บทที่ 1204 ข้าต้องการ ท้ารบเจ้า!
เทียนจุนสองท่านทะยานเข้ามาด้วยเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น พลังอำนาจสั่นคลอนแปดทิศ เป็นเหตุให้ลมและเมฆเปลี่ยนสี ไอหมอกบนท้องนภาซัดตลบอบอวล พื้นดินก็ยิ่งมีลมพายุหมุนคว้าง พลังอำนาจเช่นนี้ตรงเข้าไปชักนำความคิดของคนหลายล้านที่อยู่เบื้องล่าง ก่อกลายมาเป็นคลื่นกระเพื่อมที่น่าตะลึง!
มองไกลๆ ท้องฟ้าก็ราวกับถูกฉีกกระชาก ปราณที่เกิดจากความเร็วของเทียนจุนจักษุไพศาลคล้ายจะเข้ามาแทนที่ท้องฟ้า กดกำราบทุกสิ่งอย่าง!
ส่วนเทียนจุนเริ่นหลิงที่แม้ว่าพลังอำนาจจะอ่อนด้อยกว่านิดหน่อย ทว่าปราณดุร้ายที่แผ่ออกมาจากร่างของนางกลับเหนือกว่าจักษุไพศาล เห็นได้ชัดว่าหากพูดกันถึงในเรื่องของความอำมหิตและการสังหารแล้ว เทียนจุนเริ่นหลิงผู้นี้นับเป็นตัวต้นๆ ของราชวงศ์จักรพรรดิแส!
บัดนี้คนทั้งสองร่วมมือกันก็ทำให้พลังอำนาจยิ่งดุดันเหี้ยมหาญ ราวกับว่าทุกสิ่งกีดขวางที่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าพวกเขาก็จะต้องสิ้นราบเป็นหน้ากลอง พังภินท์ไม่มีเหลือ!
ทันใดนั้นในนครหินยักษ์ก็มีเสียงไชโยโห่ร้องดังกรูเกรียว พวกนักพรตของราชวงศ์จักรพรรดิแสฮึกเหิมอย่างถึงที่สุด เสียงที่พวกเขาโห่ร้องก็ยิ่งดังเอ็ดอึงไปแปดทิศ
“เทียนจุนใหญ่ทั้งสองท่านลงมือ ราชาทงเทียนผู้นี้ต้องตายแน่!”
“ฮ่าๆ กะอีแค่เทียนจุนกระจอกๆ จากโลกทงเทียน ไม่สมควรให้จักรพรรดิแสของพวกเราต้องลงมือเองด้วยซ้ำ แค่เทียนจุนสองท่านนี้ก็นับว่าประเมินเขาสูงมากพอแล้ว!”
“ลำพังเพียงแค่เทียนจุนจักษุไพศาลคนเดียวก็มากพอจะทำให้เจ้าป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้กุมหัววิ่งพล่านเหมือนหนูได้แล้ว!”
ไม่เพียงแต่คนในเมืองเท่านั้นที่คิดอย่างนี้ พวกนักพรตของราชวงศ์จักรพรรดิแสที่มาออกันอยู่นอกเมืองก็รู้สึกเหิมห้าวพอๆ กัน สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็เป็นแค่คนนอก เว้นเสียแต่ว่าเขาจะกลายมาเป็นบุพกาล อาศัยพลังการต่อสู้บดขยี้ทุกสิ่งอย่าง ทำให้ไม่มีใครไม่กล้าก้มหัวให้ หาไม่แล้วก็ไม่สามารถสั่นคลอนความหยิ่งทระนงของนักพรตราชวงศ์จักรพรรดิแสได้เลย
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ใครใช้ให้เจ้าโอหังถึงเพียงนี้ คราวนี้เจ้าตายแน่!!” ตามหลังเสียงหัวเราะสะใจ เสียงพูดทำนองนี้ก็ดังกระหึ่มไปทั่วพื้นดิน
มีเพียงนักพรตของโลกทงเทียนที่ซ่อนตัวปะปนอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้เท่านั้นที่ร้อนใจเกินจะบรรยาย แต่กระนั้นพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่มองจักษุไพศาลและเริ่นหลิงขยับเข้าไปใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความเป็นกังวลอย่างเร้นลึกเท่านั้น
เสียงที่ดังมาจากพื้นดินเบื้องล่าง ป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมต้องได้ยินอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่ยี่หระแม้แต่น้อย ทว่ารอยยิ้มมุมปากกลับยิ่งเยียบเย็น
ก็เหมือนที่พวกเขามองป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนนอก ในสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเอง พวกเขา…ก็เป็นคนนอกเหมือนกัน
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ข้าก็จะทำให้พวกเจ้าสิ้นหวังกับเรื่องที่พวกเจ้าคิดว่าภาคภูมิใจมากที่สุด!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหรี่ตาทั้งคู่ลง เมื่อเผชิญหน้ากับการจู่โจมของสองเทียนจุนใหญ่ เขาไม่แม้แต่จะลุกขึ้นยืนด้วยซ้ำ เพียงแค่ยกมือขวาขึ้น หลังจากปราณของผู้บงการที่อ่อนจางเสี้ยวหนึ่งแผ่ออกมา มันก็ก่อตัวขึ้นกลายเป็นหมัดที่ต่อยโครมออกไป!
หมัดนี้ไม่ใช่หมัดผู้บงการมิดับสูญที่สมบูรณ์แบบ แต่ก็มีความเผด็จการอันเป็นท่วงทำนองแห่งผู้บงการอยู่หลายส่วน เพิ่งจะต่อยออกไป ฟ้าดินก็ส่งเสียงดังสะเทือนเลือนลั่น แม้แต่ความว่างเปล่าเบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังมิอาจทานรับได้ไหวจึงพังครืนลงมา ก่อนจะตามมาด้วยเสียงกัมปนาทที่ดังเกินกว่าอสนีบาต เป็นเหตุให้เสียงกู่ร้องเหิมเกริมของคนหลายล้านคนที่อยู่บนพื้นดินถูกขัดจังหวะลงกลางคัน!
อีกทั้งชั่วขณะที่เสียงไชโยเหล่านั้นถูกกลบทับ ความว่างเปล่าเบื้องหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนที่พังทลายก็ได้แผ่ลามออกไปอย่างบ้าคลั่ง ความเร็วนั้นมีมากจนเพียงแค่ชั่วกะพริบตาก็ตรงเข้าปกคลุมเทียนจุนจักษุไพศาลและเริ่นหลิงแล้ว!
ในความว่างเปล่าที่พังทลายนี้ได้ซุกซ่อนหมัดซึ่งก่อเกิดจากตบะและพลังกล้ามเนื้อของป๋ายเสี่ยวฉุนเอาไว้ ทั้งยังปะปนไปด้วยปราณที่อ่อนจางเสี้ยวหนึ่งของผู้บงการ เมื่อทุกอย่างนี้รวมเข้าด้วยกัน อาจจะไม่ครณามือของบุพกาล แต่สำหรับเทียนจุนแล้ว…นี่คือหายนะที่มิอาจต้านทานได้!!
เทียนจุนจักษุไพศาลเบิกตากว้างทันใด ต่อให้มีตบะและความสุขุมมั่นคงอย่างเขาก็ยังร้องอุทานเสียงหลง รู้สึกเหมือนหนังหัวจะระเบิดอย่างอดไม่ได้
“นี่มัน…เป็นไปไม่ได้!!” จิตวิญญาณของจักษุไพศาลสั่นคลอนอย่างรุนแรง ความน่าพรั่นพรึงที่ไม่เคยเผชิญมาก่อนทำให้เขาตัวสั่นเทิ้ม ไม่มีเวลาให้มัวคิดพิจารณาอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกคับขันเหมือนกำลังเผชิญกับวิกฤตความเป็นความตายร้ายแรงซึ่งผุดขึ้นมาท่วมร่างทำให้เขาแผดเสียงคำรามจนเส้นเอ็นเกร็งปูดขึ้นมาบนใบหน้า ไม่มีความลังเล แล้วก็ยิ่งไม่ได้ถอยหนี!
เพราะเขารู้ดีว่า หากถอยในเวลานี้ ก็มีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น!!
พลังที่แฝงอยู่ในหมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนยังเป็นเพียงเรื่องรอง เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดกลับเป็นปราณเสี้ยวหนึ่งที่ทำให้เขาหวาดกลัวนั่นต่างหาก ปราณนี้เป็นเหมือนปลายกระบี่ที่แหลมคม และพลังที่แฝงอยู่ข้างในก็คือตัวผลักดัน หากปลายกระบี่นี้เป็นปลายกระบี่ไม้ หรือทำมาจากกระดาษก็คงไม่เท่าไหร่ แต่นี่…ปลายกระบี่นี้กลับเหมือนเป็นใบมีดที่แหลมคมที่สุดซึ่งไม่มีอะไรบนโลกที่มันจะไม่ทะลวงทิ่มแทงผ่านไปได้!!
ความเร็วนั้นมีมากเกินไป เมื่อเห็นว่าขยับเข้ามาใกล้ทุกขณะแล้ว
เทียนจุนจักษุไพศาลที่ร้องคำรามก็ไม่เหลือความคิดที่จะจับตัวป๋ายเสี่ยฉุนอีก ตบะทั้งหมดและวิชาอภินิหารทั้งหมดของเขาระเบิดดังครืนครั่น ซ้ำยังหยิบเอาสมบัติล้ำค่าออกมาอย่างน้อยสิบชิ้น สำหรับเขาแล้วไม่ว่าชิ้นไหนก็ตามที่แม้จะไม่ใช่สมบัติแห่งโลก แต่ก็ถือเป็นท่าไม้ตายที่เวลาปกติน้อยครั้งนักที่เขาจะเอาออกมาใช้ แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลามามัวเสียดายพวกมัน จำต้องเปิดการใช้งานของทุกชิ้นเพียงแค่เพื่อ…ป้องกันตัวเอง!!
ส่วนเทียนจุนเริ่นหลิงที่อยู่ข้างกันนั้นมีปฏิกิริยาตอบสนองช้ากว่าเล็กน้อย แม้ว่านางเองจะตะลึงพรึงเพริดอย่างถึงที่สุด แต่การเตรียมความพร้อมกลับน้อยกว่า ซ้ำนางยังเลือกที่จะถอยหนีมากกว่าด้วย!
เพียงแต่ว่า…การเลือกที่แตกต่างกัน ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง!!
เสียงตูมตามดังเกริกก้องไปตามการพังทลายของความว่างเปล่าที่แผ่ลามไปทั่ว มองไกลๆ ก็ราวกับมีปากขนาดใหญ่สีดำที่อ้ากว้างแล้วเขมือบกลืนเทียนจุนจักษุไพศาลและเทียนจุนเริ่นหลิงไว้ภายใน!
เสียงร้องโหยหวนและเสียงคำรามแหบแห้งดังก้องขึ้นมาในเวลาเดียวกัน สมบัติล้ำค่าสิบกว่าชิ้นที่ล้อมวนอยู่รอบกายเทียนจุนจักษุไพศาลไม่สามารถยืนหยัดได้นานเลย พวกมันระเบิดแหลกลาญท่ามกลางเสียงตูมตามที่ดังอึกทึก!
ส่วนวิชาอภินิหาร คาถาอาคมและการป้องกันทั้งหมดของเขาบัดนี้ก็เหมือนถูกฉีกทึ้งออก เป็นเหตุให้พลังแห่งการพิฆาตขุมนั้นทะลวงผ่านไปโดยตรง ทว่าการเตรียมการของเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์เสียเลย เพราะแทบจะขณะเดียวกันกับที่การโจมตีซึ่งเรียกได้ว่าปลิดชีพสำหรับเขาพุ่งเข้ามา เมื่ออยู่ภายใต้การป้องกันที่เตรียมไว้ และป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ได้ปล่อยปราณของผู้บงการออกมามากนัก เป็นเหตุให้เทียนจุนจักษุไพศาลที่แม้หน้าอกจะยุบยวบลงไป ซ้ำยังกระอักเลือดทะลักทลาย ยิ่งไปกว่านั้นคือได้รับบาดเจ็บร้ายแรงสาหัส ร่างปลิวกระเด็นไปไกลเหมือนว่ายที่สายป่านขาด ทว่าชีวิตของเขา…กลับยังรักษาไว้ได้!
แต่…หญิงชราเริ่นหลิงนั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้นางเลือกจะถอยหนี การเตรียมการรับมือจึงไม่มากพอ การวิเคราะห์ที่ผิดพลาดเป็นเหตุให้การป้องกันทั้งหมดของนางถูกฉีกกระชาก แม้แต่เรือนกายของนางเอง บัดนี้ก็ยัง…แตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
ถึงขั้นที่ว่า…แม้แต่เมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของนางที่ม้วนตลบออกไปก็ยังถูกการพังทลายของความว่างเปล่าแผ่กลบทับ แม้จะไม่ได้ถูกลบเลือนทิ้งไป แต่ท่ามกลางเสียงลั่นเปรี๊ยะๆ ก็ยังได้ยินเสียงร้องโหยหวนที่ดังออกมาจากในเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าได้อย่างชัดเจน
เมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของหญิงชรา…ที่สำหรับเทียนจุนแล้ว เว้นเสียแต่บุพกาลเท่านั้นถึงจะดับทำลายได้…มาบัดนี้กลับเกิดรอยปริร้าวขนาดใหญ่ยักษ์เจ็ดแปดเส้นที่ทำให้คนซึ่งได้เห็นขนพองสยองเกล้า!!!
รอยร้าวนี้ไม่ว่ารอยใดที่ปรากฏขึ้นมาก็เหมือนเป็นการลดทอนพลังหลังจากการชุบชีวิตแต่ละครั้งให้น้อยลง ซึ่งเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าที่เป็นอย่างในเวลานี้…ต่อให้หญิงชราถูกชุบชีวิตขึ้นมาอีกครั้งก็เกรงว่าตบะของนางคงถูกลดทอนให้อ่อนกำลังอย่างถึงที่สุด จะคงตบะเทียนจุนไว้ได้ต่อไปหรือไม่ ก็อาจต้องดูที่โชควาสนาของตัวนางเองด้วยซ้ำ!
ทั้งหมดนี้พูดแล้วยาว แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วสายฟ้าแลบ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ เร็วจนจินตนาการไม่ถึง แม้แต่ความคิดก็ยังตามไม่ทัน ประหนึ่งมีฝ่ามือหนึ่งที่ตบลงไปบนใบหน้านักพรตราชวงศ์จักรพรรดิแสทุกคนที่อยู่ตรงนี้อย่างสุดแรง!!
ในสายตาของทุกคน เทียนจุนจักษุไพศาลและเทียนจุนเริ่นหลิงต่างก็มีพลังอำนาจดุดันน่าเกรงขาม คล้ายพกพาเอาการโจมตีที่เหี้ยมหาญอย่างถึงที่สุดหวังปลิดชีพศัตรู ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับ…ไม่แม้แต่จะลุกขึ้นยืน แค่ต่อยหมัดผ่านอากาศทีเดียวเท่านั้น!
หมัดนี้ต่อยให้ความว่างเปล่าพังทลาย เทียนจุนจักษุไพศาลบาดเจ็บสาหัส และที่น่ากลัวที่สุดก็คือ…ขาดอีกแค่นิดเดียว ก็แทบจะสังหารเทียนจุนคนหนึ่งได้แล้ว ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้แทบจะไม่มีใครทำได้ มีเพียงบุพกาลลงมือเท่านั้นถึงจะทำลายเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของเทียนจุนให้ย่อยยับได้!
ดังนั้นการต่อสู้ระหว่างเทียนจุนด้วยกันเองจึงมักจะไม่มีใครหวาดกลัวความตาย!
ทว่าบัดนี้…ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว!!
ในดินแดนเซียนนิรันดร์ ภายใต้สายตาของคนหลายล้านที่เป็นประจักษ์พยาน บัดนี้มี…บุคคลที่สามที่สามารถสังหารเทียนจุนให้ตายสนิทปรากฎขึ้นมาแล้ว!
ความหมายของเรื่องนี้ รวมไปถึงพลังการต่อสู้น่าหวาดกลัวที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงออกมาล้วนทำให้ทุกคนกลืนน้ำลายลงคอจนลูกกระเดือกวิ่งขึ้นลงไม่หยุด หลังจากสติหลุดกันไปในเวลาสั้นๆ เสียงอุทานแตกตื่น เสียงฮือฮาด้วยความตะลึงก็ระเบิดท่วมเทียมฟ้า!
“สวรรค์ นี่มันเป็นไปไม่ได้!!”
“เป็นอย่างนี้ไปได้อย่างไร เขา…เขามีตบะเป็นอะไรกันแน่!!”
“สามารถ…สังหารเทียนจุน?!! การสังหารที่แท้จริง ประหนึ่งการลบทิ้ง…”
เสียงร้องอุทานดังเซ็งแซ่ก้องกังวานเป็นระลอก ขณะเดียวกันกับที่ความสะท้านสะเทือนของทุกคนกลายมาเป็นความหวาดกลัวนั้นเอง เทียนจุนจักษุไพศาลที่รักษาชีวิตเอาไว้ได้ก็ขวัญผวาเช่นกัน ตอนที่มองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุน สายตาของเขาฉายความกริ่งกลัวและเหลือเชื่ออย่างลึกล้ำ
“เจ้า…”
ทว่าสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ได้มองจักษุไพศาล เขาลุกขึ้นยืนบนเจดีย์สูงช้าๆ เมื่อเงยหน้าขึ้น สายตาก็ทอดจับไปยังท้องฟ้าทิศไกล!
“จักรพรรดิแส ในเมื่อมาแล้ว เหตุใดต้องทำตัวลับๆ ล่อๆ ข้าต้องการ ท้ารบเจ้า!”