บทที่ 1184 บอกข้ามาว่าเจ้าชื่ออะไร
ประโยคนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนข่มกลั้นมานานมากแล้ว แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะกล้าพูด แต่กระนั้นก็รู้สึกหวั่นใจอยู่ลึกๆ เพราะเจ้าวิญญาณวัตถุนั่นเป็นพวกใจแคบ หากทำให้มันไม่พอใจขึ้นมาย่อมต้องโดนแก้แค้น
ทว่าตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่สนใจอีกแล้ว เขารู้สึกว่าเมื่อตัวเองพลิกกลับบทบาทกลายมาเป็นเจ้านาย ท้องฟ้ากว้างใหญ่ไพศาลก็พลันเปลี่ยนมาเป็นสีครามสดใส และเขาก็สามารถระเบิดพลังอำนาจของความเป็นเจ้านายออกมาได้ตลอดเวลา
เมื่อพูดประโยคนั้นออกไป เขาก็รู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบายไปทั้งกายและใจ ความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนการได้ดื่มน้ำเย็นๆ ในวันที่อากาศร้อนระอุ มันช่างชื่นใจจนเกินจะบรรยาย
“เร็วเข้า ให้ไว ออกมาพบหน้านายท่านป๋ายของเจ้าเดี๋ยวนี้!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดหน้าอย่างเย่อหยิ่ง สะบัดปลายแขนเสื้อเบาๆ แล้วตะโกนดังลั่นอีกครั้ง
เสียงของเขาดังก้องอยู่บนซากพัด บนซี่พัดซี่หนึ่งที่ห่างไปไกล วิญญาณวัตถุน้อยนั่งกอดเข่าเอามือกุมหัวอยู่ตรงนั้น เดี๋ยวๆ ก็คอยทึ้งผมตัวเองแรงๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เมื่อประโยคที่สองของป๋ายเสี่ยวฉุนดังออกมา ต่อให้มันจะไม่เต็มใจแค่ไหน ทว่าก็เหมือนมีพลังเร้นลับอะไรบางอย่างมากระตุ้น จนมันต้องถอนหายใจยาวเหยียดแล้วบินดิ่งเข้ามาหาป๋ายเสี่ยวฉุน
ระหว่างที่บินออกมา หน้าตาที่แท้จริงของเขาก็ค่อยๆ เผยให้เห็น วิญญาณวัตถุน้อยนี้กลายร่างมาเป็นเด็กชายตัวอ้วนจ้ำม่ำผิวขาวอมชมพู ดวงตากลมโตนั้นน่ารักหนักหนา แม้ว่าร่างจะเล็ก แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ทำให้คนมองรู้สึกเอ็นดูชื่นชอบอย่างถึงที่สุด
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองปราดเดียวก็เห็นเจ้าวิญญาณวัตถุน้อย จึงถลึงตาใส่ พอเห็นท่าทางอิดออดของอีกฝ่าย เขาก็แค่นเสียงในลำคอหนึ่งที
เสียงหึที่ดังออกมาจากลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนทำให้วิญญาณวัตถุน้อยตัวสั่น ใบหน้าไร้เดียงสาฉายแววประจบเอาใจ แต่กระนั้นก็ยังดูออกถึงความตื่นเต้นขลาดกลัว รีบก้มหัวคารวะป๋ายเสี่ยวฉุน
“คารวะ..นายท่าน…”
“ข้าเกลียดขี้หน้าเจ้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงริษยาเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ในอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณวัตถุน้อยเป็นแค่จิตสำนึกกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ทว่าตอนนี้ที่ปรากฎตัวอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเป็นหน้าตาที่แท้จริงของอีกฝ่ายซึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก
หน้าตาผิวพรรณที่ขาวนวลอมชมพูของอีกฝ่าย ดูเหมือนจะขาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสายิ่งกว่า…ป๋ายเสี่ยวฉุนเสียอีก
วิญญาณวัตถุน้อยได้ยินป๋ายเสี่ยวฉุนพูดอย่างนี้ก็น้ำตาหล่นทันใด แต่ก็พยายามกลั้นสะอื้นเอาไว้ไม่กล้าพูดอะไรออกมา เขากลัวจริงๆ นี่นา ก่อนหน้านี้เขาล่วงเกินป๋ายเสี่ยวฉุนไว้มากจริงๆ …
“นายท่าน…ข้า…” วิญญาณวัตถุน้อยสูดลมหายใจเข้าลึก เตรียมจะพูดเอาใจ แต่ยังไม่ทันเอ่ยจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับกระแอมออกมา ดวงตาโชนแสงลุกเรืองกวาดมองวิญญาณวัตถุน้อยตั้งแต่หัวจรดเท้า
“ใช่แล้ว ตอนนี้เจ้าจงบอกนายท่านอย่างข้ามาสิว่าเจ้าชื่ออะไร?” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหึหึ เขามีการคาดการณ์เกี่ยวกับเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว เวลานี้จึงรอฟังด้วยความฮึกเหิม
ทว่าวิญญาณวัตถุน้อยกลับหน้าเปลี่ยนสีไปทันใด เหมือนคนกลืนอาหารไม่ลงคอ ยืนหน้าตาเหยเกอยู่พักใหญ่ถึงได้เอ่ยอึกๆ อักๆ ออกมาหนึ่งประโยค
“ข้า…ข้าชื่อ…เสี่ยวชือ”
ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังมาถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะด้วยความลำพองใจไม่ไหว เอามือไพล่หลังเชิดคางขึ้นแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง
“ข้าหมายถึงว่าเจ้าแซ่อะไร พูดให้ดังๆ หน่อย บอกชื่อแซ่ของเจ้ามาให้ครบ!”
“ข้าแซ่เสี่ยว…” วิญญาณวัตถุน้อยพูดเบาๆ หน้าละห้อย
“หลังจากนี้ไปเจ้าแซ่ป๋าย มาๆๆ พูดให้ดังๆ หน่อยสิ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนถลึงตาใส่อีกฝ่าย แต่ในใจเบิกบานดุจดอกไม้สะพรั่งนานแล้ว ทั้งยังเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ
“ข้า…แม่งเอ๊ย ข้าผู้อาวุโสแซ่ป๋ายแล้วจะทำไม ข้าชื่อป๋ายเสี่ยวชือ!!”
วิญญาณวัตถุน้อยอึกๆ อักๆ อยู่พักใหญ่ พอได้ยินเสียงหัวเราะและเห็นสีหน้าชั่วร้ายของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็แผดเสียงตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล
ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ยินมาถึงตรงนี้ ในที่สุดความขุ่นเคืองในใจก็ถูกระบายออกไปไม่น้อย หันไปแค่นเสียงหึในป๋ายเสี่ยวชืออีกสองที แล้วจึงเอามือไพล่หลังสาวเท้าเดินนำไปข้างหน้า
“ป๋ายเสี่ยวชือ มาๆๆ มาแนะนำซากพัดเล่มนี้ให้นายท่านของเจ้าฟังหน่อยสิ” ป๋ายเสี่ยวฉุนกระแอมไอ ก่อนจะเรียกชื่อของวิญญาณวัตถุน้อยด้วยความพึงพอใจ
“หึ ใครใช้ให้ก่อนหน้านี้มาล่วงเกินข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนอารมณ์เบิกบานสุดๆ ทว่าวิญญาณวัตถุน้อยกลับหน้าม่อยคอตก หลั่งน้ำตาอยู่ในใจ นี่คือภาพเหตุการณ์ที่เขาไม่ต้องการเผชิญมากที่สุด และในความเป็นจริงแล้วหลังจากที่เอ่ยคำสาบานออกไปด้วยความวู่วาม แล้วได้เห็นว่าป๋ายเสี่ยวฉุนผ่านด่านอย่างต่อเนื่อง เขาก็หวาดกลัวอย่างถึงที่สุด กลัวว่าวันหนึ่งตนต้องเปลี่ยนแซ่…
แต่สุดท้ายแล้วเคราะห์กรรมครั้งนี้ก็ไม่อาจหลีกหนีได้พ้น เวลานี้จึงได้แต่ถอนหายใจยาวเหยียด แม้ใจจะเศร้าระทม แต่ก็ยังยอมแนะนำซากพัดเล่มนี้ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฟังอย่างว่างาย เพียงแต่ลึกๆ ในใจกลับคิดว่าจะอธิบายแบบลวกๆ เท่านั้น แต่เขาประเมินป๋ายเสี่ยวฉุนต่ำไป เพราะป๋ายเสี่ยวฉุนแค่หันหน้ากลับมามองก็เดาความคิดของวิญญาณวัตถุน้อยได้ทันที
“ป๋ายเสี่ยวชือ เจ้าจงตั้งใจทำงานให้ดี ไม่แน่ว่าวันไหนนายท่านอย่างข้าอารมณ์ดีอาจจะยอมให้เจ้าเปลี่ยนแซ่กลับก็เป็นได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนขยิบตา
พอวิญญาณวัตถุน้อยได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาก็แดงก่ำ ลมหายใจเปลี่ยนมาเป็นหอบกระชั้น ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาเล่นงานป๋ายเสี่ยวฉุนอาจดูเฉลียวฉลาด แต่ในฐานะที่เป็นวิญญาณวัตถุ เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนกลายมาเป็นเจ้านายของเขาแล้ว เขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงใดให้แข็งข้อกับอีกฝ่ายได้อีก
ต่อให้ตอนนี้เขาจะไม่เชื่อในคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนสักเท่าไหร่ แต่ลึกๆ ในใจก็อดคิดตามไม่ได้ว่า ไม่แน่วันไหนวันหนึ่งป๋ายเสี่ยวฉุนอาจเกิดใจเมตตายอมให้ตนเปลี่ยนกลับมาใช้แซ่เดิมก็เป็นได้
พอคิดอย่างนี้เขาก็รู้สึกเหมือนมีแรงมากระตุ้นให้กับชีวิตใหม่อีกครั้ง เมื่อเอ่ยปากแนะนำจึงดูตั้งใจกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อย
“นายท่าน บนซากพัดเล่มนี้ ตอนนี้มีซี่พัดทั้งหมดหนึ่งร้อยแปดซี่ ทรัพยากรในด่านของทุกซี่พัด ขอแค่นายท่านต้องการ มันก็จะมาปรากฏอยู่ตรงหน้าท่านทันที”
“แต่ว่ามีแค่ของรางวัลเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ ส่วนของที่อยู่ในด่านไม่อาจทำเช่นนั้นได้ เพราะจำเป็นต้องใช้ร่วมกันทุกด่าน…ดังนั้นหากต้องการวิญญาณ นายท่านก็เลิกคิดเถอะ…”
“อีกอย่าง เมื่อกลายมาเป็นนายของซากพัดแล้ว นายท่านสามารถไปทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายของใต้เท้าผู้บงการได้ตลอดเวลา และหากว่ากันในบางระดับแล้ว ขอแค่ตบะของนายท่านมีมากพอ ท่านก็สามารถควบคุมให้พัดเล่มนี้สำแดงพลังสะท้านฟ้าสะเทือนดินได้อย่างไร้ที่สิ้นสุด!”
“พัดเล่มนี้เป็นสมบัติแห่งห้วงจักรวาลชิ้นหนึ่งซึ่งหาได้ยากยิ่ง อยู่เหนือกว่าสมบัติแห่งโลก สามารถทะยานไปท่ามกลางห้วงจักรวาล ขณะเดียวกันก็สามารถระเบิดวิชาอภินิหารน่าครั่นคร้ามที่ทำให้ทั้งเทพและภูตผีหลั่งน้ำตา!”
“ซึ่งวิชาอภินิหารของมันหลักๆ จะอยู่บนหน้าพัด…”
ฟังคำแนะนำจากวิญญาณวัตถุน้อย ใจป๋ายเสี่ยวฉุนก็ล่องลอย เขารู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจยิ่งนักที่จัดการกับเจ้าวิญญาณวัตถุน้อยได้โดยที่ไม่ต้องเปลืองแรงแม้สักกะผีก
“นี่เขาเรียกว่ามีทั้งพระเดชและพระคุณในคราวเดียวกัน!” ท่ามกลางความลำพองใจ ป๋ายเสี่ยวฉุนรับฟังคำแนะนำของวิญญาณวัตถุน้อยพลางเดินไปเบื้องหน้าด้วยอารมณ์ห้าวเหิม วิญญาณวัตถุน้อยที่อยู่ข้างกันก็พูดจ้อไม่หยุดปาก ทั้งยังคอยสังเกตสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นระยะ หากป๋ายเสี่ยวฉุนทำสีหน้าคิดลึกขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็จะรีบอธิบายอย่างละเอียดทันที ที่เกินจริงที่สุดก็คือ พอป๋ายเสี่ยวฉุนเดินไปได้พักหนึ่ง เจ้าวิญญาณวัตถุน้อยนี่ยังถึงกับลอยมาบีบนวดไหล่ให้เขาอีกด้วย…
สีหน้าประจบเอาใจบวกกับท่าทางว่าง่ายน่าเอ็นดูของอีกฝ่าย ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจด้วยความปลงอนิจจังอยู่หลายครั้ง
ขณะที่รับฟังคำบรรยายจากวิญญาณวัตถุน้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เงยหน้ามองตามไป ก่อนหน้านี้เขาได้แต่มองมาจากที่ไกลๆ เท่านั้น เวลานี้ได้มายืนอยู่ตรงสุดปลายทางของซี่กระดูก เมื่อมองไปข้างหน้าจึงเหมือนว่าตัวเองมาเดินอยู่บนหน้าพัดแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นแม่น้ำสายนั้น หรือยอดเขาสูงที่ห่างไปไกล ไม่มีสิ่งใดที่ในนาทีนี้ไม่แผ่ริ้วคลื่นแห่งการขานรับ รวมไปถึงเรือน้อยที่อยู่ในแม่น้ำและคนสองคนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่ในเรือ ตำหนักที่ล่องลอยอยู่ในแม่น้ำ แม้กระทั่ง…มือใหญ่ของผู้บงการที่อยู่บนท้องฟ้าซึ่งทำท่าจะเอื้อมลงมาคว้า
เมื่อทั้งหมดนี้มาปรากฏอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำให้จิตวิญญาณของเขาบังเกิดอารมณ์ห้าวเหิมโหมแรง
“หลักๆ แล้วคือขอแค่ตบะของนายท่านมีมากพอก็จะสามารถดึงเอาทุกอย่างที่อยู่บนหน้าพัดออกมาได้ อย่างเรือน้อยลำนั้นที่เป็นสมบัติแห่งโลกชิ้นหนึ่ง ส่วนคนสองคนที่อยู่บนเรือก็เป็นทาสบุพกาล!”
“ส่วนภูเขาลูกนั้นมีชื่อว่าขุนเขาเป็นตาย ซึ่งจำแลงมาจากต้นกำเนิดเต๋าของใต้เท้าผู้บงการ!”
“แม่น้ำสายนี้ น้ำที่อยู่ด้านในก็ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง ทุกหยดที่หยดลงล้วนสามารถกลายมาเป็นแม่น้ำสายใหญ่เทียมฟ้าได้ทั้งสิ้น”
“นี่ยังไม่สิ้นสุด นายท่าน ท่านยังจำเรื่องที่ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าต้องการแขนของผู้บงการมาเป็นแรงผลักดันได้กระมัง ตอนนี้ได้แขนผู้บงการข้างนี้มาครองแล้ว นายท่านลองผสานรวมอำนาจจิตเข้าไปสัมผัสสักเล็กน้อย ท่านก็จะรู้ได้เอง” จบคำพูดของวิญญาณวัตถุน้อย ด้วยความอยากรู้ ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหลับตาลง ปลดปล่อยอำนาจจิตให้จมจ่อมเข้าไปในซากพัด แล้วไม่นานลมหายใจของเขาก็พลันหอบรัว
เขาค้นพบว่าในอำนาจจิตของตนสามารถสัมผัสได้ว่าในห้วงอวกาศที่ห่างไปไกลแสนไกล เหมือนจะมีซากพัดอีกเล่มหนึ่งกำลังบินตรงมาทางนี้!
“ซากพัดอีกครึ่งหนึ่ง!” ป๋ายเสี่ยวฉุนลืมตาโพลง ร้องอุทานเสียงหลง
“ใช่แล้ว คือซากพัดอีกครึ่งหนึ่ง หากเป็นไปตามความเร็วในตอนนี้ อีกไม่นานเท่าไหร่ ซากพัดทั้งสองคงจะปะทะเข้าด้วยกัน และเมื่อผสานรวมกันแล้ว มันก็จะกลายมาเป็นพัดเล่มที่สมบูรณ์!” วิญญาณวัตถุน้อยเองก็รับคำด้วยความตื่นเต้น
“ซากพัดแค่ครึ่งเดียวยังร้ายกาจขนาดนี้ แล้วถ้าเป็นพัดแห่งจักรวาลที่สมบูรณ์แบบล่ะ…ใครจะกล้ามาแหยมกับข้า!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ก็พลันฮึกเหิม