู้สึกได้ว่าสองเครื่องหมายผนึกที่อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารทิ้งไว้ให้ จู่ๆ ก็แตกร้าวและกลายเป็นเถ้าธุลีไปในทันที

พวกมันถูกทำลายไปอย่างฉับพลัน ราวกับว่าเป็นแค่สิ่งที่ไร้ความหมายใดๆ ที่ยิ่งน่าตกใจมากไปกว่านั้นก็คือว่า ขณะที่พวกมันกลายเป็นเถ้าธุลี เส้นใยสีดำสองเส้นก็พุ่งผ่านเกราะป้องกันกลุ่มหมอก ค้นหาแหล่งกำเนิดของเครื่องหมายผนึก ราวกับต้องการกำจัดใครก็ตามที่กำลังควบคุมเครื่องหมายผนึกนั้นอยู่

เต้าฟางตกตะลึงไปโดยสิ้นเชิง หอบหายใจออกมา ลุกขึ้นยืน เวลาเดียวกันนั้นเกราะป้องกันกลุ่มหมอกตรงด้านนอกของผนึกไร้ขอบเขต ราวกับมีหัตถ์ยักษ์กำลังฉีกกระชากให้ขาดออกจากกัน เสียงระเบิดขนาดใหญ่ดังก้องออกมา และท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวก็สั่นสะเทือน ชั่วขณะต่อมา…กลุ่มหมอกก็ถูกฉีกกระชากให้เปิดออกโดยสิ้นเชิง!

มันถูกฉีกกระชากให้ขาดออกไป เผยให้เห็นถึงผนึกไร้ขอบเขต สามสิบสามสวรรค์ และแม้แต่เต้าฟางซึ่งกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัวอยู่ในตอนนี้

เสียงกระหึ่มดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว เมื่อกองกำลังขนาดใหญ่รุกคืบเข้าไป ขณะที่ความสามารถศักดิ์สิทธิ์พุ่งตรงไปกระแทกยังผนึกไร้ขอบเขต เสียงระเบิดอย่างรุนแรงก็ดังก้องออกมา ทำให้กลุ่มคนนอกคอกจำนวนมากที่อยู่ในสามสิบสามสวรรค์ตรงด้านล่างรู้สึกตกใจ ไม่มีใครจะสามารถคาดคิดได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น

ผนึกไร้ขอบเขตคือเกราะป้องกันที่ไม่อาจจะถูกทำลายไปได้อย่างง่ายดาย แม้แต่สุ่ยตงหลิวก็ยังต้องคิดคำนวณและวางแผนมานานหลายปี ก่อนที่จะค้นพบวิธีการทำลายมันไป นอกจากนั้นเกราะป้องกันนี้ก็ถูกเกื้อหนุนด้วยความแข็งแกร่งมานานนับพันปี อาณาจักรเทพและอาณาจักรมารต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปอย่างสูงลิ่ว เพื่อให้มั่นใจว่ามันจะมั่นคงแข็งแรง

แต่ตอนนี้ก็ใช้เวลาแค่ชั่วขณะเท่านั้น ทำให้เกิดเป็นรอยแตกร้าวกระจายออกไปทั่วทั้งพื้นผิวของมัน เงาร่างนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นที่ด้านนอก ทั้งหมดนั้นกำลังปลดปล่อยพลังการโจมตีออกไปอย่างไม่ลดละ เพื่อผลักดันให้ผนึกไร้ขอบเขตพังทลายลงไป

ในท่ามกลางเงาร่างเหล่านั้น เป็นบุรุษหนุ่มในชุดยาวสีทองผู้หนึ่ง ชายชราเส้นผมขาวโพลน บุรุษที่ถูกปกคลุมด้วยพายุทราย หญิงสาวที่มีความงดงามอย่างโดดเด่น ถึงแม้ว่าจะมีกลุ่มหมอกปกคลุมอยู่รอบกายก็ตาม

“เก้าแก่นแท้…วงจรอันยิ่งใหญ่แห่งเก้าแก่นแท้!” เต้าฟางกำลังตกตะลึง บุคคลทั้งสี่เหล่านี้อยู่ในขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งเก้าแก่นแท้ แค่คนใดคนหนึ่งในกลุ่มคนเหล่านี้ก็สามารถจะทำให้ดวงดาวต้องสั่นสะเทือนไปได้ด้วยการกระทืบเท้าลงไปแค่ครั้งเดียว และเห็นได้ชัดว่าคนทั้งสี่เหล่านี้ก็เป็นแค่ทัพหน้าเท่านั้น!

พวกมันร่วมมือกับผู้ฝึกตนอื่นๆ อีกสิบกว่าคน โจมตีมาโดยพร้อมเพรียงกัน ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่พลังจากเก้าแก่นแท้เท่านั้น แต่อยู่ในขั้นสูงสุดกันทั้งหมด!

“ขั้นสูงสุด…เก้าแก่นแท้!” จิตใจเต้าฟางกำลังหมุนคว้าง มันไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนเก้าแก่นแท้มารวมตัวกันอย่างมากมายเช่นนี้มาก่อน และไม่อาจจะคาดคิดได้ว่าพวกมันมาร่วมมือกันได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มคนเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่ทหารเลวเท่านั้น ไม่มีใครที่จะเป็นขุนพลออกคำสั่งกองทัพเหล่านี้!

ที่น่าหวาดกลัวมากกว่ากลุ่มคนเหล่านี้ก็คือกิ้งก่าชราที่อยู่ห่างไกลออกไปเล็กน้อย ตัวมันเองดูคล้ายกับเป็นโลกแห่งหนึ่ง ต่อจากกิ้งก่าก็เป็นศีรษะอันน่ากลัว และอีกด้านหนึ่งก็เป็นปลวกยักษ์ซึ่งมีดวงตาที่กระจายเป็นแสงอันโหดเหี้ยมออกมา

สิ่งมีชีวิตทั้งสามเหล่านั้นทำให้เต้าฟางรู้สึกราวกับว่า แสงทั้งหมดได้จางหายไปจากโลกแห่งนี้ ความสิ้นหวังเติมเต็มอยู่ในจิตใจ มันมั่นใจว่าสิ่งมีชีวิตทั้งสามสูงเกินกว่าวงจรอันยิ่งใหญ่แห่งเก้าแก่นแท้ และเข้าใกล้เหนือสูงสุดแค่เส้นใยเดียวเท่านั้น

“ต้องมีเรื่องเข้าใจผิดกันอย่างแน่นอน! สหายเต๋าทั้งหลาย พวกเราคือสามสิบสามสวรรค์! พวกเราไม่เคยมีศัตรูจากโลกด้านนอกมาก่อน พวกเราไม่เคยไปหาเรื่องใคร และจริงๆ แล้ว พวกเราก็ไม่เคยออกไปจากค่ายกลเวทแห่งนี้เลย โปรดบอกข้าด้วยว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น!!” เงาร่างมากมายกำลังบินออกมาจากสามสิบสามสวรรค์ และพวกมันทั้งหมดกำลังสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

เสียงร้องตะโกนของเต้าฟางเต็มไปด้วยความสับสนและโทสะ จนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมที่จะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมา เมื่อคิดว่าพวกมันไม่เคยไปตอแยใครที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน

ในตอนนี้เองที่เสียงราบเรียบเสียงหนึ่ง ทันใดนั้นก็ดังก้องออกไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“เต้าฟาง ในปีนั้นกระบองของใครที่ทำลายขุนเขาที่แปดไปด้วยการโจมตีมาแค่ครั้งเดียว…เจ้ายังจำข้าได้หรือไม่?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!