บทที่ 1214 ท่านอาหลี่มอบให้
ราชวงศ์จักรพรรดิขุย สถาปนาขึ้นอย่างเป็นทางการ!!
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล…ถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ตามความหมายที่แท้จริง!
การเปลี่ยนแปลงทางประวัติศาสตร์ก็ได้หวนกลับคืนไปสู่จุดเริ่มต้น ณ บัดนี้ ต่อให้ราชวงศ์จักรพรรดิขุยจะมาช้าไปสักหน่อย แต่ก็ยังปรากฎตัว…ในท้ายที่สุด!
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็อารมณ์ดีอย่างมาก เขารู้สึกว่าเมื่อตนกลายเป็นจักรพรรดิขุยก็สามารถออกคำสั่งได้ตามใจต้องการ ทว่าไม่นานเขาก็ค้นพบว่า แม้เขาจะยังเป็นผู้ที่ออกคำสั่ง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าในด้านการปกครองบ้านเมือง ต้าเทียนซือนั้นมีความเชี่ยวชาญมากยิ่งกว่า
ขณะเดียวกันด้วยตัวตนนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก จะต้องสร้างความสะท้านสะเทือนไม่น้อย เมื่อเห็นว่าคนจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็ต้องยุ่งวุ่นวายกับเรื่องนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้ละอายใจ สุดท้ายจึงได้แต่ถอนหายใจยาวๆ ทำหน้าที่เป็นแค่ผู้นำทางด้านจิตวิญญาณให้แก่ราชวงศ์จักรพรรดิขุย
สำหรับอำนาจของจักรพรรดินั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ ต่อให้ตอนอยู่ในแดนทุรกันดารจะเคยมีตัวอย่างที่ต้าเทียนซือยึดอำนาจมาก่อน แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยังไม่สนใจ เพราะมีข้อหนึ่งที่เขารู้ชัดเจนดี นั่นก็คือขอแค่ตบะของตนเพิ่มพูนอย่างต่อเนื่องก็จะไม่มีใครมาช่วงชิงทุกสิ่งที่เป็นของตนไปได้
และเมื่อราชวงศ์จักรพรรดิขุยสถาปนาแคว้นขึ้นมา ฐานะของนักพรตโลกทงเทียนก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง ความสงบสุขที่ห่างหายไปนานก็กลับคืนมาใหม่อีกครั้ง ขณะที่ทุกอย่างเหมือนจะพัฒนาไปในทางที่ดี ท้องของซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ก็ใหญ่ขึ้นในทุกๆ วัน
สำหรับเรื่องนี้ ระดับความใส่ใจของพวกต้าเทียนซือ หลี่ชิงโหวต่างก็เหนือกว่าป๋ายเสี่ยวฉุน อาจไม่ถึงขั้นใช้พลังของทั้งแคว้นมาปกป้องพิทักษ์ แต่ก็แทบจะไม่ต่างกันสักเท่าไหร่นัก
โดยเฉพาะที่พักของสองหญิงที่ได้รับการพิทักษ์อย่างเข้มงวด ไม่อนุญาตให้มีเรื่องไม่คาดคิดใดๆ เกิดขึ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ไม่ว่างงานอีกต่อไป แทบทุกวันจะต้องคอยไปอยู่ข้างกายซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่ อยู่เป็นเพื่อนดูแลพวกนางและดื่มด่ำไปกับความอบอุ่นที่สำหรับเขาแล้วไม่ได้สัมผัสมานานแสนนาน
เพียงแต่ว่าสิ่งเดียวที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพิพักพิพ่วนก็คือเรื่องที่ว่าจะจัดการกับคู่บำเพ็ญเพียรเหล่านี้ของตนอย่างไร เขาปวดหัวกับเรื่องนี้มาก
เพราะไม่ว่าจะเป็นซ่งจวินหว่านหรือโจวจื่อโม่ก็ล้วนหยิ่งทระนงในตัวเอง ซ้ำยังอารมณ์ร้าย โดยเฉพาะในเวลานี้ที่อารมณ์ของพวกนางแปรปรวนมากเป็นพิเศษ หลายครั้งที่ต่างคนต่างจ้องมองกันด้วยสายตาเดือดดาลคล้ายจะตีกันขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนที่เห็นอกสั่นขวัญผวา รีบดึงให้พวกนางออกห่างจากกัน
ทุกอย่างนี้ล้วนอยู่ในสายตาของโหวเสี่ยวเม่ย ในใจนางยิ่งเจ็บช้ำ โดยเฉพาะยามที่มองหน้าท้องของโจวจื่อโม่และซ่งจวินหว่าน ยิ่งคิดนางก็ยิ่งไม่ยอมแพ้ ดังนั้นจึงแอบไปหาหลี่ชิงโหว ให้หลี่ชิงโหวช่วยจัดการให้นาง…
สำหรับหลี่ชิงโหวแล้ว ในราชวงศ์จักรพรรดิขุยแห่งนี้
เนื่องด้วยความสัมพันธ์ระหว่างเขากับป๋ายเสี่ยวฉุนเหมือนพ่อกับลูก เป็นเหตุให้ฐานะของเขาอยู่สูงเกินกว่าผู้ใด ขณะเดียวกันพวกคู่บำเพ็ญตนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้ความเคารพยำเกรงเขาอยู่มาก แม้ซ่งจวินหว่านจะไม่มาคารวะทุกวัน แต่ก็ต้องมาเยี่ยมหาทุกๆ สามวันห้าวัน ส่วนโจวจื่อโม่ที่แม้จะเป็นคนแข็งกร้าวขนาดไหนก็ยังมาพบเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบหลี่ชิงโหวอยู่เป็นประจำ
แต่สำหรับหลี่ชิงโหวแล้ว ลูกสะใภ้ทั้งสามคนนี้ คนที่เขาชอบมากที่สุดก็ยังคงเป็นโหวเสี่ยวเม่ยอยู่ดี จะอย่างไรซะโหวเสี่ยวเม่ยก็คือลูกศิษย์ของสำนักธาราเทพ ซ้ำยังเป็นลูกศิษย์สายเดียวกับเขา
หรือถึงขั้นสามารถพูดได้ว่าเขาเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนและโหวเสี่ยวเม่ยสองคนค่อยๆ พัฒนาความสัมพันธ์จนมาถึงขั้นนี้เองกับตา ดังนั้นพอคิดถึงความทุกข์ตรมของโหวเสี่ยวเม่ย หลี่ชิงโหวที่ใคร่ครวญดีแล้วก็ถอนหายใจหนึ่งที
หลังจากที่ใช้วิธีการบางอย่างไปสืบข่าวจากนอกพักหนึ่ง เขาก็ได้รู้ว่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างป๋ายเสี่ยวฉุนกับซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่นั้นมียากระสันซ่านเป็นกุญแจสำคัญ ดังนั้นวันนี้หลังจากที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งกลับมาถึงตำหนักใหญ่หลังจากไปอยู่กับซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่มาได้ไม่นาน หลี่ชิงโหวก็มาหาเขา
“ท่านอาหลี่” พอเห็นว่าหลี่ชิงโหวมาหา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบลุกขึ้นยืนปรี่ไปต้อนรับ ต่อให้ตอนนี้เขาจะเป็นจักรพรรดิขุยแล้ว ทว่าในใจของเขาก็ยังคงเห็นหลี่ชิงโหวเป็นเหมือนบิดาอยู่ดังเดิม
ลึกๆ ในใจของหลี่ชิงโหวนั้นพึงพอใจในตัวป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างถึงที่สุด หลายครั้งที่มองมายังป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็มักจะไพล่นึกไปถึงเด็กหนุ่มที่จุดธูปอยู่บนเขาเม่าเอ๋อร์ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มในวันวานผู้นั้นก้าวเดินมาได้จนถึงวันนี้ ในใจของเขาก็เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ
คนทั้งสองที่อยู่ในตำหนักใหญ่พูดคุยกันถึงเรื่องราวในอดีต และบางครั้งหลี่ชิงโหวก็ยังเอ่ยสอนและแนะนำอยุ่หลายคำ ไม่ว่าเขาพูดถึงจะถูกหรือผิด ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ข้างๆ ก็พยักหน้ารับเห็นด้วยทั้งหมด จนกระทั่งคุยกันไปได้หนึ่งก้านธูป หลี่ชิงโหวก็กระแอมแห้งๆ หนึ่งที
“เสี่ยวฉุน ที่เจ้า…ยังมียากระสันซ่านอยู่ไหม”
“หา?” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง ก่อนหน้านี้ที่เขาเห็นหลี่ชิงโหวมาหายังคิดอยู่เลยว่าท่านอาหลี่น่าจะมีธุระอะไรบางอย่างถึงได้มาหาตน แต่พูดกันอยู่นาน พอตอนนี้มาได้ยินคำพูดของหลี่ชิงโหว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กะพริบตาปริบๆ ด้วยความแปลกใจ ก่อนจะตบขาตัวเองฉาดใหญ่
“ท่านอาหลี่ ท่านไปถูกใจใครเข้า?” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนเปล่งประกายเจิดจ้าด้วยความสงสัยใคร่รู้ นั่นก็เป็นเพราะว่าถึงแม้ตอนนี้คนของโลกทงเทียนเกือบครึ่งจะมาที่นี่กันหมดแล้ว แต่อาจารย์ของจางต้าพั่ง อาจารย์แม่ของตนท่านนั้นกลับไม่ปรากฎตัวเสียที ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เคยไปตามหาเหมือนกัน แต่กลับหาไม่เจอ
แม้แต่จางต้าพั่งเองที่หลังจากพวกบุรพาจารย์ธาราเทพกลับมารวมตัวกันก่อนหน้านี้ ก็เลือกที่จะปิดด่านทันที เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกว่าหากตบะของตนยังหยุดอยู่ที่ก่อกำเนิด จะไม่สามารถไล่ตามทุกคนได้ทัน
“อย่าเดามั่ว! สรุปว่ามีหรือไม่ เอามาให้ข้าเม็ดหนึ่ง!” หลี่ชิงโหวที่ได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ให้กระอักกระอ่วน จึงถลึงตาดุใส่
“นี่ถ้าเป็นคนอื่นที่มาขอ ข้าไม่มีให้หรอก แต่ในเมื่อท่านอาหลี่ต้องการ ย่อมต้องมีอยู่แล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองหลี่ชิงโหวพลางยิ้มกว้าง เขาเองก็สนใจในเรื่องความรักครั้งที่สองของหลี่ชิงโหวอยู่มาก ต่อให้ตอนนี้ยากระสันซ่านในถุงเก็บของจะเหลืออยู่อีกไม่มาก ต่อให้ก่อนหน้านี้พอเกิดเรื่องกับซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่แล้วเขาจะระมัดระวังในการใช้ยากระสันซ่านอยู่มาก ทว่าก็ยังหยิบขวดหนึ่งออกมายื่นให้กับหลี่ชิงโหว
“ท่านอาหลี่ ท่านผู้อาวุโสต้องระวังสุขภาพให้ดีนะ เจ้าของเล่นนี่…ใช้มากไม่ได้ ในนี้มีทั้งหมดเจ็ดแปดเม็ด…” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะหึหึ ก่อนจะขยิบตาให้หลี่ชิงโหว
“พูดจาเหลวไหล!” หลี่ชิงโหวรับขวดยามาหน้าเคร่ง ทั้งยังแค่นเสียงหึในลำคอ
“ข้าเข้าใจ ข้าเข้าใจ ท่านผู้อาวุโสหน้าบาง จำเป็นต้องใช้ยาแรงๆ ฮ่าๆ ข้าเข้าใจดี” ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้น่าสนใจอย่างมาก แล้วก็อดหัวเราะเสียงดังไม่ได้
“แต่ท่านอาหลี่ ท่านถูกใจใครก็บอกข้ามาเถอะ ไม่จำเป็นต้องถึงกับใช้ยากระมัง…หากท่านไม่รู้ว่าจะจีบนางอย่างไร ข้าสอนท่านได้นะ ไม่ใช่ว่าข้าป๋ายเสี่ยวฉุนคุยโว ข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบอกตัวเองเตรียมจะนำเสนอตน ทว่าหลี่ชิงโหวทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป จึงถลึงตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งทีแล้วรีบร้อนจากไป
“ท่านอาหลี่ ต้องจำไว้นะ ของเล่นนี่กินเข้าไปตรงๆ ไม่ได้ ต้องบีบให้แหลกถึงจะใช้ได้ผล หากไม่ได้จริงๆ ท่านก็บีบสักสองเม็ด แต่ห้ามมากไปกว่านั้นนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนข่มกลั้นเสียงหัวเราะแล้วตะโกนไล่หลังอีกฝ่ายไป
หลี่ชิงโหวที่เดินอยู่ข้างหน้าชะงักฝีเท้าหันกลับมามองป๋ายเสี่ยวฉุนแวบหนึ่ง ในดวงตาแฝงความหมายลึกล้ำ ก่อนจะพยักหน้ารับ
“ต้องบีบให้ละเอียดใช่ไหม เข้าใจแล้ว!”
เมื่อเห็นว่าหลี่ชิงโหวจากไปแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันรู้สึกแปลกใจ เขาครุ่นคิดถึงสายตาตอนที่หลี่ชิงโหวหันกลับมามองเมื่อครู่นี้ที่ดูเหมือนว่าจะแฝงความนัยอะไรบางอย่าง…
“ท่านอาหลี่อะไรก็ดีหมด เสียอยู่อย่างเดียวคือหน้าบางเกินไปหน่อย” ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดไม่ตกจึงได้แต่สรุปว่าเป็นเพราะหลี่ชิงโหวกลัวจะเสียหน้า และพอนึกถึงภาพตอนที่หลี่ชิงโหวใช้ยากระสันซ่าน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถึงกับเดินฮัมเพลิงในลำคอกลับเข้าไปในตำหนักใหญ่
รัตติกาลมืดมิดเยื้องกรายมาถึง…
โหวเสี่ยวเม่ยที่เดินอยู่ในวังหลวงสูดลมหายใจเข้าลึกอย่างต่อเนื่อง ในมือกำยากระสันซ่านสองเม็ดไว้แน่น ในสมองก็มีคำสั่งที่เมื่อครู่นี้หลี่ชิงโหวกำชับมาดังขึ้นไม่หยุด
“ต้องบีบให้ละเอียด ต้องบีบให้ละเอียด…”
คิดอย่างนี้พลางเดินไปด้วย จนกระทั่งมาหยุดอยู่นอกห้องลับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้ปิดด่าน หลังจากยืนปรับลมหายใจอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้น ดวงหน้าของนางก็มีรอยยิ้มปรากฏ รอยยิ้มดุจบุปผาผลิบานนี้เมื่ออยู่ภายใต้แสงจันทร์ก็ยิ่งทำให้นางงดงามมากเป็นพิเศษ
“พี่เสี่ยวฉุน เจ้าอยู่หรือไม่”
ในห้องลับ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังนั่งเข้าฌานสัมผัสได้ว่าโหวเสี่ยวเม่ยมาหา เขาจึงรีบลุกขึ้นไปเปิดประตูห้องลับ แล้วจึงเห็นโหวเสี่ยวเม่ยที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์
“เสี่ยวเม่ย เจ้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึงระคนยินดี ต้องรู้ว่าหลังจากที่โหวเสี่ยวเม่ยกลับมา นี่เป็นครั้งแรกที่นางเป็นฝ่ายมาหาเขาก่อน แต่ยังไม่ทันรอให้ป๋ายเสี่วฉุนเอ่ยจบ โหวเสี่ยวเม่ยกะพริบตาปริบๆ เดินเร็วๆ หลายก้าวเข้ามาในห้องลับ จากนั้นก็บีบมือขวาอย่างแรง!
เสียงปังๆ ดังกังวานชัดแจ๋วอยู่ในห้องลับ
“เสียงอะไรน่ะ? คุ้นๆ แหะ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตะลึง ก่อนจะเห็นว่าหมอกควันสีแดงกลุ่มหนึ่งลอยคลุ้งไปทั่วในชั่วพริบตา
“นี่…นี่…ยากระสันซ่าน!!” ป๋ายเสี่ยวฉนพลันเบิกตากว้าง ร้องอุทานเสียงแหลมแล้วก็เตรียมจะชักเท้าถอย ทว่าเรือนกายที่อ่อนนุ่มกลับพุ่งเข้ามาโรมรันพัวพันราวกับปลาหมึกเสียแล้ว
“เจ้ามียากระสันซ่านได้อย่างไร!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งงันไปทันที พอเห็นโหวเสี่ยวเม่ยที่เวลานี้ดวงหน้าแดงปลั่ง นัยน์ตาเคลิบเคลิ้ม เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ล้นเหลือก็ถามขึ้นมาเสียงสั่น
“ท่านอาหลี่มอบให้” โหวเสี่ยวเม่ยพึมพำตอบ แล้วก็ผลักป๋ายเสี่ยวฉุนลงบนพื้น ไม่นานหมอกควันสีแดงก็อบอวลไปทั่วทั้งห้องลับ…