Skip to content

A Will Eternal 1111

บทที่ 1111 สามกลยุทธิ์ของเทียนซือ

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้เอ่ยอะไร แต่นั่งลงไปบนเก้าอี้ตำแหน่งประธาน

มองต้าเทียนซือแล้วคลี่ยิ้มอย่างพอเหมาะพอดี ในรอยยิ้มนี้มองออกถึงความชื่นชมของเขาที่มีต่อต้าเทียนซือ

ท่าทางเช่นนี้หาใช่ป๋ายเสี่ยวฉุนทำเป็นมาตั้งแต่แรก แต่มาจากการเลียนแบบจักรพรรดิเซิ่ง แล้วก็เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนมีความสามารถในการเรียนรู้ที่ยอดเยี่ยม ตลอดชีวิต ตลอดทางที่เขาเดินมา หากพบเจอใครที่เก่งกาจกว่าตน เขาก็มักจะลอกเลียนสีหน้าท่าทางบางส่วนของคนคนนั้นมาปรับใช้เสมอ

หากคนที่มาเยือนเป็นคนที่สนิทสนมกันดีอย่างราชาผียักษ์ ป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมไม่ทำเช่นนี้ แต่บุคคลที่อำมหิตอย่างต้าเทียนซือ ที่ต่อให้จุดประสงค์ในการมาเยือนของอีกฝ่ายคือต้องการช่วยเหลือประคับประคองตน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า หากนอกจากตบะแล้ว ตนไม่มีข้อดีอื่นๆ อีก ถ้าเช่นนั้นปัญหาก็ย่อมต้องตามมา แต่อยู่ที่แค่จะช้าหรือเร็วเท่านั้น

ดังนั้นเขาที่เลียนแบบท่าทางของจักรพรรดิเซิ่งโดยไม่รู้ตัวจึงยกยิ้มอ่อนโยนซึ่งแฝงไว้ด้วยการให้กำลังใจ

ทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของต้าเทียนซือ เขาถึงกับคลี่ยิ้ม ในรอยยิ้มของเขาแฝงไว้ด้วยความจริงใจ แต่ที่มากกว่าคือความสะท้อนใจ หากบอกว่าก่อนหน้านี้เขายอมศิโรราบให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างแท้จริง ถ้าเช่นนั้นอารมณ์ของเขาในเวลานี้ก็คือความดีใจ ความคิดของเขาไม่ต่างจากราชาผียักษ์ เพราะเขารู้สึกจริงๆ ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องหน้านี้โตขึ้นแล้ว

แต่เขาเองก็เข้าใจว่าตนจะมีความคิดเช่นนี้ต่อไปไม่ได้ นับแต่นี้ไปไม่พูดถึงเรื่องที่ว่าระหว่างเขากับป๋ายเสี่ยวฉุนจะเป็นนายกับบ่าว การลำดับความสำคัญของเรื่องราวก็เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้เช่นกัน

หากเขายังคิดอยู่เสมอว่าอีกฝ่ายโตแล้ว ถ้าเช่นนั้นวันหน้าคงต้องมีสักวันที่เขาทำผิดใหญ่หลวงและชักนำภัยร้ายถึงแก่ชีวิตมาให้กับตัวเองเพราะเรื่องนี้

ต้าเทียนซือจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วหลับตาลง เมื่อลืมตาทั้งคู่ขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาก็เผยความเคารพนับถืออย่างสุดใจ และหลังจากที่หันไปโค้งคารวะต่ำๆ ให้แก่ป๋ายเสี่ยวฉุน ต้าเทียนซือก็เอ่ยเนิบช้าด้วยสีหน้าเอาจริงเอาจัง

“เทียนจุน การคลี่คลายปัญหาข้อแรก หากแค่คิดจะหยัดยืนได้อย่างมั่นคง เรื่องนี้ง่ายดายมาก ไม่ว่าจะเป็นการซื้อใจคนหรือเปลี่ยนจากแขกมาเป็นเจ้าบ้าน ข้าผู้อาวุโสก็ล้วนมีวิธีทำให้สำเร็จ!” ดวงตาของต้าเทียนซือฉายความเฉียบคม น้ำเสียงราบเรียบคล้ายมั่นใจในตัวเองอย่างยิ่ง

“วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือเทียนจุนออกนโยบายเพิ่มเงินเดือนหนึ่งเท่าตัวจากฐานเงินเดือนเดิมให้แก่ครึ่งเทพไปจนถึงสร้างฐานรากทุกคนที่อยู่ในดินแดนเซียนแห่งที่สอง ค่าใช้จ่ายทั้งหมดล้วนมีนครเขตการปกครองหลักเป็นผู้รับผิดชอบ!”

“เมื่อทำเช่นนี้ หากวิเศษกาลนานปฏิเสธย่อมทำให้ผู้คนไม่พอใจ แต่หากยอมรับก็จะเพิ่มชื่อเสียงและบารมีให้กับเทียนจุน นี่จะทำให้เขาลำบากใจ คิดไม่ตก อีกทั้งเงินที่จ่ายไปยังไม่ใช่ทรัพย์สินของเทียนจุนเอง แน่นอนว่าย่อมต้องดีที่สุด”

ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังมาถึงตรงนี้ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย รู้สึกเพียงว่าวิธีนี้อำมหิตอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ใช้เงินคนอื่นไปซื้อใจคนอื่น แถมยังทำให้อีกฝ่ายกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

หากจะว่ากันในระดับความน่าเจ็บใจ วิธีการที่ตนบังคับใส่ความพระยาจื่อหลินก่อนหน้านี้ถือว่าเทียบกันไม่ติดเลย

“แต่ว่าเทียนจุน ตามความเห็นของข้าผู้อาวุโส การที่หยัดยืนอยู่ที่นี่ได้อย่างมั่นคงไม่มีความหมายใดๆ หากยังมีเทียนจุนวิเศษกาลนานอยู่ เพราะไม่ว่าพวกเราจะได้เปรียบเช่นไรในขณะที่ดำเนินตามแผนการนี้ เทียนจุนวิเศษกาลนานก็ต้องทำลายกฎ เป็นฝ่ายลงมือก่อนอยู่ดี!”

“ภายใต้ตบะที่สูงสุดของเขา แผนการทุกอย่างล้วนเป็นเพียงแค่ความว่างเปล่า แต่ขณะเดียวกันนี่ก็คือข้อได้เปรียบของเทียนจุน”

“ดังนั้นข้าผู้อาวุโสจึงแนะนำให้เทียนจุนพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เป้าหมายของพวกเราไม่ใช่ยืนอยู่ที่นี่ได้มั่นคง แต่เป็นว่าจะอาศัยข้อได้เปรียบตอนนี้และการลงมือในอันดับต่อไปเพื่อที่จะทำให้พวกเราได้ผลประโยชน์มากกว่าเดิมอย่างไร…ยกตัวอย่างเช่น…พื้นที่ทิศเหนือที่ตอนนี้ไม่ใช่ของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งอีกต่อไป…”

ต้าเทียนซือกล่าวมาถึงตรงนี้ก็เหลือบมองป๋ายเสี่ยวฉุนแวบหนึ่ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่น ทำท่าครุ่นคิด เขาพอจะเข้าใจความนัยจากคำพูดของต้าเทียนซือได้ นี่หมายความว่าทุกอย่างที่ตนมีในตอนนี้ล้วนต้องทำไปเพื่อเป้าหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งเป้าหมายที่ว่านี้…ก็คือทิศเหนือ!

“ครอบครองตัวตนหนึ่งในนามอย่างนั้นหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเอ่ยขึ้น

ต้าเทียนซือยิ้ม คารวะป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง

“ตอนนี้ข้าผู้อาวุโสจะพูดถึงปัญหาข้อที่สอง การขัดขวางที่มาจากสองราชวงศ์ใหญ่ก็ดี หรืออุปสรรคด้านเวลายาวนานที่ทำให้คนของโลกทงเทียนถูกกลืนกินก็ช่าง วิธีการแก้ไขปัญหามีแค่อย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ…ตั้งตนเป็นอิสระ!”

“ขอแค่ตั้งตนเป็นอิสระ ไม่จำเป็นต้องแบ่งใต้หล้าเป็นสามฝ่าย แต่มีความเป็นตัวของตัวเองในระดับที่แน่นอน ถ้าเช่นนั้นก็สามารถทำให้คนของโลกทงเทียนมารวมตัวกันได้”

“หากเทียนจุนแสดงท่าทีว่าต้องการตั้งตนเป็นอิสระออกมาสักเล็กน้อยก็ย่อมยากที่จะหลีกเลี่ยงเคราะห์ภัย! แต่ยิ่งตั้งตนเป็นอิสระช้าเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำมากขึ้นเท่านั้น!”

“และนี่ก็จะหวนกลับมายังปัญหาข้อที่หนึ่ง หากเทียนจุนสามารถแก้ไขปัญหาข้อหนึ่งได้อย่างราบรื่น ทำตามเป้าหมายได้สำเร็จ ถ้าเช่นนั้นข้าผู้อาวุโสก็สามารถรับรองได้เลยว่าต้องสามารถแก้ปัญหาเรื่องการตั้งตนเป็นอิสระได้แน่นอน!”

“ทั้งยังไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะสร้างความระแวงให้แก่จักรพรรดิเซิ่ง เพราะสิ่งที่ข้าผู้อาวุโสจะทำ หาใช่การตั้งตนด้วยการใช้กำลัง แต่เป็น…การตั้งตนอยู่บนพื้นฐานของผลประโยชน์!”

“ราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งย่อมไม่ถือสาหากในเวลาสั้นๆ จะมีเขตการปกครองเลี่ยนหลิง (เลี่ยนหลิงหมายถึงหลอมพลังจิต) เกิดขึ้นมา!” ต้าเทียนซือยิ้มน้อยๆ สีหน้าแฝงความมั่นใจอย่างแรงกล้าราวกับย้อนไปเมื่อตอนที่เขาอาศัยกำลังของคนคนเดียวสร้างคลื่นลมมรสุมอยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิขุยอีกครั้ง

“เทียนจุน หากเห็นด้วยกับความคิดของข้าผู้อาวุโส ก็โปรดมอบตำแหน่งผู้ช่วยในเขตการปกครองจื่อหลันแก่ข้า! เขตการปกครองจื่อหลันนี้คือเขตการปกครองที่ข้าเลือกมาจากสิบเอ็ดเขต ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับชายแดนทิศเหนือและเป็นพื้นที่รอยต่อที่เหมาะสมมากที่สุด!”

“ปานประหนึ่งเมืองหัวสะพาน เมื่อควบคุมเขตการปกครองแห่งนี้ได้ก็สะดวกที่จะทำสงครามทิศเหนือ! อีกทั้งข้าผู้อาวุโสยังศึกษาต้าจุนที่ปกครองที่นั่น รวมไปถึงคนฟ้าลูกน้องของเขาเขามาก่อนแล้วจนมั่นใจว่าเวลาเพียงแค่สามเดือน เขตการปกครองแห่งนี้…มองภายนอกอาจเหมือนเป็นของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง แต่ในความเป็นจริงกลับกลายมาเป็นของพวกเราแล้ว!” ประโยคนี้ของต้าเทียนซือยิ่งเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ

ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าปั้นยาก แม้ว่าคำพูดของต้าเทียนซือก่อนหน้านี้จะมีเหตุผลอยู่บ้าง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่าประโยคสุดท้ายนี่ต่างหากที่ถึงจะมีพลังในการโน้มน้าวอย่างแท้จริง นั่นเป็นเพราะหากว่ากันด้วยความสามารถในการควบคุมคน

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เชื่อว่าต้าเทียนซือมีมาแทบจะชั่วชีวิตแล้ว หากเขาบอกว่าตัวเองเป็นที่สอง เกรงว่าในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่กว้างใหญ่แห่งนี้ก็คงไม่มีกล้าพูดว่าเป็นที่หนึ่ง

“ดี!” ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่งคิดไปพักใหญ่ แล้วจึงพยักหน้ารับเบาๆ

เมื่อต้าเทียนซือลุกขึ้นยืนพร้อมอมยิ้มน้อยๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใช้ตัวตนของตัวเองจัดการธุระทั้งหมดให้แก่ต้าเทียนซือ เดิมทีเรื่องนี้จัดการได้ไม่ง่ายนัก แต่ตอนนี้พวกครึ่งเทพที่อยู่ในนครเขตการปกครองหลักต่างก็ไม่มีใครกล้าหือกับป๋ายเสี่ยวฉุน แน่นอนว่าความต้องการของเขาจึงผ่านฉลุยอย่างรวดเร็ว

แม้แต่เทียนจุนวิเศษกาลนานยังรู้สึกแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้ขัดขวาง ดูเหมือนว่าเขาเองก็กำลังรอให้มีโอกาสเหมาะๆ แล้วค่อยลงมือรุกฆาตป๋ายเสี่ยวฉุนในคราวเดียว

หลายวันต่อมา เมื่อต้าเทียนซือได้รับแต่งตั้งตามที่ต้องการ เขาก็ออกจากนครหลัก มุ่งหน้าไปที่เขตการปกครองจื่อหลัน ก่อนจะจากไป เขายังเตือนป๋ายเสี่ยวฉุนเกี่ยวกับเรื่องของเทียนจุนวิเศษกาลนานด้วย

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตระหนักได้ถึงจุดนี้ เมื่อต้าเทียนซือจากไป เขายิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าจะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำอยู่อย่างนี้ต่อไปไม่ได้ ดังนั้นจึงกำหมัดแน่น

“จะปล่อยให้เทียนจุนวิเศษกาลนานรอต่อไปไม่ได้ ข้าต้องบีบให้เขาออกมาประนีประนอมกับข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด แล้วก็เริ่มปฏิบัติจริงทันที สิ่งแรกที่เขาคิดนึกถึงก็คือแผนการร้ายกาจที่ต้าเทียนซือเคยยกขึ้นมาพูด

ในฐานะที่เป็นเทียนจุน ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่มีลูกน้องเป็นของตัวเอง แต่หากคิดจะผลักดันเรื่องนี้ คิดจะทำให้คนทั้งดินแดนเซียนแห่งที่สองรู้เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร หลายวันต่อมา ในดินแดนเซียนแห่งที่สองจึงเริ่มมีข่าวลือหนึ่งแผ่กระจายไปทั่ว

“ได้ยินหรือยัง ราชาทงเทียนเสนอให้เพิ่มเงินเดือนนักพรตทุกคนของดินแดนเซียนแห่งที่สองจากเดิมหนึ่งเท่าตัว!”

“สวรรค์ เมื่อเป็นเช่นนี้ รายจ่ายของดินแดนเซียนแห่งที่สองในแต่ละปีก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว จำนวนนี้มากมหาศาลยิ่งนัก เทียนจุนวิเศษกาลนานจะยอมได้อย่างไร!”

“ถ้าเรื่องดีๆ แบบนี้กลายเป็นจริงขึ้นมา ข้าจะรีบไปเยี่ยมเยือนเพื่อขอบคุณราชาทงเทียนด้วยตัวเองเลย!!”

ท่ามกลางคำวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องนี้จึงยิ่งแพร่สะพัดไปมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งพอถึงท้ายที่สุด เรื่องนี้ก็เหมือนกลายมาเป็นพายุบ้าระห่ำที่พัดไปทั่วทั้งดินแดนเซียนแห่งที่สอง ไม่ว่าจะกำราบอย่างไรก็กำราบไม่อยู่

ใครคิดจะกำราบ คนผู้นั้นก็จะถูกสงสัย…เพราะอย่างไรซะเรื่องแบบนี้นับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากสำหรับทุกคน!

พวกครึ่งเทพในนครหลักก็เริ่มลนลานกันแล้ว เพราะเรื่องนี้รับมือได้ยากยิ่งกว่าเรื่องของพระยาจื่อหลิน พวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรมากนัก

ส่วนเทียนจุนวิเศษกาลนานนั้น พอได้ยินเรื่องนี้ ความเดือดดาลของเขาก็พวยพุ่งเทียมฟ้าจนเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา เป็นอย่างที่ต้าเทียนซือคาดการณ์ไว้อย่างแท้จริง เพราะเทียนจุนวิเศษกาลนานจะเห็นด้วยกับเรื่องนี้ก็ไม่ถูก ปฏิเสธก็ไม่ควร!

“ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ้าคนระยำ!!”

และเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เข้าร่วมการประชุมของนครเขตการปกครองหลักเป็นครั้งที่สองก็ได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดหน้าตาเฉย!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!