Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1603

ตอนที่ 1603

จุดสูงสุดของการต่อสู้

ในทันทีที่เทพปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับกลิ่นอายอันน่ากลัว กระแสน้ำวนขนาดใหญ่ก็พุ่งขึ้นมาอยู่ตรงด้านหลัง มันเป็นเพียงคนเดียวในท่ามกลางเหล่าเทพทั้งปวงที่ไม่มีภาพลวงตายักษ์อยู่ตรงด้านหลัง

มันตกลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ เวลาเดียวกันนั้นก็โบกสะบัดมือขวาออกไป สายลมที่คมกริบราวใบมีดซึ่งประกอบด้วยพลังทำลายล้างอันไร้ขอบเขตก็พุ่งออกมา ในชั่วพริบตาก็พุ่งตรงไปอยู่ที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว

ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้าขึ้น เตรียมตัวจะปลดปล่อยเวทรุ่นแปดออกไปเพื่อหยุดมัน แต่ทันใดนั้นเองเสียงแค่นอย่างเย็นชาดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

“นิ่ง!”

แรงสั่นสะเทือนวิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้นก็สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไป ม่านตาหดเล็กลงขณะที่สายลมอันคมกริบกรีดเฉือนลงมายังชุดเกราะนักรบ จนต้องกระอักโลหิตออกมาและพุ่งถอยไปทางด้านหลัง เทพเข้ามาใกล้โบกสะบัดมือ

เพื่อเรียกสายลมสีดำสนิทออกมา ซึ่งก็คือเวทถามหาสายลม

เวทนี้แข็งแกร่งกว่าตอนที่เมิ่งฮ่าวเคยพบเจอมาเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่ทำการต่อสู้กับอาณาจักรเทพมากนัก

มันคือสายลมทำลายล้างที่สามารถจะกำจัดสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด อย่างไรก็ตามขณะที่สายลมกรีดร้องระงม เมิ่งฮ่าวก็ยกอาวุธสงครามขึ้นไปเหนือศีรษะ และกรีดเฉือนลงไปอย่างดุร้าย ตัดสายลมนั้นออกเป็นสองส่วนในทันที!

ถึงแม้ว่าจะถูกตัดออกเป็นสองส่วน แต่สายลมนั้นก็ยังไม่หายไป กลับเปลี่ยนเป็นหยดน้ำฝนสีดำนับไม่ถ้วนแทน

และจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเงาร่างที่กรีดร้องเป็นเสียงแหลมเล็กในทันที

พร้อมกับการเปลี่ยนแปลงนั้นภูเขาก็พังทลายลงไป ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวรอบๆ กายเมิ่งฮ่าวถูกทำลายไป

ภาพของดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนร่างเมิ่งฮ่าว และเทพก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา เกิดเป็นเสียงกระหึ่มดังก้องขึ้น ขณะที่ชุดเกราะนักรบส่วนใหญ่ของเมิ่งฮ่าวระเบิดขึ้น และกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง เทพพุ่งลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ พร้อมกับเรียกมารปีศาจให้ยื่นมือออกมาคว้าจับเขาไว้

เมิ่งฮ่าวถูกโจมตีจนต้องถอยร่นไปทางด้านหลังอีกครั้ง กระอักโลหิตออกมาอีกครา ซู่มิ่ง และมารต่างก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยเช่นกัน ปลดปล่อยความ

สามารถศักดิ์สิทธิ์ที่แตกต่างกันออกมามากขึ้นกว่าเดิม โจมตีไปยังหน้าอกเมิ่งฮ่าวด้วยพลังที่แปลกๆ จนดูเหมือนว่าจะสามารถกลืนกินแก่นแท้ของเขาลงไปได้

เสียงระเบิดดังก้องขึ้นขณะที่เมิ่งฮ่าวถอยไปทางด้านหลังอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นเทพที่มาพร้อมกับหมัดที่ทำให้ความจริงต้องบิดเบี้ยวไปมา และสามารถจะทำลายสิ่งใดๆ ได้ทั้งปวง ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสอีกครั้ง

ดูเหมือนว่าเมิ่งฮ่าวแทบไม่อาจจะต่อสู้กลับไปได้ คำว่า ‘นิ่ง’ ดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เขาไม่อาจจะขยับร่างเคลื่อนไหวได้ ปีศาจ มาร และเทพบดขยี้ลงมายังร่างเมิ่งฮ่าวอย่างไม่ลดละ

เมิ่งฮ่าวไม่รู้ว่าตนเองกระอักโลหิตออกไปกี่มากน้อยแล้ว กระดูกถูกบดขยี้จนแตกละเอียด จนต้องล่าถอยไปทางด้านหลังอย่างต่อเนื่อง ถูกโจมตีจากมุมหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวไปยังอีกมุมหนึ่งอยู่ตลอดเวลา

เขาสามารถจะรับมือกับหนึ่งในคู่ต่อสู้เหล่านี้ตามลำพังได้อย่างง่ายดาย และสามารถจะต่อสู้พร้อมกันทั้งสองคนได้ แต่เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับคนทั้งสามในเวลาเดียวกันก็เป็นไปไม่ได้ที่สามารถจะต่อต้าน โดยที่ไม่ใช้เวทผนึกสวรรค์ออกมา

 

ด้วยสถานะที่อ่อนแอของเมิ่งฮ่าวในตอนนี้ หลัวเทียนอาจจะไม่สามารถลอกเลียนแบบไพ่ไม้ตายที่ทรงพลังมากที่สุดออกมาได้ แต่สามคนนี้ก็เป็นผู้แข็งแกร่งมากที่สุดในแต่ละรุ่นของพวกมันแล้ว

เมื่อพวกมันรวมพลังเข้าด้วยกัน แม้แต่หลัวเทียนในช่วงที่รุ่งเรืองมากที่สุดก็ยังต้องสั่นสะท้าน พวกมันอาจจะเป็นกลุ่มคนจากเมื่อในอดีต แต่ก็ยังคงสามารถจะปลดปล่อยพลังที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องสะเทือนออกมาได้

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคงต่อสู้ต่อไป ใช้เวทผนึกตนเอง เวทกลืนภูเขา เวททำลายเก้าชั้นฟ้า เจ็ดก้าวเทพ รวมทั้งวิชาเวทที่ตนเองสร้างขึ้นมา และความสามารถศักดิ์สิทธิ์จากมรดกของสุ่ยตงหลิว ใช้ทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่กฎธรรมชาติ การต่อสู้กับผู้ที่อยู่ในตำนานทั้งสามคนนี้ช่างน่าตกตะลึงอย่างถึงที่สุด

การต่อสู้เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นอยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งนี้มาก่อน

การต่อสู้อย่างยากลำบากนี้เป็นสิ่งที่ทำให้คนทั้งหมดต้องตื่นตระหนก เมิ่งฮ่าวได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส แต่ก็มีกายเนื้อเหนือสูงสุด ทำให้สามารถจะฟื้นฟูกลับคืนมาได้อย่างรวดเร็ว แต่คู่ต่อสู้ทั้งสามก็เป็นเช่นเดียวกัน

ซึ่งมีแต่จะทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้มีความรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น

เทพโจมตีมาอย่างฉลาดหลักแหลมมากเป็นพิเศษ ในที่สุดมันก็โบกสะบัดมือขวาออกไป ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวต้องกลายเป็นสีดำสนิท อย่างน่าตกใจยิ่งดวงตะวันปรากฏขึ้นมา เจิดจ้าบาดตาจนดูเหมือนว่าจะสามารถทำลายความมืดมิดในยามราตรีลงไปได้โดยสิ้นเชิง

แต่เหตุการณ์ก็ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ดวงดาวบนหน้าผากเทพเริ่มหมุนคว้างไปมา

อย่างไรก็ตามไม่มีภาพปรากฏขึ้น แต่เริ่มขยายขนาดใหญ่มากขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นเทพที่ต่อยหมัดออกไปด้วยพลังที่สามารถจะทำลายดวงดาวลงไปได้

ในชั่วชีวิตของเมิ่งฮ่าว เขาไม่เคยต่อสู้ด้วยความยากลำบากเช่นนี้มาก่อน ใครก็ตามถ้ามาแทนที่เขาในตอนนี้ก็คงจะต้องตกอยู่ในห้วงความสิ้นหวัง รู้สึกหมดกำลังใจที่จะต่อสู้กลับไป และต้องถูกทำลายไปในที่สุด แต่ก็ไม่ใช่เมิ่งฮ่าว

เขายังคงยืนหยัดต่อไป ตระหนักมานานแล้วว่าการเปลี่ยแปลงครั้งที่แปดนี้ไม่ใช่ไม่มีขีดจำกัด เวลาเดียวกันนั้นหลัวเทียนก็กำลังอ่อนแอลงไปเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน มันกำลังพยายามบังคับให้เมิ่งฮ่าวต้องใช้เวทผนึกสวรรค์ออกมา และเมิ่งฮ่าวก็ต้องการใช้โอกาสนี้บังคับให้หลัวเทียนที่อ่อนแออยู่แล้วต้องเหน็ดเหนื่อยจนพลังลดน้อยลงไปมากขึ้น

ดูเหมือนว่าเสียงระเบิดจะดังก้องออกไปอย่างไม่รู้จบ การรวมพลังกันโจมตีมาของคู่ต่อสู้ทั้งสามทำให้ชุดเกราะนักรบของเมิ่งฮ่าวต้องพังทลายลงไป แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ โดยสิ้นเชิง และอาวุธสงครามก็ถูกทำลายไปบางส่วนด้วยเช่นกัน

แต่เมิ่งฮ่าวก็ยังคงยืนหยัดต่อไป แผดร้องคำรามเรียกจักรพรรดิอสูรออกมา เพื่อต่อสู้กับจักรพรรดิปีศาจและมารปีศาจ ช่วยคลี่คลายสถานการณ์อันร้ายแรงทั้งหมดไปได้บ้าง ขณะที่ถอยร่นออกไปก็หัวเราะขึ้นมา ร่างกายเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต แต่ก็ยังไม่รู้สึกสิ้นหวัง อันที่จริงเสียงหัวเราะอย่างต่อเนื่องของเขาก็ยิ่งดังก้องมากขึ้นกว่าเดิม

“ข้าไม่ได้ต่อสู้อย่างสมใจเช่นนี้ นานนับหมื่นปีมาแล้ว…” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้น ชุดเกราะนักรบขาดรุ่งริ่ง และเส้นผมก็ยุ่งเหยิงเป็นกระเซิง แต่ก็ยังคงกวัด

แกว่งอาวุธสงครามไปมา และมีท่าทางเหมือนกับว่าต้องการจะต่อสู้มากขึ้นกว่าเดิม

ในตอนนี้เองที่ปีศาจสูดหายใจเข้าลึกๆ และโบกสะบัดมือขวาออกไป ร่างกายมันเริ่มโปร่งแสง และปราณปีศาจก็พุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

“เวทนอกรีต เต๋าปีศาจ!” มันกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา หายตัวไปในทันที กลายเป็นเงาร่างภูตผีพุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าวด้วยระดับพลังอันน่ากลัวเท่าที่มันเคยใช้ออกมาในการต่อสู้นี้

แต่เมิ่งฮ่าวก็สามารถจะมองออกว่าเวทแห่งเต๋าที่ปีศาจใช้ออกมานี้ยังมีข้อบกพร่องไม่สมบูรณ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับตัวปีศาจเองโดยตรง แต่ความเป็นจริงก็คือว่านี่คือการลอกเลียนแบบที่ไม่สมบูรณ์ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยหลัวเทียน และเวทแห่งเต๋านี้กำลังถูกบังคับให้ต้องปลดปล่อยออกไป

มารหลับตาลง จากนั้นก็ลืมขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนี้ทั่วทั้งร่างของมันเต็มไปด้วยเครื่องหมายสีดำอันซับซ้อน ถอนหายใจอย่างแผ่วเบาออกมา

และกลิ่นอายอันน่ากลัวก็ระเบิดขึ้น กลายเป็นเวทครอบครองที่พิเศษบางอย่าง พุ่งปกคลุมลงไปบนร่างเมิ่งฮ่าวอย่างน่ากลัว

“ครอบครอง!”

นี่ก็เป็นเวทที่ไม่สมบูรณ์ด้วยเช่นกัน!

สุดท้ายก็คือเทพ ซึ่งโบกสะบัดชายแขนเสื้อออกไปและกล่าวขึ้นมาด้วยเสียงราบเรียบว่า “เต๋าแห่งเทพ นักรบในท่ามกลางผู้ฝึกตนทั้งปวง! เวทปีศาจ เปลวไฟสวรรค์! ชนเผ่ามาร หายนะแห่งความตาย!”

แต่ก็เป็นเวทที่ไม่สมบูรณ์อีกครั้ง!

ในทันทีที่เทพพูดขึ้นมา พลังที่ทำให้สวรรค์ต้องสะท้านปฐพีต้องแตกกระจายไปก็พุ่งขึ้นมาจากกลุ่มคนทั้งสาม ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวดูเหมือนว่าจะหายไป เหลือไว้แต่เพียงพวกมันและไพ่ไม้ตาย…ที่ไม่สมบูรณ์!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!