Skip to content

A Will Eternal 1219

บทที่ 1219 มังกรและหงส์มงคลคู่

ขณะเดียวกันกับที่วิชาของป๋ายเสี่ยวฉุนมีการฝ่าทะลุก้าวข้ามขั้น ตลอดทั้งราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็อยู่ในสภาวะของการป้องกันอย่างเข้มงวด นักพรตจำนวนมากโอบล้อมอยู่รอบนอกของนครจักรพรรดิขุยเพื่อให้การพิทักษ์ปกป้อง เตรียมพร้อมหากมีใครบุกมาจู่โจมกะทันหัน ต่อให้ร่างจะแหลกสลาย ก็ต้องขัดขวางศัตรูให้อยู่เพียงภายนอกให้จงได้!

เพราะว่าสำหรับประชาชนทั่วทั้งราชวงศ์จักรพรรดิขุยแล้ว วันนี้มีความหมายมากมายยิ่งนัก นี่คือ…วันประสูติของโอรสและธิดาแห่งจักรพรรดิขุยของพวกเขา!!

เมื่อเสียงร้องไห้ของเด็กทารกดังไปทั่วทั้งวังหลวง นักพรตที่มีตบะเหนือคนฟ้าจำนวนมากที่พิทักษ์อยู่รอบนอกวังก็ไชโยโห่ร้องด้วยความยินดี ขณะเดียวกันประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนที่อาศัยอยู่ในนครจักรพรรดิขุยแห่งนี้ก็ปลาบปลื้มดีใจกันอย่างถึงที่สุด

ท่ามกลางความตื่นเต้นฮึกเหิมอย่างไร้ที่สิ้นสุดของนครจักรพรรดิขุยนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในห้องลับลืมตาโพลง เขาไม่มีอารมณ์ไปปรับวิชาคาถาของตนให้มั่นคงอีกต่อไป แต่ขยับร่างหายตัววับไปในพริบตา เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในห้องโถง แล้วจึงมองเห็นว่าหมอตำแยอุ้มเด็กทารกคนหนึ่งออกมาจากตำหนักของซ่งจวินหว่าน!

“ยินดีกับฝ่าบาทด้วยเพคะที่ได้บุตรสาว!”

บนใบหน้าของหมอตำแยเต็มไปด้วยความตื่นเต้น รอบกายนางมีนักพรตหญิงจำนวนมากห้อมล้อมให้การปกป้อง พอเดินออกมาแล้วเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบส่งเด็กทารกที่อยู่ในห่อผ้าไปให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างระมัดระวัง

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทิ้ม ค่อยๆ รับห่อผ้ามาช้าๆ พูดแล้วก็แปลก เดิมทีเด็กทารกหญิงผู้นี้ยังร้องไห้จ้าแต่พอป๋ายเสี่ยวฉุนอุ้มมาอยู่ในอ้อมอก นางกลับไม่ร้องอีกต่อไป แต่เบิกดวงตาที่กลมโตงดงามดั่งดวงดารามองมายังป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างสงสัยใคร่รู้ เพียงไม่นานก็ส่งยิ้มมาให้เขา

รอยยิ้มนี้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาอย่างถึงที่สุด ดั่งแสงอรุณแรกของวันที่สาดส่องเข้ามาในดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุน ไหลทะลักท่วมท้นสู่จุดลึกของหัวใจ ผสานรวมเป็นหนึ่งกับจิตวิญญาณของเขา!

“ลูกสาว นี่คือลูกสาวของข้าป๋ายเสี่ยวฉุน!”

“ตบรางวัล ตบรางวัลให้กับทุกคน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะร่าด้วยความชื่นฉ่ำใจ หลังจากอุ้มลูกสาวหมุนรอบตัวเองหนึ่งรอบราวกับเด็กชายตัวน้อยก็เดินเข้าไปในตำหนักของซ่งจวินหว่านด้วยความตื่นเต้น แล้วจึงเห็นซ่งจวินหว่านที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งแม้จะหน้าซีดขาว ทว่าท่าทางกลับไม่เลวนัก

“จวินหว่าน เจ้าดูสิ นี่คือลูกสาวของพวกเรา!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจมากจริงๆ เวลานี้เขาจึงชูทารกหญิงที่อยู่ในมือขึ้นสูงแล้วหมุนตัวไปมาอยู่ในห้อง ตอนแรกดูเหมือนว่าทารกหญิงจะตกใจ แต่ไม่นานนางก็หัวเราะร่า หากไม่เป็นเพราะมือเล็กๆ ยังมิอาจยกขึ้นมาได้ เกรงว่าตอนนี้นางคงตบมือชอบใจตามไปด้วยแล้ว

เสียงหัวเราะเอิ้กอ้ากทำให้ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเหมือนมีเสียงแห่งสวรรค์ดังเข้าหู

เมื่อมองเห็นเด็กทารกที่อยู่ในมือป๋ายเสี่ยวฉุน ซ่งจวินหว่านก็ยิ้มปราณีดั่งคนเป็นแม่ ก่อนจะหันไปค้อนตาใส่ป๋ายเสี่ยวฉุน

“อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเป็นเด็กอยู่อีกเล่า”

ขณะเดียวกันพวกหลี่ชิงโหว ต้าเทียนซือ ราชาผียักษ์ที่รออยู่นอกตำหนักก็ล้วนได้รับแจ้งว่าองค์หญิงน้อยลืมตาออกมาดูโลกแล้ว หลี่ชิงโหวที่ได้ยินถึงกับแหงนหน้าหัวเราะฮ่าๆ พวกต้าเทียนซือ ราชาผียักษ์ก็ฮึกเหิมกันอย่างถึงที่สุด โดยเฉพาะราชาผียักษ์ที่ดีใจสุดๆ

“ฮ่าๆ เป็นเด็กผู้หญิงจริงๆ ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ ตำแหน่งของจื่อโม่ข้าก็มั่นคงเต็มที่แล้ว!”

เมื่อเสียงหัวเราะของทุกคนดังออกไปนอกวังหลวง ไม่นานคนทั่วทั้งนครจักรพรรดิขุยก็รู้กันถ้วนทั่วว่าองค์หญิงประสูติแล้ว จากนั้นก็ตามมาด้วยคนที่อยู่นอกเมือง และพอข่าวนี้แพร่สะพัดไปทั่ว คนตลอดทั้งราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็ได้รู้เรื่องนี้กันหมด เสียงไชโยโห่ร้องด้วยความยินดีจึงดังออกมาจากทั่วทุกมุมของราชวงศ์จักรพรรดิขุยเป็นระลอก

ขณะเดียวกันในอีกตำหนักหนึ่ง

นักพรตหญิงจำนวนมากและหมอตำแยที่อยู่ข้างกายโจวจื่อโม่ก็กำลังรอคอยกันด้วยความร้อนใจ แน่นอนว่าป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมไม่ลืมโจวจื่อโม่ แต่เขาก็ยังคงอุ้มลูกสาว หยอกล้อกับนางพลางพูดคุยอยู่เป็นเพื่อนซ่งจวินหว่าน

ซ่งจวินหว่านรู้ดีว่าใจของป๋ายเสี่ยวฉุนย่อมพะวงอยู่กับอีกฝ่าย ดังนั้นจึงเอ่ยเร่งให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบไปด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างที่หาได้ยากยิ่ง

ป๋ายเสี่ยวฉุนซาบซึ้งใจ ก่อนจากจึงก้มไปจุมพิตหน้าผากซ่งจวินหว่านหนึ่งครั้งแล้วอุ้มลูกสาวชูขึ้นสูงตรงดิ่งไปยังตำหนักของโจวจื่อโม่ท่ามกลางเสียงหัวเราะร่าเริงของทารกหญิงไปตลอดทาง

และวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวเข้าไปในตำหนักนั้นนั่นเอง เสียงร้องไห้ที่ดังกังวานยิ่งกว่าเสียงก่อนหน้านี้ก็ดังออกมาจากในห้องของโจวจื่อโม่ เสียงร้องนี้ประหนึ่งเสียงฟ้าผ่าที่แม้จะไม่ได้ดังสะเทือนเลือนลั่น แต่วินาทีที่ดังออกมากลับทำให้นักพรตทุกคนของราชวงศ์จักรพรรดิขุยที่มีสายเลือดโลกทงเทียนตัวสั่นเยือกกันไปหมด!

อาการสั่นสะเทือนนี้มาจากความสะท้านสะเทือนทางสายเลือดของพวกเขา

ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งเป็นเช่นนี้ ร่างของเขาหยุดกึก ดวงตาเบิกกว้างเพราะเห็นว่าบัดนี้ในตำหนักของโจวจื่อโม่มีรุ้งยาวที่เกิดจากเลือดลมกลุ่มหนึ่งลอดผ่านออกมาจากในห้องแล้วทะยานขึ้นสู่นภากาศ!

ขนาดฟ้าดินยังสั่นคลอน ลมพัดกระโชก ก้อนเมฆเคลื่อนคล้อย ท้องฟ้าทั้งผืนบัดนี้เหมือนเปลี่ยนแปลงไปหมด ปราณที่เป็นของบทมิวางวายระลอกแล้วระลอกเล่าแผ่ซัดออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง เป็นเหตุให้ประชาชนจำนวนนับไม่ถ้วนที่พอสัมผัสได้ก็หายใจหอบถี่ แต่ละคนพากันนั่งลงคุกเข่าอย่างที่มิอาจควบคุมตัวเองได้

“ให้ตายเถอะ…ไม่ต้องเกินจริงขนาดนี้ก็ได้กระมัง…” ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งค้างไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมในใจของเขาตอนนี้ถึงได้มีความอิจฉาผุดขึ้นมาเล็กน้อย

“เจ้าเพิ่งจะลืมตามาดูโลกก็มีพลังอำนาจที่ทำให้ฟ้าดินเป็นแบบนี้แล้ว พ่อเจ้าอย่างข้ายังไม่เคยเป็นแบบนี้เลย…โดยเฉพาะปราณของบทมิวางวายนี่ นี่ไม่ใช่ว่าข้ามขั้นไปถึงหนังคงกระพันแล้วหรือ? เข้าสู่ขั้นเนื้อคงกระพันแล้ว?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะคิดมาถึงตรงนี้ เด็กหญิงที่ถูกเขาอุ้มอยู่ในอ้อมอกก็คล้ายจะตกตะลึงไปกับภาพเหตุการณ์นี้ แล้วก็คล้ายจะยอมไม่ได้อย่างไรอย่างนั้น นางถึงได้แผดเสียงร้องออกมา เพียงแต่ว่าเสียงร้องของนางครั้งนี้ไม่เหมือนกับเสียงก่อนหน้านั้น ราวกับว่ามีพลังบางอย่างที่ทะลุทะลวงจิตวิญญาณ เหมือนเป็นตัวแทนของความอมตะที่ชักนำให้จิตใจของคนนับไม่ถ้วนแปรเปลี่ยน เป็นเหตุให้ฟ้าดินที่ตกอยู่ในสภาวะแปรปรวนวุ่นวายถูกข่มกำราบเอาไว้

ที่เกินจริงที่สุดก็คือข้างเลือดลมที่เป็นรุ้งยาวซึ่งอยู่บนท้องฟ้า บัดนี้มีเงามายาของตะเกียงอมตะดวงหนึ่งจำแลงขึ้นมาช้าๆ แล้วส่องแสงประชันอยู่กับรุ้งยาวเลือดลมเส้นนั้น!

ภาพนี้แทบจะทำให้ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนถลนออกมาจากเบ้า แล้วก็เกือบจะทำลูกสาวหลุดมือ หากจะบอกว่าปราณที่ลูกชายของโจวจื่อโม่แผ่ออกมาก่อนหน้านี้ทำให้เขาอิจฉาแล้วล่ะก็ ถ้าเช่นนั้นปราณของความอมตะที่ลูกสาวแผ่ออกมาในเวลานี้ก็ถึงกับทำให้ลมหายใจของเขาชะงักค้าง

“บทอมตะ!!” สมองของป๋ายเสี่ยวฉุนเต็มไปด้วยเสียงดังอึงอล หลังจากที่เขาค้นพบว่าลูกสาวเกิดมาพร้อมกับปราณของบทอมตะ ความรู้สึกในใจของเขาก็มิอาจใช้ถ้อยคำใดมาบรรยายได้อีก

“นี่มันเด็กน้อยเสียที่ไหน นี่มันปีศาจสองตนชัดๆ”

ท่ามกลางเสียงพึมพำของป๋ายเสี่ยวฉุน พวกต้าเทียนซือที่อยู่ในนครราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็ปากอ้าตาค้างไปตามๆ กัน ครู่ใหญ่ต่อมาแต่ละคนถึงได้สูดลมหายใจดังเฮือก แต่ไม่นานพวกเขาฮึกเหิมยินดีกันอย่างถึงที่สุด

“โอรสและธิดาของฝ่าบาทมีพลังอำนาจเช่นนี้ ราชวงศ์จักรพรรดิขุยของพวกเราย่อมต้องดำรงสืบไปชั่วนิรันดร์กาล!!”

ท่ามกลางเสียงกู่ร้องแห่งความยินดีที่ดังกึกก้อง ป๋ายเสี่วฉุนเองก็สูดลมหายใจเข้าลึก ก้มหน้าลงมองลูกสาว แล้วก็มองไปยังห้องของโจวจื่อโม่ด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า

“เอาเถอะ เจ้าเด็กสองคนนี่ร้ายกาจก็ร้ายกาจไปเถอะ ทางที่ดีที่สุดคือให้เก่งเหนือข้าไปเลย พอเป็นแบบนี้วันหน้าข้าก็จะได้เป็นไท่ซ่างหวง (พระเจ้าหลวงที่สละราชสมบัติให้แก่ลูกหลาน) ที่ใช้ชีวิตสนุกสนานเฮฮาได้ตามใจชอบ”

พอคิดอย่างนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันอารมณ์ดี เดินเร็วๆ เข้าไปหยุดอยู่หน้าตำหนักของโจวจื่อโม่ เมื่อประตูใหญ่เปิดออก หมอตำแยก็อุ้มเด็กออกมา ยังไม่ทันรอให้นางเปิดปากก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนแย่งรับเอาไปเสียก่อน

“ยินดีกับฝ่าบาทที่ได้พระโอรส”

“ตบรางวัล ตบรางวัลให้ทุกคน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะเสียงดังกระหึ่ม

มือหนึ่งอุ้มลูกสาว อีกมือหนึ่งอุ้มลูกชาย อารมณ์ดีจนแทบจะกระโดดโลดเต้น ยังดีที่เขาไม่ลืมที่จะเข้าห้องไปพบโจวจื่อโม่ซึ่งแม้จะอ่อนกำลัง แต่สีหน้ากลับแจ่มใสไม่ต่างจากซ่งจวินหว่าน

เพียงแต่ว่าแม้ลูกสาวที่อยู่ในอ้อมอกของป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เพียงแต่ไม่ร้องไห้ กลับยังยิ้มแย้มหัวเราะร่าเริง ทว่าพอลูกชายถูกป๋ายเสี่ยวฉุนอุ้มเข้ากลับร้องไห้แผดเสียงจ้าหนักกว่าเก่า ไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะโอ๋จะปลอบอย่างไรก็เอาไม่อยู่ ต่อให้ชูขึ้นสูง เด็กคนนี้ก็ยังไม่เลิกร้องไห้

ทำเอาโจวจื่อโม่ที่มองดูอยู่สงสาร ปรี่จะมาอุ้มคืนไป แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับไม่ยอม

“ร้องก็ร้องไปสิ ไม่เห็นจะเป็นไร ไม่ร้องข้าชอบ ร้องไห้ข้าก็ชอบ นี่หมายความว่าเขานิสัยเหมือนข้า ขี้ขลาดไปหน่อยก็ไม่เป็นไร!” ป๋ายเสี่ยวฉุนหัวเราะร่า

หลังจากปลอบใจโจวจื่อโม่แล้ว เขาก็อุ้มลูกชายหญิงออกมานอกวังท่ามกลางความจนใจของโจวจื่อโม่ แล้วจึงมาหยุดอยู่ต่อหน้าพวกหลี่ชิงโหว ต้าเทียนซือด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ท่านอาหลี่ ต้าเทียนซือ พวกเจ้าดูสิ นี่คือลูกของข้า!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจอย่างมาก ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยความโอ้อวด เขาอุ้มลูกสองคนมาอยู่ตรงหน้าพวกหลี่ชิงโหว ปากก็จ้ออวดลูกตัวเองไม่หยุด

“ศิษย์พี่ใหญ่ เจ้ามาดูสิ”

“สวีเป่าไฉ เสินซ่วนจื่อ เป็นอย่างไร นี่คือเมล็ดพันธ์ของข้าป๋ายเสี่ยวฉุน!”

ทุกคนต่างก็หัวเราะด้วยความยินดี ราชาผียักษ์ก็ยิ่งตื่นเต้น ปรี่ขึ้นหน้ามาแล้วแสร้งทำเป็นมองลูกสาวของป๋ายเสี่ยวฉุน ทว่ากลับให้ความสำคัญต่อหลานชายตัวเองมากที่สุด ใจอยากจะแย่งป๋ายเสี่ยวฉุนมาอุ้มเองเสียให้ได้

“เสี่ยวฉุน ชื่อของเด็กสองคนนี้ เจ้าคิดไว้หรือยัง?”

หลี่ชิงโหวมองทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยใจที่ซาบซึ้งยินดี เขาเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นเหมือนลูกตัวเองมานานมากแล้ว ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนมีลูกเป็นของตัวเอง นั่นก็เท่ากับว่าคือหลานชายและหลานสาวของเขา

“ชื่อ?” ป๋ายเสี่ยวฉุนก้มลงมองลูกชายหญิงในอ้อมแขนด้วยดวงตาที่ฉายแววลำพองใจ

“ข้าคิดได้นานแล้ว มาๆๆ พวกเจ้ามาช่วยข้าฟังหน่อยว่าชื่อที่ข้าตั้งเป็นอย่างไรบ้าง”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!