บทที่ 1046 ปิดผนึก
ทั้งหมดนี้พูดแล้วยาว แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ร้องคำรามเงื้อกระบี่ใหญ่โลกสายเหนือในมือตวัดฟันลงอย่างแรง!
แสงสีฟ้าจ้าบาดตาสว่างขึ้นพร้อมกับปราณสมบัติแห่งโลกที่ทำให้ฟ้าดินสะท้านสะเทือนเปลี่ยนสี ขณะเดียวกันก็แผ่พลานุภาพสยบน่าครั่นคร้ามออกมา ท่ามกลางแสงสีฟ้าที่เปล่งประกายวูบไหวพอจะมองเห็นเงามายาของแผ่นดินใหญ่สายเหนือซึ่งพกพาเอาพลังหนักอึ้งนับหมื่นจั้งฟาดฟันลงมาได้รำไร!
ท่ามกลางเสียงอึกทึกกึกก้อง สิ่งแรกที่มันสัมผัสโดนก็คือหมอกเลือดสีชาดที่บิดเบือนเจือจางผืนนั้น พลังดีดสะท้อนกลับรุนแรงที่แฝงไว้ในหมอกเลือดถูกพลังของวิชาอภินิหารก่อนหน้านี้ลดทอนไปหลายครั้งติดกัน ยามนี้จึงมิอาจต้านทานกระบี่ใหญ่ของแม่น้ำสายเหนือได้อีก
พริบตาเดียวชั้นการป้องกันหมอกเลือดก็ระเบิดกระจายเป็นเสี่ยงๆ พร้อมเสียงกัมปนาทสนั่นหวั่นไหว แสงสีฟ้าของกระบี่ใหญ่ลอดทะลวงแสกหน้าเข้าไปฟันบนเรือรบอย่างรุนแรง!
และเวลานี้เอง มือทั้งคู่ของมารดาผีที่ทำมุทราแล้วกดลงไปบนตัวเรือก็ทำให้เรือรบสั่นสะเทือน ก่อนที่จะมีหมอกเลือดสีแดงฉานปรากฏออกมาจากในกระดูกทุกท่อน หมอกเลือดนี้ไม่ได้ลอยขึ้นสูง แต่รวมตัวกันอยู่รอบๆ หัวกะโหลกของกิ้งก่ากระดูกขาว เพียงพริบตาเดียวก็กลายมาเป็น…เลือดเนื้อของมัน!
เมื่อเสียงร้องคำรามแหบโหยของกิ้งก่ากระดูกขาวดังขึ้นก็เห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเรือนกายของมันไม่ได้มีแต่กระดูกอีกต่อไป แต่เริ่มมีเลือดเนื้องอกขึ้นมา ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วพริบตา กิ้งก่ากระดูกขาวหายวับไป แทนที่มาด้วยกิ้งก่าที่มีเลือดเนื้ออย่างแท้จริงตัวหนึ่ง!!
ส่วนเรือรบที่เดิมทีอยู่บนศีรษะของมัน ยามนี้ก็ถูกเลือดเนื้อปกคลุมไปด้วย จนกลายมาเป็นเยื่อเลือดสีแดงฉานผืนหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นกิ้งก่าหรือเรือรบต่างก็ระเบิดพลังอำนาจพวยพุ่งเทียมฟ้า ก่อกลายมาเป็นพลังสูงส่งไร้ทัดเทียมที่สกัดกั้นกระบี่ใหญ่แห่งโลกซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุน…ฟันลงมา!
เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นกระเทือนจนแก้วหูแทบดับ ฟ้าดินโยกคลอน พลังสะท้อนกลับขุมหนึ่งที่บ้าระห่ำดุเดือดยิ่งกว่าก่อนหน้านี้พลันระเบิดพวยพุ่ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือด กระบี่ใหญ่สายเหนือสั่นสะเทือนไปทั้งเล่ม ร่างของเขาที่ถูกแรงดีดกลับก็ถอยกรูดไปด้านหลังคล้ายได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดสดพุ่งทะลักไม่หยุด
ไม่เพียงแต่ป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ราชาผียักษ์เองก็ไม่ต่างกัน แม้จะไม่ได้ถูกเยื่อเลือดผืนนั้นดีดกลับมา ทว่าแรงสะเทือนของหมอกเลือดก่อนหน้านี้ก็ยังคงทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส เวลานี้จึงถอยร่น กระอักเลือดไม่ต่างกัน
รวมถึงบุปผาจันทราและใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้ที่ต่างก็ถอยหนีด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงสุดขีด
“สมควรตาย สมควรตายนัก นี่มันเรือรบที่จักรพรรดิแสเคยปลุกเสกให้มารดาผีเชียวนะ จะถูกพวกเราตีแตกได้อย่างไร!!” ใบหน้าผีหัวเราะร้องไห้หวีดร้องโหยหวน เรือนกายหายไปเกินครึ่ง ถอยกรูดเร็วกกว่าเดิม
ทว่าการลงมือของทุกคนก็หาใช่จะไม่สามารถทำให้เรือรบเกิดความเสียหายได้เสียเลย เพราะตอนนี้กิ้งก่าที่มีเลือดเนื้อก็คำรามเสียงแหลม ร่างของมันก็สั่นสะเทือน ถอยกรูดออกไปไกลนับพันจั้งเช่นกัน ซ้ำกลางหัวของมันยังเกิดรอยแผลขนาดมหึมา เลือดสดไหลพรั่งพรู เพียงแต่ว่าถึงแม้รอยแผลนี้จะใหญ่ แต่กลับไม่ทะลุไปถึงเยื่อเลือด!
ในเยื่อเลือด สายตาของมารดาผีที่ยืนอยู่กลางเรือรบยิ่งฮึกเหิมเกินจะเปรียบ ลมหายใจของนางเผยให้เห็นความตื่นเต้น
เมื่อเห็นว่าพวกป๋ายเสี่ยวฉุนสู้สุดชีวิตเหมือนคนจนตรอก ทว่าแต่ละคนกลับถูกเอาคืนจนบาดเจ็บสาหัส โดยเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถึงขนาดหยิบกระบี่ใหญ่สายเหนือออกมา แต่กระนั้นกลับทำอะไรนางไม่ได้ ซ้ำยังกลับเป็นฝ่ายถูกทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสเสียเองด้วย
“เวลาพอสมควรแล้ว จะถ่วงเวลาล่าช้าไปอีกไม่ได้ เดี๋ยวจะเกิดปัญหาแทรกซ้อน…”
“ท่าไม้ตายของป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ล้วนถูกเอามาเปิดเผยหมดแล้ว ต่อให้เขายังมีเหลืออยู่ แต่ก็มิอาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้!” มารดาผีเห็นว่าสถานการณ์มั่นคงดีแล้ว ทั้งยังสังเกตเห็นว่าอาการบาดเจ็บของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ดวงตาของนางก็เปล่งแสงวาบ ไอสังหารระเบิดเต็มกำลัง มือขวาทำมุทราหมายควบคุมให้กิ้งก่ากระดูกขาวลงมือเข่นฆ่าศัตรูเป็นครั้งสุดท้าย
ทว่าชั่วขณะที่กิ้งก่าเงยหน้าคำรามหมายจะพุ่งเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเอง
ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สภาพดูไม่จืดกลับยกมือขวาขึ้นแล้วโบกใส่เรือรบกิ้งก่าอย่างแรง!
การโบกครั้งนี้ทำให้สี่ด้านแปดทิศอบอวลไปด้วยไอน้ำ นั่นก็คือเขตแดนธาราที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายใช้อีกครั้ง ขากรรไกรบนและล่างของสัตว์ที่คล้ายจระเข้ถูกจำแลงออกมาอีกคำรบ ก่อนที่มันจะร้องคำรามแล้วอ้าปากเขมือบกลืนเรือรบกิ้งก่า
ดูเหมือนว่าการร่ายใช้เขตแดนธาราติดๆ กันจะทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนบาดเจ็บหนักยิ่งกว่าเดิม และการฟื้นตัวก็เหมือนจะไม่สามารถสำเร็จได้ในเสี้ยววินาทีอย่างในอดีต เวลานี้เขาจึงกระอักเลือดอีกครั้ง โซเซถอยหลัง ดิ่งฮวบลงไปยังมหาสมุทรหย่งเหิงที่อยู่เบื้องล่าง
ราวกับว่าจนตรอกแล้วจริงๆ จึงคิดจะหนีไปทางมหาสมุทรหย่งเหิง!
หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ด้วยความระมัดระวังของมารดาผี นางย่อมต้องจัดการกับเขตแดนธารานี่เสียก่อนแล้วค่อยไล่ตามไป
ทว่า…ต่อให้เขตแดนธาราจะเคยร่ายใช้ไปแล้วหนึ่งครั้ง กระนั้นหากมารดาผีคิดจะควบคุมเรือรบให้ฝ่ามันออกไปก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลาอีกสองสามอึดใจ ซึ่งเวลาแค่ไม่กี่อึดใจนี้กลับมากพอที่จะให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหนีเข้าไปในมหาสมุทรหย่งเหิงได้ และหากเขายังมีวิชาอภินิหารในการหลบหนี เกรงว่าถ้าเขาคิดจะถอยห่างไปไกลเป็นหมื่นลี้ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้
ที่สำคัญที่สุดก็คือหากเปิดโอกาสให้ป๋ายเสี่ยวฉุนได้หายใจหายคอ มารดาผีก็คิดว่าอาการบาดเจ็บของอีกฝ่ายคงฟื้นตัวได้เกินครึ่งแล้ว นี่จะทำให้เวลาในการสู้รบยืดเยื้อออกไปอีก
“แม้ว่าเรื่องที่จำเป็นต้องระวังจะขาดไม่ได้ ทว่าถึงเวลาที่ต้องเด็ดขาดก็ต้องตัดสินใจให้ฉับไว อีกอย่างข้าก็มีตบะเป็นถึงเทียนจุน ตอนนี้อีกฝ่ายแบไต๋ออกมาเกินครึ่ง และข้าก็สามารถบดขยี้เขาได้ทั้งหมด!” ดวงตาของมารดาผีฉายประกายแห่งความเฉียบขาด ไม่เหลือความลังเลหรือสองจิตสองใจอีกต่อไป เพียงสะบัดร่าง…ไม่ได้สนใจปากใหญ่ของจระเข้ที่จำแลงมาจากเขตแดนธารา แต่ระเบิดตบะของเทียนจุนออกมาเต็มกำลัง ก้าวออกไปข้างหน้าหนึ่งก้าวก็มาปรากฏอยู่นอกเรือรบ ปรากฏกายอยู่เหนือมหาสมุทรหย่งเหิง ปรากฏกายอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่นางออกมาจากเรือรบ…นับตั้งแต่เริ่มไล่ล่าป๋ายเสี่ยวฉุน!
ครั้นจึงพุ่งเข้าคว้าจับป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรง!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าเป็นของข้าแล้ว!” มารดาผีบินออกมาด้วยความตื่นเต้นฮึกเหิมเกินจะเปรียบ
ทว่าวินาทีที่นางลงมือนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กระอักเลือดด้วยสภาพกระเซอะกระเซิงกลับหันขวับมามองนางด้วยสายตาคมกริบ
“ในที่สุดเจ้าก็ออกมาเสียที!” วินาทีที่ประโยคนี้ดังออกมา อาการบาดเจ็บทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฟื้นคืนกลับมาสมบูรณ์ ไม่เหลืออาการบาดเจ็บสาหัสแม้แต่นิดเดียว ชั่วขณะที่มารดาผีหน้าเปลี่ยนสี ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันยกมือขวาขึ้น หาใช่ตรงเข้าเล่นงานมารดาผี แต่ชี้เข้าใส่…เรือรบกิ้งก่าที่ถูกเขตแดนธารากลืนกิน!
ปากก็เอ่ยเบาๆ ว่า
“หนึ่งเนตรผลึกน้ำ!” ประโยคนี้จบลง ไม่ใช่มหาสมุทรหย่งเหิงทั้งผืน ทว่าน้ำทะเลทั้งหมดที่อยู่ในรัศมีเบื้องล่างกลับถูกผนึก ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะๆ ที่ดังลั่น น้ำทะเลก็กลายมาเป็นผลึกใส
ผลึกน้ำพวกนี้แตกกระจายพร้อมเพรียงกัน จากนั้นพวกมันก็ก่อตัวเข้าด้วยกันเป็นกระบี่ผลึกน้ำที่พุ่งทะยานออกมาเหนือมหาสมุทรหย่งเหิงด้วยเสียงดังสนั่นหวั่นไหว กรูจากสี่ด้านแปดทิศมาโผล่รอบเรือรบกิ้งก่า ไม่ว่ากิ้งก่าตัวนั้นจะดิ้นรนอย่างไร กระบี่ผลึกน้ำที่แตกสลายอย่างต่อเนื่องนี้ก็ยังมารวมตัวกันอยู่ใต้ร่างของมัน ก่อนจะกลายมาเป็น…ตะเกียงผลึกใสขนาดมหึมา!!
“เจ้า!!” จิตวิญญาณของมารดาผีสั่นระรัว รู้ดีว่าตัวเองติดกับแล้ว การกระทำทั้งหมดของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ก็ล้วนเพื่อล่อให้ตนออกมาจากเรือรบ!
“ม่านฟ้าคือผ้าคลุม!” ขณะที่จิตใจของมารดาผียังสั่นสะเทือน ประโยคที่สองของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ดังออกมา
เสียงตูมตามดังกึกก้อง ราวกับว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งกระชากท้องฟ้าของแผ่นดินหย่งเหิงลงมาทำเป็นโป๊ะตะเกียงที่ปกคลุมรอบด้านของเรือรบกิ้งก่า ปิดผนึกมันไว้อย่างมิดชิด ขณะเดียวกันมารดาผีที่หน้าเปลี่ยนสีก็หมายจะกลับมาที่เรือ ทว่ากลับถูกสกัดไว้ภายนอก มารดาผีเกิดความกระวนกระวายใจรุนแรงอย่างบอกไม่ถูก นางจึงแผดเสียงคำราม ระเบิดตบะเทียนจุนจำแลงมาเป็นผีร้ายจำนวนนับไม่ถ้วนจนไอหมอกทะยานเต็มฟ้า หมายจะบุกฝ่าเข้าไป
“อายุยืนยาวหมื่นปี!” เสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมาอีกครั้ง
ตัวอักษรคำว่าอายุยืนจำนวนนับไม่ถ้วนก็จำแลงขึ้นมาในฟ้าดินแห่งนี้ ครั้นจึงแผ่คลุมไปบนโป๊ะตะเกียงม่านฟ้า ทำให้พลังการผนึกยิ่งระเบิดรุนแรง สกัดกั้นมารดาผีไว้ข้างนอกอีกครั้ง!
“ชีวิตเจ้าเป็นเทียนไข!” ตามมาติดๆ ด้วยภาพที่เรือรบกิ้งก่าซึ่งอยู่บนแท่นผลึกใส ถูกม่านฟ้าปกคลุม ถูกอักษรคำว่าอายุยืนยาวปลุกเสกเริ่มกลายมาเป็นสีขาว เปลี่ยนแปลงไปเป็น…เทียนไขสีขาว!!
“ตะเกียงอมตะ…สำเร็จ!!”
ฟ้าดินสะเทือนเลือนลั่น ตัวของเรือรบกิ้งก่าและรอบกายมันพลันกลายมาเป็นตะเกียงอมตะขนาดมโหฬารดวงหนึ่ง พลังแห่งวิชาเต๋าระเบิดพวยพุ่ง แรงสะท้อนกลับนั้นต่อให้มารดาผีจะเป็นเทียนจุนก็ยังไม่สามารถฝ่าทลายตะเกียงอมตะดวงนี้ออกไปได้ในเวลาสั้นๆ!
และนี่ก็เป็นสาเหตุที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ร่ายวิชาแห่งเต๋านี้กับมารดาผี แต่ร่ายใส่เรือรบกิ้งก่าแทน จะอย่างไรซะมารดาผีก็ไม่ใช่นักพรตทงเทียน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สามารถเดิมพันได้ว่าหากเอาตะเกียงอมตะของตนไปใช้กับมารดาผี อีกฝ่ายจะใช้เวลามากน้อยแค่ไหนในการทำลายมัน
ข้อนี้เขาไม่แน่ใจ หากเวลายาวหน่อยย่อมเป็นเรื่องที่ดี ทว่าหากเวลาสั้น ถ้าเช่นนั้นมารดาผีก็ต้องกลับไปถึงเรือรบและหวนคืนสู่สภาวะที่ไม่มีทางพ่ายแพ้อีกครั้ง
ดังนั้นเขาจึงยอมถอยมาก้าวหนึ่ง ไม่ได้ปิดผนึกมารดาผี แต่ปิดผนึกเรือรบกิ้งก่า เขามีความมั่นใจเต็มร้อยว่าเรือรบลำนี้…หากไม่มีมารดาผีควบคุมอยู่ภายใน คิดจะบุกออกมาจากตะเกียงอมตะคงไม่มีทางทำได้ในเวลาสั้นๆ
ส่วนการที่มารดาผีจะให้ความช่วยเหลืออยู่ด้านนอก ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เปิดโอกาสนี้ให้นางเด็ดขาด!
“ป๋ายเสี่ยวฉุน!!” สีหน้าของมารดาผีไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด นางมองออกถึงแผนการของป๋ายเสี่ยวฉุน ท่ามกลางไฟโทสะที่เดือดพล่าน นางกลับหัวเราะออกมา
“ต่อให้ไม่มีเรือรบ ด้วยตบะเทียนจุนของตัวข้าก็ยังบดขยี้เจ้าได้อยู่ดี!” มารดาผีพลันโบกมือทั้งคู่ ทันใดนั้นไอหมอกรอบกายนางก็พุ่งเข้ามากลบทับจากแปดทิศ ครั้นจึงแผ่กระจายไปทั่วรัศมีหมื่นลี้ ทำให้สถานที่แห่งนี้คล้ายกลายมาเป็นดินแดนแห่งภูตผีในชั่วพริบตา