บทที่ 1016 ประตูแห่งโลกไม่เคยมีอยู่มาก่อน
เสียงครืนครั่นระเบิดดังสนั่นอย่างต่อเนื่องอยู่ในสมองและร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุน สีหน้าเขาตื่นตะลึงเพราะสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าเพียงแค่ครู่เดียวนี้ ร่างของเขาก็คล้ายได้รับการถ่ายโอนพลังชีวิตมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
พลังชีวิตนี้มีต้นกำเนิดเดียวกับวิชาอมตะมิวางวาย ทำให้การผสานรวมไม่มีอุปสรรคใดๆ ราวกับว่าเดิมทีนี่ก็คือตบะของเขาอยู่แล้ว และแค่ไม่นานก็ทำให้เรือนกายที่แห้งเหี่ยวจนใกล้จะแหลกสลายของป๋ายเสี่ยวฉุนฟื้นตัวกลับมาได้เกือบครึ่ง
ภายใต้การฟื้นตัวนี้ พลังเลือดเนื้อของเขาเองก็ระเบิดออกมาตามกัน จากที่เป็นเพียงแค่หลอมรวมลมปราณก็ฝ่าทะลุสู่สร้างฐานราก ครั้นจึงระเบิดออกอีกครั้ง กลายมาเป็นเลือดเนื้อรวมโอสถ!!
ท่ามกลางขั้นตอนนี้ หนังคงกระพัน เนื้อคงกระพัน เอ็นคงกระพัน…ก็ได้ฟื้นตัวกลับคืนมาทั้งหมด อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนยังมีความรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าบทมิวางวายในเวลานี้แตกต่างไปจากแต่เดิมที่เขาเคยได้ครอบครองอยู่มาก!
ดูเหมือนว่าจะ…แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พลังชีวิตอุดมเปี่ยมล้นมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันเลือดลมก็มากไพศาลสะเทือนเลือนลั่นปฐพี!
และความรู้สึกของการผสมผสานรวมเป็นหนึ่งเดียวทั่วทั้งร่างกายนี้ หากไม่มีความรู้สึกในอดีตมาเปรียบเทียบก็ยากที่จะค้นพบ ทว่าเมื่อมีประสบการณ์การฝึกตนตลอดหลายปีที่ผ่านมา บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้ตื่นตะลึงอย่างหนักไปกับระดับการผสมผสานของบทมิวางวายในร่างกาย!
หากจะบอกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนในอดีตที่ฝึกหนังคงกระพันได้สำเร็จ พลังการต่อสู้ของเขาคือสิบส่วน ถ้าเช่นนั้นพลังชีวิตที่ฟื้นคืนกลับมาใหม่หลังจากการฟื้นตัวเวลานี้ก็เป็น…สิบห้าส่วน!!
ความน่ากลัวที่ทบทวีขึ้นมาเช่นนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดิมทีก็เหนือกว่าคนระดับเดียวกันยิ่งกลายเป็นบุคคลที่สวนกระแสสวรรค์เข้าไปใหญ่!
และทั้งหมดนี้ก็ล้วนเป็นเพราะการสลายเป็นผุยผงแล้วก่อตัวกันขึ้นมาเป็นโอสถใหญ่ล้ำโลกแห่งวิชาอมตะมิวางวายของโครงกระดูกทั้งสอง!
ราวกับว่า…
โอสถใหญ่ล้ำโลกนี้จะไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตอันเป็นกายเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนฟื้นคืนกลับมา ยิ่งไปกว่านั้นคือยังมีการชดเชยบางอย่างที่พิเศษ เป็นเหตุให้พลังเรือนกายของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีส่วนแตกต่างไปจากอนุชนรุ่นหลังที่สืบทอดสายเลือดของจักรพรรดิขุยอีกต่อไป ทั้งยังเหนือกว่า ยอดเยี่ยมกว่าด้วยซ้ำ!
ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ เอ็นคงกระพันของป๋ายเสี่ยวฉุนสำเร็จเสร็จสิ้น ขอบเขตของกระดูกคงกระพันจึงไต่ทะยานตามมาติดๆ ภายใต้การระเบิดพลังอย่างไม่หยุดยั้งนี้ กระดูกคงกระพัน…ก็ไต่ไปถึงขั้นสมบูรณ์แบบโดยตรง!
ส่วนร่างกายของเขาก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากำลังฟื้นตัว เส้นผมงอกขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เรือนร่างที่เดิมทีแห้งเหี่ยวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกก็มีเลือดมีเนื้อแผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว
แม้แต่รอยแตกระแหงบนผิวหนังก็ยังประสานตัวเข้าหากัน และผิวหนังที่ปรากฏขึ้นมาใหม่นี้ยังแผ่แสงสีทองอร่าม มากพอจะทำให้ทุกคนที่ได้เห็นจิตใจสั่นคลอนไปกับแสงทองอันศักดิ์สิทธิ์นี้
และเวลานี้เอง หลังจากที่กระดูกคงกระพันถึงขั้นสมบูรณ์แบบ ขอบเขตเลือดคงกระพันก็ได้หวนคืนกลับมาอีกครั้ง!
ในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนมีเสียงลั่นคึ่กคั่กดังออกมาไม่หยุด
เลือดทุกหยดในร่างบัดนี้ได้แปรเปลี่ยนไปเป็นเลือดคงกระพัน และเมื่อเลือดคงกระพันแผ่ขยาย ร่างกายของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงฟื้นตัวกลับคืนมาอย่างเต็มที่ เลือดลมสะท้านฟ้าทะยานพวยพุ่งออกจากร่างเขาพร้อมเสียงอึกทึกเป็นระลอกๆ
ความแข็งแกร่งของปราณเลือดนี้ทำให้โลกของนครสามชั้นเบื้องล่างถูกอาบย้อมไปด้วยสีเลือด ทว่าในสีเลือดนั้นกลับมีแสงสีทองเปล่งประกาย!
และปราณของความแกร่งกร้าวก็ยังคงปะทุออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่หยุดยั้ง!
จนกระทั่งผ่านไปได้สิบกว่าลมหายใจ เมื่อหยดเลือดในร่างล้วนกลายมาเป็นเลือดคงกระพันทั้งหมด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พลังกล้ามเนื้อขุมหนึ่งที่เหนือเกินกว่าที่เคยเป็นหลายต่อหลายเท่าพลันผุดพุ่งออกมาจากร่างของเขา!
ตูมๆๆ!!
ครึ่งเทพช่วงต้น ครึ่งเทพช่วงกลาง ครึ่งเทพช่วงท้าย ครึ่งเทพ…ขั้นสมบูรณ์แบบ!!
ตามหลังการระเบิด ทั่วร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเสียงปังๆๆ ดังถี่ราวกับไม่มีวันสิ้นสุด พลังการต่อสู้ของเขาเองก็ไต่ทะยานอย่างบ้าคลั่งไปตลอดเวลา ไต่ทะยานในแบบที่ยากจะจินตนาการได้
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ราวกับว่าเลือดเนื้อทุกอณูในร่างกายล้วนแฝงเร้นไว้ด้วยพลังที่ปานประหนึ่งพายุบ้าคลั่ง ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านสะเทือน เขาไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกไปเองหรือไม่ ทว่าเมื่อพลังของกล้ามเนื้อฟื้นคืนมาได้ เขากลับรู้สึกว่าหากเปรียบเทียบกับในอดีต ต่อให้ตอนนี้ตนไม่มีพลังของตบะอยู่ เพียงแค่พลังเลือดเนื้ออย่างเดียว แต่นั่นก็ยัง…เหนือเกินกว่าที่เคยเป็นไปไกลโข!
เพราะอย่างไรซะเขาในอดีตที่พอฝึกเลือดคงกระพันได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบ แม้จะมีเรือนกายของครึ่งเทพ แต่ก็เทียบได้แค่ครึ่งเทพช่วงต้นเท่านั้น ทว่าตอนนี้…ทุกอย่างกลับต่างออกไป ไม่พูดว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว แต่ก็แทบไม่เกินไปกว่านั้นสักเท่าไหร่!
อีกทั้งเขายังสัมผัสได้ถึงพลังกำราบขุมหนึ่งที่มาจากโลกใบนี้ เพียงแต่ว่าพลังการกำราบที่ว่านี้ไม่น่าตะลึงเท่าใดนัก กลับกันคือมันยังโอนอ่อนผ่อนตามเขาด้วยซ้ำ อีกทั้งเขายังมีลางสังหรณ์อย่างแรงกล้าว่าร่างของตัวเองสามารถขยายเพิ่มเติมได้อย่างต่อเนื่อง…ตามปณิธานความต้องการของตน!
ขยายไปจนถึงขั้น…มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเฉกเช่นบรรพบุรุษโลหิต!
นี่ต่างหาก ถึงจะเป็นบทมิวางวายที่แท้จริง!
นี่ต่างหาก ถึงจะเป็นวิชาการฝึกตนที่จะทำให้คนรุ่นหลังของสายเลือดจักรพรรดิขุยยืนหยัดได้อย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกร!
และป๋ายเสี่ยวฉุนยังถึงขั้นรู้สึกได้ด้วยว่า ในเวลานี้…
หากเปรียบเทียบกับบรรพบุรุษโลหิตที่ฝึกบทมิวางวายได้ถึงขั้นสมบูรณ์แบบเหมือนกันแล้ว ตนกลับยังแข็งแกร่งกว่าด้วยซ้ำ!! หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนคงปิติยินดีอย่างบ้าคลั่งแน่นอน ทว่าตอนนี้ แม้เรือนกายของเขาจะสั่นสะท้าน แต่ใจของเขากลับยังคงเยียบเย็น การตายของป๋ายฮ่าวคือความเจ็บปวดที่เขามิอาจลบเลือนได้ตลอดชีวิต
“ยังไม่สิ้นสุด!” และขณะที่พลังอำนาจของป๋ายเสี่ยวฉุนระเบิดไปอย่างไม่หยุดยั้งนั้น เสียงที่เรียบเรื่อยของคนเฝ้าสุสานก็ดังขึ้นมา
“หลังจากบทมิวางวาย ก็คือ…บทอมตะ!”
วินาทีที่คำพูดของคนเฝ้าสุสานดังออกมา ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นเทิ้มอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง โอสถใหญ่ล้ำโลกที่ผสานรวมเข้าไปในร่างของเขา ตอนนี้หลอมละลายไปได้แค่แปดส่วนเท่านั้น ยังเหลือสองส่วนที่ไม่ใช่ปราณของบทมิวางวาย ซึ่ง…พลันระเบิดออกมาในร่างของเขา!
ปราณนี้ก็คือ พลังของอมตะ!
เมื่อพลังขุมนี้แผ่ลุกลามไปทั่วเรือนกาย เส้นใยเสี้ยวหนึ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยเป็นอย่างดีและยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนร้าวรานใจก็พลันผุดขึ้นมา ในเส้นใยนั้นแฝงพลังอมตะเอาไว้เด่นชัดมากเป็นพิเศษ!
“ตู้ตู้น้อย…” ท่ามกลางความขมขื่นของป๋ายเสี่ยวฉุน
พลังชีวิตของบทอมตะที่หลงเหลืออยู่ในโอสถใหญ่ล้ำโลกก็พลันไหลบ่าเข้าหาเส้นใยนั้น ทำให้เส้นใยของบทอมตะเติบโตแล้วขยายใหญ่แกร่งกร้าวอย่างต่อเนื่อง
เสียงอึกทึกดังเลือนลั่น เวลาแค่ไม่กี่อึดใจ เมื่อพลังอมตะแผ่ซ่านไปทั่วกาย ไหลวนไปทั่วทุกเส้นชีพจร ตบะในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดิมทีเหือดหายก็กลับฟื้นคืนสู่ระดับของสร้างฐานราก!
เพียงแต่ว่าสร้างฐานรากนี้เหนือกว่าวิถีฟ้าที่เขาเคยสร้างเอาไว้
นี่คือ…สร้างฐานรากอมตะ!
ชั่วขณะที่สร้างฐานรากอมตะก่อตัวสำเร็จ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สัมผัสได้ถึงพันธนาการทั้งห้าของเรือนกายที่เคยมีอยู่ ซึ่งก็คือ…ผนึกทั้งห้าของร่างกายมนุษย์!
ท่ามกลางเสียงก้องกังวาน ตราผนึกแรกพังสลายไปในพริบตา!
พลังสองส่วนของโอสถใหญ่ยังคงระเบิดอย่างต่อเนื่อง ผลักดันให้สร้างฐานรากอมตะของป๋ายเสี่ยวฉุนขยับเข้าไปยังยาอมตะ แล้วเกิดการเปลี่ยนแปลงโดยตรง!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าจงฟังให้ดี!”
มือใหญ่ของคนเฝ้าสุสานทาบลงเหนือศีรษะของป๋ายเสี่ยวฉุน ตบะของเขา พลังชีวิตของเขา ทั้งหมดของเขาที่อาศัยพลังสมบัติอาคมของนครจักรพรรดิขุยล้วนกรอกเทเข้าไปในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนจนหมด หมายจะใช้พวกมันเป็นพลังที่ผลักดันบทอมตะต่อไปหลังจากที่ฤทธิ์ยาโอสถล้ำโลกหมดลงแล้ว
เสียงของเขาที่แฝงความยึดมั่นคล้ายเป็นคำสั่งเสียสุดท้ายพลันกังวานไปรอบด้าน ดังเข้าหูป๋ายเสี่ยวฉุน
“ข้ารู้ว่าเจ้ามีข้อสงสัยอยู่มากมาย แล้วก็รู้ว่าเจ้าเกลียดข้า ขณะเดียวกัน ข้าเองก็รู้ว่า…เจ้าคงสงสัยว่าเหตุใดข้าถึงไม่ยอมเปิดประตูให้เทียนจุนออกไป!”
“ทว่า…แท้จริงแล้วโลกใบนี้…ไม่เคยมีประตูแห่งโลกอะไรทั้งนั้น!”
“คำว่าประตูแห่งโลกก็เป็นเพียงแค่…คำโป้ปดครั้งใหญ่ที่ข้าใช้หลอกเทียนจุนในปีนั้นเท่านั้น!!!”
เสียงของคนเฝ้าสุสานคล้ายอสนีบาตที่ระเบิดเปรี้ยงอยู่ข้างหูของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ว่าไงนะ!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าพรวดทันใด การระเบิดของตบะในร่างเวลานี้ก็ยังเทียบกับความสะท้านสะเทือนของจิตวิญญาณเขาไม่ได้
“หากมีประตูแห่งโลกอยู่จริงๆ ข้าผู้อาวุโสย่อมต้องเปิดมันให้เทียนจุนได้ออกไปนานแล้ว ไม่จำเป็นต้องเค้นสมองวางแผนให้วุ่นวายแบบนี้!”
“แล้วก็เพราะไม่มีประตูแห่งโลกอยู่ ข้าถึงจำเป็นต้องทำแบบนี้!”
“ในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตซึ่งถือกำเนิดขึ้นมาในโลกใบนี้ วิธีการที่จะไปจากโลกใบนี้ หาใช่ไม่มี…ซ้ำยังมีถึงสองวิธีที่สามารถไปจากโลกใบนี้ได้!”
“วิธีแรกก็คือคนที่มีสายเลือดของจักรพรรดิขุยฝึกบทมิวางวายได้ถึงขอบเขตมหายาน ซึ่งก็คือเทียนจุน ถ้าเช่นนั้นวินาทีที่เขากลายเป็นเทียนจุนได้สำเร็จ ตาข่ายแห่งโลกมิอาจแบกรับได้ไหว ก็จะพังทลายลงทั้งหมดด้วยตัวเอง!
ที่พังทลายไปในเวลาเดียวกัน ยังมี…ฟ้าดิน เทือกเขา แม่น้ำลำธาร ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเราด้วย!”
“และเมื่อถึงเวลานั้น จักรพรรดิขุยผู้ที่ได้กลายเป็นเทียนจุนคนนั้นจะรวบรวมโลกทั้งใบให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ก่อนที่โลกจะพังทลาย เขาจะสามารถพาสิ่งมีชีวิตทั้งหมด ประชากรทั้งหมดที่อยู่บนโลกใบนี้…ออกไปได้สำเร็จ!”
“เมื่ออยู่ในโลกใบใหญ่ข้างนอก ราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็จะยังได้รับการสืบทอดต่อไป!”
คำพูดรัวเร็วของคนเฝ้าสุสานดังเข้ามาในหูของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างต่อเนื่อง ทำให้จิตวิญญาณของเขาสั่นสะเทือนไม่หยุด
คำพูดของอีกฝ่ายได้ช่วยคลี่คลาย…ปมปริศนาที่ฝังลึกอยู่ในใจของเขามาเนิ่นนาน!!
และเวลานี้เอง ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทะลุจากสร้างฐานรากอมตะ ครั้นในร่างของเขาจึงมี…ยาอมตะปรากฏขึ้นมา!
หลังจากที่ยาอมตะนี้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างได้สำเร็จ มันก็พลันขยายใหญ่ เป็นเหตุให้ตราผนึกที่สองของบทอมตะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องเผชิญแตกทลายตามไป!
ทว่าเมื่อมาถึงตอนนี้ดูเหมือนว่าฤทธิ์ของโอสถใหญ่ล้ำโลกจะไม่พออีกต่อไป ยากที่จะประคับประคองให้ยาอมตะแตกกะเทาะเพื่อให้ตัวอ่อนอมตะถือกำเนิดขึ้นมาได้!
แต่แล้วตบะของคนเฝ้าสุสานก็พลันระเบิดออก
ผลักดันให้พลังอมตะของป๋ายเสี่ยวฉุนไต่ทะยานขึ้นไปอีกครั้ง!