บทที่ 1116 กำเนิดเต๋าเป็นตาย
เพียงแต่ว่าเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนทดลองที่จะเข้าไปในซากพัดอีกครั้งกลับพบว่าไม่ได้ผลอีกแล้ว ดูเหมือนว่ากุญแจดอกนี้จะปลดปล่อยอานุภาพที่พาให้เขาหายตัวไปมาคล้ายการนำส่งครั้งหนึ่งจนหมดสิ้นแล้ว ซึ่งยากที่จะพาป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปบนซากพัดได้อีก
ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“คงไม่กระมัง จะนำส่งข้าได้แค่ครั้งเดียวจริงๆ น่ะหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็พลันพะวงถึงผลได้ผลเสีย เพราะหากมีโอกาสแค่ครั้งเดียวจริงๆ แล้วดันถูกเขาเอาไปใช้อย่างเสียเปล่าแล้ว ถ้าอย่างนั้นเขาคงจะเสียใจจนใส้เขียว (สำนวนจีนแปลว่าเสียใจอย่างสุดๆ) เลยทีเดียว
ท่ามกลางความตึงเครียดและความคาดหวังของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาพยายามผสานอำนาจจิตเข้าไปในกุญแจอย่างต่อเนื่อง ทว่ากลับไม่ได้ผลใดๆ ไม่ว่าจะตรวจสอบเช่นไร ป้ายแผ่นนี้ก็นิ่งสงบไร้ความมหัศจรรย์ ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ กลับมาแม้แต่น้อย
ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหน้าบิดเบ้ เสียใจอย่างสุดแสน จนกระทั่งวันหนึ่งผ่านไปและยามเช้าตรู่ของอีกวันมาถึง เดิมทีป๋ายเสี่ยวฉุนได้ถอดใจไปแล้ว แต่กระนั้นหลังจากที่เขาทดลองอีกครั้งอย่างไม่อยากจะยอมแพ้ง่ายๆ สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนมาเป็นฮึกเหิม
เขาคาดไม่ถึงว่าเมื่อเวลาหนึ่งวันผ่านไป แผ่นป้ายนี้จะแผ่คลื่นที่สามารถส่งทั้งกายเขาไปที่พัดแบบเดิมออกมาอีกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงกับกลั้นลมหายใจไปชั่วครู่ ทว่าคราวนี้เขาไม่ได้บุ่มบ่าม แต่ค่อยๆ ดึงเอาอำนาจจิตกลับคืนมา แล้วเริ่มศึกษาแผ่นป้ายที่อยู่ในมือ
หลายวันหลังจากนั้น ในที่สุดป๋ายเสี่ยวฉุนก็เข้าใจแผ่นป้ายนี้อย่างถ่องแท้ เขาที่เป็นผู้ครอบครองป้ายจะมีโอกาสไปกลับซากพัดวันละหนึ่งครั้งเท่านั้น หากคิดจะไปเป็นครั้งที่สองก็ทำได้แค่รอวันต่อมา
ราวกับว่าเดิมทีความสามารถของแผ่นป้ายนี้ก็มีไม่มากพออยู่แล้ว มันจึงจำเป็นต้องดึงดูดสารบำรุงบางอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนสัมผัสไม่ถึงมาจากฟ้าดิน ถึงจะสามารถเปิดใช้ได้อีกครั้งในวันที่สอง
“ครั้งเดียวไม่น่าจะพอนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนระบายลมหายใจยาวๆ ข่มกลั้นความตื่นเต้นลงไป เขาเม้มปากใคร่ครวญว่าจะมีวิธีการใดหรือไม่ที่จะเพิ่มจำนวนครั้งในการไปกลับพัดให้มากขึ้น และสิ่งแรกที่เขาคิดถึงก็คือการหลอมพลังจิต
ดังนั้นเขาจึงเริ่มลงมือทันที ทว่าพอพลังจิตให้กับแผ่นป้ายนี้ไปได้หลายครั้ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงไม่พบการเปลี่ยนแปลงใดๆ เขาถึงจำต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปอย่างจำใจ
“ครั้งเดียวก็ครั้งเดียว…” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอนหายใจ
ในสมองจินตนาการภาพที่ตนเองเข้าไปในพัด พริบตาเดียวเบื้องหน้าของเขาก็พลันพร่าเลือน เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนมาเป็นชัดเจนอีกครั้ง ถึงกระทั่งที่ว่าความรู้สึกที่ถูกนำส่งยังไม่ทันปรากฏ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มาปรากฏตัวอยู่บนซากพัดแล้ว!
ท้องฟ้านอกพัดมืดสนิท มีเพียงแสงจากตัวพัดเท่านั้นที่แม้จะไม่สว่างไสวมากนัก ทว่าด้วยตบะเทียนจุนของป๋ายเสี่ยวฉุน เขากลับยังสามารถอาศัยแสงอ่อนจางบนพัดเล่มนี้มองเห็นทุกอย่างรอบด้านได้อย่างชัดเจน ป๋ายเสี่ยวฉุนกำหมัดด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะสูดลมหายใจเขาลึก หลังจากใช้สายตาที่แฝงความกระตือรือร้นและใช้หัวใจที่ซุกซ่อนความห้าวเหิมไปสำรวจพื้นที่รอบด้านอย่างละเอียด เขาถึงได้ขยับเข้าไปยังช่องทางที่เขาเคยเดินผ่านไปอย่างระมัดระวัง
ทว่าชั่วขณะที่เท้าของเขาเหยียบลงไปบนซี่พัด พัดทั้งเล่มก็พลันสั่นสะเทือน แสงรอบด้านที่เดิมทีอ่อนจางกลับเจิดจ้าสว่างไสว ป้ายในมือป๋ายเสี่ยวฉุนก็ส่องแสงพร่างพราวไม่ต่างกัน
ภายใต้แสงเหล่านี้ ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายสูญเสียพลังในการเคลื่อนไหว จิตสำนึกของเขาก็เหมือนจะหลุดลอยออกไปจากร่าง ราวกับว่าพริบตานั้นเขาได้มองเห็นโลกทั้งใบของซากพัดเล่มนี้
อีกทั้งเขายังเห็นว่าปลายทางของซี่พัด ด้านหลังด่านที่หนึ่งร้อยมีแท่นหินแท่นหนึ่งตั้งตระหง่าน บนแท่นหินนั้นวางแผ่นหยกสีทองไว้แผ่นหนึ่ง!
แผ่นหยกนี้ส่องประกายแสงโชติช่วง เปี่ยมล้นไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์จนป๋ายเสี่ยวฉุนอดกลั้นจิตสำนึกให้ขยับเข้าไปแตะต้องมันไม่ได้
ชั่วขณะที่จิตสำนึกของเขาสัมผัสโดนแผ่นหยกนั้น ร่างทั้งร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เหมือนโดนฟ้าผ่า ในสมองของเขามีอักษรสี่คำที่เขาไม่รู้จัก แต่เหมือนจะเข้าใจลอยขึ้นมา
“กำเนิดเต๋าเป็นตาย!”
สี่คำนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยพบเจอมาก่อน ทว่าเขากลับเข้าใจความหมายของมัน วินาทีที่มันดังก้องอยู่ในสมองก็คล้ายว่าจะมีเศษเสี้ยวจิตสำนึกที่เก่าแก่มากท่อนหนึ่งแผ่จากแผ่นหยกสีทองเข้ามากระจายไปทั่วจิตสำนึกของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ข้าคือผู้บงการหนึ่งเดียวของโลกแห่งเซียน โลกแห่งเซียนวินาศไปแล้ว
นภากาศกลายเป็นมืดดำ หลงเหลือเพียงพัดเล่มนี้เป็นการสืบทอด ผู้ที่มีวาสนาจะได้ครอบครอง เมื่อรู้ว่าโลกแห่งเซียนเคยดำรงอยู่ คือกำเนิดเต๋าเป็นตาย”
จิตวิญญาณของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นรัวอย่างบ้าคลั่ง ยามนี้เศษซากจิตสำนึกท่อนนี้กึกก้องอยู่ในจิตสำนึกของเขา ใจเขาอยากจะตรวจสอบดูเนื้อหาที่อยู่ในแผ่นหยก แต่กลับมิอาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน มีเพียงความพร่าเลือน
ซึ่งพอเขาคิดจะเพ่งมองให้แน่ชัด แรงผลักขุมหนึ่งกลับเกิดขึ้นแล้วตัดขาดความเชื่อมโยงระหว่างเขากับแผ่นหยกทันที
ประหนึ่งฝันไป ป๋ายเสี่ยวฉุนสะดุ้งโหยง เมื่อลืมตาขึ้น เท้าข้างหนึ่งของเขาก็เหยียบอยู่บนเส้นทางซี่พัดแล้ว ทุกอย่างก่อนหน้านี้ล้วนลอยขึ้นมาในจิตสำนึกของเขาชั่วขณะที่เขาเหยียบลงไปบนซี่พัด
ป๋ายเสี่ยวฉุนหายใจติดขัด เมื่อเงยหน้ามองไปยังปลายทางของซี่พัดเขาก็รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองได้เห็นก่อนหน้านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา การสืบทอดที่อยู่ด้านหลังด่านที่หนึ่งร้อยต้องเป็นกำเนิดเต๋าเป็นตายนี้แน่นอน!
“มีเพียงกลายเป็นนายที่แท้จริงของพัดเล่มนี้เท่านั้นถึงจะได้รับการสืบทอดอย่างนั้นหรือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายความเฉียบขาด
“ไม่รู้ว่าด่านที่ข้าฝ่าไปได้ก่อนหน้านี้ยังอยู่หรือไม่…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินขึ้นไปบนเส้นทางซี่พัดพลางครุ่นคิด เมื่อเดินผ่านตำแหน่งที่เขาจำได้ว่าเคยเป็นด่านที่หนึ่งแล้วผ่านมันมาได้อย่างราบรื่น ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นประกายวาววับ เพิ่มความเร็วในการสาวเท้าเดินไปข้างหน้า ด่านที่สอง ด่านที่สาม ด่านที่สี่…
เขาเดินรวดเดียวจนไปถึงตำแหน่งที่ตั้งของด่านที่ยี่สิบโดยไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวาง ราวกับว่าสำหรับเขาแล้ว ไม่จำเป็นต้องฝ่ายี่สิบด่านแรกนี้คล้ายได้รับการยกเว้น
จนกระทั่งมายืนอยู่บนเส้นทางซากพัดหน้าด่านที่ยี่สิบเอ็ด สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปลี่ยนมาเป็นเคร่งเครียด เขารู้ดีว่าสิทธิพิเศษที่ตัวเองได้รับมาก่อนหน้านี้เทียบเคียงได้แค่ยี่สิบด่านเท่านั้น ด่านในช่วงหลังๆ ยังต้องอาศัยความสามารถของตัวเขาเอง
“ยังดีที่ข้าไม่มีคู่แข่ง ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องเวลา…”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้รีบฝ่าด่านทันที แต่ใช้อำนาจพิเศษของตัวเองกวาดเอาของรางวัลในยี่สิบด่านแรกมาเสียเกลี้ยงราวกับปล้น และหลังจากเก็บของพวกนั้นลงถุงเก็บของแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้รู้สึกพึงพอใจ
“เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ครั้งนี้ต้องกลับไปพร้อมกับความล้มเหลว ก็ไม่ถือว่าข้ามาเสียเที่ยวแล้ว”
สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนคลายลงได้เล็กน้อย หลังจากเตรียมทุกอย่างพร้อมสรรพ เขาก็กวาดตามองไปรอบด้านด้วยความลังเลใจเล็กน้อย ไพล่คิดไปว่าไม่รู้ว่าวิญญาณวัตถุที่เกลียดขี้หน้าตนจะตื่นอยู่หรือไม่
ครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ สุดท้ายป๋ายเสี่ยวฉุนก็กัดฟันกรอดแล้วเดินไปเบื้องหน้าหนึ่งก้าว เมื่อเข้ามาในด่านที่ยี่สิบเอ็ด หูเขาก็มีเสียงกัมปนาทกึกก้องมาพร้อมกับลมเย็นเยียบที่โชยปะทะใบหน้า โลกที่ป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ถูกพลิกตลบ เมื่อมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจนอีกครั้ง เขาก็มาอยู่ในโลกที่ราบน้ำแข็งแห่งหนึ่งแล้ว!
ท้องฟ้าเป็นสีเทา แผ่นดินเป็นสีขาว ลมหนาวพัดหวีดหวิดพาให้เกล็ดหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนเริงระบำอยู่ในฟ้าดินแห่งนี้อย่างบ้าคลั่ง ทอดสายตามองไป โลกทั้งใบมีแต่น้ำแข็ง
บางทีที่นี่อาจเคยเป็นมหาสมุทรใหญ่ผืนหนึ่ง ทว่าตอนนี้มหาสมุทรนั้นเหมือนถูกผนึกไว้ด้วยน้ำแข็งเสียเกินครึ่ง หลงเหลือเพียงที่ราบน้ำแข็งส่วนหนึ่งที่ไม่มีทั้งเทือกเขา ไม่ใช่แอ่งกระทะ เป็นเพียงที่ราบๆ ผืนหนึ่ง
และไอเย็นของที่นี่ก็เข้มข้นรุนแรงจนแม้แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนที่พอสัมผัสเข้ากับมันยังสะดุ้งโหยง ต้องรู้ว่าเขาเป็นถึงเทียนจุน ทั้งยังมีเนื้อหนังมังสาที่แข็งแกร่ง แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังรู้สึกได้ว่าร่างทั้งร่างแข็งทื่อ ไอเย็นทิ่มแทงเข้าลึกถึงกระดูก ราวกับไฟแห่งชีวิตของตนจะถูกปิดผนึกไปด้วยน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น หากเปลี่ยนมาเป็นนักพรตคนอื่น เกรงว่าคงยากที่จะทานทนได้
“นี่จะหนาวเกินไปหน่อยไหม!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นระริก รีบกวาดตามองไปรอบด้าน พยายามทดลองใช้สิทธิพิเศษของตนมาสร้างผลกระทบต่อที่แห่งนี้ แต่กลับค้นพบว่าสิทธิพิเศษที่เคยใช้ได้อย่างราบรื่นมาโดยตลอดกลับใช้ไม่ได้ผลอีกแล้ว
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจ เขาก็พลันหน้าเปลี่ยนสี ถอยกรูดไปข้างหลังหลายก้าว แทบจะชั่วขณะเดียวกันกับที่เขาถอยหนีไป น้ำแข็งที่เขายืนอยู่ก่อนหน้านี้จู่ๆ กลับถูกทะลุทะลวงจนกลายเป็นรูโบ๋ ก่อนที่ปลาบินตัวหนึ่งซึ่งราวกับลูกธนูแหลมคมจะบินออกมาแล้วพุ่งแฉลบผ่านท่อนแขนของป๋ายเสี่ยวฉุนไปด้วยความเร็วที่มากจนเห็นเป็นเพียงภาพติดตา!
ต่อให้ด้วยตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังรู้ตัวช้าไป หากไม่เป็นเพราะสัญชาตญาณของร่างกายเขา เกรงว่าเวลานี้ร่างของเขาคงถูกปลาลูกธนูนี่แทงทะลุไปแล้ว!
ยังไม่สิ้นสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องหน้าเปลี่ยนสีต่อเนื่อง เพราะตอนที่เขาถอยร่น ชั้นน้ำแข็งรอบกายเขากลับมีรูโหว่ปรากฎขึ้นพร้อมๆ กัน พริบตาเดียวปลาลูกธนูหลายตัวก็พากันกระโจนพรวดเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!
ปลาลูกธนูพวกนี้เป็นสีเงินยวงทั้งตัว เหมือนลูกธนูที่แหลมคมซึ่งพุ่งจากสี่ด้านแปดทิศกรูกันมาหาป๋ายเสี่ยวฉุน ความเร็วของพวกมันมีมากเกินไป
ลมหายใจป๋ายเสี่ยวฉุนถี่รัว เวลานี้ในสมองของเขาไม่มีความคิดอย่างอื่นเหลืออีกแล้ว มีเพียงสัญชาตญาณเท่านั้นที่บอกกับเขาว่าจะปล่อยให้ตัวเองโดนปลาลูกธนูพวกนี้ไม่ได้ ทั้งยังมิอาจทำลายให้มันแตกสลาย หาไม่แล้วคงเป็นการนำภัยครั้งใหญ่มาสู่ตัว
ยามนี้เขาทำได้เพียงระเบิดความเร็วถึงขีดสุด เคลื่อนไหวหลบเลี่ยงว่องไวต่อเนื่อง ทว่าจำนวนปลาลูกธนูที่อยู่ใต้ชั้นน้ำแข็งเบื้องล่างมีมากเกินไป แต่ละตัวพากันโดดผลุงขึ้นสู่ท้องฟ้า มองไกลๆ เห็นเป็นเพียงสีเงินยวงพร่างพราว เป็นภาพที่งดงามแปลกตายิ่งนัก!