บทที่ 1224 ท่านพ่อไม่ต้องกลัว
ได้ยินคำพูดของลูกชายตัวเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที หลายปีที่ผ่านมานี้ เมื่อลูกทั้งสองเติบโตขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่หลายครั้งที่เขาอยากจะแก้ไขทัศนคติการใช้ชีวิตที่ผิดพลาดของพวกลูกๆ แต่กลับพบว่ามิอาจทำได้เลย
เสี่ยวเสี่ยวยังดีหน่อย แต่ที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนปวดหัวมากที่สุดก็คือต้าเป่า เด็กคนนี้ใจกล้าบ้าบิ่นมากเกินไป
วันนี้ที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นคือจับงู แต่อันที่จริงจากข้อมูลที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับมา จากวีรกรรมทั้งหลายทั้งแหล่ของต้าเป่า แทบทุกเรื่องล้วนเป็นสิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยกล้าทำในตอนที่อายุเท่ากัน…
ยกตัวอย่างเช่นช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาที่เขาคอยไล่จับวิญญาณผีซึ่งไม่รู้ว่าเหตุใดถึงได้ค่อยๆ โผล่มาในราชวงศ์จักรพรรดิขุยนับตั้งแต่ที่มีการสถาปนาราชวงศ์ แล้วก็ยังมีตามจับพวกหนอนบ่อนไส้ที่ราชวงศ์จักรพรรดิแสและราชวงศ์จักรพรรดิเซิ่งส่งให้มาสืบข่าว
แล้วก็อย่างการจับงูใหญ่ในวันนี้ ราวกับว่าเด็กสองคนนี้จะชื่นชอบวิญญาณและงูมากเป็นพิเศษ…
สีหน้าไม่เกรงกลัวสิ่งใดในโลก สายตาที่ไม่สนว่าจะเป็นใคร แต่หากเจ้ากล้ามาแหยมกับข้า ข้าก็จะตีเจ้านั้นทำเอาป๋ายเสี่ยวฉุนอดกวาดอำนาจจิตออกไปตรวจสอบสายเลือดในร่างของต้าเป่าอีกครั้งไม่ได้…
หากไม่เป็นเพราะมีการขานรับทางสายเลือดอยู่ ป๋ายเสี่ยวฉุนคงรู้สึกว่านี่ไม่ใช่เมล็ดพันธ์ของตน…
และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนทอดถอนใจอย่างปลงตกอยู่ในใจตัวเองนั้น งูใหญ่ตัวที่ถูกต้าเป่าจับมา เนื่องจากฝึกตนมานานหลายปีจึงมีสติปัญญามานานแล้ว ซ้ำในอดีตยังเคยกินผลไม้ประหลาดไปลูกหนึ่ง พลังแห่งอำนาจจิตจึงแข็งแกร่งมาก ยามนี้เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิขุยช่วยพูดออกหน้าให้ตน มันจึงรีบส่งอำนาจจิตออกไปแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยกับจักรพรรดิขุยทันที
ทว่าอำนาจจิตของมันเพิ่งจะถูกส่งออกไป ต้าเป่ากลับถลึงตาขึงขัง คำรามกร้าว
“ผู้ใหญ่เขาคุยกัน เจ้ากล้าเอ่ยแทรก วอนซะแล้ว!” ในดวงตาที่ถลึงโตของต้าเป่าแผ่แสงแห่งความดุดัน ทำเอางูใหญ่ตัวสั่นเทิ้ม เตรียมจะส่งอำนาจจิตออกไปอธิบาย แต่ต้าเป่ากลับปรี่ขึ้นมาประเคนทั้งหมัดทั้งเท้าให้กับมัน
เสียงตูมๆ ดังกึกก้อง ความหวาดกลัวและความรู้สึกไม่เป็นธรรมท่วมท้นอยู่ในใจของงูใหญ่ที่กำลังร้องโหยหวน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยืนอยู่ข้างๆ เห็นภาพนี้ก็ถอนหายใจอีกครั้ง
“ต้าเป่า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้สงสารงูใหญ่ตัวนั้นหรอก เพียงแต่เป็นเพราะเขารู้สึกว่านิสัยนี้ของลูกชายไม่เหมาะสมเอามากๆ ขณะที่กำลังใคร่ครวญว่าจะพูดเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายอย่างไร หรือถึงขั้นคิดแล้วว่าตนควรจะเอาบารมีของบิดาออกมากำราบอีกฝ่ายดีหรือไม่นั้น เสี่ยวเสี่ยวที่อยู่ข้างเขากลับรีบปรี่ขึ้นไปดึงห้ามต้าเป่าเอาไว้
“ต้าเป่า เจ้าต้องรักสัตว์น้อยนะ เจ้าทำแบบนี้ไม่ถูก” น้ำเสียงนุ่มนวล คำพูดหวานหูของเสี่ยวเสี่ยวประหนึ่งสายน้ำอ่อนนุ่มที่ฟังแล้วรื่นหูสบายใจอย่างมาก
สำหรับพี่สาวคนนี้ ต้าเป่าเคารพนับถือมาก ในบางครั้งเขายังเชื่อฟังนางมากกว่ามารดาของตัวเองด้วยซ้ำ เวลานี้จึงรีบหยุดมือ ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางว่านอนสอนง่าย
“อีกอย่างนะต้าเป่า เจ้าพูดแบบนี้กับท่านพ่อได้อย่างไร ท่านพ่อต้องทุ่มเทมากเท่าไหร่เพื่อให้พวกเรามีครอบครัวที่แข็งแรงและมีชีวิตที่เป็นสุข เจ้ายังไม่รีบขอโทษท่านพ่ออีก!” เสี่ยวเสี่ยวยกมือเท้าเอวฉับ ปากก็เอ่ยสั่งสอนไปด้วย
ป๋ายเสี่ยวฉุนมองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างนี้ แล้วยิ่งมาได้ยินคำพูดของลูกสาว ในใจเขาก็พลันปลาบปลื้ม ยังคงรู้สึกว่ามีลูกสาวช่างดีจริงๆ โดยเฉพาะตอนที่เสี่ยวเสี่ยวเพิ่งเกิด ขอแค่ตนอุ้มอีกฝ่ายเอาไว้ นางก็จะส่งเสียงหัวเราะคิกคักมาให้ ภาพความทรงจำเหล่านั้นทำให้ในใจของป๋ายเสี่ยวฉุนบังเกิดความอบอุ่น
ทว่าความอบอุ่นนี้เพิ่งจะเกิดขึ้น เสี่ยวเสี่ยวกลับเริ่มสั่งสอนต้าเป่าอีกครั้ง เสียงของนางดังก้องไปสี่ทิศ
“ต้าเป่า เจ้าเองก็รู้ว่าท่านพ่อขี้ขลาดและกลัวตายมากมาตั้งแต่เด็ก แต่เจ้ากลับดีนัก ยังจะเอางูใหญ่มาขู่ให้ท่านพ่อกลัวอีก!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้างทันที มองเสี่ยวเสี่ยวที่ตั้งท่าสั่งสอนน้องชายอย่างจริงจังด้วยสายตาอึ้งงัน เขารู้สึกว่าตัวเองเริ่มเวียนหัวนิดๆ แล้ว การที่เขามาครั้งนี้ก็เพื่อปรับทัศนคติการใช้ชีวิตของลูกๆ ให้ถูกต้อง แต่พอมาถึงท้ายที่สุด คำพูดที่ได้ยินจากปากเสี่ยวเสี่ยวกลับกลายเป็นว่าลูกชายเอางูใหญ่มาขู่ให้ตนกลัวเสียนี่…
ทุกอย่างนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอึ้งค้าง “เสี่ยวเสี่ยว เจ้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนรีบพูด
ทว่าเสี่ยวเสี่ยวกลับหันมายิ้มหวานให้ป๋ายเสี่ยวฉุน รอยยิ้มนั้นสดใสไร้เดียงสา บริสุทธิ์น่ารักยิ่ง
“ท่านพ่อ ข้ารู้เจ้าค่ะ เมื่อก่อนเคยได้ยินท่านปู่ชิงโหวเล่าให้ฟังว่าตอนเด็กท่านพ่อเคยถูกขังไว้ในหุบเขางู และนับแต่นั้นเป็นต้นมา ท่านก็กลัวตายเป็นอันดับหนึ่ง กลัวผีเป็นอันดับสอง และกลัวงูเป็นอันดับสาม! ท่านพ่อไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ ข้าจะสั่งสอนต้าเป่าให้เอง!” เสี่ยวเสี่ยวพูดจบก็หันไปถลึงตาใส่ต้าเป่าที่ก้มหน้าสำนึกผิดอีกครั้ง
“ต้าเป่า เจ้าทำแบบนี้ไม่ดีมากๆ เลย ข้าบอกเจ้าไว้เลยนะ หากเจ้ายังขู่ให้ท่านพ่อกลัวอีก ข้าจะตีเจ้าแล้วนะ!”
“พี่สาว ต่อไปข้าจะไม่ขู่ท่านพ่ออีกแล้ว” ต้าเป่าที่รู้สึกน้อยใจบึนปากพูดเบาๆ
บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนปากอ้าตาค้างไปแล้วอย่างสิ้นเชิง เขามองลูกชายลูกสาวของตนที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกราวกับว่าแม้แต่ท้องฟ้าก็ยังมืดดำ ลู่อวิ๋นเหยาที่ยืนอยู่ใกล้ๆ พยายามกลั้นยิ้มอย่างยากลำบาก นางกลัวจริงๆ ว่าหากตนกลั้นไม่ไหวจะหลุดหัวเราะท้องคัดท้องแข็ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนอยากจะร้องไห้แต่ก็ไร้น้ำตา เขารู้สึกว่ามีความจำเป็นอย่างมากที่ตนควรต้องสร้างความน่าเกรงขามของผู้เป็นบิดาขึ้นมาใหม่ ดังนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ทำสีหน้าเอาจริงเอาจัง
“เสี่ยวเสี่ยว เมื่อครู่นี้เจ้าพูดไม่ถูก พ่ออย่างข้า…” ป๋ายเสี่ยวฉุนตบอก เตรียมจะปรับภาพลักษณ์ของตัวเองให้สูงส่งขึ้นอีกสักหน่อย ทว่าเสี่ยวเสี่ยวกลับหันมายิ้มหวานให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง ทั้งยังวิ่งเข้ามากอดขาของเขาเอาไว้แล้วเงยศีรษะเล็กๆ ขึ้นพูดกับป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยน้ำเสียงใสแจ๋วที่แฝงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ และเหมือนจะต้องการปลอบใจเขา
“ท่านพ่อไม่ต้องกลัวนะ”
“ต้าเป่าไม่รู้ประสา ข้าจะสั่งสอนเขาเอง แต่ข้าก็พูดกับน้องชายไว้นานมากแล้วว่า ไม่ต้องรอให้พวกเราโต เรื่องงูและวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็ยกให้พวกเราจัดการเองได้หมดเลย”
“แบบนี้เมื่อพวกเราโตขึ้นแล้ว งูและวิญญาณทั้งหมดที่อยู่ในราชวงศ์จักรพรรดิขุยก็จะถูกเก็บกวาดจนเกลี้ยง จะไม่มีทางปล่อยให้พวกมันโผล่มาอีกเด็ดขาด ท่านพ่อจะได้ไม่ต้องกลัวไงเจ้าคะ ท่านพ่อวางใจเถอะ ข้ากับต้าเป่าจะช่วยกันปกป้องท่านเอง!” รอยยิ้มหวานเจี๊ยบของเสี่ยวเสี่ยว บวกกับคำพูดที่ทั้งไร้เดียงสาและทั้งจริงจังนั้นทำให้ใจของป๋ายเสี่ยวฉุนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
ต้าเป่าที่อยู่ข้างกันแม้จะดื้อรั้น แต่สำหรับเรื่องนี้เขากลับพยักหน้าเห็นด้วย
“ท่านพ่อ ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงได้กลัวงูและวิญญาณขนาดนั้น แต่พี่สาวพูดถูกแล้ว ต่อไปท่านพ่อไม่ต้องกลัวแล้ว ข้ากับพี่สาวจะเป็นคนปกป้องท่านเอง จะไม่ยอมให้งูและวิญญาณมาทำให้ท่านพ่อตกใจกลัวได้อีกเด็ดขาด” ต้าเป่าเองก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อันที่จริงนี่ต่างหากถึงจะเป็นสาเหตุที่เด็กทั้งสองชอบออกไปข้างนอกบ่อยๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
แม้ว่าจะชอบเล่นสนุกซุกซน แต่จุดเริ่มต้นกลับเป็นเพราะหลังจากที่หลี่ชิงโหวเล่าเรื่องราวในอดีตของป๋ายเสี่ยวฉุนให้ฟัง ทำให้พวกเขารู้ถึงสิ่งที่บิดาของตัวเองหวาดกลัว ดังนั้นลึกๆ ในใจจึงเกิดความคิดที่อยากจะปกป้องบิดาของตน
คำพูดประโยคนี้ที่เด็กทั้งสองคนพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเดียงสาทำให้รอยยิ้มของลู่อวิ๋นเหยาหายไป แทนที่มาด้วยประกายสดใสในดวงตา
ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ซาบซึ้งและปลาบปลื้มใจมาก ทว่าขณะเดียวกันเขาก็ต้องถอนหายใจยาวๆ เข้าใจดีว่าเรื่องแบบนี้คงไม่อาจเกลี้ยกล่อมหรือโน้มน้าวอะไรได้ในเวลาสั้นๆ ดังนั้นจึงลูบศีรษะของลูกทั้งสองอย่างปราณี แต่ก่อนจะจากไปเขาก็ยังอดหันมาพูดประโยคหนึ่งไม่ได้
“เรื่องที่ท่านปู่ชิงโหวของพวกเจ้าเล่าให้ฟังไม่ถูกนัก อันที่จริง…พ่ออย่างข้าไม่กลัวงู ยิ่งไม่กลัวผี แล้วก็ใจกล้ามากด้วย” ป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่งจะพูดมาถึงตรงนี้
ด้านหลังเขาก็มีเสียงกระแอมดังขึ้น ซ่งจวินหว่านและโจวจื่อโม่พากันเดินมา หญิงทั้งสองคนมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันกระอักกระอ่วนจึงรีบหาข้ออ้างขอตัวจากไป
พอกลับมาถึงห้องลับที่ใช้ปิดด่าน ป๋ายเสี่ยวฉุนที่นั่งอยู่ในนั้นหวนนึกถึงคำพูดของเสี่ยวเสี่ยวและต้าเป่าก็ยังคงชื่นใจ แต่ก็เป็นกังวลด้วย เนิ่นนานต่อมาเขาถึงได้ส่ายหน้า
“เอาเถอะ ไม่จำเป็นต้องไปฝืนให้พวกเขาเปลี่ยนนิสัยตัวเอง วิถีของข้าก็ใช่ว่าจะเหมาะสมกับพวกเขาเสมอไป และสุดท้ายแล้วพวกเขาก็ต้องสร้างอนาคตด้วยตัวเอง สิ่งที่ข้าทำได้ก็มีเพียงแค่พยายามปกป้องพวกเขาอย่างสุดความสามารถเท่านั้น”
ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำกับตัวเอง ครู่ต่อมาเขาก็คลี่ยิ้ม
“ความรู้สึกที่ถูกคนปกป้องช่างดีจริงๆ โดยเฉพาะถูกปกป้องจากลูกสาวและลูกชายตัวเองที่ยิ่งดีเข้าไปใหญ่”
ไม่มัวคิดพะวงกับเรื่องนิสัยของเสี่ยวเสี่ยวและต้าเป่าอีก หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หลับตาฝึกตน ขณะเดียวกันก็ทำการอนุมานไฟยี่สิบสามสีต่ออีกครั้ง
เวลาหลายปีมานี้เขาเข้าใจหลักการสร้างไฟยี่สิบสามสีได้เกือบเก้าส่วนแล้ว เหลือเพียงแค่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างที่ยังจำเป็นต้องปรับแก้ให้สมบูรณ์แบบ จากการคาดคะเนของป๋ายเสี่ยวฉุน ใช้เวลาอีกไม่นานเท่าไหร่เขาก็จะสามารถสร้างตำรับวิญญาณไฟยี่สิบสามสีขึ้นมาได้
เวลาล่วงเลยผ่านไปอีกหนึ่งปี เมื่อตำรับวิญญาณไฟยี่สิบสามสีถูกอนุมานอย่างสมบูรณ์แบบอยู่ในสมองของป๋ายเสี่ยวฉุน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ลืมตาขึ้นด้วยความฮึกเหิม ยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นก็มีวิญญาณจำนวนมากบินออกมาจากในถุงเก็บของของเขา และเขาก็เตรียมจะทดลองหลอมดู
ทว่าเวลานี้เอง จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หน้าเปลี่ยนสี เงยหน้ามองไปยังทิศทางอันเป็นตำแหน่งถ้ำของกงซุนหว่านเอ๋อร์!
“ปราณนี้…ผิดปกติ!”



