Skip to content

A Will Eternal 1109

บทที่ 1109 ปะทะและประนีประนอม

เทียนจุนวิเศษกาลนานจ้องป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งๆ โดยไม่เอ่ยคำใด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงมองประสานสายตากับเทียนจุนวิเศษกาลนาน การเงียบงันของคนทั้งสองยิ่งทำให้ในห้องโถงใหญ่กดดัน ราวกับว่ามีพายุสองลูกพัดกระหน่ำอยู่บนร่างของคนทั้งสองแล้วปะทะกันอย่างไร้รูปลักษณ์

คนที่แย่ก็คือพวกครึ่งเทพสิบคนที่ถูกขนาบอยู่ตรงกลาง แต่คนที่แย่ที่สุดกลับเป็นพระยาจื่อหลิน คราวนี้เขาจะร้องไห้จริงๆ แล้ว

และในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่ผ่อนคลายก็คือ ราชาผียักษ์

ขนาดเขาชมการแสดงของป๋ายเสี่ยวฉุนมาตั้งแต่ออกจากบ้านจนถึงตอนนี้ก็ยังอดรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้ พระยาจื่อหลินที่ทำให้เขาจนใจมิอาจต่อกรด้วยได้ เวลานี้กลับอ่อนแอราวกับมดตัวหนึ่ง ต้องรู้ด้วยว่าที่นี่คือราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง และพระยาจื่อหลินก็มีเทียนจุนหนุนหลังอยู่เช่นกัน

ทว่าทุกประโยคของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสมเหตุสมผล เป็นเหตุให้เทียนจุนวิเศษกาลนานมิอาจตอบโต้

แต่ขณะที่ราชาผียักษ์กำลังลำพองใจอยู่นั้นเอง จู่ๆ สายตาของเทียนจุนวิเศษกาลนานก็ย้ายจากป๋ายเสี่ยวฉุนมาที่ตัวเขา

“เอาตัวไปขังนั้นได้ เฉินตูจื่อ เจ้าไปรับตำแหน่งต้าจุนเขตการปกครองเสินหลัวแทน!” จบประโยคของเทียนจุนวิเศษกาลนาน ครึ่งเทพร่างอ้วนคนหนึ่งในจำนวนครึ่งเทพสิบคนพลันตัวสั่นเทิ้ม ในใจบังเกิดคลื่นลูกยักษ์โถมกระหน่ำ พูดกับตัวเองในใจว่าเทพเซียนอย่างพวกเจ้าจะตีกัน แล้วมาเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย…ใจอยากปฏิเสธ แต่พอเห็นสีหน้าเขียวคล้ำของเทียนจุนวิเศษกาลนาน เขาที่ตัวสั่นสะท้านก็ได้แต่แข็งใจกุมมือคารวะขอบคุณ

ส่วนคนอื่นๆ ต่างก็รู้สึกเห็นใจเขาไม่น้อย แต่กลับตัดสินใจไว้แล้วว่าจะอยู่ให้ห่างจากเฉินตูจื่อให้ได้มากที่สุด

ทางฝ่ายพระยาจื่อหลินก็ตัวอ่อนยวบคล้ายหมดสิ้นเรี่ยวแรง หน้าของเขาซีดเผือด ดวงตาไร้แวว ยิ่งนานอาการสั่นสะท้านก็ยิ่งรุนแรง

ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้วน้อยๆ เขายอมรับว่าเทียนจุนวิเศษกาลนานรับมือได้ค่อนข้างยาก คนผู้นี้ไม่ได้ต่อต้านเรื่องการจับตัวพระยาจื่อหลินไปคุมขัง แต่หันไปเพ่งเล็งราชาผียักษ์แทน เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของเขาคือต้องการถอดถอนตำแหน่งต้าจุนของราชาผียักษ์ออกตลอดกาล และดูจากท่าทางของเขาแล้วเกรงว่าอีกไม่นานคงหาวิธีการอื่นมาโจมตีราชาผียักษ์แน่นอน

“ไอ้เฒ่าเจ้าเล่ห์!” ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นเสียงเย็นอยู่ในใจ ครั้นจึงเอ่ยออกไปว่า

“เรื่องของพระยาจื่อหลินเพียงแค่จับตัวไปคุมขังยังไม่พอ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับการเสียดินแดน เกี่ยวพันกับความปลอดภัยของราษฎรราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง เกี่ยวพันกับความไว้เนื้อเชื่อใจของจักรพรรดิเซิ่ง เดี๋ยวข้าจะไปสอบสวนเขาด้วยตัวเองก็แล้วกัน”

“หากพระยาจื่อหลินถูกใส่ความ ข้าผู้เป็นราชาย่อมต้องคืนความบริสุทธิ์ให้เขา แต่หากเขามีใจทรยศคิดคดต่อบ้านเมือง ข้าผู้เป็นราชาก็เชื่อว่าคนผู้นี้ต้องไม่ได้มีแค่ตัวคนเดียว เบื้องหลังของเขายังต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดอีกแน่นอน!”

“ฝ่าบาทจักรพรรดิเซิ่งให้ข้ามาเฝ้าพิทักษ์ดินแดนเซียนแห่งที่สอง ข้าก็ย่อมต้องคืนความยุติธรรมให้แก่ดินแดนเซียนแห่งที่สองของจักรพรรดิเซิ่งให้จงได้!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสะบัดปลายแขนเสื้อ ดวงตาที่ฉายความดุดันจ้องเทียนจุนวิเศษกาลนานเขม็ง

พระยาจื่อหลินที่เดิมทีก็ถูกเล่นงานจนอ่วมอยู่แล้ว พอมาได้ยินประโยคนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าอีก ร่างของเขาก็ทรุดฮวบลงไปกองอยู่กับพื้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

ส่วนครึ่งเทพคนอื่นๆ ก็พากันกลั้นลมหายใจอย่างตื่นตระหนก แต่ละคนเหมือนตกอยู่ในอันตรายล่อแหลม พวกเขาย่อมต้องฟังคำขู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนออก สามารถพูดได้ว่าขอแค่มีพระยาจื่อหลินอยู่ในกำมือ ถ้าเช่นนั้นป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะเล่นงานใครก็สามารถโยนคำว่าคุณธรรมเหตุผลออกมาบังหน้าแล้วลงมือได้อย่างราบรื่น ต่อให้หลังจากจบเรื่องจะพิสูจน์ได้ว่าพระยาจื่อหลินถูกใส่ความ แต่แล้วจะมีประโยชน์อะไร เพราะไม่เพียงแต่เรื่องผ่านไปแล้ว แต่ระหว่างที่ถูกคุมขังอาจยังมีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นได้มากมาย

อีกทั้งเรื่องนี้ยังแทบจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน เพราะจะอย่างไรซะเขาก็เป็นเทียนจุน อย่างมากสุดก็แค่ถูกลงโทษเล็กๆ น้อยๆ หากเขายอมรับผิด จักรพรรดิเซิ่งจะทำอะไรเขาได้อีก…แถมภายนอกจักรพรรดิเซิ่งอาจจะกล่าวชมที่เขาตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถด้วยซ้ำ

คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนได้แสดงให้เห็นชัดเจนถึงการข่มขู่

หากเจ้าเทียนจุนวิเศษกาลนานกล้าเล่นงานราชาผียักษ์ ได้ ถ้าอย่างนั้นข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะเล่นงานคนของเจ้าเหมือนกัน อีกทั้งท้ายที่สุดแล้วข้ายังอาจจะเล่นงานเจ้าด้วย ต่อให้จะไม่ได้ผลมากนัก แต่ก็ต้องทำให้เจ้าเจ็บใจให้จงได้

ข้าไม่เพียงแต่จะทำให้เจ้าเจ็บใจ ข้ายังจะสร้างความวอดวายให้กับดินแดนเซียนแห่งที่สอง ทำให้คนในดินแดนเซียนแห่งนี้อยู่ไม่สุข จะอย่างไรซะข้าก็ตัวคนเดียว ข้าเป็นเทียนจุน แถมที่นี่ยังไม่ใช่บ้านของข้า เจ้าจะทำอะไรข้าได้!

ทุกอย่างนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง เทียนจุนวิเศษกาลนานโกรธจนตัวสั่น ดวงตาฉายจิตสังหารขึ้นเป็นครั้งแรก วิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่แตกต่างไปจากการใส่ร้ายพระยาจื่อหลิน ล้วนเป็นวิธีที่เรียบง่ายตรงตรงไปมา กร้าวกระด้างอย่างถึงที่สุด ทั้งยังบีบบังคับข่มขู่คนอื่นอย่างชัดเจน!

หากเปลี่ยนมาเป็นเทียนจุนวิเศษกาลนาน เขาไม่มีทางทำเช่นนี้แน่นอน เขาคงต้องใช้กลเม็ดเด็ดพราย สำแดงความทรงภูมิของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งออกมาให้ได้ถึงขีดสุด แต่ตอนนี้เมื่อเผชิญหน้ากับความป่าเถื่อนหยาบกระด้างของป๋ายเสี่ยวฉุน ทีแรกเขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะตามมาด้วยความรู้สึกที่ว่าอีกฝ่ายเป็นตัวปัญหาที่รับมือได้ยากอย่างถึงที่สุด

พักใหญ่ เทียนจุนวิเศษกาลนานถึงเก็บปราณสังหารกลับคืนไป หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก เขาก็หลับตาลง เมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งก็สงบอารมณ์ลงได้แล้ว

“ต้าจุนผียักษ์มีความดีความชอบในการดูแลเขตการประครองเสินหลัว เฉินตูจื่อ เจ้าจะยังยืนกรานอยากไปที่เขตการปกครองเสินหลัวอีกหรือไม่?”

เฉินตูจื่อที่อยู่ในกลุ่มครึ่งเทพดีใจอย่างยิ่ง ไม่คิดจะแก้ไขคำพูดของอีกฝ่ายด้วยซ้ำว่าไม่ใช่ตนเสียหน่อยที่ยืนกรานจะไปที่นั่น แต่รีบปรี่ขึ้นหน้าไปโค้งตัวคารวะต่ำๆ

“ข้าน้อยมิอาจเทียบเคียงกับสหายนักพรตผียักษ์ได้ ไม่ว่าจะเป็นคุณธรรม ตบะ และการจัดการเขตการปกครอง ฯลฯ ข้าไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง จึงยินดีสละตำแหน่งต้าจุน และเมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งดินแดนเซียนแห่งที่สองนี้ก็มีแค่สหายนักพรตผียักษ์คนเดียวเท่านั้นที่มีคุณสมบัติเช่นที่ว่านี้”

ครึ่งเทพคนอื่นๆ ต่างก็ตระหนักได้ถึงการยอมถอยให้ของเทียนจุนวิเศษกาลนาน จึงรีบปรี่ขึ้นหน้าแล้วพากันเอ่ยทันที

“เขตการปกครองเสินหลัวมิอาจขาดสหายนักพรตผียักษ์ได้แม้แต่วันเดียว!”

“ขอเทียนจุนทั้งสองท่านโปรดอนุมัติ สหายนักพรตผียักษ์ต่างหากถึงจะเป็นบุคคลที่เหมาะสมมากที่สุด!”

“เทียนจุนฉลาดล้ำยิ่งนัก สหายนักพรตผียักษ์คือบุคคลมากความสามารถที่หาได้ยากยิ่งของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งเรา ควรต้องเลือกเขาถึงจะถูก!”

เมื่อทุกคนเอ่ยจบ เทียนจุนวิเศษกาลนานจึงพยักหน้ารับ

“อนุมัติ!”

คำพูดเดียวของเทียนจุนวิเศษกาลนาน ตำแหน่งต้าจุนเขตการปกครองเสินหลัวของราชาผียักษ์ก็กลับคืนมาอีกครั้ง แต่เขากลับไม่มีความยินดีใดๆ เพราะว่าครั้งนี้เขาได้เห็นการปะทะกันระหว่างเทียนจุนวิเศษกาลนานและป๋ายเสี่ยวฉุนกับตาตัวเอง ซึ่งทุกอย่างนี้ล้วนแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะอยู่ในดินแดนเซียนแห่งที่สองอย่างถ่อมตัว เกรงว่าคงเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว

อันดับต่อมา…ก็มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นช่วงเวลาของการแตกหัก!

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่น หากเทียนจุนวิเศษกาลนานแสดงความเดือดดาล ป๋ายเสี่ยวฉุนคงไม่เป็นกังวล ทว่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับสงบอารมณ์ได้ในเวลารวดเร็ว

นี่กลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าคนผู้นี้อำมหิต รับมือได้ไม่ง่าย

แต่ในเมื่อได้ข้อสรุปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่เสียใจกับสิ่งที่ตนทำลงไป เพียงแค่มองไปยังพวกครึ่งเทพและพระยาจื่อหลินที่อยู่ในห้องโถงแล้วคลี่ยิ้มออกมา

“เมื่อครู่นี้ข้าผู้เป็นราชามาลองคิดดูแล้ว พระยาจื่อหลินสร้างคุณความชอบครั้งใหญ่ให้แก่ราชวงศ์จักพรรดิเซิ่งของเรา ควรหรือที่เราจะทำให้เขาต้องเจ็บปวดผิดหวังเพียงแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ พระยาจื่อหลิน ข้าผู้เป็นราชาเชื่อว่าเจ้าถูกใส่ความ!”

คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้องไปทั่ว ทำเอาพวกครึ่งเทพในห้องโถงผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก นั่นเป็นเพราะวิธีการของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้พวกเขาพลันรู้สึกว่าราชาทงเทียนผู้นี้ใช่ว่าจะพูดคุยกันดีๆ ไม่ได้เสียเลย ทั้งอีกฝ่ายยังไม่ถึงขนาดประหัตประหารเอาให้ตายกันไปข้าง

และคนที่ตื่นเต้นที่สุดก็คือพระยาจื่อหลินนั่นเอง ในความตื่นเต้นยังมีความซับซ้อน หลังจากที่ผ่านเรื่องราวอกสั่นขวัญแขวนในวันนี้มาได้ เขาก็เริ่มเกิดความไม่พอใจต่อเทียนจุนวิเศษกาลนาน ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้น แม้ใจเขาจะขมขื่น แต่ที่มากกว่ากลับเป็นความเคารพยำเกรง

เวลานี้เขารีบลุกขึ้นยืนแล้วหันไปโค้งตัวคารวะต่ำๆ ต่อป๋ายเสี่ยวฉุน

ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเทียนจุนวิเศษกาลนาน นัยน์ตาของเขาฉายความมืดทะมึนขึ้นมาอีกครั้ง ก็เหมือนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าเทียนจุนวิเศษกาลนานคือจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ ในสายตาของเทียนจุนวิเศษกาลนานเองก็รู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคือคนที่รับมือได้ยากพอๆ กัน

แม้ว่าตอนนี้คนทั้งสองจะยังไม่แตกหักกันอย่างเต็มที่ ทว่าต่างคนต่างเข้าใจดีว่าความขัดแย้งของพวกเขาได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากนี้ไป หากมีความเป็นไปได้ก็ย่อมต้องมีข้อพิพาทใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกแน่นอน

เทียนจุนวิเศษกาลนานถอนสายตากลับคืนมา แล้วจึงขยับร่างจากไปก่อนใคร

บนใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหลือความเคร่งเครียดอีกต่อไป แต่มีรอยยิ้มประดับ หลังจากหันไปพูดคุยกับพวกครึ่งเทพหลายคนในห้องโถงสองสามคำแล้วก็พาราชาผียักษ์กลับไปยังจวนของตน

เมื่อกลับมาถึงที่พัก ราชาผียักษ์ถึงได้ระบายลมหายใจยาวเหยียด

ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน ในใจเขาทั้งปิติยินดีและทั้งยอมศิโรราบให้ เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะให้ราชาผียักษ์อยู่ต่ออีกสักสองสามวัน ทว่าราชาผียักษ์กลับรีบร้อนอยากกลับไปยังเขตการปกครองเสินหลัว เพราะเขากังวลว่าหากจากมานานเกินไป เขตการปกครองเสินหลัวจะเกิดปัญหา

ก่อนจะจากไป ราชาผียักษ์ตรงเข้ามากอดป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ด้วยความปลาบปลื้ม

“เสี่ยวฉุน เจ้า…โตแล้วจริงๆ” ราชาผียักษ์แหงนหน้าหัวเราะร่าราวกับได้สลัดพยับเมฆทิ้งไป ครั้นจึงหมุนกายกลายเป็นรุ้งยาวที่ตรงดิ่งไปยังค่ายกลนำส่งของนครเขตการปกครองหลัก

มองแผ่นหลังของราชาผียักษ์ สัมผัสได้ถึงความแก่ชราของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้สะท้อนใจ ในสมองเขาอดมีภาพตอนอยู่ในนครผียักษ์ปีนั้นลอยขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เนิ่นนานป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้หมุนกายกลับเข้าไปในจวนแล้วไปนั่งเข้าฌานอยู่ในห้องลับต่อ ครั้นจึงหยิบเอาป้ายของซากพัดออกมา ป้ายนี้เขาศึกษามานานมากแล้ว แต่นอกจากจะดูดซับปราณมาจากมัน เขาก็ไม่ได้ผลประโยชน์อย่างอื่นอีก

“ดูเหมือนว่าปราณด้านในจะลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แล้ว สรุปว่าป้ายนี่กับพัดมีความสัมพันธ์อะไรต่อกันกันแน่นะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนปวดหัวเล็กน้อย พอใคร่ครวญดูแล้วก็ได้แต่ฝึกตนต่อไป

อันที่จริงเมื่อได้รับความช่วยเหลือจากปราณจากป้ายแผ่นนี้และการหล่อเลี้ยงบำรุงจากโอสถเซียนและหญ้าวิเศษจำนวนมาก ตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ได้เหมือนตอนที่เพิ่งเลื่อนขั้นเป็นเทียนจุนอีกต่อไป แต่ใกล้จะถึงจุดสูงสุดของเทียนจุนช่วงต้นแล้ว

ที่เขาพัฒนาเร็วได้ขนาดนี้ กุญแจสำคัญล้วนมาจากปราณประหลาดที่อยู่ในป้ายแผ่นนี้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!