Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1610

ตอนที่ 1610

ร่างจำแลงของใคร?

เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านไปทั้งร่างและจิตใจ บางขณะในอดีตที่ผ่านมา เครื่องหมายผนึกได้ปรากฏขึ้นในจิตใจ ซึ่งตอนนี้ก็แวบขึ้นด้วยเจตจำนงแห่งการผนึกสวรรค์ กระจายเป็นแสงอันเจิดจ้าออกมา เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้นมาและชี้นิ้วออกไปโดยไม่รู้สึกตัวในทันที

“ข้าขอให้…ทำลายคำสาปแช่งนี้!” คำพูดที่ดังก้องออกมานี้ดูเหมือนว่าจะแปลกประหลาด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้รู้สึกราวกับว่าจำเป็นต้องพูดออกมา

ทันใดนั้นเสียงกระหึ่มราวเสียงฟ้าร้องคำรามก็ดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงอาณาเขตที่เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ รอยแตกขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นบนภูเขาน้ำแข็ง ซึ่งเป็นที่เก็บของเมล็ดวิญญาณทั้งปวง

ฉับพลันนั้นเมล็ดวิญญาณที่เริ่มมืดสลัวลงไปเป็นเวลานานมากแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะเริ่มเต้นรัว

ขึ้นมาตามจังหวะการเต้นของหัวใจ ทันใดนั้นพวกมันก็เต็มไปด้วยพลังชีวิต

ราวกับว่าเป็นประตูทางออกที่นำไปสู่การเกิดใหม่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา แต่ตอนนี้ก็ได้เปิดกว้างสำหรับพวกมันแล้ว

ขณะที่เมล็ดวิญญาณนับไม่ถ้วนฟื้นฟูกลับคืนมา จิตใจเมิ่งฮ่าวก็พบเจอกับบางสิ่งที่คล้ายกับเป็นหัตถ์ยักษ์สองข้าง ซึ่งกำลังฉีกกระชากให้ขาดออกจากกัน รู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนต้องแผดร้องออกมา และดวงตาก็กลายเป็นสีแดงก่ำไปโดยสิ้นเชิง ร่างกายสั่นสะท้านไปมา ขณะที่ความทรงจำนับไม่ถ้วนจู่ๆ ก็ไหลท่วมท้นอยู่ในจิตใจ

เขาจำได้ถึงอาณาจักรขุนเขาทะเล บิดามารดา สวี่ชิง ฉู่อวี้เยียน เจ้าอ้วน หวังโหย่วฉาย ปรมาจารย์เอกะเทวะ กู๋อี่ติงซานอวี่ และคนอื่นๆ ทั้งหมด…

เขาจำได้ถึงการต่อสู้กับหลัวเทียน และจำได้ว่ากำลังอยู่ในช่วงการนั่งเข้าฌาน จำได้ว่าก่อนที่สุ่ยตงหลิวจะตายไป…ได้มอบแผ่นหยกพร้อมด้วยแผนการอย่างละเอียดให้กับตนเอง

เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจเมิ่งฮ่าว และโลหิตก็ไหลซึมออกมาจากดวงตา หู จมูก และปาก ค่อยๆ มองขึ้นไป และกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง แต่ก็เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น

“ข้าไม่ใช่หลัวเทียน ข้าคือ…เมิ่งฮ่าว!”

“ข้าคือ…เมิ่งฮ่าว!” ด้วยเช่นนั้นเขาก็แหงนหน้าขึ้นและแผดร้องคำรามออกมา จนดังก้องไปทั่วทั้งท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว ทำให้ขุนเขาทะเลที่เก้าต้องสั่นสะท้านไปทั่ว

เขาเริ่มหอบหายใจออกมา ขณะที่นึกขึ้นได้ถึงความเป็นจริงทั้งปวง จดจำได้ว่าตนเองเคยยึดครองหลัวเทียนในช่วงของการต่อสู้กันครั้งสุดท้าย จำได้ว่าเคยทำการติดต่อกับความคิดของหลัวเทียน และจำได้ถึงเจตจำนงที่เข้าไปแทนที่มันด้วยจิตใจของตนเอง ในที่สุดเจตจำนงแห่งหลัวเทียนก็ทำให้สิ่งที่คล้ายกับเป็นการลอกเลียนแบบแห่งหลัวเทียน ซึ่งเมิ่งฮ่าวตั้งใจที่จะปล่อยให้มันมายึดครองร่างตนเองเริ่มเติบโตขึ้นมา

นั่นคือแผนการอันบ้าคลั่งของสุ่ยตงหลิว ถ้าผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ก็จะทำให้เมิ่งฮ่าวต้องสูญเสียตัวตนไปตราบชั่วนิรันดร์ กลายเป็นหลัวเทียนไปอย่างแท้จริง แต่ก็เป็นเพียงหนทางเดียวที่จะทำลายคำสาปแช่งลงได้ คำสาปแช่งนี้…จะถูกทำลายไปได้โดยหลัวเทียนเท่านั้น แม้แต่การสังหารมันไปก็ยังไม่อาจจะทำลายคำสาปแช่งนี้ได้ หลัวเทียนต้องทำลายมันไปด้วยตัวเองเท่านั้น

ดังนั้นหนทางเดียวที่จะทำลายคำสาปแช่งนี้ได้ก็คือ…กลายเป็นหลัวเทียน!

และนั่นก็คือเหตุผลที่ทำไมทุกสรรพสิ่งถึงได้เกิดขึ้นเช่นนี้

เมิ่งฮ่าวสั่นสะท้านมองไปยังภูเขาน้ำแข็งที่เริ่มพังทลายลงไป มองไปยังเมล็ดวิญญาณที่กำลังตื่นขึ้นมา และจากนั้นก็เริ่มหัวเราะออกมา เป็นเสียงหัวเราะที่แจ่มใสมีชีวิตชีวา กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง เขารู้ว่าในที่สุด…ตนเองก็ทำได้สำเร็จแล้ว

“ข้าทำได้แล้ว ในที่สุดข้าก็ทำได้!” หยดน้ำตาไหลลงมาอาบแก้ม และดิ้นรนลุกขึ้นมายืน ทุกลมหายใจที่เมิ่งฮ่าวสูดเข้าไป ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วย

หมู่ดาวต้องสั่นสะท้าน และร่างกายก็ฟื้นฟูกลับคืนมา สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ วิญญาณ เจตจำนงและพื้นฐานฝึกตน ต่างก็ฟื้นฟูกลับมาทั้งหมดจากสถานะที่แห้งเหี่ยวลงไป

ในที่สุดเมิ่งฮ่าวก็สงบเยือกเย็นเหมือนเดิม

มองออกไปยังส่วนลึกมากที่สุดในห้วงจักรวาล และจำได้ว่าหลัวเทียนเคยกระทำเช่นเดียวกันนี้ในช่วงสุดท้ายก่อนที่มันจะตายไป จากนั้นก็นึกย้อนกลับไปยังสิ่งที่ตนเองต้องพบเจอมาหลังจากที่กลายเป็นหลัวเทียน

หลังจากที่นึกย้อนกลับไปยังความทรงจำนั้น จิตใจก็เริ่มเต้นรัวขึ้นมา ถึงแม้ว่าจะสามารถจดจำได้อย่างชัดเจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นมาในตอนนั้น แต่ก็เป็นเรื่องยากที่จะเชื่อว่ามันคือความจริง

ย้อนกลับไปเมื่อกลายเป็นหลัวเทียน เขาได้รับผลกระทบเกี่ยวกับท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวอย่างลึกล้ำ ได้รับความรู้แจ้งเกี่ยวกับแก่นแท้ที่ปีศาจ มาร เทพ และอสูรปรากฏตัวขึ้นมา…

ผู้อยู่เหนือสูงสุดที่แข็งแกร่งเหล่านั้นต่างก็มาเพราะหลัวเทียน และหลัวเทียน…ก็เป็นร่างจำแลงของใครบางคนเท่านั้น!

ใครคนนั้นคงอยู่ที่ไหนสักแห่งในห้วงจักรวาล และอยู่มานานหลายปีจนนับไม่ถ้วน เมื่อการเชื่อมต่อกับร่างจำแลงถูกตัดขาดไป มันก็กลายเป็นหลัวเทียนแทน

แววตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อน ขณะที่มองออกไปยังห้วงจักรวาล เขารู้ว่าที่ไหนสักแห่งตรงด้านนอกนั้น

ร่างจริงของหลัวเทียนคงอยู่ในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างที่ยากจะคาดเดาได้ ยิ่งไปกว่านั้นใครกันที่สามารถจะตัดร่างจำแลงออกไปจากคนที่แข็งแกร่งเช่นนั้นได้?

ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวเริ่มเข้าใจถึงความหมายของคำพูดโบราณนี้แล้ว

หลัวเทียนหวาดกลัวเซียน!

มันหวาดกลัวเซียนเพราะว่ามันหวาดกลัวร่างจริงของตัวเอง? บางทีร่างจริงของมันก็คือ…เซียนที่แท้จริง!

ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่เมิ่งฮ่าวหรือคนอื่นๆ จะกลายเป็นเซียนได้อย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าหลัวเทียนจะไม่ทำอะไรเพื่อยับยั้งคนอื่นๆ จากการกระทำเช่นนั้น พวกมันก็ยังคงล้มเหลวในการกลายเป็นเซียนตลอดไป!

มันเป็นความลับที่เทพ มาร หรือแม้แต่ปีศาจไม่เคยรู้มาก่อน บางทีพวกมันอาจจะเคยคาดเดามาก่อน จึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกมันถึงต้องเดินทางออกไปในห้วงจักรวาล เมิ่งฮ่าวเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ได้พบเห็นถึงความจริงเรื่องนี้

“ห้วงจักรวาล…” หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ความคาดหวังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนก็ปรากฏขึ้นภายในดวงตา บางทีในสักวันหนึ่งเขาอาจจะมีโอกาสได้ต่อสู้กับผู้ที่ถูกเรียกว่าเซียน!

“ตอนนี้เมื่อข้าคิดถึงเรื่องนี้ ก็คาดว่าผู้อยู่เหนือสูงสุดทั้งสามต่างก็ต้องการจะทำเช่นเดียวกัน!” ด้วยเช่นนั้นเขาจึงโบกสะบัดชายแขนเสื้อ ม้วนกวาดเอาร่องรอยของหลัวเทียนออกไปจนหมดสิ้น และ

สะกดข่มความต้องการจะออกไปยังห้วงจักรวาลไว้ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะทำเช่นนั้น

เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองไปยังโลงศพน้ำแข็งที่สวี่ชิงนอนหลับอยู่ แววตาเต็มไปด้วยความรัก เดินตรงไปและมองลงไปยังใบหน้าที่งดงามนั้น ค่อยๆ คุกเข่าลงไปอย่างช้าๆ เมื่อทำเช่นนี้น้ำแข็งก็เริ่มละลายไป ทำให้เกิดเป็นกลุ่มหมอกลอยคละคลุ้ง จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปจุมพิตหน้าผากนางอย่างอ่อนโยน

ยากที่จะบอกได้ว่าเขาจุมพิตนางเป็นครั้งสุดท้ายกี่ปีมาแล้ว นี่เป็นจุมพิตที่เต็มไปด้วยความโหยหาอย่างลึกล้ำ ประกอบด้วยความคิดถึงจากหลายยุคสมัยที่ผ่านมา

“ชิงเอ๋อร์…ชีจื่อ (ภรรยา) ข้า เจ้าหลับใหลมานานมาก ถึงเวลาที่ต้องตื่นขึ้นมาแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา

ขนตานางเต้นระรัว และค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา สีหน้าดูว่างเปล่าในตอนแรก แต่จากนั้นสายตาก็เริ่มรวมตัวกันอย่างรวดเร็ว มองไปยังเมิ่งฮ่าวและยิ้มออกมา ด้วยแววตาที่ดูลึกล้ำราวกับเป็นสระน้ำที่สงบนิ่ง

เมิ่งฮ่าวยิ้มตอบกลับไป อุ้มนางออกมาจากภายในโลงศพน้ำแข็ง ประคองนางให้ยืนด้วยตัวเอง จากนั้นก็หันหลังมองไปยังโลงศพน้ำแข็งที่บรรจุบิดามารดา นกแก้วและผีโต้ง ในตอนนี้เองที่เมิ่งฮ่าวตระหนักว่าโลงศพที่บรรจุนกแก้วและผีโต้งได้หลอมละลายไปเรียบร้อยแล้ว และพวกมันกำลังยืนอยู่ที่นั่น เฝ้ามองมาด้วยสีหน้าตกตะลึง ทันใดนั้นเสียงแผดร้องแหลมเล็กก็ดังก้องขึ้น

เป็นเสียงแผดร้องที่ดังออกมาจากจิตใจด้วยความหวาดกลัวของพวกมัน ทั้งนกแก้วและผีโต้งโอบกอดซึ่งกันและกัน และเริ่มร้องตะโกนออกมาจนสุดเสียง

“อย่ามาจุมพิตข้า บัดซบ! มันน่ารังเกียจนัก หยุดอยู่ตรงนั้น ซานเหยียไม่ได้ชอบเจ้า เจ้าไม่มีขน อย่ามาแตะต้องข้า!!”

“ไสหัวไป ความบริสุทธิ์ของอู่เหยียต้องไม่ถูกทำลายไปด้วยน้ำมือเจ้า เมิ่งฮ่าว เจ้าคนพาล! เจ้าไม่อาจทำเช่นนั้น มันไม่ถูกต้อง! มันผิดศีลธรรม…”

เมิ่งฮ่าวมองไปยังพวกมันพร้อมกับหัวเราะออกมา นี่เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมาของตนเอง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!