Skip to content

A Will Eternal 1117

บทที่ 1117 ข้าสาบานว่าจะฆ่าเจ้าให้ตายให้จงได้

“เจ้าพวกนี้ยังใช่ปลาอยู่ไหม!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้างจนดวงตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ต่อให้อยู่บนพื้นที่ราบน้ำแข็ง หน้าผากเขาก็ยังเริ่มมีเหงื่อผุดซึม ขณะเดียวกันก็พยายามเบี่ยงร่างหลบหลีกพวกปลาลูกธนูแต่ละตัวที่พุ่งเข้าใส่คล้ายต้องการจะทะลวงร่างของเขาให้ทะลุอย่างบ้าคลั่ง

ราวกับว่าป๋ายเสี่ยวฉุนได้กลายมาเป็นเป้าดึงดูดขนาดใหญ่ยักษ์ ส่วนปลาพวกนี้ก็คือลูกธนูแหลมคมที่พุ่งออกจากแล่งแหวกอากาศเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ซึ่งไม่ว่าความเร็วเขาจะมีมากแค่ไหน ปลาลูกธนูพวกนี้ก็เหมือนจะสามารถระเบิดความเร็วได้พอๆ กัน เป็นเหตุให้ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะหลบไปอยู่ตรงไหน รอบกายเขาก็ยังคงมีปลาลูกธนูจำนวนมากมายเกินจะนับกระหน่ำเข้ามาจู่โจมอย่างดุดันอยู่ดี

หากเป็นอย่างนี้แค่เพียงเวลาสั้นๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้สึกว่าตนคงจะพอต้านทานได้ไหว ทว่าเมื่อเขาหลบพวกมันมาได้หนึ่งก้านธูป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ค้นพบด้วยความตะลึงพรึงเพริดว่าปลาลูกธนูของที่นี่ไม่เพียงแต่ไม่ลดน้อยลง ซ้ำพอชั้นน้ำแข็งบนพื้นทยอยกันปริแตกภายใต้เสียงดังลั่นเปรี๊ยะๆ ปลาลูกธนูจำนวนมากกว่าเดิมก็ยิ่งพากันกระโจนขึ้นสู่ฟากฟ้า

“สมควรตายนัก ทำไมด่านที่ยี่สิบเอ็ดถึงได้ยากขนาดนี้!”

ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่รัว ร่างยังคงขยับเคลื่อนไหวต่อเนื่อง จนกระทั่งเวลาล่วงเลยผ่านไปครึ่งชั่วยาม หนึ่งชั่วยาม สามชั่วยาม…

ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งงันไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งๆ ที่เขาจำได้ว่าเวลาในการฝ่าด่านมีแค่ประมาณหนึ่งชั่วยามเท่านั้น แต่ตอนนี้ผ่านไปแล้วครึ่งวัน…ทว่าปลาลูกธนูของที่นี่กลับระเบิดจำนวนออกมาเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ทอดสายตามองไปไกลๆ ก็ราวกับว่าโลกทั้งใบกลายมาเป็นฟ้าดินของปลาลูกธนู แสงสีเงินบนร่างของพวกมันที่สาดสะท้อนอยู่ใต้แสงแดดระยิบระยับจับตาอย่างถึงที่สุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้แล้วจริงๆ เขาไพล่นึกไปถึงปลามังกรทอง เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะตัวเองกินปลามังกรสีทองมากเกินไปหรือไม่ ปลาลูกธนูของที่นี่ถึงได้ถูกเขาดึงดูดมาได้มากขนาดนี้ ช่วงเวลาที่เขาต้องเบี่ยงหลบเป็นพัลวันอย่างไม่มีเวลาให้พักผ่อน ไม่มีเวลาให้หายใจหายคอดำเนินไปยาวนานมาก จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายชั่วยาม เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนยืนหยัดมาได้หนึ่งวันเต็มแล้วเห็นว่าตนยังมิอาจผ่านด่านไปได้ เขาก็คลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที

“ผิดปกติ นี่มันผิดปกติเอามากๆ!”

และเวลานี้เอง ความว่างเปล่าบนท้องฟ้าในด่านที่ยี่สิบเอ็ดที่ต่อให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้ามองก็มองไม่เห็น

มีเด็กชายปากแดงฟันขาวคนหนึ่งซึ่งเดิมทีควรจะน่ารักน่าเอ็นดู ทว่าใบหน้าของเขาเวลานี้กลับยกยิ้มเยาะหยัน กำลังยืนเอามือไพล่หลังจ้องมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่เบื้องล่างซึ่งกระโดดโหยงเหยงไปมาราวลิงตัวหนึ่งอย่างลำพองใจ

“เดิมทีนึกว่าเจ้าโจรผู้นี้จะไม่กลับมาเสียแล้ว ทำเอาข้าเสียดายไม่น้อย แต่ตอนนี้ในเมื่อเขายังกล้ามา หึหึ เจ้าโจรใจทราม ในยี่สิบด่านแรกเจ้ามีอภิสิทธิ์พิเศษ ข้ามิอาจทำอะไรเจ้าได้ แต่หลังจากด่านที่ยี่สิบขึ้นไป ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้รสว่าอะไรคือความสิ้นหวัง!” เด็กชายคิดมาถึงตรงนี้ก็เหมือนว่าจะยิ่งฮึกเหิม เขาพลันยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นพื้นที่ราบน้ำแข็งก็มีริ้วคลื่นเป็นวงๆ ซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนมองไม่เห็นปรากฏขึ้น และเมื่อริ้วคลื่นพวกนี้พุ่งผ่านไป ปลาลูกธนูที่อยู่ใต้พื้นน้ำแข็งก็ระเบิดจำนวนออกมามากกว่าเดิมหลายสิบเท่า!

ฟ้าสนั่นแผ่นดินสะเทือน ปลาลูกธนูทะยานพวยพุ่งมืดฟ้ามัวดิน!

ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าตาบูดบึ้ง คิดจะนำส่งตัวเองกลับออกไป แต่ลึกๆ ในใจกลับยังไม่อยากยอมแพ้

ขณะที่ยังคิดไม่ตกและไม่ทันระวัง เขาก็ถูกปลาลูกธนูตัวหนึ่งพุ่งทะลุผ่านท่อนแขนไป ความเจ็บปวดรวดร้าวในระดับที่มิอาจจินตนาการถึงพลันแผ่ท่วมท้นร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เจ็บเหมือนถูกหัวใจบีบเค้น เจ็บจนป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น ดวงตาของเขาจึงเปลี่ยนมาเป็นแดงก่ำทันใด

“สมควรตายนัก เดิมทีข้าไม่อยากจะใช้วิธีขี้โกง แต่นี่พวกเจ้าบีบบังคับข้าเองนะ!”

“ฮวาฮวา ออกมาเถอะ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ดวงตาแดงฉานถอยกรูดไปข้างหลังแล้วแหงนหน้าแผดเสียงคำราม มือขวาก็ตบลงไปบนถุงเก็บของ ทันใดนั้นก็มีรากหนาใหญ่รากหนึ่งยื่นพรวดออกมาจากในถุงเก็บของ และเวลาไม่ถึงครึ่งลมหายใจ รากจำนวนมากกว่าเดิมก็พากันโผล่ตามมา จนกระทั่งเรือนกายใหญ่มโหฬารของบุปผาจันทราได้เผยกายออกมาในฟ้าดินของด่านที่ยี่สิบเอ็ด!

บุปผาจันทราคำรามไร้เสียง ยามนี้กลีบทุกกลีบของดอกไม้ที่เบ่งบานราวดวงจันทร์ดวงหนึ่งพากันสั่นสะเทือน แสดงให้เห็นถึงความตื่นเต้นอย่างชัดเจน ราวกับว่าไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ราบน้ำแข็งของที่แห่งนี้หรือปลาลูกธนูพวกนั้นก็ล้วนเป็นอาหารโอชะที่แม้แต่ฝันบุปผาจันทราก็ยังปรารถนาได้มากลืนกิน

เมื่อเห็นท่าทางห้าวเหิมของบุปผาจันทรา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันชอบใจ

“ฮวาฮวา ทำลายที่นี่ให้ข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะโกนดังลั่น

เขาไม่เหลือความคิดอื่นใดให้ใช้รับมือกับด่านที่ยี่สิบเอ็ดนี้อีกแล้ว ทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่บุปผาจันทรา

และสำหรับบุปผาจันทราดอกนี้ เกรงว่าแม้แต่มารดาผีเองก็คงยังไม่รู้ที่มาที่แน่ชัดของมัน เพราะอย่างไรซะต่อให้เป็นเรือรบที่มันเคยอยู่ก็ยังเป็นเพียงแค่ที่พักอาศัยชั่วคราวของมันเท่านั้น

เวลานี้บุปผาจันทราเพิ่งจะปรากฏตัว เนื่องด้วยเรือนกายที่ใหญ่โตเกินไป เวลาเพียงชั่วพริบตาและแทบจะเวลาเดียวกันกับที่มันแสดงความตื่นเต้นออกมา ปลาลูกธนูที่พุ่งมาจากสี่ด้านแปดทิศก็พากันยิงทะลุร่างของบุปผาจันทรา เสียงกึกก้องมาพร้อมกับที่บุปผาจันทราซึ่งแตกกระจัดกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนสาดกระจายไปทั่วพื้นที่ราบน้ำแข็งและในธารน้ำแข็งราวกับว่ามันไม่มีพลังให้ต้านทานแม้แต่เสี้ยวเดียว

ภาพนี้ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงตาค้าง

“ไม่จริงกระมัง ฮวาฮวา ก่อนหน้านี้เจ้าร้ายกาจมากไม่ใช่หรือ…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนก้มหน้าลงด้วยความห่อเหี่ยว ถอยไปข้างหลังอีกครั้ง ขณะที่ถอนหายใจอยู่ในใจ เขาก็เตรียมจะยอมยกธงขาว เพราะรู้สึกว่าในด่านที่ยี่สิบเอ็ดแห่งนี้ อย่าว่าแต่ตนเลย หากเปลี่ยนมาเป็นนักพรตที่มีตบะเป็นเทียนจุนขั้นสมบูรณ์แบบก็ยังต้องมีจุดจบที่ไม่ต่างกัน

ต้องรู้ว่าพลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ต่อให้เป็นในบรรดาเทียนจุนด้วยกันก็ยังถือเป็นลำดับต้นๆ ไม่ด้อยไปกว่าใคร แล้วนี่แม้แต่ร่างกายเขาปลาลูกธนูยังทะลวงผ่านไปได้ ก็ยิ่งไม่ต้องไปพูดถึงคนอื่นเลย

ทว่าชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเตรียมจะถอดใจอย่างจำยอมนั้นเอง จู่ๆ ดวงตาของเขากลับเป็นประกายวาบ

เพราะเห็นว่าบนธารน้ำแข็งและที่ราบน้ำแข็งที่ก่อนหน้านี้เศษเสี้ยวเรือนกายของฮวาฮวาร่วงกราวลงไป เวลานี้ได้มีบุปผาจันทรานับไม่ถ้วนพากันเบ่งบาน!

เมื่อดอกไม้บานสะพรั่ง บุปผาจันทราเหล่านั้นก็เติบโตและแผ่ปกคลุมไปทั่วด้วยความเร็วที่มิอาจจะจินตนาการได้ถึง ขณะเดียวกันพื้นที่ราบทั้งผืนก็เริ่มละลายอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า!

หากเป็นเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า ทว่าบุปผาจันทราที่ร่วงลงไปบนธารน้ำแข็งกลับแผ่รากกระจายไปทั่วธารน้ำจนกลายมาเป็นตาข่ายยักษ์แน่นหนาซึ่งขัดขวางการบินขึ้นมาของปลาลูกธนู หากจำนวนของตาข่ายพวกนี้ไม่มากพอก็คงห้ามการกระโจนของพวกปลาลูกธนูไม่ได้ ทว่า…บุปผาจันทรามีมากเกินไป ยามนี้มันแผ่คลุมไปทั่วโลกทั้งใบ ทั้งยังลุกลามต่อเนื่อง ผลิบานงอกงามไม่หยุด พอน้ำแข็งละลาย ในธารน้ำแข็งจึงแทบจะถูกอัดแน่นไปด้วยบุปผาจันทรา…

ตาข่ายยักษ์ที่เกิดจากการถักทอกันของรากพวกนั้นถี่ยิบแน่นขนัด ทับซ้อนกันหลายชั้นจนนับไม่ถ้วน ภายใต้การสกัดขวางนี้ ปลาลูกธนูที่สามารถบินออกมาได้ยิ่งลดน้อยลงไปเรื่อยๆ จนดูเหมือนว่าธารน้ำแข็งทั้งผืนถูกปิดตาย!

ยังไม่สิ้นสุด เมื่อปิดตายธารน้ำแข็งได้แล้ว บุปผาจันทรายังระเบิดพลังการดึงดูดไอเย็นของที่นี่ออกมาเป็นวงกว้าง เพราะแม้ว่าพื้นที่ราบน้ำแข็งจะหายไป ทว่าไอความเย็นที่มีอยู่ในธารน้ำแข็งก็มีอยู่ในร่างของปลาลูกธนูเหมือนกัน!

เหมือนเบื้องใต้ธารน้ำแข็งมีเตาไฟขาดใหญ่ ขณะที่ธารน้ำแข็งเริ่มเปลี่ยนมาเป็นกระแสความร้อน…ปลาลูกธนูแต่ละตัวที่อยู่ด้านในก็อึ้งงันกันไปหมดแล้ว…

ไม่นานภายใต้อาการปากอ้าตาค้างของทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนและเด็กชายที่อยู่บนท้องฟ้า ปลาลูกธนูที่เดิมทีพากันบินออกมาต่อเนื่องก็ลดจำนวนลงฮวบฮาบ พอถึงท้ายที่สุดก็…ไม่เหลือแม้แต่ตัวเดียว!

ไม่นานนัก ธารน้ำแข็งก็ไม่เหลือไอเย็นอีกต่อไป ปลาลูกธนูก็หายเกลี้ยง…แม้แต่โลกอันเป็นที่ตั้งของด่านที่ยี่สิบเอ็ดนี้ก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นร้อนระอุอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…

“ฮวาฮวา เจ้าร้ายกาจมากเลย…” ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจดังเฮือก อดที่จะกำหมัดชกลมอย่างฮึกเหิมไม่ได้

“จันทราเซียน!!! จะเป็นไปได้อย่างไร ต่อให้เป็นตอนที่โลกแห่งเซียนยังคงอยู่ จันทราเซียนก็คือของวิเศษที่แทบจะสูญพันธ์ไปแล้ว ในตำนานบอกว่าเงื่อนไขที่จันทราเซียนจะยอมรับใครสักคนเป็นนายเข้มงวดยิ่ง ต้องเป็นคนที่บริสุทธิ์ผุดผ่องเท่านั้นถึงจะได้ ทำไมเจ้าคนขี้โกงไร้ยางอายสมควรตายผู้นี้ถึงมีคุณสมบัติที่ทำให้จันทราเซียนรับเป็นนายได้!!”

ดวงตาของเด็กชายที่อยู่บนท้องฟ้าแทบจะถลนออกมาจากเบ้า จิตใจของเขาใกล้แหลกสลายเต็มที ทั้งๆ ที่เรื่องกำลังจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว แต่ทุกอย่างกลับต้องมาพังพินาศเพราะการปรากฏตัวของหญ้าจันทราเซียนในตำนวน

และต่อให้ตอนนี้เด็กชายจะไม่ยินยอมแค่ไหน เขาก็มิอาจทำอะไรได้อีก ได้แต่ทนมองด่านที่ยี่สิบเอ็ดกลายมาเป็นโลกที่ร้อนระอุแผดเผา และนั่นเหมือนจะเป็นการทำลายกฎอย่างหนึ่ง ทำให้เขามิอาจก่อกวนป๋ายเสี่ยวฉุนได้อีกต่อไป และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถือว่าฝ่าด่านไปได้สำเร็จ!

มองแผ่นหลังของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เก็บบุปผาจันทรากลับคืนมาด้วยความรื่นเริงซึ่งถูกนำส่งหายไป มองโลกของที่แห่งนี้ที่เปลี่ยนสภาพไปอย่างสิ้นเชิง เด็กชายก็ถึงกับหลั่งน้ำตา

“เจ้าคนขี้โกงไร้ยางอายสมควรตาย ข้าขอสาบานว่าจะไม่มีทางยอมให้เจ้าทำสำเร็จ จะไม่มีทางยอมให้เจ้ากลายเป็นผู้สืบทอดของผู้บงการ คนอย่างเจ้ามันมีแต่จะสร้างมลทินให้กับเกียรติยศของโลกแห่งเซียนเท่านั้น แล้วข้าก็ยิ่งไม่มีทางให้เจ้ากลายมาเป็นนายของข้า!! นั่นจะเป็นความอัปยศไปชั่วชีวิตของข้า!!”

“ครั้งหน้าที่ฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ ข้าสาบาน!!” เด็กชายที่เป็นวิญญาณวัตถุของซากพัดเล่มนี้เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันเอ่ยคำสาบาน ก่อนที่ร่างของเขาจะค่อยๆ จางหายแล้วหลับสนิทไปอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!