Skip to content

A Will Eternal 1160

บทที่ 1160 บุกออกไป

การกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุนรวดเร็วฉับไวเกินไป เทียนจุนวิเศษกาลนานเพิ่งจะเตรียมส่งข้อความเสียงก็พลันมองเห็นเศษเนื้อก้อนหนึ่งที่แผ่ปราณมหัศจรรย์ขนาดพอๆ กับหัวกะโหลกพุ่งตรงมาหาตน

หลังจากที่เขาอึ้งงันไปครู่หนึ่งก็รีบแผ่อำนาจจิตออกไป หลังจากตระหนักได้ว่านี่คือเนื้อชิ้นหนึ่งของผู้บงการ หัวใจของเขาก็พลันเต้นกระหน่ำ ไม่ได้ส่งข้อความเสียงต่อ แต่เอื้อมมือคว้าเนื้อของผู้บงการก้อนนี้เอาไว้

พอตรวจสอบอย่างละเอียด เทียนจุนวิเศษกาลนานก็สูดลมหายใจเข้าลึกเพื่อข่มกลั้นความตื่นเต้น ครั้นจึงเก็บลงไปอย่างไม่ลังเล เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง สีหน้าของเขาที่มองป๋ายเสี่ยวฉุนก็เริ่มเปลี่ยนมาเป็นปั้นยาก

“ข้าจำได้ว่าตอนนั้นที่เจ้าเอาไป คือกิ้งก่าใหญ่ที่สมบูรณ์แบบตัวหนึ่ง…” ในน้ำเสียงของเทียนจุนวิเศษกาลนานมีความหมายรู้ทันบางอย่างที่บอกไม่ถูก นั่นเป็นเพราะเนื้อก้อนนี้ได้บอกให้รู้อย่างชัดเจนแล้วว่า ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยใช้วิธีทรมานกับกิ้งก่าใหญ่มาก่อน…

“พี่วิเศษกาลนาน เจ้าสายตาเฉียบแหลมจริงๆ มา สามก้อนนี้เจ้าก็เอาไปด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ แล้วจึงหยิบเนื้ออีกสามชิ้นโยนออกไป

ภาพนี้ทำให้เทียนจุนวิเศษกาลนานตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง เขารีบรับเอาไว้ หลังจากตรวจสอบแล้วก็พลันเข้าใจว่า เมื่อรวมเนื้อสี่ก้อนนี่เข้าด้วยกันก็เท่ากับมากถึงสองในสามส่วนของกิ้งก่าใหญ่ทั้งตัว

“เราต่างก็เป็นคนกันเอง เหตุใดยังต้องคิดเล็กคิดน้อยต่อกัน ใช่ไหมล่ะ เจ้าก็รู้ว่าจักรพรรดิเซิ่งบอกไว้แล้วว่าขอแค่หาเจอ ทุกคนก็ล้วนมีคุณความชอบเหมือนกันทั้งหมด”

“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะพวกเจ้าเข้าใจข้าผิด ไม่เปิดโอกาสให้ข้าอธิบายแม้แต่น้อย เรื่องครั้งนี้คือโชควาสนาที่เทียนจุนทุกคนของราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งร่วมมือกันมานะพยายามถึงได้มาครอบครอง”

ป๋ายเสี่ยวฉุนมีสีหน้าจริงจัง ทั้งน้ำเสียงก็ดังกังวานทรงพลัง

“นี่ย่อมไม่ใช่คุณความชอบของข้าป๋ายเสี่ยวฉุนเพียงคนเดียว ดังนั้นทุกคนจึงต้องได้รับความดีความชอบกันอย่างทั่วถึง น้องชายไม่คิดจะฮุบเอาความดีไว้คนเดียว ก้อนเนื้อเมื่อครู่นี้คือขาท่อนล่างของกิ้งก่ายักษ์ พี่วิเศษกาลนานจงรับไว้” ป๋ายเสี่ยวฉุนกล่าวมาถึงตรงนี้ เทียนจุนวิเศษกาลนานก็กระแอมไอหนึ่งที หลังจากชั่งน้ำหนักในใจดีแล้วก็รู้สึกว่าเนื้อก้อนที่ตัวเองได้มาก็คือส่วนหนึ่งของขาท่อนล่างจริงๆ อีกอย่างเขายังรู้สึกด้วยว่าเรื่องแบบนี้ ขอแค่ตนได้มาสักก้อนหนึ่ง ก็ย่อมถือว่าได้ส่วนแบ่งมาแล้ว

“ดังนั้นพวกเราจะทำให้จักรพรรดิเซิ่งผิดหวังไม่ได้เด็ดขาด การปกป้องเรือนกายของผู้บงการถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!” เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าเทียนจุนวิเศษกาลนานเริ่มหวั่นไหวจึงรีบพูดเกลี้ยกล่อม

“อีกทั้งข้ายังคิดมาดีแล้วว่า ก่อนหน้านี้พวกเราเข้าใจผิดกันรุนแรงเกินไป พวกเราควรจะเรียกรวมให้พวกกู่เทียนจวินมาที่นี่ ทุกคนแบ่งกันคนละส่วน แล้วพวกเราก็บุกออกไปพร้อมกัน แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเราทุกคนต่างก็มีคุณความชอบร่วมกันทั้งหมด!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ เทียนจุนวิเศษกาลนานเองก็หันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน เพียงปราดเดียวก็เข้าใจความคิดของอีกฝ่ายได้ทันที

แต่ว่าเรื่องนี้ก็เป็นอย่างที่ป๋ายเสี่ยวฉุนบอกเอาไว้ ซ้ำเวลายังผ่านมานานมากแล้ว ต่อให้เป็นเขาเองก็เริ่มอดทนไม่ไหวแล้วเหมือนกัน จึงพยักหน้ารับแล้วรีบหยิบเอาแผ่นหยกออกมาส่งข้อความเสียงให้กับพวกกู่เทียนจวิน

ช่วงเวลาที่รอกู่เทียนจวินสามคน ป๋ายเสี่ยวฉุนและเทียนจุนวิเศษกาลนานต่างก็รู้ดีว่าสถานที่แห่งนี้อันตรายมากที่สุด ดังนั้นหลังจากที่คนทั้งสองปรึกษากัน จึงไปตามหาหมู่บ้านใกล้ๆ ที่ไม่มีฝุ่น แล้วก็ไม่สนใจด้วยว่าข้างในจะมีอันตรายหรือไม่ เพียงรีบไปซ่อนตัวอยู่ในนั้น รอให้พวกกู่เทียนจวินมาถึง

เวลาไม่นาน เฉินซูเป็นคนแรกที่มาถึง หลังจากกวาดตามองไปรอบด้านแล้วพบอำนาจจิตเสี้ยวหนึ่งที่เทียนจุนวิเศษกาลนานแผ่ออกมา เฉินซูก็ดิ่งเข้าไปในหมู่บ้านทันที ไม่นานก็มาโผล่อยู่เบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน

ยังไม่ทันรอให้เขาเอ่ยคำใด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โยนแขนครึ่งหนึ่งของกิ้งก่ายักษ์ออกมาอย่างใจกว้าง

“พี่เฉิน มา รับไป!”

“ก่อนหน้านี้เป็นเพราะน้องชายอย่างข้าไม่รู้ประสา แต่ว่าพวกเจ้าเองก็วู่วามเกินไป ข้าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ใช่คนที่คิดจะฮุบคุณความชอบไว้เพียงลำพังสักหน่อย” ใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยรอยยิ้มจริงใจ สีหน้าของเฉินซูก็ปั้นยากไม่ต่างจากวิเศษกาลนาน ต่อให้ระหว่างที่เดินทางมาเขาจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ยังปรับตัวไม่ทันอยู่ดี

“มา ตรงนี้ยังมีอีกสามก้อน พี่เฉินเจ้ารับให้ดีล่ะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยิ้มเมตตาหยิบก้อนเนื้อออกมาอีกสามก้อน ส่วนเฉินซูนั้นสูดลมหายใจดังเฮือก ปฏิกิริยาตอบสนองไม่ต่างจากเทียนจุนวิเศษกาลนานในตอนนั้น

เขาหันมามองป๋ายเสี่ยวฉุน แล้วก็หันไปมองเลือดเนื้อกิ้งก่าใหญ่ที่อยู่ในมืออีกที ความรู้สึกมหัศจรรย์ที่แผ่ออกมาจากในนั้นรุนแรงยิ่งกว่าเก่าไม่น้อยเพราะเคยถูกวิญญาณวัตถุดึงเอาปราณของผู้บงการมาก่อน ปราณนี้ทำให้ลมหายใจของเฉินซูถี่รัวเล็กน้อย แล้วก็ไม่สนใจคำพูดป๋ายเสี่ยวฉุนอีกต่อไป เขาเองก็คิดไม่ต่างจากวิเศษกาลนาน ขอแค่ได้ก้อนเนื้อมาไม่กี่ก้อนนี้ก็เพียงพอแล้ว

เมื่อเห็นว่าคนทั้งสองต่างก็ยอมคล้อยตาม ป๋ายเสี่ยวฉุนก็โล่งอกขึ้นมาได้ ทั้งยังรู้สึกลำพองใจไม่น้อย นี่คือวิธีที่เขาคิดได้มาตั้งแต่ตอนแรกแล้ว เมื่อได้ผลลัพธ์เช่นนี้เขาจึงพึงพอใจอยู่มาก

“ซือหม่าอวิ๋นหัวพูดง่ายหน่อย มีแต่กู่เทียนจวินผู้นั้นที่คาดว่าคงไม่พอใจง่ายนัก แต่ข้าก็แบ่งเนื้อของผู้บงการไว้ครบห้าส่วนแล้ว…” ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาบ เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ ครั้นจึงเริ่มพูดคุยกับเฉินซูและวิเศษกาลนาน

เดิมทีคนทั้งสามก็ไม่ได้มีความแค้นอะไรลึกล้ำต่อกันอยู่แล้ว ซ้ำยังเป็นเทียนจุนเหมือนๆ กัน อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนยังเป็นฝ่ายแบ่งคุณความชอบให้ด้วยตัวเอง ในใจของเฉินซูและวิเศษกาลนานย่อมปลอดโปร่งอยู่แล้ว เมื่อพูดคุยกับป๋ายเสี่ยวฉุนจึงค่อยๆ เกิดความเบิกบานอย่างแท้จริง ทัศนคติในใจที่มีต่อป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย

และขณะที่คนทั้งสามคนพูดคุยกันด้วยรอยยิ้มอยู่นั้น ห่างออกไปไกลก็มีเสียงทะยานขยับเข้ามาใกล้ คนทั้งสามหันขวับไปตรวจสอบ ไม่นานหลังจากนั้นกู่เทียนจวินและซือหม่าอวิ๋นหัวก็มาโผล่ในกระท่อมโดยตรง

เพิ่งจะได้พบป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของกู่เทียนจวินก็มีไอสังหารเปล่งวาบ ปรี่ขึ้นหน้าหมายจะลงมือ แต่ยังไม่ทันรอให้เขาทำอะไร ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ใช้ท่าไม้ตายโดยการโยนเนื้อผู้บงการกองใหญ่ออกไปดักหน้าเสียก่อน

กู่เทียนจวินผู้แข็งแกร่ง เมื่อเห็นกองเนื้อของผู้บงการ รวมไปถึงปราณแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากด้านใจก็ใจสั่นเยือกอยู่หลายที ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นถี่กระชั้นเล็กน้อย สะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งทีเก็บเอาเนื้อผู้บงการเหล่านั้นไปจนหมด

“ว่าแล้วว่าเจ้าต้องหวั่นไหว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลำพองใจอยู่กับตัวเอง ก้อนเนื้อเหล่านี้เขาตั้งใจเตรียมไว้เป็นพิเศษ ปราณผู้บงการที่แผ่ออกมาจึงมากกว่าเนื้อก้อนอื่นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อมารวมกัน ประสิทธิผลจึงมากยิ่งกว่าเก่า

“ทุกคนฟังข้าพูดก่อน ตอนนี้การกลับไปอย่างปลอดภัยถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะรีบเอ่ย ขณะเดียวกันก็โยนเนื้อหลายชิ้นไปให้กับซือหม่าอวิ๋นหัวที่ยืนตาเป็นประกายอยู่ข้างๆ

“อีกทั้งครั้งนี้ข้ายังแบ่งกิ้งก่ายักษ์ออกเป็นห้าส่วน ทุกคนต่างก็ได้เหมือนกัน!” ขณะที่คำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนดังก้องอยู่ในกระท่อม ซือหม่าอวิ๋นหัวรีบรับก้อนเนื้อเหล่านั้นมาด้วยดวงตาที่เป็นประกายเล็กน้อย แล้วก็วิเคราะห์ได้ว่าสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดเป็นความจริง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นกู่เทียนจวินก็ยังขมวดคิ้วน้อยๆ แม้เขาจะอยากได้คุณความชอบ แต่ก็รู้ดีว่าหากแบ่งอย่างเท่าเทียมกันแล้วจริงๆ เขาก็ไม่สามารถไปรีดไถมาจากมือของคนอื่นได้อีก

ซ้ำคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเหตุผลอย่างแท้จริง ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่ว่าได้คุณความชอบมากเท่าไหร่ แต่เป็นว่าจะปกป้องคุณความชอบครั้งนี้ไม่ให้เทียนจุนของราชวงศ์จักรพรรดิแสแย่งไปได้อย่างไร

หากเขายังดึงดันจะลงมือ เกรงว่าอีกสามคนที่เหลือก็คงไม่เห็นด้วย เพราะอย่างไรซะในเวลาอย่างนี้ หากยังจะมัวมาต่อสู้กันเอง ก็มีแต่จะลากให้ทุกคนล้มเหลวกันไปหมดเท่านั้น

หลังจากตระหนักได้ถึงจุดนี้ กู่เทียนจวินก็หรี่ตาทั้งคู่ลงมองประเมินป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างละเอียด ในใจเขายอมรับว่าวิธีการนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนเฉียบคมอย่างแท้จริง

ครู่หนึ่งต่อมา กู่เทียนจวินถึงแค่นเสียงเย็น ไม่ได้ลงมือต่อ ถือเป็นการยอมรับในคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนไปโดยปริยาย ส่วนวิเศษกาลนาน เฉินซูรวมถึงซือหม่าอวิ๋นหัวต่างก็ระบายลมหายใจโล่งอก เพราะในความเป็นจริงก็เป็นอย่างที่กู่เทียนจวินวิเคราะห์เอาไว้ หากเขาลงมือตอนนี้ พวกเขาสามคนต้องขัดขวางแน่นอน

“เท่าที่ข้ารู้มา คนเหล่านั้นของราชวงศ์จักรพรรดิแสต่างก็แยกย้ายกันตามหาสหายนักพรตป๋าย ตอนนี้พวกเราไม่ควรแยกกัน ทุกคนอยู่ด้วยกันแล้วร่วมกันฝ่าออกไปด้วยความเร็วที่มากที่สุด ห้ามหยุดแม้แต่นิดเดียว!”

“ถูกต้อง เมื่อทำเช่นนี้ อีกฝ่ายก็จะตั้งตัวไม่ทัน กว่าที่พวกเขาจะมารวมตัวกัน พวกเราก็ฝ่าออกไปนานแล้ว!”

“เวลาไม่คอยใคร อย่ามัวช้าอยู่เลย!” พวกวิเศษกาลนานหันมามองหน้ากัน ก่อนเอ่ยขึ้นเบาๆ กู่เทียนจวินที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับ ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นโล่งใจมากที่สุด พอได้ยินประโยคนี้จึงรีบเห็นด้วยทันที

แล้วก็เป็นเช่นนี้ หลังจากที่คนทั้งห้าวางแผนหาเส้นทางไว้เรียบร้อยก็ระเบิดตบะทั้งหมดออกมาพร้อมกัน ร่ายใช้ความเร็วที่มากที่สุดฝ่าออกไปอย่างพร้อมเพรียงท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว พลังอำนาจที่เกิดจากเทียนจุนทั้งห้าคน ต่อให้เป็นหมู่บ้านประหลาดแห่งนี้ก็ยังไม่กล้าเผยความพิลึกพิลั่นออกมาต่อหน้าพวกเขา ปล่อยให้รุ้งยาวที่จำแลงมาจากคนทั้งห้าแหวกอากาศตรงไปยังทางออก!

ความเร็วนั้นมากจนฟ้าสนั่นดินสะเทือนไปตลอดทาง ต่อให้การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จะดึงดูดความสนใจ ทว่าทุกคนก็ไม่มัวมาสนใจเรื่องพวกนี้อีกแล้ว เพราะหากคิดจะร่ายใช้ความเร็วให้สูงถึงขีดสุด อย่างไรก็ต้องทำให้คลื่นเวทอาคมแผ่ออกมาอยู่แล้ว

ท่ามกลางการห้อทะยาน ความเร็วของคนทั้งห้าก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง คนที่เร็วที่สุดก็คือกู่เทียนจวิน รองลงมาคือเทียนจุนวิเศษกาลนานและป๋ายเสี่ยวฉุน ส่วนเฉินซูและซือหม่าอวิ๋นหัวนั้นออกจะรั้งท้ายช้ากว่าคนอื่นเล็กน้อย

ฟ้าดินสั่นสะเทือน แปดทิศเกริกก้องด้วยเสียงกัมปนาท คนทั้งห้าขยับเข้าไปใกล้ทางออกมากขึ้นเรื่อยๆ ทว่าเวลานี้เอง จู่ๆ ห่างไปไกลก็มีรุ้งยาวสามเส้นบินดิ่งเข้ามาหาพวกเขา

ผู้ที่มาก็คือหยวนเยาจื่อ ซื่อหลิงซ่างเหรินและ…กงซุนหว่านเอ๋อร์!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!