Skip to content

I shall seal the heaven Chapter 1613

ตอนที่ 1613

ชีวิตใหม่ของเตียเหนียง

ในส่วนหนึ่งของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวแห่งขุนเขาทะเล มีดาวอยู่ดวงหนึ่ง ถ้าตรวจสอบดูให้ละเอียดก็จะพบว่าดาวดวงนี้ดูคล้ายคลึงกับดาวหนานเทียนดวงเดิมแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเล

เมื่อเมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงปรากฏตัวขึ้นบนดาวดวงนี้ แรงสั่นสะเทือนก็วิ่งผ่านไปทั่วร่างเมิ่งฮ่าวเล็กน้อย จากระดับพื้นฐานฝึกตนที่สูงส่งของตนเอง ในโลกนี้มีสิ่งของอยู่ไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะทำให้จิตใจเขาต้องสั่นสะท้านได้เช่นนี้ แต่ดาวดวงนี้ก็แตกต่างกันออกไป สถานที่แห่งนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง

นี่คือสถานที่ที่บิดามารดาของเมิ่งฮ่าวถือกำเนิดใหม่ขึ้นมาบนดาวดวงนี้

พวกท่านเคยกลายเป็นผีเสื้อขุนเขาทะเล และแบกรับผู้ฝึกตนแห่งอาณาจักรขุนเขาทะเลไว้ทั้งหมด พวกท่านเคยหลับใหลไปหลายยุคสมัยจนนับไม่ถ้วน และจากนั้นก็ผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ หลังจากที่คำสาปแช่งถูกทำลายลงไป

แล้ว ความรักของพวกท่านที่มีต่อเมิ่งฮ่าวไม่มีสิ่งใดจะมาเปรียบได้อีกแล้ว

มันคือความรักที่ไร้ความเห็นแก่ตัวโดยสิ้นเชิง…

บนทวีปแห่งหนึ่งบนดาวดวงนั้น มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่านเมืองแห่งหนึ่งไป ผู้คนมากมายอาศัยอยู่ภายในเมืองนั้น และเพราะว่าแม่น้ำนั้นไหลผ่านถนนสายหลักภายในเมือง จึงเป็นสถานที่สำหรับการค้าขายอันพลุกพล่านจอแจ

เมืองนั้นเต็มไปด้วยเสียงที่คึกคักวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองนั้น มีเจดีย์เจ็ดชั้นที่สูงขึ้นไปเหนือสิ่งปลูกสร้างใดๆ ทั้งหมด ลานจัตุรัสที่อยู่ด้านหน้าเจดีย์เต็มไปด้วยกลุ่มฝูงชน คนทั้งหมดกำลังพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เสียงร้องตะโกนและเสียงหัวเราะด้วยความดีใจดังก้องขึ้นไปในอากาศ

กลุ่มคนหนุ่มสาวกำลังรีบเดินตรงไปยังลานจัตุรัสจากทั่วทุกมุมเมือง เต็มไปด้วยความมุ่งหวังและความตื่นเต้น

“ได้ยินหรือไม่? เมิ่งต้าซ่านเหริน (ท่านผู้ใจบุญเมิ่ง) จะจัดงานเลือกคู่ให้กับบุตรีตนเองในวันนี้!”

“ข้าได้ยินมาว่านางมีความงดงามอย่างแท้จริง! แม้แต่หวงจื่อ (องค์ชาย) ก็ยังต้องการจะวิวาห์กับนาง! แต่เมิ่งป้านเฉิงซึ่งเป็นผู้นำตระกูลได้ปฏิเสธไป”

“เมิ่งต้าซ่านเหรินร่ำรวยจนแทบจะเทียบเท่ากับแคว้นนี้ทั้งหมด! แม้แต่ราชวังต้องห้ามท่านก็สามารถจะเข้าไปได้ทุกเมื่อถ้าต้องการ เหตุผลเดียว

ที่ท่านยังคงอยู่ในสถานที่แห่งนี้เป็นเพราะว่า ท่านทนไม่ได้ที่จะไปอยู่ในสถานที่ที่คร่ำครึโบราณเช่นนั้น…”

“เร็วเข้า! งานเลือกคู่ในครั้งนี้ดูเหมือนจะไร้สาระ แต่ก็เป็นความจริง! แค่พูดถึงโชคชะตา โดยไม่คำนึงถึงพื้นฐานครอบครัว ใครก็ตามที่คว้าจับซิ่วฉิว (ผ้าแพรปักลูกทรงกลม) นั้นไว้ได้ ก็จะกลายเป็นหนี่ว์ซวี่ (บุตรเขย) แห่งตระกูลเมิ่ง!”

คนทั้งหมดตกอยู่ในความปั่นป่วนโดยสิ้นเชิง อันที่จริงตรงด้านนอกของเจดีย์เจ็ดชั้น เต็มไปด้วยหวงจื่อ ขุนนาง และนักศึกษาที่มีชื่อเสียงจากแคว้นมนุษย์อยู่มากมาย คนทั้งหมดปักหลักอยู่ในตำแหน่งของตนเอง และกำลังเฝ้ารอคอยด้วยความวิตกมุ่งหวัง จ้องมองขึ้นไปยังชั้นบนสุดของเจดีย์

บรรยากาศเต็มไปด้วยความตื่นเต้นถึงขีดสุด ชั้นบนสุดของเจดีย์มีหญิงสาวพร้อมผ้าคลุมหน้านางหนึ่ง ทำให้มองไม่เห็นใบหน้าได้อย่างชัดเจน อย่างไรก็ตามแม้จะมองมาจากที่ห่างไกล ก็ยังบอกได้ว่าเป็นผู้ที่มีความงดงามอย่างน่าเหลือเชื่อ

ดวงตานางคล้ายกับเป็นสระน้ำอันลึกล้ำ แต่ขณะที่มองลงไปยังกลุ่มฝูงชนที่ด้านล่าง สายตานางก็ค่อยๆ ว่างเปล่าไปอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงได้รู้สึกเช่นนี้ แต่ก็มั่นใจว่าตรงจุดไหนสักแห่งที่ด้านล่าง มีใครบางคนที่สำคัญเป็นอย่างมากกำลังเฝ้ารอคอยตนเองอยู่ ด้วยเหตุผลบางอย่างนางรู้สึกว่าคนผู้นั้นคือสามีจากในชาติก่อนของตนเอง

ในชาติก่อนนั้น คนทั้งสองเคยเป็นผีเสื้อมาด้วยกัน และหลังจากที่บินเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่ คนทั้งสองก็เฝ้ารอคอยซึ่งกันและกัน

ในตอนนี้เองที่เสียงๆ หนึ่งก็ดังก้องออกมาจากภายในเจดีย์ ซึ่งก็คือเสียงของเมิ่งป้านเฉิงนั่นเอง

“งานหมั้นของบุตรีข้า ไม่ได้เลือกจากพื้นฐานครอบครัวหรือศักดิ์ฐานะ แต่จากโชคชะตา”

“ซิ่วฉิวจะถูกโยนออกไป และใครก็ตามที่คว้าจับไว้ได้ ก็จะกลายเป็นสามีนาง” เสียงของเมิ่งป้านเฉิงเจือด้วยความแก่เฒ่า และดูเหมือนว่าจะพูดออกมาด้วยความไม่พอใจอยู่เล็กน้อย งานวิวาห์เช่นนี้ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องโง่เขลาสำหรับมัน เดิมทีมันปฏิเสธความคิดนี้ แต่บุตรีก็ยังคงยืนกรานต่อต้าน

ในทันทีที่คำพูดมันดังก้องออกไปทั่วในอากาศ ระลอกคลื่นแห่งความตื่นเต้นก็กระจายออกไปทั่วทั้งกลุ่มผู้ชมที่อยู่ด้านล่าง

ที่ห่างไกลออกไปไม่ไกลมากนักจากกลุ่มฝูงชน นักศึกษาผู้หนึ่งกำลังเดินทางผ่านมาพร้อมกับดุด่าว่ากล่าวศิษย์ที่เกียจคร้านของตนเอง เดิมทีคนทั้งสองคิดว่าจะออกไปจากเมืองนี้ แต่เนื่องจากศิษย์ผู้นี้ ทำให้ต้องพลาดรถม้าที่จะเดินทางจากไป และตอนนี้จึงต้องไปเดินหาห้องพักสำหรับคืนนี้

ตอนแรกนักศึกษาผู้นั้นไม่ได้สังเกตเห็นความวุ่นวายของงานหมั้นนี้ แต่จากนั้นจู่ๆ ก็มีสายลมพัดผ่านตนเองไป ทำให้ต้องเหลือบสายตามองขึ้นไป และสิ่งแรกที่เห็นก็คือหญิงสาวที่ยืนอยู่บนเจดีย์ ราวกับเป็นบุปผาใต้แสงดวงตะวัน กำลังจ้องมองลงมายังตนเอง สายตาของคนทั้งสองสบประสานกัน

เป็นสายตาที่สามารถจะอดทนได้ทุกสรรพสิ่ง…

จนดูเหมือนว่าจะเป็นฤดูใบไม้ผลิจากในชาติก่อน…

สามารถจะทำให้วิญญาณต้องปั่นป่วน…

ดูเหมือนว่าจะเป็นสายตาที่มาจากชาติที่แล้ว…

นักศึกษามองเห็นภาพอันเลือนลางของบางสิ่งบางอย่างที่คล้ายกับเป็นเจดีย์อันสูงใหญ่ ตนเองกำลังยืนอยู่ที่นั่น และหญิงสาวเยาว์วัยผู้นั้นก็ยืนอยู่ข้างกายตนเอง

มองเห็นภาพอันเลือนลางของตนเอง และหญิงสาวเยาว์วัยกลายเป็นผีเสื้อ ที่ลอยผ่านเข้าไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว

มองเห็นภาพอันเลือนลางของคนทั้งสองที่เริ่มแก่ชราลงไป ยิ้มและอยู่ด้วยกันที่นั่น ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ชาติก็ตาม…

มองเห็นภาพอันเลือนลางของคนทั้งสองกำลังโอบกอดซึ่งกันและกัน ขณะที่ผ่านเข้าไปในวัฏจักรแห่งการเกิดใหม่

เสียงจอแจวุ่นวายด้วยความตื่นเต้นทั้งหลายจางหายไปกลายเป็นความเงียบสงบ ราวกับว่าทันใดนั้นนักศึกษาผู้นี้ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกแห่งนี้อีกต่อไป ไม่มีอะไรคงอยู่นอกจากหญิงสาวเยาว์วัยผู้นั้น ซึ่งมีใบหน้าที่ดูเหมือนว่าจะประทับอยู่ในส่วนลึกของจิตใจตนเอง

นักศึกษาสั่นสะท้าน

แต่ก็ไม่ใช่มันคนเดียวที่เป็นเช่นนี้ หญิงสาวเยาว์วัยตรงชั้นบนสุดของเจดีย์ก็สั่นสะท้านขึ้นมาในทันทีที่สายตาสบประสานกับนักศึกษาผู้นั้น จากนั้นดวงตานางก็เริ่มสาดประกายขึ้นด้วยแสงอันเจิดจ้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

เสียงภายในจิตใจนางกำลังบอกกับตนเองว่า เหตุผลที่เรียกร้องให้จัดพิธีเลือกคู่เช่นนี้ เหตุผลที่ต้องทำเช่นนี้ในชั่วชีวิตของตนเอง ก็เป็นเพราะว่านางกำลังเฝ้ารอคอยใครบางคน และคนผู้นั้นก็คือ…นักศึกษาผู้นี้นั่นเอง!

นางยิ้มออกมา และโยนซิ่วฉิวด้วยกำลังทั้งหมดเท่าที่สามารถจะรวบรวมได้ออกไป

ซิ่วฉิวผ้าไหมหลากสีอันงดงาม กลายเป็นลำแสงพุ่งผ่านอากาศลงไป…

เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงกำลังยืนอยู่ที่นั่น คอยเฝ้าสังเกตดูในท่ามกลางกลุ่มฝูงชน มองเห็นรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าเมิ่งฮ่าว และจิตใจก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น หญิงสาวเยาว์วัยผู้นั้น แน่นอนว่าก็คือมารดา และนักศึกษาก็คือบิดาของตนเอง

เหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้านี้ ทำให้จิตใจต้องเต็มไปด้วยความยินดี แต่จากนั้นขณะที่ซิ่วฉิวเริ่มตกลงมา เมิ่งฮ่าวก็สังเกตเห็นผู้ฝึกตนผู้หนึ่งในกลุ่มฝูงชน พร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชาที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ขณะที่บังคับให้ซิ่วฉิวมุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางมัน

แน่นอนว่าผู้ฝึกตนนั้นไม่มีทางรู้ว่า ตนเองกำลังหาเรื่องอยู่กับใคร…

สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนเป็นเย็นชา เท่าที่เขาคิด ผู้ฝึกตนที่กระทำเรื่องเช่นนี้เป็นสิ่งที่เลวร้ายกว่าการสังหารอย่างโหดเหี้ยมมากนัก เขาชี้นิ้วออกไป และซิ่วฉิวก็ลอยตรงไปยังนักศึกษาอย่างต่อเนื่อง ชั่วขณะต่อมาก็ตกลงไปในอ้อมแขนของมัน

นักศึกษาจ้องมองไปด้วยความตกตะลึง คว้าจับไปยังซิ่วฉิว จากนั้นก็มองกลับไปยังหญิงสาวที่

อยู่บนเจดีย์ มองเห็นรอยยิ้มอันเอียงอายปรากฏขึ้นบนใบหน้านาง ขณะที่ก้มศีรษะลง และรีบกลับเข้าไปในเจดีย์

เวลาเดียวกันนั้นเหล่าผู้รับใช้ก็พุ่งออกมาจากตระกูลเมิ่ง และห้อมล้อมไปรอบๆ ตัวนักศึกษาหนุ่ม โค้งตัวลงด้วยความเคารพ ภายใต้สายตาที่หงุดหงิดและอิจฉาจากกลุ่มฝูงชน นักศึกษารีบเดินเข้าไปในเจดีย์ ในที่สุดก็กลายเป็นบุตรเขยแห่งตระกูลเมิ่ง เป็นสามีของบุตรีผู้หนึ่งในตระกูลเมิ่ง

เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าอ่อนโยนลงไปมากขึ้น ไม่กี่วันต่อมา นักศึกษาและหญิงสาวเยาว์วัยก็แต่งงานกัน งานฉลองวิวาห์จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ทำให้ทั่วทั้งเมืองเต็มไปด้วยความยินดี

เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงต่างก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน

 

เกิดเป็นความรู้สึกที่แปลกๆ ขึ้นมา เมื่อต้องเข้าร่วมงานวิวาห์ของบิดามารดาตนเอง แต่ก็เป็นสิ่งที่น่ายินดี เมิ่งฮ่าวและสวี่ชิงยังได้จัดเตรียมของขวัญให้อีกด้วย ซึ่งเป็นภาพลายเส้นพู่กันที่เขียนว่า

“มีความสุขตลอดไปทุกชาติภพ…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!