Skip to content

A Will Eternal 1106

บทที่ 1106 คลุ้มคลั่ง

มาก็เร่งร้อน ไปก็ยิ่งเร่งร้อน

หลังจากที่ป๋ายเสี่วฉุนเร่งรุดเดินทางทั้งคืนจนกลับไปถึงนครหลักฟ้าก็สว่างโร่แล้ว ราชาผียักษ์เองก็ไม่ได้พักผ่อนทั้งคืน เขานั่งดื่มเหล้าอยู่ตรงนั้น สายตาก็คอยเหลือบมองไปยังท้องฟ้าอยู่เป็นระยะด้วยความร้อนใจเป็นห่วงป๋ายเสี่ยวฉุน กลัวว่าถ้าป๋ายเสี่ยวฉุนวู่วามแล้วจะสร้างเรื่องที่ก่อให้เกิดผลลัพธ์อันเลวร้าย

ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะกลับมาถึงจวน ราชาผียักษ์ก็สัมผัสได้ทันที เขาลุกพรวดขึ้นยืนแล้วปรี่ขึ้นไปคว้าตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ก่อนเอ่ยถามด้วยสายตาที่ฉายความลังเลอย่างเห็นได้ชัด

“เจ้า…”

“พี่ใหญ่อย่าได้เป็นกังวลไป ท่านรอชมเรื่องสนุกก็พอแล้ว” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดคาง ยิ้มอย่างโอหัง หลังจากหยิบกาเหล้าขึ้นกรอกใส่ปากก็เอ่ยเสียงเรียบเรื่อย

“ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือ มาจนถึงวันนี้ก็ยังไม่เคยมีครั้งไหนที่ล้มเหลว ภายในเจ็ดวัน พี่ใหญ่ผียักษ์ ข้าจะทำให้ท่านกลับคืนตำแหน่งเดิม!”

เมื่อเห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนมาดมั่น ทั้งยังเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราชาผียักษ์ก็ถึงกับอึ้งค้าง แต่พอไพล่นึกไปถึงการกระทำทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนอยู่แดนทุรกันดาร เขากลับไม่เหลือความมั่นใจใดๆ มีแต่ความกระวนกระวายลึกล้ำ และยิ่งนานความรู้สึกนั้นก็ยิ่งรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ

“เจ้า…เจ้าสังหารพระยาจื่อหลินไปแล้วรึ?” ราชาผียักษ์สูดลมหายใจ จ้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่ง

“จะเป็นไปได้อย่างไร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าราชาผียักษ์ดูถูกตนมากเกินไป จึงถลึงตาใส่อีกฝ่าย

“ข้าก็แค่เอาขี้ที่ลบไม่ออกไปป้ายหน้าเขาเท่านั้น” พอนึกถึงแผนการที่เต็มไปด้วยช่องโหว่ของตน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คลี่ยิ้มลำพองใจ อันที่จริงหากเขาตั้งใจกว่านี้อีกสักนิดก็สามารถคิดแผนการดีๆ ที่เรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบออก เพียงแต่ว่าวิธีการของเทียนจุนวิเศษกาลนานน่ารังเกียจเกินไป ดังนั้นคราวนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่คิดจะทำให้เรื่องราวจบลงอย่างสวยงาม แต่ต้องการบอกกับทุกคนอย่างโจ่งแจ้งว่าตนก็คือคนที่สาดขี้ให้กับอีกฝ่าย!

ราชาผียักษ์ที่อยู่ข้างกันคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก ต่อให้ฝันเขาก็ยังคาดไม่ถึงว่าวิธีการที่เรียกว่าหายนะป่นปี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นเช่นไร ต่อให้จะคลางแคลงใจแค่ไหน แต่ในเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ยอมบอกรายละเอียด ราชาผียักษ์ก็ได้แต่ข่มกลั้นความกังวลไว้ส่วนลึกในใจ คิดเอาว่าในเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนมั่นใจถึงเพียงนี้ บางทีอีกไม่กี่วันข้างหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนอาจขับไล่เมฆทะมึนจนเขาได้เห็นท้องฟ้าสว่างสดใสอีกครั้งก็เป็นได้

แล้วก็เป็นเช่นนี้ ท่ามกลางการพะวงถึงผลได้ผลเสียของราชาผียักษ์ จิตใจที่เหนื่อยล้ามานานหลายวันของเขาก็พอจะคลายลงได้บ้างเล็กน้อย หลังจากนั้นเขาก็พักอาศัยอยู่ในจวนของป๋ายเสี่ยวฉุน

ขณะเดียวกัน ภายใต้ความเป็นกังวลของเขาและความรอคอยกระดี๊กระด๊าของป๋ายเสี่ยวฉุน เวลาก็ผ่านไปอีกหนึ่งวัน

จนกระทั่งเที่ยงวันของวันที่สามนี้ ในเขตการปกครองแห่งสุดท้ายทางทิศเหนือของดินแดนเซียนแห่งที่สองซึ่งถือว่าเป็นเขตอิทธิพลของราชวงศ์จักรพรรดิแส ประตูใหญ่ของจวนกงซุนหว่านเอ๋อร์ได้เปิดออกช้าๆ

เมื่อประตูใหญ่ถูกเปิดออก กงซุนหว่านเอ๋อร์ที่สีหน้านิ่งเฉยจนมองไม่เห็นความผิดปกติเดินออกมาอย่างสงบ ในฐานะที่เป็นเทียนจุน การปรากฏตัวของนางจึงดึงดูดความสนใจจากผู้คนได้ทันที

โดยเฉพาะเมื่อกงซุนหว่านเอ๋อร์ที่ถือเป็นเทียนจุนเพียงคนเดียวที่เฝ้าพิทักษ์ทิศเหนือซึ่งเพิ่งออกจากด่านก็ออกคำสั่งเรียกรวมต้าจุนและคนฟ้าใต้บังคับบัญชาของเจ็ดเขตการปกครองในทิศเหนือให้มาพบทันที

สำหรับคำสั่งของกงซุนหว่านเอ๋อร์ ครึ่งเทพเจ็ดการปกครองทิศเหนือไม่มีใครกล้าไม่ทำตาม หลังจากได้รับคำสั่ง ทุกคนก็รีบวางธุระในมือลงแล้วพาคนฟ้าลูกน้องของตัวเองไปรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียง

เมื่อพวกเขามาถึงและมารวมตัวกันอยู่ในห้องโถงของต้าจุนเขตการปกครองแห่งที่เจ็ดคนเดิม กงซุนหว่านเอ๋อร์ได้นั่งรออยู่ตรงตำแหน่งประธานเรียบร้อยแล้ว ดวงตาทั้งคู่ของนางหลุบลงต่ำ นิ้วชี้มือขวาที่วางทาบพนักเก้าอี้เคาะเป็นจังหวะขึ้นลง

เสียงเคาะเก้าอี้ดังตึกๆ ก้องสะท้อนไปสี่ทิศ แล้วก็ค่อยๆ กลายมาเป็นแรงกดดันที่ทำเอาครึ่งเทพเจ็ดคนรวมไปถึงคนฟ้าอีกหลายสิบคนซึ่งอยู่ในโถงใหญ่ใจเต้นกระหน่ำด้วยความอกสั่นขวัญแขวน แม้แต่หายใจแรงๆ ก็ยังไม่กล้า

จนกระทั่งเวลาผ่านไปได้หนึ่งก้านธูป เมื่อทุกคนกดดันกันได้ถึงระดับหนึ่ง

จู่ๆ กงซุนหว่านเอ๋อร์ก็พลันเหลือบตาขึ้นมา ในดวงตานางฉายประกายแสงดำมืดที่ทำให้คนมองใจสั่น

“ทุกท่าน” กงซุนหว่านเอ๋อร์เอ่ยเนิบช้า เสียงดังก้องไปทั่ว นักพรตของราชวงศ์จักรพรรดิแสทุกคนที่อยู่เบื้องหน้ามีท่าทางเคารพนบนอบสุดขีด แต่ละคนรอรับคำสั่งด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดตัวข้าถึงสามารถยึดเขตการปกครองแห่งสุดท้ายของทิศเหนือได้ภายในคืนเดียว!”

กงซุนหว่านเอ๋อร์เอ่ยเนิบช้า มองดูเหมือนเป็นปกติ แต่ในใจกลับรู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองนัก ที่เมื่อครู่นี้นางเงียบไปนานถึงหนึ่งก้านธูปก็เพราะกำลังต่อสู้อยู่กับตัวเองในใจ แต่สุดท้ายก็ยังเอ่ยออกมาอย่างไม่รู้ตัวราวกับถูกผีอำ

เมื่อจบคำพูดของนาง ทุกคนของราชวงศ์จักรพรรดิแสที่อยู่เบื้องล่างก็อึ้งค้างไปตามๆ กัน ไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่กงซุนหว่านเอ๋อร์เอ่ยประโยคพวกนี้ออกมา หลังจากมองหน้ากันก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยถามเป็นคนแรก ต่างคนต่างก้มหน้าก้มตารับฟังต่อไป

“ที่สามารถยึดครองเขตการปกครองนี้มาได้อย่างราบรื่น ก็เป็นเพราะ…

พระยาจื่อหลินต้าจุนของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งที่เดิมทีเฝ้าพิทักษ์เขตการปกครองแห่งนี้มีใจเอนเอียงต่อราชวงศ์จักรพรรดิแส แล้วก็เพราะได้คนผู้นี้ช่วยเหลือ…ตัวข้าย่อมต้องเอาคุณความชอบของเขาไปแจ้งให้จักรพรรดิแสทราบ” กงซุนหว่านเอ๋อร์แข็งใจพูดประโยคที่แม้แต่ตัวนางเองก็ยังรู้สึกทะแม่งๆ พิกลจนจบ ครั้นจึงรีบลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องโถงใหญ่

ห้องโถงตกอยู่ในความเงียบสงัด ครึ่งเทพเจ็ดคน คนฟ้าอีกหลายสิบคนล้วนยืนตาค้าง พวกเขามึนงงเล็กน้อย เพราะการที่กงซุนหว่านเอ๋อร์เรียกคนมากมายมารวมตัวกันแบบนี้ เดิมทีพวกเขาก็นึกว่ามีเรื่องใหญ่โตอะไร ไม่ว่าอย่างไรก็คาดไม่ถึงว่าจะมาได้ยินคำพูดประโยคนี้…

ไม่นานครึ่งเทพเจ็ดคนนั้นก็คืนสติก่อนเป็นกลุ่มแรก หลังจากสูดลมหายใจดังเฮือกก็หันมามองหน้ากัน ต่างมองออกถึงความประหลาดใจในดวงตาของอีกฝ่าย

“พระยาจื่อหลินผู้นี้…เคยล่วงเกินท่านใต้เท้าเทียนจุนหรือ?”

“ต้องเป็นแบบนี้แน่ แถมไม่ได้ล่วงเกินแค่เรื่องเล็กๆ ด้วย!”

“แต่ด้วยตบะของท่านใต้เท้าเทียนจุน คิดจะเอาชีวิตพระยาจื่อหลินต่ำต้อยผู้นี้ เหตุใดต้องใช้แผนการเช่นนี้ด้วย…”

“เอ่อ…ที่สำคัญที่สุดก็คือ แผนการนี้ช่างดูออกได้ง่ายยิ่งนัก แล้วใครจะไปเชื่อ…”

ยิ่งคิดครึ่งเทพเจ็ดคนก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงความแปลกประหลาดของเรื่องนี้ พวกคนฟ้าที่อยู่รอบด้านบางคนก็เบิกตาถลน บางคนก็หรี่ตาครุ่นคิด แต่ไม่ว่าในใจของพวกเขาจะคิดเช่นไร ก็แน่ใจได้อย่างหนึ่งว่า…กงซุนหว่านเอ๋อร์เกลียดพระยาจื่อหลินผู้นั้นเข้าไส้

หลังจากที่ทุกคนปรึกษากันง่ายๆ ไม่นานก็พากันตระหนักได้ว่าที่กงซุนหว่านเอ๋อร์เรียกทุกคนมาพูดคุยกันที่นี่ เป้าหมายของนางชัดเจนยิ่ง นั่นก็คือหวังให้ทุกคนนำเรื่องนี้ไปป่าวประกาศ

สิ่งที่พวกเขาจำเป็นต้องพิจารณาไม่ใช่ว่าหลังจากเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศแล้วแผนการนี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ แต่เป็นจะเอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศโดยใช้เวลาเร็วที่สุดได้อย่างไร

เมื่อทุกคนได้ความเห็นตรงกันก็พากันรีบร้อนออกไปจากห้องโถงใหญ่ ต่างคนต่างใช้วิธีการของตัวเองนำเรื่องนี้ไปเผยแพร่อย่างสุดความสามารถ

ไม่นานเจ็ดเขตการปกครองของทิศเหนือก็มีข่าวลือที่พระยาจื่อหลินมีใจเอนเอียงเข้าหาราชวงศ์จักรพรรดิแสแพร่สะพัดไปทั่วราวกับไฟลามทุ่ง และทิศเหนือก็คือส่วนหนึ่งของดินแดนเซียนแห่งที่สอง แม้จะเป็นสองราชวงศ์ที่แตกต่างกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็วางตัวสายลับไว้ในถิ่นของศัตรูเหมือนๆ กัน

เมื่อข่าวแพร่กระจายจึงสร้างความครึกโครมได้ทันที สามารถพูดได้ว่าปฏิกิริยาตอบสนองแรกของทุกคนที่ได้ยินข่าวนี้คืออึ้งงัน ทำสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

ครึ่งเทพก็ดี คนฟ้าก็ช่าง แล้วยังมีก่อกำเนิด รวมโอสถ แทบทุกคนที่มีสติปัญญาล้วนปากอ้าตาค้างไปกับข่าวนี้

เพราะข่าวนี้…ปลอมเกินไป เหลวไหลเกินไป!

“เทียนจุนมารดาผีเรียกรวมต้าจุนของทุกเขตการปกครองไปหาเพียงแค่พูดเรื่องนี้? นี่มันเกินไปหน่อยไหม…”

“พระยาจื่อหลินให้การช่วยเหลืออย่างลับๆ ถึงยึดเขตการปกครองแห่งสุดท้ายของทิศเหนือไปได้? นี่มันเหลวไหลชัดๆ เทียนจุนเป็นคนลงมือเอง ใครจะยังรักษาเอาไว้ได้อีก!”

“เทียนจุนมารดาผีจะแจ้งคุณความชอบของพระยาจื่อหลินให้จักรพรรดิแสทราบ? พระยาจื่อหลินนี่โง่หรือไง หากเขาทรยศจริงๆ ก็คงหนีไปตั้งนานแล้ว จะย้อนกลับมาอีกทำไม?”

คำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา เสียงฮือฮาฟังไม่ได้ศัพท์ดังไปทั่วพื้นที่ทางทิศใต้ของดินแดนเซียนแห่งที่สองอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกคนที่ไม่เชื่อข่าวนี้ เพราะยังมีคนส่วนน้อยที่ไร้เดียงสาเกินไป แค่ได้ฟังข่าวก็เชื่อทันที

ทว่าจะอย่างไรซะคนแบบนี้ก็มีน้อยอยู่มาก เพราะคนส่วนใหญ่ที่พอได้ยินก็อึ้งงัน แต่จากนั้นก็แค่นเสียงขึ้นจมูก ต่อให้พวกเขาจะมีปฏิกิริยาตอบสนองช้าแค่ไหนก็ยังมองออกได้ว่า นี่ก็คือการใส่ร้ายป้ายสีอย่างหนึ่งจากเทียนจุนมารดาผีผู้นั้น!

แถมการใส่ร้ายเช่นนี้ก็ยังไม่มีกลเม็ดลูกเล่นใดๆ ปลอมอย่างเปิดเผยโจ่งแจ้ง ปลอมเสียจนทำให้คนขนหัวตั้งชันด้วยความโกรธเคือง…

เพียงแต่ว่าความปลอมก็มีข้อดีเป็นของตัวเอง แล้วก็เพราะว่าเรื่องนี้ปลอมเกินไป พอแพร่สะพัดไปทั่ว คนฉลาดหลายคนที่เดิมทีไม่เชื่อ แต่ไม่นานก็รู้สึกว่าผิดปกติ สุดท้ายจึงเริ่มกังขา ที่คลุ้มคลั่งมากที่สุดก็คือต้าจุนของเขตการปกครองเสินหลัวในทุกวันนี้อย่างตัวพระยาจื่อหลินเอง พอได้ยินข่าวนี้เขาก็อึ้งงันไปทันที ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี อันดับแรกคือเขารู้สึกว่าตัวเองได้รับความไม่เป็นธรรม จากนั้นก็วิเคราะห์ว่าต้องมีคนจงใจใส่ความตน

ทว่าในเมื่ออีกฝ่ายเชิญให้เทียนจุนมารดาผีออกโรงด้วยตัวเอง ตามหลักแล้วก็น่าจะใช้แผนการใส่ร้ายที่สมบูรณ์แบบกว่านี้ถึงจะถูก แต่นี่…เรื่องนี้กลับปลอมเสียจนเขาเลิกโกรธแล้วกลายมาเป็นขบขันแทน

“หรือว่าจะเป็นราชาทงเทียนผู้นั้น?” ดวงตาของพระยาจื่อหลินเปล่งประกาย คาดเดาคำตอบได้แล้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!