บทที่ 1185 ค้นและกวาดทรัพย์สิน
หลังจากที่วิญญาณวัตถุน้อยบรรยายสรรพคุณมากมายของซากพัด ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้ทดลองขึ้นไปยืนอยู่บนเจดีย์สูงตรงยอดเขาเพื่อรับสัมผัสกับต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายของผู้บงการ
เจดีย์สูงบนยอดเขาที่อยู่ในซากพัดมีด้วยกันทั้งหมดเก้าชั้น
ชั้นที่สูงที่สุดก็คือที่ตั้งของต้นกำเนิดเต๋าเป็นตาย เพียงแต่ว่าด้วยตบะของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ทำให้เขาไม่สามารถขึ้นไปยังชั้นสูงสุดได้ ได้แต่ฝึกตนอยู่ในชั้นที่สี่เท่านั้น ทว่าการฝึกตนอยู่ที่นี่กลับเร็วกว่าตอนอยู่โลกภายนอก ขนาดดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ไม่มีทางเทียบที่นี่ได้ติด ป๋ายเสี่ยวฉุนแค่นั่งเข้าฌานหนึ่งก้านธูปก็รู้สึกร้อนแผดเผาไปทั้งร่าง เมื่อถูกกระตุ้นจากต้นกำเนิดเต๋าเป็นตาย พลังตบะก็เพิ่มขึ้นพรวดราวกับฝึกตนมาหนึ่งเดือนเต็ม
“ที่นี่มันสถานที่วิเศษในการฝึกตนชัดๆ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นขึ้นมาโดยพลัน วิญญาณวัตถุน้อยที่อยู่ข้างๆ ก็รีบเอ่ยประจบเอาใจ
“นายท่าน รอท่านเป็นเทียนจุนช่วงท้ายเมื่อไหร่ก็จะสามารถเข้าไปในชั้นที่ห้าได้แล้ว หากเป็นบุพกาล ก็จะได้เข้าไปยังชั้นที่สูงที่สุด ยิ่งขยับเข้าใกล้ต้นกำเนิดเต๋าเป็นตายมากเท่าไหร่ ความเร็วในการฝึกตบะก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น!” คำพูดของวิญญาณวัตถุน้อยยิ่งทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนฮึกเหิม หลังจากฝึกตนอยู่ที่นี่พักหนึ่งเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าตบะและพลังการต่อสู้ของตนแข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้อยู่มาก นั่นถึงทำให้เขาไปจากเจดีย์สูงด้วยความพึงพอใจ
หลังจากเดินเตร็ดเตร่อยู่ในซากพัดครบหนึ่งรอบ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แผ่พลังตบะออกไป ทดลองที่จะให้ตัวเองควบคุมซากพัด ควบคุมภาพที่อยู่บนหน้าพัด พยายามให้มันจำแลงกลายมาเป็นวิชาอภินิหาร
น่าเสียดายที่ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะทดลองอย่างไรก็ไม่สามารถเขย่าคลอนภูเขาลูกนั้นหรือแม่น้ำสายนั้นได้ เห็นได้ชัดว่าตบะของเขายังไม่มากพอให้ประคับประคอง แต่ดูเหมือนว่าเรือลำน้อยที่ลอยอยู่บนแม่น้ำจะไม่ต้องการตบะสูงเท่าใดนัก ภายใต้การทดลองของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาจึงค้นพบว่าแม้ตนจะไม่สามารถทำให้เรือลำนั้นจำแลงออกมาได้ แต่กลับทำให้เรือลำนั้นสั่นสะเทือนอยู่สองสามที โดยเฉพาะสองคนที่นั่งเล่นหมากรุกอยู่บนลำเรือที่ร่างสั่นเทาน้อยๆ ท่ามกลางอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุน
แม้ว่าจะทำได้แค่นั้น แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับพอใจมากแล้ว เขายืนอยู่บนซากพัด ความรู้สึกที่ได้กลายเป็นนายของที่แห่งนี้ ทำให้อารมณ์ของเขาแจ่มใสงดงาม โดยเฉพาะเมื่อคิดถึงสมบัติและยาที่อยู่บนซากพัดเล่มนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งตื่นเต้น เมื่อแผ่อำนาจจิตออกไป ยาจำนวนมากก็ปรากฎขึ้นมาจากอากาศรอบด้านแล้วตรงดิ่งเข้ามาหาเขาทันที
ขณะเดียวกันป๋ายเสี่ยวฉุนก็คิดไปถึงด่านมหัศจรรย์ต่างๆ ที่พบเจอตลอดทางที่ผ่านมา อย่างด่านของเผ่าโอสถดำ อย่างโลกที่เต็มไปด้วยวิญญาณ ดังนั้นเขาจึงขยับร่างหายวับไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในด่านของเผ่าโอสถดำแล้ว
ก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถเข้ามาได้ ทว่าตอนนี้กลับเข้าออกได้ตามใจชอบ แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏตัว เผ่าโอสถดำที่อยู่ในด่านนี้ก็สัมผัสได้ทันที เมื่อได้เห็นเงาร่างที่เป็นดั่งฝันร้ายในใจของพวกเขาปรากฏตัว คนของเผ่าโอสถดำก็พากันกรีดร้องขึ้นมาเสียงหลง
“สวรรค์ เป็นเขา ดาวหายนะของเผ่าโอสถดำเรา!!”
“เป็นไปไม่ได้ เขาเข้ามาอีกได้อย่างไร พวกเราขับไล่เขาออกไปได้แล้วไม่ใช่หรือ!”
เผ่าโอสถดำตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นว่าเป็นเช่นนี้ก็แหงนหน้าหัวเราะร่า ขยับร่างตรงดิ่งไปยังถิ่นที่อยู่ของเผ่าโอสถดำ สำหรับกลุ่มชนเผ่าที่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยาเผ่านี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่คิดจะปล่อยไปง่ายๆ ดังนั้นพอกลับเข้ามาอีกครั้ง เขาก็อาศัยบารมีสยบขยัญ อาศัยอำนาจการควบคุมของตัวเองมาทำให้ตลอดทั้งชนเผ่าโอสถดำยอมศิโรราบอย่างง่ายดาย…
รับฟังเงื่อนไขมากมายจากป๋ายเสี่ยวฉุน เผ่าโอสถดำแต่ละคนก็เริ่มหลอมยาให้ป๋ายเสียวฉุนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง…
ยังไม่สิ้นสุด ป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปที่โลกวิญญาณอีกครั้ง ตอนที่กลับออกมาด่านนี้ก็ว่างเปล่าแล้ว วิญญาณทั้งหมดที่ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้เก็บมาครบ ตอนนี้กลับถูกเขากวาดเอามาจนเกลี้ยง ส่วนเรื่องที่วิญญาณวัตถุน้อยบอกป๋ายเสี่ยวฉุนว่าไม่สามารถเอาออกมาได้นั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับคิดว่าแค่ตัวเองเข้าไปเอาออกมาก็ได้แล้ว
วิญญาณวัตถุน้อยที่ติดตามอยู่ข้างกายเขาตลอดเวลาได้แต่มองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างนี้ตาค้าง เขารู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนคล้ายจะคุ้นเคยกับการค้นหาและกวาดทรัพย์สินอยู่มาก หัวใจของเขากำลังหลั่งเลือด แต่ภายนอกกลับไม่กล้าแสดงออก ได้แต่มองป๋ายเสี่ยวฉุนตาปริบๆ
“อย่ามามองข้าแบบนี้นะ วิญญาณพวกนั้นปล่อยไว้เฉยๆ ก็เสียเปล่า ในฐานะที่ข้าเป็นเจ้าของพัดเล่มนี้จะไม่มีทางปล่อยให้วิญญาณพวกนั้นมาเผาผลาญพลังวิญญาณที่เป็นของพัดวิเศษเล่มนี้ไปอย่างสิ้นเปลืองเด็ดขาด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ หนึ่งที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จากนั้นก็ละความสนใจจากวิญญาณวัตถุน้อยแล้วจึงเริ่มนั่งเข้าฌาน อาศัยยาที่ได้จากซากพัดมาฝึกตน
เวลาล่วงเลยผ่านไป ไม่นานก็ผ่านไปได้ครึ่งเดือน ครึ่งเดือนมานี้ เนื่องจากป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งได้กลายมาเป็นนายของซากพัด พละกำลังของเขาจึงล้นเหลือและเปี่ยมล้นไปด้วยความฮึกเหิม หลังจากที่ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพของพัดวิเศษอย่างต่อเนื่อง เวลาอื่นๆ หากไม่ใช่ฝึกตนเขาก็ใช้หมดไปกับการศึกษาไฟยี่สิบสามสี
เพราะอย่างไรซะเขาในเวลานี้ก็มีจำนวนวิญญาณอยู่ในถุงเก็บของไม่มากนัก แต่ก็มากพอที่จะสร้างไฟหลายสีได้ในเวลาสั้นๆ ในด้านการศึกษาและความเข้าใจที่มีต่อไฟยี่สิบสามสีก็พัฒนาไปไม่น้อย ดังนั้นในช่วงเวลาเหล่านี้ บางครั้งป๋ายเสี่ยวฉุนก็เอามาทดลองหลอมไฟ แม้ว่าจะล้มเหลวทั้งหมด แต่ทุกครั้งที่ล้มเหลว ป๋ายเสี่ยวฉุนจะต้องขบคิดใคร่ครวญถึงปัญหา เขามีความมั่นใจว่าใช้เวลาอีกไม่นานเท่าไหร่ ตนต้องสามารถหลอมไฟยี่สิบสามสีออกมาได้แน่นอน
และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจมจ่อมอยู่กับการฝึกตนและการควบคุมซากพัด ในนครจักรพรรดิแสก็ได้เกิดเรื่องใหญ่สะท้านฟ้าสะเทือนดินสำหรับนักพรตโลกทงเทียนขึ้น
ประหนึ่งความสงบก่อนที่พายุฝนจะมาเยือน ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นจักรพรรดิแสหรือองค์ชายใหญ่ต่างก็เก็บตัวเงียบ จักรพรรดิแสปิดด่าน องค์ชายใหญ่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีความสนใจใดๆ ต่อป๋ายเสี่ยวฉุนจึงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมกว่าเวลาปกติ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว…องค์ชายใหญ่ที่อยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิแสมีเรื่องที่ใหญ่ยิ่งกว่าให้ต้องทำ เป้าหมายของเขา…ก็คือคนของสำนักธาราเทพทุกคน!
ในราชวงศ์จักรพรรดิแส ต่อให้พวกบุรพาจารย์ธาราเทพจะซ่อนตัวกันเป็นอย่างดีแค่ไหน ต่อให้จางต้าพั่งจะช่วยปกปิดอำพรางเช่นไร แต่เมื่อคนของสำนักธาราเทพมารวมตัวกันอย่างต่อเนื่อง การมีตัวตนอยู่ของพวกเขาจึงถูกเปิดโปงในที่สุด!
ก่อนหน้านี้ไม่มีคนมาจัดการกับคนของสำนักธาราเทพก็เพราะว่าทุกอย่างยังอยู่ในการควบคุม ทว่าตอนนี้ความอดทนขององค์ชายใหญ่ไม่เหลือแล้ว หลังจากที่เขาชุบหลอมร่างจักรพรรดิขุยให้กลายมาเป็นแขนของตัวเอง และทดลองหลอมพลังจิตแต่กลับพบว่าทุกอย่างยังคงล้มเหลว องค์ชายใหญ่ก็เริ่มคลุ้มคลั่ง เขามีความกระหายใคร่ต่อสายเลือดหลอมพลังจิตสูงถึงขีดสุด ดังนั้นหลังจากที่เตรียมการอยู่หลายเดือน เขาจึงทำการล้อมจับคนของสำนักธาราเทพครั้งใหญ่!
หากไม่ลงมือก็ยังว่าไปอย่าง แต่พอลงมือก็เหมือนสายฟ้าฟาด หากอยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่ง บางทีองค์ชายใหญ่อาจทำไม่ได้ถึงขั้นนี้ แต่ที่นี่คือราชวงศ์จักรพรรดิแส เรื่องแบบนี้ หากเขาคิดจะทำก็ง่ายดายอย่างยิ่ง
เขายังถึงขั้นเชิญให้เทียนจุนหลายท่านลงมือร่วมกัน เมื่อเป็นเช่นนี้ ทุกคนของสำนักธาราเทพจึงไม่อาจต่อกรได้ ทั้งยังไม่ทันต่อต้านและดิ้นรนก็ถูกองค์ชายใหญ่จับตัวไปทั้งเป็นครบทุกคน!!
พอเรื่องนี้แพร่ออกไปก็สร้างความครึกโครมให้กับทั้งราชวงศ์จักรพรรดิแส คนจำนวนนับไม่ถ้วนจิตใจสั่นสะท้าน ขณะเดียวกันเรื่องหนึ่งที่ทำให้พวกเขาสะเทือนขวัญยิ่งกว่าก็คือองค์ชายใหญ่ประกาศว่าเขาจะสร้างค่ายกลชุบหลอมแห่งหนึ่งไว้บนพื้นที่ราบนอกนครจักรพรรดิแส และเขาจะชุบหลอมนักพรตโลกทงเทียนในค่ายกลแห่งนี้ ไม่เพียงแต่คนของสำนักธาราเทพเท่านั้น ยังรวมไปถึงพวกนักพรตโลกทงเทียนที่อยู่ในนครจักรพรรดิแสอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งรวมกันแล้วก็มีมากหลายแสนคน
คนเหล่านี้ต่างก็ถูกปิดตายอยู่ในค่ายกล เมื่อค่ายกลเคลื่อนโคจร พวกเขาก็จะถูกชุบหลอมออกมาเป็นสายเลือด แม้ว่าองค์ชายใหญ่จะไม่ได้นั่งเฝ้าบัญชาการณ์ด้วยตัวเอง แต่เขากลับเชิญตัวเทียนจุนปฐพีพินาศและซื่อหลิงซ่างเหรินมาสองคน ให้เทียนจุนสองท่านนี้เป็นผู้ควบคุมค่ายกล
เรื่องนี้สร้างความครึกโครมไปแปดทิศ ต่อให้เป็นคนในราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งก็ยังรู้เรื่อง ส่วนนักพรตโลกทงเทียนที่กระจายตัวกันอยู่ข้างนอกซึ่งพอได้ยินเรื่องนี้ก็เดือดดาลคลั่งแค้น!
“องค์ชายแส!!” ซ่งเชวียที่เดินทางมายังนครจักรพรรดิแสเพื่อจะมารวมตัวกับคนของสำนักธาราเทพได้ยินเรื่องนี้ขณะที่ยังอยู่ห่างจากนครจักรพรรดิแสอีกระยะหนึ่ง พอทราบเรื่องตบะทั้งร่างของเขาก็ระเบิดครืนครั่น ดวงตาฉายแววบ้าคลั่งและปราณสังหาร
หลายปีมานี้ เขาที่มีประสบการณ์ดั่งหมาป่าเดียวดายผ่านการเข่นฆ่าสังหารจนมือเปื้อนเลือดคนนับไม่ถ้วน ทั้งยังเลือกลงมือสังหารอย่างเฉียบขาดเพื่อแลกเปลี่ยนมาด้วยทรัพยากรในการฝึกตนที่ตัวเองต้องการ ตอนนี้ตบะของเขาฝ่าทะลุนานแล้ว ไม่ได้เป็นก่อกำเนิดอีกต่อไป แต่เป็นคนฟ้าช่วงท้าย!
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ช่วงท้าย ทว่าหากเขาแผ่ปราณเหี้ยมกระหายออกมาเมื่อไหร่ เขาก็มั่นใจว่าจะต่อสู้กับครึ่งเทพได้!
นี่ก็คือวิถีแห่งการเข่นฆ่าที่เขาบรรลุมาท่ามกลางการฝึกตน เขาเดินมาสุดปลายทางของเส้นทางสายนี้แล้ว และเวลานี้ร่างทั้งร่างที่เป็นเหมือนกระบี่แหลมคมอาบเลือดซึ่งถูกชักออกจากฝักของเขาก็กำลังทะยานดิ่งเข้าไปยังนครจักรพรรดิแส
และเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่บนซากพัดก็หลอมไฟยี่สิบสามสีออกมาในสำเร็จ เขาที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจจึงยุติการปิดด่านครั้งนี้ลง เมื่อกลับมาถึงห้องลับของสถานทูตใหญ่ในราชวงศ์จักรพรรดิแส แผ่นหยกส่งข้อความเสียงของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาทันควัน
ตอนที่อยู่บนซากพัด เนื่องจากห่างไกลเกินไป แผ่นหยกส่งข้อความเสียงจึงเหมือนถูกตัดขาด ยามนี้กลับมาแล้ว การส่งข้อความเสียงทั้งหมดจึงระเบิดปะทุ แรงสั่นที่สะเทือนรุนแรงแบบนั้นทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนหน้าเปลี่ยนสี ใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ลางสังหรณ์ร้ายทำให้เขาตึงเครียดอย่างช่วยไม่ได้ รีบหยิบแผ่นหยกส่งข้อความเสียงออกมาแล้วกวาดอำนาจจิตออกไปอย่างรวดเร็ว
ซึ่งข้อความเกือบทั้งหมดล้วนมาจากจางต้าพั่ง!!