Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1571

ตอนที่ 1571

บุรุษในราชวัง

ความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่มาจากแผ่นหยก แต่มาจากความทรงจำแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต

ขณะที่เจตจำนงนั้นตกลงมายังอาณาจักรเทพ ก็รวมตัวกันอยู่บนร่างของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่ยังคงยืนอยู่ในที่ห่างไกลซึ่งกำลังก้มหน้าลงไป แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่าง และส่งเสียงกู่ร้องแหลมเล็กออกมา ขณะที่ร่างกายเริ่มเปลี่ยนไป เส้นผมกลายเป็นสีขาว และดวงตาก็เริ่มเย็นชาลง ด้วยการมีเจตจำนงนั้นอยู่บนร่าง ก็ราวกับว่ามันได้กลายเป็นบุคคลอื่นที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง

มันลอยตัวอยู่ที่นั่นในกลางอากาศ กระจายเป็นกลิ่นอายที่สะกดข่มระดับเก้าแก่นแท้ออกมา ดวงตากลายเป็นสีแดงจ้า ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว และเมิ่งฮ่าวก็มองตอบกลับไป

เมื่อสายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน บุรุษหนุ่มก็ชี้นิ้วตรงมายังเมิ่งฮ่าวในทันที และกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “ถามหาสายลม!”

ในทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน สายลมสีดำก็พุ่งขึ้นมาอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว กลายเป็นมังกรสีดำเก้าตัวอย่างรวดเร็ว เมื่อมังกรเหล่านั้นแผดร้องคำรามออกมา สายลมสีดำก็พ่นกระจายออกมาจากปากพวกมัน เป็นสายลมที่สามารถฉีกสวรรค์เฉือนปฐพีให้ขาดออกจากกันได้

“ร้องเรียกสายฝน!” บุรุษหนุ่มกล่าวขึ้นอีกครั้งด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน ราวกับว่าการปลดปล่อยวิชาเวทของเจตจำนงนั้นด้วยการใช้ร่างกายของมัน ทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส

ในทันทีที่มันพูดจบ หยดน้ำฝนสีดำก็ปรากฏขึ้นมาจากภายในสายลมทำลายล้างนั้น ในชั่วพริบตา

พวกมันก็กลายเป็นฝนห่าใหญ่ที่ตกลงมายังร่างเมิ่งฮ่าว

 

“กองกำลังถั่วเวท!” บุรุษหนุ่มร้องตะโกนขึ้น ขณะที่สายฝนตกลงไป เสียงปะทุก็ดังก้องขึ้น และพวกมันก็กลายเป็นเงาร่างดุร้ายขนาดเล็ก เห็นได้ชัดว่ากลุ่มคนเหล่านี้ทั้งหมดคือผู้ที่ตายไปภายใต้วิชาเวทนี้นานหลายปีจนนับไม่ถ้วนเมื่อในอดีต

“ภูเขาพังทลาย!”

“พื้นดินแตกสลาย!”

เหตุการณ์ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ บุรุษหนุ่มกระอักโลหิตออกมา เมื่อพลังแห่งเจตจำนงทำให้ร่างกายมันแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ลังเลที่จะปลดปล่อยความสามารถศักดิ์สิทธิ์อื่นออกไปอีก

ทุกสรรพสิ่งสั่นสะเทือนและแตกกระจายไป ขณะที่มันใช้วิชาเวทอันน่าตกใจแห่งภูเขาพังทลาย พื้นดินแตกสลายออกมา

“และสุดท้าย…จันทร์แรม ฟ้าแจ้ง!” บุรุษหนุ่มแหงนหน้าขึ้น กรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กออกมา ร่างกายแห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็วในทันที จนกระทั่งกลิ่นอายเน่าเปื่อยกระจายออกมาจากร่างมันอย่างรุนแรง เจตจำนงภายในร่างปะทุออกมาอย่างเต็มกำลัง หลอมรวมเข้ากับวิชาเวท ทำให้ภาพของดวงจันทร์ข้างแรมปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเมิ่งฮ่าว

“ตาย!” บุรุษหนุ่มร้องตวาด

ตูมมมมมมม!

เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ปล่อยให้สายลมสีดำและสายฝนโจมตีลงมา

เงาร่างอันดุร้ายพุ่งทะยานตรงมา พื้นดินที่ด้านล่างเท้าแตกกระจาย และภูเขาที่อยู่รอบๆ ก็พังทลายลงไป เครื่องหมายจันทร์แรมที่อยู่บนหน้าผากดูเหมือนว่าแทบจะฉีกกระชากเมิ่งฮ่าวออกเป็นชิ้นๆ ได้ทุกเมื่อ

 

หลังจากที่ผ่านไปนานสักพัก เมิ่งฮ่าวก็ประสบกับความสามารถศักดิ์สิทธิ์และวิชาเวททั้งหมด เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และค่อยๆ มองขึ้นไปอย่างช้าๆ สายตาตกกระทบไปยังเงาร่างของบุรุษหนุ่มที่กำลังสั่นสะท้านอยู่ในที่ห่างไกล และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

“ตอนแรกเป็นแสงตะวันที่ปัดเป่าความมืดมิด จากนั้นชายชราก็ใช้ภาพสะท้อนที่อยู่ในบึงน้ำมาจัดการ และตอนนี้ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับความสามารถศักดิ์สิทธิ์หกชนิด…ทั้งหมดนี้ทำให้ข้าต้องนับถือผู้เหนือสูงสูดโบราณแห่งอาณาจักรเทพเป็นอย่างยิ่ง!” จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป บุรุษหนุ่มหัวเราะอย่างขมขื่น ขณะที่ร่างกายถูกทำลายไป แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันก็เป็นแค่กลุ่มก้อนลมปราณและโลหิตเท่านั้น มันอาจจะตายไป แต่ก็เป็นแค่การกระจัดกระจายไปของปราณและโลหิตเท่านั้น

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้คำตอบเกี่ยวกับความลี้ลับของสถานที่แห่งนี้แล้ว สิ่งที่เขาจำเป็นต้องตรวจ

ประกายขึ้นด้วยความมุ่งหวัง

“ตอนแรกเป็นแสงตะวันที่ปัดเป่าความมืดมิด จากนั้นชายชราก็ใช้ภาพสะท้อนที่อยู่ในบึงน้ำมาจัดการ และตอนนี้ก็ต้องมาเผชิญหน้ากับความสามารถศักดิ์สิทธิ์หกชนิด…ทั้งหมดนี้ทำให้ข้าต้องนับถือผู้เหนือสูงสูดโบราณแห่งอาณาจักรเทพเป็นอย่างยิ่ง!” จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไป บุรุษหนุ่มหัวเราะอย่างขมขื่น ขณะที่ร่างกายถูกทำลายไป แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วมันก็เป็นแค่กลุ่มก้อนลมปราณและโลหิตเท่านั้น มันอาจจะตายไป แต่ก็เป็นแค่การกระจัดกระจายไปของปราณและโลหิตเท่านั้น

ในตอนนี้เมิ่งฮ่าวได้คำตอบเกี่ยวกับความลี้ลับของสถานที่แห่งนี้แล้ว สิ่งที่เขาจำเป็นต้องตรวจสอบในตอนนี้ก็คือเส้นใยวิญญาณทั้งแปดซึ่งอยู่ในสถานที่ที่แตกต่างกันออกไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเมืองและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งรวมตัวกันเป็นอาณาจักรเทพขึ้นมา จากนั้นก็เดินตรงไปหนึ่งก้าว

อาคารบ้านเรือนในที่แห่งนี้แตกต่างไปจากอาณาจักรขุนเขาทะเล ค่อนข้างจะประณีตและสง่างามกว่ามากนัก

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็ไปปรากฏขึ้นกลางอากาศเหนือตระกูลหวัง มองลงไปยังค่ายกลเวท และสามารถจะบอกได้ว่ามันแทบจะทำงานขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ไม่นานนักก่อนที่สมาชิกทั้งหมดของตระกูลหวังจะสามารถจากสถานที่แห่งนี้ไปได้

ขณะที่ตรวจสอบดูสมาชิกทั้งหมดของตระกูลหวัง ในที่สุดสายตาเมิ่งฮ่าวก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่ใครบางคนตรงด้านข้าง

เป็นชายชราที่ผอมแห้งผู้หนึ่ง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน ชายชราก็สั่นสะท้านขึ้นมาและมองขึ้นไปในท้องฟ้า

ชายชราผอมแห้งผู้นี้มีท่าทางที่น่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนแห่งห้วงกาลเวลาที่กระจายออกมาจากร่างมัน

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป หลังจากผ่านไปชั่วขณะก็ก้มหน้าลง เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ว่ามันกำลังรู้สึกวิตกกังวล

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เลื่อนสายตามองไปยังหวังเถิงเฟย จากนั้นก็หันหลังจากไป เมื่อเป็นเช่นนี้ชายชรา

ขณะที่ตรวจสอบดูสมาชิกทั้งหมดของตระกูลหวัง ในที่สุดสายตาเมิ่งฮ่าวก็ไปหยุดนิ่งอยู่ที่ใครบางคนตรงด้านข้าง

เป็นชายชราที่ผอมแห้งผู้หนึ่ง กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น แทบจะในทันทีที่เมิ่งฮ่าวมองเห็นมัน ชายชราก็สั่นสะท้านขึ้นมาและมองขึ้นไปในท้องฟ้า

ชายชราผอมแห้งผู้นี้มีท่าทางที่น่าอนาถใจเป็นอย่างยิ่ง ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกได้ถึงความผันผวนแห่งห้วงกาลเวลาที่กระจายออกมาจากร่างมัน

สีหน้าของชายชราเปลี่ยนไป หลังจากผ่านไปชั่วขณะก็ก้มหน้าลง เมิ่งฮ่าวสามารถจะบอกได้ว่ามันกำลังรู้สึกวิตกกังวล

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็เลื่อนสายตามองไปยังหวังเถิงเฟย จากนั้นก็หันหลังจากไป เมื่อเป็นเช่นนี้ชายชราร่างผอมแห้งก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา ในตอนนี้มันแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเมิ่งฮ่าวจะสามารถบรรลุถึงระดับอันน่าเหลือเชื่อและน่ากลัวเช่นนี้ได้

หลังจากที่ออกไปจากตระกูลหวัง เมิ่งฮ่าวก็ไปหาเต้าเทียน ถึงแม้ว่าแผนการของไห่เมิ่งจื้อจุนจะทำได้สำเร็จเมื่อหลายปีก่อน แต่ก็ล้มเหลวในขั้นตอนสุดท้าย

เต้าเทียนคล้ายกับเป็นก้อนศิลาที่ถูกทุ่มลงไปในทะเล ไม่อาจจะทำให้เกิดเป็นระลอกคลื่นได้แม้แต่น้อย นอกจากนั้นก็ยังไม่อาจจะปรับตัวเข้ากับสถานที่แห่งนี้ได้ ไห่เมิ่งจื้อจุนคิดว่าอาณาจักรเทพเป็นโลกแห่งความจริง แต่เหตุการณ์กลับตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง เนื่องจากความผิดพลาดนี้ ถึงแม้ว่าเต้าเทียนจะมีพรสวรรค์อันน่าเหลือเชื่อ แต่ก็ยังคงแตกต่างไปจากคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง

มันแตกต่างไปจากคนทั้งหมด แต่ก็ไม่มีใครเคยบอกมันเกี่ยวกับเรื่องนี้

ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่มันก็ยังคงเป็นผู้เสียสละอย่างยิ่งใหญ่สำหรับอาณาจักรขุนเขาทะเล และเมิ่งฮ่าวก็ให้ความนับถือมันเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพียงชั่วขณะเขาก็ไปยืนอยู่ที่เบื้องหน้าเต้าเทียน ยกมือขึ้นมาแตะไปที่หน้าผากของมัน

เต้าเทียนกระพริบตาโดยไม่รู้สึกตัว และเมื่อเห็นว่าเมิ่งฮ่าวกำลังมายืนอยู่ที่เบื้องหน้า ก็ต้องอ้าปากค้างและเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จากนั้นก็กัดฟันแน่นขณะที่สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ของเมิ่งฮ่าวไหลผ่านเข้ามาในร่าง กลุ่มหมอกสีดำถูกขับไล่ออกไป

และร่างกายมันก็แห้งเหี่ยวลงไปอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นมายืน ถึงแม้ว่าร่างกายจะ

อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง แต่ดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าขึ้น

“ท่านมาแล้ว…ข้ารู้ว่าท่านจะต้องมาอย่างแน่นอน”

“ข้าอยู่ในที่แห่งนี้มาสองพันปีแล้ว ข้ารู้ความลับมาว่าอาณาจักรเทพเป็นสถานที่แปลกประหลาดเป็นอย่างมาก ทุกคนในที่แห่งนี้…ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตอยู่ภายใต้กฎธรรมชาติเดียวกัน”

“ข้าคิดว่า พวกมัน…เป็นกลุ่มคนนอกคอกทั้งหมด ไม่ใช่ผู้ฝึกตนใดๆ!” ความพยายามในการอธิบายถึงความสงสัยของมัน ทำให้ต้องกระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็หมดสติล้มลงไป

เมิ่งฮ่าวมองไปยังเต้าเทียน ไม่อาจจะคาดคิดได้ว่ามันต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างตลอดช่วงสองพันปีที่ผ่านมา เขาประสานมือและโค้งตัวลงให้กับมัน จากนั้นก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ ส่งมันตรงเข้าไปในอาณาจักรขุนเขาทะเล

“เจ้าพูดถูกแล้ว นี่เป็นสถานที่ที่แปลกประหลาด และถูกต้องด้วยเช่นกัน ที่ผู้คนในที่แห่งนี้…เป็นกลุ่มคนนอกคอก ไม่ใช่ผู้ฝึกตน” เมิ่งฮ่าวพึมพำ จากนั้นก็หันหลังหายตัวไป เมื่อปรากฏกายขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ตรงหนึ่งในแปดสถานที่ที่เคยสังเกตเห็นก่อนหน้านี้

ที่แห่งนั้นเมิ่งฮ่าวมองเห็นคนผู้หนึ่ง ถึงแม้ว่าจะก่อตัวขึ้นมาจากกลุ่มก้อนลมปราณและโลหิตเท่านั้น แต่ก็ไม่มีกลุ่มหมอกสีดำอยู่รอบตัว ช่างเป็นสถานการณ์ที่แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง และเมิ่งฮ่าวก็คาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ สถานที่แห่งแรกที่เขาไปถึงก็คือราชวังที่อยู่ในเมืองหลวงแห่งหนึ่งของโลกมนุษย์

ในที่แห่งนี้ทุกสรรพสิ่งเงียบกริบ ชายร่างกำยำแข็งแรงผู้หนึ่งเอนกายนอนอยู่บนบันไดที่ทอดยาวไปสู่ราชวัง สวมใส่ชุดยาวที่ดูหรูหราประณีต

ดูคล้ายกับเป็นองค์ชายผู้หนึ่ง ตอนนี้มันกำลังจิบดื่มสุราจากขวดน้ำเต้า จากนั้นก็วางลงไปด้านข้างเมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวใกล้เข้ามา

บุรุษผู้นั้นมองมายังเมิ่งฮ่าวตรงๆ และยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า “แปลกมากใช่หรือไม่ ที่เหลาจื่อ (บิดา) ไม่มีเส้นใยวิญญาณบัดซบจากเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตอยู่ภายในร่าง?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!