Skip to content

A Will Eternal 1227

บทที่ 1227 โคมขาว

เพียงชั่วพริบตาเวลาก็ล่วงเลยผ่านไปแล้วสิบปี

ท่ามกลางห้วงจักรวาลที่มืดมิด พัดขนาดมหึมาที่ส่องแสงอ่อนโยนเล่มหนึ่งกำลังทะยานไปข้างหน้าด้วยความเร็วอันน่าตะลึง ผ่านที่ใดก็จะต้องลากหางแสงเป็นทางยาวไปด้านหลัง ทอดสายตามองไกลๆ จึงเป็นราวกับดาวตก

เหนือแขนผู้บงการที่อยู่บนหน้าพัด ป๋ายเสี่ยวฉุนนั่งเข้าฌานอยู่ตรงนั้น บางครั้งก็ที่ลืมตาขึ้นก็จะทอดสายตาที่ฉายแววคมกริบมองไปยังห้วงจักรวาลทิศไกล ดูเหมือนว่าสีดำจะเป็นสีสันเพียงหนึ่งเดียวในห้วงจักรวาลแห่งนี้ เวลาสิบปีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนล่องลอยอยู่ท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด แม้จะได้เห็นซากปรักหักพังบางส่วนที่ล่องลอยมา แล้วก็เจอวิญญาณอยู่หลายดวง ทว่าสุดท้ายแล้วจำนวนนั้นก็ยังไม่มากพออยู่ดี

แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะร้อนใจ แต่เขาก็ไม่มีวิธีที่ดีไปมากกว่านี้ ซ้ำเขายังเคยพยายามทดลองเปลี่ยนแปลงทิศทางการโคจรของพัดวิเศษแล้วด้วย แต่ต่อให้เปลี่ยนทิศทาง ไม่นานพัดวิเศษก็จะหวนกลับคืนสู่วิถีโคจรเดิมอีกครั้ง

และไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนที่เดิมทีก็ไม่มีจุดหมายเฉพาะเจาะจงอยู่แล้ว จึงล้มเลิกความคิดที่จะเปลี่ยนทิศทางนี้ไป ปล่อยให้พัดล่องลอยไปท่ามกลางห้วงจักรวาลอย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนตัวเขาก็นั่งเข้าฌาน ด้านหนึ่งคือฝึกตน ส่วนอีกด้านหนึ่งทำการอนุมานตำรับหลอมไฟยี่สิบห้าสี (ในที่นี้ผู้แปลแจ้งว่าตอนที่แล้วพิมพ์ตัวเลขผิด ความจริงคือป๋ายเสี่ยวฉุนต้องหลอมไฟยี่สิบสี่สีสำเร็จแล้ว)

ส่วนวิญญาณวัตถุน้อยนั้น เมื่อคอยประจบสอพลออย่างต่อเนื่องตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนวางใจได้ในที่สุด และพอจะพิจารณาถึงเรื่องที่จะให้มันเปลี่ยนชื่อได้อีกครั้ง

นี่ทำให้วิญญาณวัตถุน้อยดีใจอย่างมาก

ดังนั้นจึงยิ่งกระตือรือร้นในการเอาอกเอาใจป๋ายเสี่ยวฉุนมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการที่ประจบเลียแข้งเลียขาป๋ายเสี่ยวฉุนติดต่อกันเป็นเวลาหลายปี เป็นเหตุให้มาถึงตอนนี้ มันจึงเริ่มเคยชินกับวิธีการพูดและเชี่ยวชาญในการสังเกตสีหน้าอารมณ์ จนเริ่มจะกลายมาเป็นสัญชาตญาณอย่างหนึ่งไปแล้ว ยกตัวอย่างเช่นในเวลานี้ที่เจ้าวิญญาณวัตถุน้อยยืนทำหน้าประจบอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน มือก็คอยบีบนวดไหล่ให้กับเขาพลางใช้สายตาสังเกตสีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนไปด้วย

“นายท่าน แรงเท่านี้พอใช้ได้ไหม?”

“นายท่าน หลายวันมานี้ข้าศึกษาวิธีนวดแบบใหม่มาได้ อีกเดี๋ยวข้าน้อยจะทดลองทำให้ท่านดู ดีไหม”

การประจบเอาใจของวิญญาณวัตถุน้อยทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสบายอุราอย่างยิ่ง บางครั้งก็แค่นเสียง บางครั้งก็พยักหน้า หากอารมณ์ดีก็จะมอบรอยยิ้มชื่นชมเป็นรางวัลให้แก่วิญญาณวัตถุน้อยสักครั้งหนึ่ง และเพียงแค่รอยยิ้มชมเชยนี้ก็ทำให้วิญญาณวัตถุน้อยดีใจไปได้ทั้งวัน

รวมไปถึงทาสบุพกาลผู้นั้นที่แม้ว่าจะจำแลงออกมาได้แค่ท่านเดียว ทว่าทุกวันนี้ทาสผู้นั้นไม่เพียงแต่เคลื่อนไหวไปมาอยู่บนหน้าพัดได้ ยังสามารถออกมาจากโลกหน้าพัดได้ในเวลาสั้นๆ แม้จะยังออกไปจากพัดวิเศษไม่ได้ ทว่าในด้านการปกป้องพัดวิเศษเล่มนี้แล้ว เขากลับทำได้ดียิ่งกว่าตอนที่จักรพรรดิแสเคยบุกเข้ามา และหากว่านอกพัดมีศัตรูเข้ามารุกราน ตัวพัดวิเศษก็จะแผ่พลังการปกป้องตัวเองออกมา ถึงแม้ว่าพลังนั้นจะไม่ถึงขั้นทนทานมิอาจทำลาย ทว่าในเวลาสิบปีมานี้ ซากปรักหักพังทั้งหมดก็ล้วนมิอาจทานรับการพุ่งโจมตีของมันได้

และก็เป็นเช่นนี้ ท่ามกลางการค้นหาวิญญาณที่เป็นดั่งการทัศนาจรห้วงมิติครั้งนี้ เวลาก็ล่วงเลยผ่านไปอีกครั้ง คราวนี้ผ่านไปอีกสามปี…

สำหรับตำรับไฟยี่สิบห้าสี ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นสามารถสร้างสรรค์ได้สำเร็จแล้ว และก็เคยนำวิญญาณที่เก็บสะสมตลอดหลายปีมาทดลองหลอมไปสองครั้ง ทว่าวิญญาณที่ได้มามีน้อยเกินไป เมื่อทั้งสองครั้งล้มเหลว ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงไม่สามารถนำมาหลอมได้ต่อเป็นครั้งที่สาม

จนกระทั่งมาวันนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังนั่งเข้าฌานพลันตัวสั่นสะท้าน อำนาจจิตของเขาอยู่ในสภาวะแผ่ออกไปตรวจสอบรอบด้านอยู่ตลอดเวลา และเมื่อตอนนี้ดวงตาทั้งคู่เปิดขึ้น ประกายสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เรืองจ้า สะบัดกายวูบออกไปจากหน้าพัด พอปรากฏตัวก็มาอยู่ตรงริมขอบพัด สายตาทอดมองไปยังห้วงจักรวาลห่างไกล

ไม่นานวิญญาณวัตถุน้อยก็สัมผัสได้ มันจึงมาปรากฏตัวอยู่ข้างกายป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าสนใจ ทั้งยังมองตามไปยังทิศไกลด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ

สีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มเปลี่ยนมาเป็นเคร่งขรึม และเมื่อพัดวิเศษล่องลอยไปต่อเนื่อง ห้วงจักรวาลเบื้องหน้าที่แต่เดิมมืดดำก็ค่อยๆ ปรากฏแสงสีขาวเส้นหนึ่งให้เห็น!

หากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่า แสงสีขาวนี้แท้จริงแล้วคือโคมขนาดใหญ่ดวงหนึ่ง!!

โคมนี้ใหญ่พันจั้ง ไม่มีใครถือมันเอาไว้ แต่มันล่องลอยอยู่กลางห้วงอวกาศด้วยตัวเอง และด้านหลังโคมดวงนี้ที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ก็คือ…วิญญาณมากมายไร้ที่สิ้นสุด!

ทอดสายตามองไป จำนวนของวิญญาณนั้นเกรงว่าคงมากถึงหลักร้อยล้าน วิญญาณแต่ละดวงสีหน้าทึ่มทื่อ ไม่มีความปราดเปรียวคล่องแคล่วใดๆ เพียงล่องลอยอยู่ท่ามกลางปราณแห่งความตายที่ตลบอบอวล ติดตามโคมที่อยู่เบื้องหน้าไปเรื่อยๆ!

มองไกลๆ ภาพนี้ยิ่งใหญ่เกรียงไกรน่าตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด

ป๋ายเสี่ยวฉุนเดินทางอยู่ในห้วงอวกาศมานานหลายปีแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นภาพเหตุการณ์อันมหัศจรรย์เช่นนี้ เขาที่จิตใจสั่นสะท้านจึงควบคุมให้พัดวิเศษหยุดชะงักลงทันที

“วิญญาณมากขนาดนี้เชียว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเลียริมฝีปาก หากเอาวิญญาณที่เขาเก็บสะสมได้ตลอดหลายปีนี้มารวมกันก็ยังได้ไม่มากเท่าที่เห็นอยู่ตรงหน้า นี่ทำให้จิตใจของเขาสั่นไหว ขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าภาพตรงหน้าแปลกประหลาดเกินไป

“ป๋ายเสี่ยวชือ เจ้าเคยเห็นภาพเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนบ้างไหม?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยถามทันที

ต่อให้จะไม่พอใจกับชื่อของตัวเองอย่างมาก แต่วิญญาณวัตถุน้อยที่ตะลึงลานไม่ต่างกันก็ยังรีบส่ายหัว

“นายท่าน แม้ว่าเวลาส่วนใหญ่ข้าจะหลับสนิท ทว่ายามที่ข้าตื่นขึ้นมา ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ยาวนานจนมิอาจนับได้ไหว ข้าไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย วิญญาณพวกนี้…สวรรค์ วิญญาณพวกนี้ติดตามโคมดวงนี้มา พวกมันจะไปไหนกัน?”

ขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยยังตกตะลึงไม่คลาย ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้หรี่ตาลง เรื่องประหลาดผิดวิสัยเช่นนี้ ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่คิดจะลงมืออย่างบุ่มบ่าม

โดยเฉพาะเมื่อเขาค้นพบว่าดูเหมือนวิญญาณเหล่านั้นจะมองไม่เห็นพัดวิเศษของเขา ดังนั้นเขาจึงควบคุมให้พัดติดตามเหล่าวิญญาณที่ล่องลอยไปอย่างระมัดระวัง หมายจะดูให้รู้แน่ชัดว่าพวกมันกำลังจะมุ่งหน้าไปที่ไหนกันแน่

การติดตามของเขาครั้งนี้ใช้เวลานานหลายปี…ระหว่างนั้นมีอยู่หลายครั้งที่พัดวิเศษหวนกลับเข้าวิถีการโคจรเดิม แต่ก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนบังคับเปลี่ยนวิถีไปเสียทุกครั้ง แต่ว่าสุดท้ายแล้วป๋ายเสี่ยวฉุนก็มิอาจข่มกลั้นได้นาน เพราะตลอดระยะเวลาหลายปีที่ติดตามมาเขาก็คอยโยนยารวมวิญญาณออกไปเป็นระยะ ค่อยๆ ขโมยวิญญาณที่รวมตัวกันเป็นแถวยาวเหยียดไปทีละนิด…

และเนื่องจากเผ่าโอสถดำช่วยกันหลอมยาวิญญาณทั้งวันทั้งคืน จำนวนยารวมวิญญาณที่อยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนตอนนี้จึงมีไม่น้อย แล้วก็เป็นเช่นนี้ ท่ามกลางการขโมยกินของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณหลายร้อยล้านดวงก็ถูกเขาขโมยจนเกลี้ยงภายในเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านไป…

เมื่อมีวิญญาณที่มากพอแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงทดลองหลอมไฟยี่สิบห้าสีอีกหลายครั้ง และในที่สุดก็ทำสำเร็จ เมื่อเห็นว่ามีเวลามากพอ เขาจึงเริ่มอนุมานตำรับของไฟยี่สิบหกสี

มาถึงเวลานี้ ใจป๋ายเสี่ยวฉุนคิดจะจากไป แต่เขาก็รู้สึกอีกว่านี่เป็นโอกาสที่ดีมากครั้งหนึ่ง หากสามารถติดตามไปจนเจอจุดหมายปลายทางของโคมดวงนี้ ไม่แน่ว่าที่นั่นอาจมีดวงวิญญาณอีกมากให้เขาตักตวงได้อย่างไม่ต้องเปลืองแรง ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงข่มกลั้นความคิดที่จะจากไปเอาไว้ คอยศึกษาตำรับหลอมไฟพลางติดตามโคมดวงนั้นไปด้วย

หลายเดือนต่อมา ดูเหมือนว่าโคมดวงนี้จะมาถึงจุดหมายของมันแล้ว

และพอป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นสถานีปลายทางนั้น สมองเขาก็มีเสียงดังอื้ออึง เพราะมองเห็นว่าเบื้องหน้าห้วงอวกาศที่โคมยักษ์มุ่งหน้าไป มีบ่อขนาดใหญ่ยิ่งกว่าอยู่บ่อหนึ่ง!!

บ่อนี้ใหญ่พอหมื่นจั้ง ทั้งยังมีหมอกบางๆ ที่ทำให้ความว่างเปล่าบิดเบือนแผ่อบอวลออกมาเป็นระลอก และโคมดวงนั้นก็ลอยเข้าไปในปากบ่อ!

นี่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะที่ยิ่งทำให้ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบรัวก็คือ เขามองไกลๆ ไปเห็นว่าสี่ด้านแปดทิศมีโคมอีกสิบกว่าดวงที่ด้านหลังมีวิญญาณนับไม่ถ้วนติดตามมาจัดเรียงกันเป็นแถวยาวสิบกว่าแถว และโคมแต่ละดวงต่างก็ทยอยกันผลุบหายเข้าไปในปากบ่อ

“วิญญาณเยอะขนาดนี้เชียว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นเต้นขึ้นมาทันควัน ทว่าภาพเหตุการณ์ที่เห็นอยู่ตอนนี้ชวนพิศวงอย่างถึงที่สุด เขาจึงเกิดความลังเล ไม่กล้าพุ่งเข้าไปจับวิญญาณเหล่านั้น

“สวรรค์ นี่มันอะไรกัน!” วิญญาณวัตถุน้อยก็อึ้งจังงังไปเหมือนกัน ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่กว้างขวางของมัน ก็ยังมองไม่ออกว่า ที่นี่ซุกซ่อนสายสนกลในอะไรเอาไว้กันแน่

ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มคิดไม่ตก เขายืนอยู่บนพัดวิเศษนานมาก จนกระทั่งโคมเหล่านั้นหายเข้าไปในปากบ่อหมดแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ต่อสู้กับความคิดของตัวเองอยู่พักใหญ่ถึงกัดฟันกรอด

“ปากบ่อนั้นลี้ลับเกินไป ต้องอันตรายมากแน่ๆ แต่ว่าที่นี่คือสถานที่ที่ดีเยี่ยม หากข้ามาดักรออยู่ตรงนี้ พอโคมดวงไหนลอยมาก็เก็บเอาไป ไม่ต้องเข้าไปใกล้ปากบ่อนั่นก็ไม่น่าจะเป็นอะไร!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ รู้ดีว่านี่คือโอกาส แม้จะมีความเสี่ยงอยู่บ้าง แต่พอคิดว่าหากได้วิญญาณพวกนี้มา เขาก็จะสามารถทดลองหลอมไฟยี่สิบหกสีได้ ดังนั้นนัยน์ตาจึงฉายความบ้าคลั่ง ก่อนจะเลือกนั่งรออยู่ตรงนั้นเงียบๆ

รออยู่ไม่นานนัก ประมาณสักครึ่งเดือน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็มองไกลๆ ไปเห็นโคมดวงหนึ่งที่กำลังลอยละล่องเข้ามา ดวงตาเขาเป็นประกาย รีบบังคับพัดวิเศษให้ขยับเข้าไปใกล้ แล้วก็โยนยารวมวิญญาณกำใหญ่ออกไปอย่างไม่ลังเล

เมื่อเสียงปังๆ ดังกึกก้องไปทั่ว เมื่อโคมดวงนั้นลอยเข้าไปในปากบ่อ ดวงวิญญาณทั้งหมดที่ติดตามมันมาก็ได้ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนที่ตาแดงก่ำเก็บรวบเอาไปจนเกลี้ยง

“รวยแล้ว!” ป๋ายเสี่ยวฉุนดีใจ แล้วก็รีบกลับเข้าไปนั่งรอบนพัดวิเศษด้วยความระมัดระวัง เตรียมพร้อมว่าหากท่าไม่ดีจะรีบเผ่นหนีไปทันที ทว่ารออยู่หลายวัน พอเห็นว่าปากบ่อนั่นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ความกล้าหาญของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เพิ่มพูนขึ้นมาทันที “ฮ่าๆ ไม่มีเรื่องเกิดขึ้นจริงๆ ด้วย หรือว่าที่นี่จะเป็นสถานที่มงคลของข้าป๋ายเสี่ยวฉุน!”

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนสาดแสงเจิดจ้า แล้วก็รอคอยโคมดวงต่อไป ด้วยความคึกคักกระปรี้กระเปร่า

หลายวันต่อมา มีโคมอีกดวงหนึ่งลอยมาถึง…

แล้วก็เป็นเช่นนี้ ภายใต้การเก็บรวบวิญญาณอย่างบ้าคลั่งของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณจำนวนมหาศาลที่ล่องลอยมาพร้อมกับโคมดวงแล้วดวงเล่า ก็ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดักรวบเอาไปกลางทาง ดังนั้นที่เข้าไปในปากบ่อจึงมีแค่โคมอย่างเดียว นานวันเข้าป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งปลื้มปริ่มไปกับผลเก็บเกี่ยวที่ตัวเองได้รับมา มาจนถึงท้ายที่สุดเขาก็เปี่ยมล้นไปด้วยความห้าวเหิม

ทว่าวิญญาณวัตถุน้อยที่เห็นทุกภาพเหตุการณ์กลับเกิดลางสังหรณ์ร้ายไม่หยุด จึงเอ่ยเกลี้ยกล่อมอยู่หลายครั้ง

“นายท่าน ได้พอสมควรแล้วก็หยุดเถอะ ข้ามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเสียเลย…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!