Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1574

ตอนที่ 1574

คุณสมบัติที่จะไปสำรวจจักรวาล

เมื่อกองกำลังผู้ฝึกตนแห่งชางหมางพ่ายมองเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ พวกมันก็หอบหายใจออกมา เริ่มตื่นเต้นมากขึ้น ดวงตากิ้งก่าชราเบิกโพลง จากความคิดที่ว่า ทำไมพลังของเมิ่งฮ่าวถึงได้ดูเหมือนว่าจะไร้ขีดจำกัดโดยสิ้นเชิง

“นี่คือเหนือสูงสูด? มัน…สามารถจะทำได้ทุกอย่าง!” ดวงตาเจ้าสำนักลุกโชนขึ้นด้วยความมุ่งหวัง จินหยุนซานกำลังหอบหายใจออกมา

เมิ่งฮ่าวมองลงไปยังมังกรอันดุร้าย และดวงตาก็สาดประกายขึ้นด้วยแสงอันลึกล้ำ จากนั้นก็หันหน้ามองตรงไปยังอาณาจักรมาร

ผู้ฝึกตนจากอาณาจักรนั้นกำลังต่อสู้กับกองกำลังจากชางหมางพ่าย สำหรับเมิ่งฮ่าวแล้วก็ดูเหมือนกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นกับอาณาจักรเทพจากก่อนหน้านี้

เขาส่งสัมผัสศักดิ์สิทธิ์ออกไป และในที่สุดก็สังเกตเห็นว่ามีอยู่ตระกูลหนึ่งในที่แห่งนั้น ซึ่งก็คือ…ตระกูลหลี่ เป็นกลุ่มคนที่เหลืออยู่ซึ่งไม่ได้ระเบิดตนเองไปในสงครามขุนเขาทะเล

เช่นเดียวกับตระกูลหวังที่ได้เข้าร่วมการต่อสู้ พวกมันปิดกั้นตนเองไว้ และกลุ่มผู้ฝึกตนของพวกมันทั้งหมดก็นั่งเงียบๆ อยู่ที่นั่น แต่ก็มีอยู่หนึ่งคนในที่แห่งนั้นที่ไม่ได้เป็นคนของตระกูลหลี่ ซึ่งก็คืออวี่เหวินเจียน มันเคยเป็นผู้ฝึกตนลำดับขั้นจากขุนเขาทะเลที่เจ็ด ถูกส่งตัวมาให้แทรกซึมอยู่ในหนึ่งของสองกองกำลังอันยิ่งใหญ่ เหมือนกับเต้าเทียน

อาณาจักรมารไม่มีรูปปั้น มีแต่โลงศพขนาดใหญ่เท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีผู้ฝึกตนที่ไร้เส้นใยวิญญาณของเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขตด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าดินแดนกว้างใหญ่ทั้งหมดนี้จะดูเหมือนว่าเป็นสถานที่ที่เจริญรุ่งเรือง แต่ก็ยังมีร่องรอยของการเน่าเปื่อยซึ่งเป็นธรรมชาติที่แท้จริงของมันอยู่ด้วยเช่นกัน

 

เมื่อเมิ่งฮ่าวกำลังจะดึงสัมผัสศักดิ์สิทธิ์กลับมา ดวงตาก็ต้องเบิกกว้างขึ้น ขณะที่สังเกตเห็นใครบางคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างโลงศพขนาดใหญ่นั้น

เมิ่งฮ่าวจดจำคนผู้นั้นได้

“โฉ่วเหมินไถ” เขากล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ร่างแวบหายไป เมื่อปรากฏขึ้นอีกครั้ง ก็ไปอยู่ข้างโลงศพตรงเบื้องหน้าโฉ่วเหมินไถ

โฉ่วเหมินไถดูแก่ชราไปมากกว่าเดิม และดูเหมือนว่าจะไม่รู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นเมิ่งฮ่าว อันที่จริงเมื่อมันเงยหน้ามองขึ้นมา แววตาก็เต็มไปด้วยความแน่วแน่ และรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า

“ท่านมาแล้ว…”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังโฉ่วเหมินไถ ดวงตาสาดประกายขึ้นด้วยความทรงจำอันหลากหลาย ในที่สุดก็พยักหน้ากล่าวว่า

“จู่เหริน (เจ้านาย) ที่เจ้ารอคอย คือเชาทัว (ผู้อยู่เหนือสูงสุด) แห่งอาณาจักรมาร?”

“อันที่จริงในตอนที่อาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไป ค่ายกลเวททำงานขึ้นมาอย่างเต็มกำลัง จู่เหรินข้ากลับมาแล้วในตอนนั้น คนที่ข้าเฝ้ารอก็คือ

ท่าน” โฉ่วเหมินไถยิ้ม ลุกขึ้นมายืน ยื่นมือออกไปแตะสัมผัสโลงศพ

เสียงกระหึ่มได้ยินขึ้นมา และโลงศพก็เริ่มสั่นสะเทือน ค่อยๆ แห้งเหี่ยวลงไปจนกลายเป็นเถ้าธุลีอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ในที่สุดตำแหน่งที่โลงศพวางอยู่ก่อนหน้านี้ ก็กลายเป็นความว่างเปล่าไป

เถ้าธุลีกระจัดกระจายเต็มไปทั่วทั้งดินแดนกว้างใหญ่ และจากนั้นก็ตกลงมาบนพื้น

ดินแดนทั่วทุกที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไป กลายเป็นสีโลหิต แต่ก็ไม่ได้ดูสดใสเหมือนโลหิตใหม่ กลับเป็นสีม่วงคล้ำของการเน่าเปื่อย แน่นอนว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้ คือสีสันที่แท้จริงของดินแดนแห่งนี้ซึ่งกำลังถูกเปิดเผยออกมาในตอนนี้

ดูเหมือนว่าอาณาจักรมารจะผ่านห้วงกาลเวลามาอย่างยาวนาน ราวกับว่าผ้าม่านถูกฉีกขาดออกไป เผยให้เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างจากเมื่อในอดีตหลายปีจนนับไม่ถ้วนที่ผ่านมา

โฉ่วเหมินไถมองกลับไปยังเมิ่งฮ่าว “เหตุผลที่ข้ายังอยู่ในตอนนี้ก็คือ เพื่อคอยส่งข่าวสารจากจู่เหรินให้กับท่าน มีอยู่สองเรื่องที่จำเป็นต้องบอกกล่าวให้ท่านทราบ”

“เรื่องแรกก็คือว่า การทำลายล้างอาณาจักรขุนเขาทะเล ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรมารหรืออาณาจักรเทพแต่อย่างใด!”

“ทั้งสองอาณาจักรนี้ต่างก็ทนทุกข์ทรมานมานานมากแล้ว ผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ตายไปในตอนนั้น และผู้ที่รอดชีวิตก็หลบหนีไปพร้อมกับจู่เหริน คนทั้งหมดออกไปจากท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่ง

ความว่างเปล่าไร้ขอบเขต และเดินทางไกลออกไปในจักรวาล”

“สิ่งที่ท่านเห็นทั้งหมดนี้ คือเจตจำนงแห่งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวในความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ทั้งหมดนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากความว่างเปล่า ซากศพกลับมีชีวิตขึ้นมาและเต็มไปด้วยความทรงจำที่ถูกดึงออกมาจากภายในห้วงกระแสกาลเวลา”

“ใครก็ตามที่ถือกำเนิดขึ้นมาจากภายในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้ ก็จะถูกจดจำโดยเจตจำนงแห่งความว่างเปล่าไร้ขอบเขต และความทรงจำนั้นก็ถูกใช้เพื่อสร้างเป็นคนผู้นั้นขึ้นมาใหม่”

“อันที่จริงคนทั้งหมดในดินแดนกว้างใหญ่แห่งนี้ไม่ได้ตระหนักว่า สิ่งที่พวกมันเป็นจริงๆ แล้วคืออะไร พวกมันคิดว่าตนเองยังคงอยู่ แต่ความจริงแล้วพวกมันเป็นแค่ซากศพ หรือการแสดงออกมาของความทรงจำเท่านั้น”

“อันที่จริงตัวข้าเองก็เคยเป็นหนึ่งในพวกมัน จึงเป็นเหตุผลที่ทำไม ข้าถึงไม่เคยล้มเลิกความพยายามที่จะฟื้นคืนชีพจู่เหริน จนกระทั่งอาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไป ข้าจึงเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้ในที่สุด”

ทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกประหลาดใจ ความจริงแล้วจากตอนที่เขามองเห็นเสาทั้งห้าตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ก็เริ่มคาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่เป็นความจริงได้แล้ว

นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทพและมารถึงได้ทำลายดรรชนีของหลัวเทียนไปคนละข้าง จากนั้นก็ออกจากความว่างเปล่าไร้ขอบเขตเพื่อไปสำรวจ

จักรวาลที่พวกมันเคยเห็นในตอนที่ก้าวเข้าไปอยู่เหนือสูงสุด

จักรวาลนั้นเต็มไปด้วยสิ่งที่ไร้สิ้นสุด แต่ละส่วนต่างก็มีโลกของมันเอง พร้อมทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวของตนเอง

โฉ่วเหมินไถสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกล่าวว่า “ดังนั้นถ้าท่านต้องการจะป้องกันไม่ให้อาณาจักรขุนเขาทะเลถูกทำลายไปอีกครั้ง ก็ต้องกำจัดหลัวเทียน!”

“นี่คือข้อความส่วนที่สอง”

“หลัวเทียนที่แท้จริงคงอยู่ตรงด้านนอกความว่างเปล่าไร้ขอบเขต ถ้าท่านต้องการจะทำลายมัน ก็มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น! ปีศาจเคยลองพยายามมาแล้ว จู่เหรินก็เช่นกัน หลังจากนั้นก็เป็นเทพ แต่ไม่มีใครต่อสู้กับหลัวเทียนได้ สิ่งที่คนทั้งสามสามารถทำได้มากที่สุดก็คือทำลายดรรชนีของมันไปคนละข้างเท่านั้น จากนั้นก็ถูกบังคับให้ต้องจากไป”

“ตอนแรกเป็นปีศาจ ต่อมาก็เป็นมาร จากนั้นก็เป็นเทพ ด้วยการเผชิญหน้ากับคนทั้งสามในแต่ละครั้ง ทำให้หลัวเทียนเริ่มอ่อนแอลงไป แต่ถึงแม้ว่าจะอ่อนแอเช่นนั้น ก็ยังคงแข็งแกร่งพอที่จะทำลายผู้ฝึกตนเหนือสูงสุดได้ มีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะทำลายมันไปได้ก็คือ…ทำให้มันอ่อนแอลงไปมากที่สุด จากนั้นก็ให้ผู้อยู่เหนือสูงสุดคนอื่นไปต่อสู้กับมัน!”

“ท่านคือความหวังสุดท้ายที่จะทำลายหลัวเทียน!”

“เมื่อหลัวเทียนอ่อนแอมากที่สุด ท่านก็จะมีโอกาสกำจัดมันไปได้หนึ่งครั้ง ถ้าล้มเหลวท่านก็จะเหมือนกับจู่เหริน และผู้อยู่เหนือสูงสุดอีกสองคน ร่างจริงของท่านไม่อาจจะคงอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้อีกต่อไป ท่านจะถูกขับไล่ออกไป ท่านอาจจะทิ้งร่างจำแลงไว้เบื้องหลัง แต่ร่างจำแลงนั้นก็ไม่มีทางจะกำจัดหลัวเทียนไปได้ มันไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ”

“ใครเป็นคนกำหนดคุณสมบัติเหล่านั้น?” เมิ่งฮ่าวสอบถามพร้อมกับแววตาที่สาดประกายขึ้น

“กฎธรรมชาติสูงสุด ซึ่งอยู่เหนืออาณาจักรบรรพจารย์ เป็นกฎธรรมชาติแห่งจักรวาล!”

“ท่านรู้หรือไม่ว่า หลัวเทียนเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?” หลังจากที่โฉ่วเหมินไถพูดประโยคนี้ออกมา ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายเจิดจ้ามากขึ้น จนกระทั่งคล้ายกับเป็นดวงตะวันที่กำลังลุกไหม้ ทำให้แม้แต่โฉ่วเหมินไถก็ยังต้องสั่นสะท้าน

“โปรดบอกมา” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ประสานมือ โค้งตัวลงให้กับโฉ่วเหมินไถ

“โปรดบอกมา” ด้วยเช่นนั้นเมิ่งฮ่าวก็ประสานมือ โค้งตัวลงให้กับโฉ่วเหมินไถ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!