Skip to content

A Will Eternal 1231

บทที่ 1231 โลกของนาฬิกาทราย

ป๋ายเสี่ยวฉุนนิ่วหน้า แม้เขาจะสัมผัสไม่ได้ถึงปราณของต้นกำเนิดอะไรก็ตาม ทว่าเมื่อมาอยู่ที่นี่ เขากลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ตบะของตนลิงโลดกว่าในอดีตหลายเท่า โดยเฉพาะวิชาของบทจากโบราณกาลที่ยิ่งโคจรขึ้นมาด้วยตัวเอง

ราวกับว่าในโลกที่ยุบลงลึกใบนี้มีน้ำค้างหวานล้ำ ที่ทำให้เขาเกิดความปรารถนาอย่างแรงกล้าจนหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง

ทว่าเขาที่เป็นคนระมัดระวังรอบคอบมาโดยตลอด ยิ่งมีประสบการณ์จากเรื่องของแม่เฒ่าผีมาแล้ว จึงเกิดความระแวงภัยสูงสุดต่อเรื่องที่เสี่ยงภัยประเภทนี้ เขาจึงยังไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม เพียงแผ่อำนาจจิตออกไปตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเน้นที่โลกซึ่งประกอบขึ้นมาจากนาฬิกาทรายใบนั้นเป็นพิเศษ!

ภายใต้การแผ่อำนาจจิตไปตรวจสอบนี้ ไม่นานสีหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง มาถึงท้ายที่สุด ดวงตาของเขาก็ฉายแววตะลึงพรึงเพริด

“วิญญาณวัตถุน้อย เจ้าลองรับสัมผัสกับด้านล่างของโลกใบนี้ดูสิ …เหมือนว่า… ตรงนั้นจะมีพื้นที่ที่แปลกประหลาดอยู่แห่งหนึ่ง!!”

พอป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเช่นนี้ วิญญาณวัตถุน้อยจึงคืนสติมาจากความตกตะลึงก่อนหน้านั้นแล้วเริ่มรับสัมผัสอย่างละเอียด แต่ไม่ว่าจะเป็นมันหรือป๋ายเสี่ยวฉุนต่างก็ยากที่จะมองเห็นพื้นที่ตรงนั้นได้อย่างชัดเจน เพียงแต่พอจะสัมผัสได้ว่าตรงนั้นคล้ายจะมีคลื่นขุมหนึ่งแฝงเร้นอยู่ และด้านในคลื่นนี้ก็มีพลังงานบางอย่างที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดซุกซ่อนอยู่!!

พลังงานนี้ เพียงแค่ป๋ายเสี่ยวฉุนรับสัมผัสเล็กน้อยก็สั่นสะท้านไปทั้งร่างทันที

“ผู้บงการ ตรงนั้นมีปราณของผู้บงการ!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนกับวิญญาณวัตถุน้อยที่พอหันมามองหน้ากัน ต่างก็ตะลึงพรึงเพริดไปกับการค้นพบนี้ เนิ่นนาน ภายใต้การตรวจสอบอย่างต่อเนื่องของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็เริ่มมีการคาดเดาที่ใจกล้าบางอย่างเกิดขึ้น!

“บางที…ห้วงจักรวาลที่ยุบยวบลงไปแห่งนี้ แท้จริงแล้วก็คือนาฬิกาทรายขนาดใหญ่อันหนึ่ง โลกใบนั้นก็คือใจกลางของนาฬิกาทรายอันนี้ ส่วนพื้นที่ด้านล่าง ก็คือส่วนครึ่งล่างของนาฬิกาทราย!”

“หากเป็นอย่างที่ข้าวิเคราะห์เอาไว้ ถ้าเช่นนั้นนาฬิกาทรายชิ้นนี้ ก็ย่อมต้องเป็นสมบัติล้ำค่าของระดับผู้บงการ! อีกทั้งยังไม่มีเจ้าของอีกด้วย!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาทั้งคู่ก็เป็นประกาย หัวใจเต้นกระหน่ำดังตึกตัก ขยับร่างบินออกไปนอกพัดวิเศษ หลังจากบินวนไปรอบด้านหลายรอบแล้ว เขาก็เริ่มทดลองคิดหาวิธีที่จะเก็บเอานาฬิกาทรายอันเป็นสมบัติล้ำค่านี้ไปครอง

พอเห็นการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณวัตถุน้อยที่อยู่ข้างกันก็เบิกตากว้าง รีบพูดห้ามทันที

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าอย่าหาเรื่องอีกเลยนะ นี่น่าจะเป็นสมบัติอาคมเหมือนของข้า แต่ว่ามันสมบูรณ์แบบ หากเจ้าไปทำให้มันโกรธขึ้นมา พวกเราก็จบเห่แน่!!”

“ไม่เป็นไร ข้ามีประสบการณ์”

ป๋ายเสี่ยวฉุนไอแห้งๆ แล้วหลุดปากพูดประโยคนี้ออกไปด้วยความเคยชิน หากเขาไม่พูดประโยคนี้ก็ยังพอว่า แต่พอพูดออกมาแล้วก็ทำเอาในสมองของวิญญาณวัตถุน้อยมีเสียงดังอื้ออึง มันนึกไปถึงตอนก่อนหน้าที่ป๋ายเสี่ยวฉุนจะเข้าไปในปากบ่อซึ่งก็พูดประโยคนี้เหมือนกัน แล้วก็หวนนึกไปถึงประสบการณ์ของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ได้มาจากตน ทั้งหมดนี้ล้วนทำให้ใบหน้าของวิญญาณวัตถุน้อยเริ่มเขียวคล้ำ

แต่ไม่นานวิญญาณวัตถุน้อยก็คลายใจลงได้ เพราะมองเห็นว่าไม่ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะทำอย่างไร ก็ไม่สามารถเขย่าคลอนนาฬิกาทรายนี้ได้แม้แต่น้อย เขาพยายามทุกวิถีทางเท่าที่จะคิดได้แล้ว แต่ก็ยังยากที่จะเก็บมันเอาไปได้

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หงุดหงิดมากเหมือนกัน รู้ดีว่านาฬิกาทรายนี่ไม่เหมือนกับซากพัด เพราะว่าตอนนั้นพัดเล่มนี้ไม่สมประกอบ เขาถึงได้ใช้เล่ห์กลจนได้มันมาครอง ทว่านาฬิกาทรายชิ้นนี้เห็นได้ชัดว่าสมบูรณ์แบบมาก ไม่มีความเสียหายเลยแม้แต่นิดเดียว

สมบัติล้ำค่าเช่นนี้ เดิมทีก็ควรต้องมีวิญญาณวัตถุอยู่แล้ว ซ้ำมันยังไม่ใช่สมบัติของการสืบทอดเฉกเช่นพัดวิเศษ ดังนั้นคิดจะเก็บมันไป ก็จำเป็นต้องมีพลังของผู้บงการเท่านั้น ถึงจะพอฝืนบังคับเก็บมันให้กลายมาเป็นวัตถุส่วนตัวได้

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกไม่ยอมแพ้ หลังจากคิดไตร่ตรองดูแล้วก็หยิบเอาหม้อกระดองเต่าออกมา คิดจะหลอมพลังจิตให้กับนาฬิกาทรายอันเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเหตุเป็นเพราะใด การหลอมพลังจิตที่ราบรื่นไร้อุปสรรคมาโดยตลอดถึงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ กับนาฬิกาทรายชิ้นนี้แม้แต่น้อย

นี่จึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนกลุ้มใจอย่างยิ่ง หลังจากทดลองอยู่หลายครั้งแล้วล้มเหลวทุกครั้ง ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้พบต้นตอของปัญหา ใช่ว่าจะไม่สามารถหลอมพลังจิตได้จริงๆ แต่เป็นเพราะนาฬิกาทรายอันเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้มีสัญชาตญาณในการต่อต้านที่แข็งแกร่งมาก หากฝืนจะไปหลอมพลังจิตให้มัน เกรงว่าคงจะทำได้แค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น เพราะหากหลอมพลังจิตสำเร็จแค่ครั้งเดียวก็คงไปชักนำความเดือดดาลของวิญญาณวัตถุที่อยู่ในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้แน่นอน

และเมื่อสังเกตเห็นการกระทำของป๋ายเสี่ยวฉุน วิญญาณวัตถุน้อยก็โมโหปรี๊ดจนแผดเสียงแหลมขึ้นมาทันที

“หยุดนะ หยุดเลย ป๋ายเสี่ยวฉุนเจ้าฟังข้าพูด เดิมทีวิญญาณวัตถุของสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้กำลังหลับสนิท หากเจ้าหลอมพลังจิตแล้วไปกระตุ้นมันเข้าจริงๆ ถึงเวลานั้นพวกเราก็จบเห่แน่!!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนลังเลไปชั่วครู่ หลังจากวิเคราะห์ใคร่ครวญดูแล้วเขาก็มีความรู้สึกว่าหากฝืนหลอมพลังจิต สิ่งที่รอตนอยู่ก็คือมรสุมแห่งความตาย คิดไม่ตกอยู่นาน สุดท้ายป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถอนหายใจ ล้มเลิกความคิดนี้อย่างเฉียบขาด เพียงแต่ว่าลึกๆ ในใจยังไม่อยากจะยอมแพ้นัก

วิญญาณวัตถุน้อยรู้สึกอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก มันรู้สึกว่าตลอดหลายปีที่ติดตามป๋ายเสี่ยวฉุนมามีเรื่องเร้าอารมณ์เกิดขึ้นเยอะเกินไป…ไม่ใช่ ต้องพูดว่ามีเรื่องที่เสี่ยงตายเกิดขึ้นมากเกินไปต่างหาก ในอดีตยามที่ตนควบคุมให้พัดวิเศษบินทะยานเพียงลำพัง ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมายังไม่เคยเจอกับเรื่องใหญ่อะไรเลย แต่พอมีป๋ายเสี่ยวฉุนมาอยู่ด้วยกลับเจอวิกฤตเสี่ยงตายครั้งแล้วครั้งเล่า

แค่แม่เฒ่ากระดาษคนเดียวก็น่าผวามากพออยู่แล้ว หากมาเพิ่มการไล่ฆ่าจากสมบัติล้ำค่าที่มีต้นกำเนิดแห่งเวลานี้เข้าไปอีก เพียงแค่จินตนาการภาพเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น วิญญาณวัตถุน้อยก็ถึงกับเกิดความคิดอยากฆ่าตัวตายขึ้นมา

“ไม่ได้ ไอ้หมอนี่บางครั้งก็ขี้ขลาด บางครั้งก็บ้าระห่ำมากเป็นพิเศษ ต้องรีบคิดหาวิธีมาเบี่ยงเบนความสนใจของเขา หาไม่แล้วข้าก็มีความรู้สึกว่า เขาต้องหาวิธีจนมีเรื่องกับพี่ชายในสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้เข้าจนได้…”

วิญญาณวัตถุน้อยร้อนใจอย่างมาก มันกลอกตาล่อกแล่กไม่หยุด หลังจากผ่านไปได้หลายชั่วลมหายใจ ดวงตาทั้งคู่ของมันก็พลันเป็นประกาย

“นายท่าน โลกนาฬิกาทรายแถบนั้นคือพื้นที่ที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดแห่งเวลาเชียวนะ หากท่านสามารถบรรลุต้นกำเนิดแห่งเวลาได้จากที่นี่ มันจะมีประโยชน์กับท่านอย่างมหาศาลเลยล่ะ”

“อีกอย่างข้าเห็นว่าวิชาที่ท่านใช้ฝึกตนก่อนหน้านี้ก็มีความเกี่ยวข้องกับต้นกำเนิดแห่งเวลาเหมือนกัน นี่มันสถานที่วิเศษสำหรับท่านเลยนี่นา!”

“ก่อนหน้านี้ท่านไม่ได้เจอกับอุปสรรคตอนหลอมไฟหรอกหรือ ลองอาศัยทำความเข้าใจกับต้นกำเนิดที่พิเศษของที่แห่งนี้ดูสิ อาจมีความเป็นไปได้มากที่จะช่วยให้ท่านฝ่าทะลุคอขวดอันเป็นอุปสรรคไปได้ อีกอย่างวิญญาณวัตถุของสมบัติชิ้นนี้ก็กำลังหลับสนิท นี่นับเป็นโอกาสอันดีที่สวรรค์ประทานมาให้เลยนะ หากวิญญาณวัตถุตื่นขึ้นมา ท่านคิดจะมาทำความเข้าใจอยู่ในที่แห่งนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว!”

“อีกอย่างนายท่านก็วางใจได้เลย ข้าจะช่วยเป็นผู้พิทักษ์ คอยตรวจตรารอบด้านให้ท่านเอง จะไม่ยอมให้ท่านพบเจอกับอันตรายใดๆ ระหว่างที่ทำความเข้าใจอยู่ที่นี่เด็ดขาด!”

วิญญาณวัตถุน้อยพูดมาถึงตรงนี้ ด้วยกลัวว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะไม่เชื่อ จึงลงทุนแผ่อำนาจจิตไปควบคุมพัดวิเศษให้ตรวจสอบรอบด้านแบบละเอียดยิบ จนสุดท้ายมั่นใจแล้วว่าหากป๋ายเสี่ยวฉุนมาทำความเข้ากับวิชาต้นกำเนิดอยู่ที่นี่จะไม่มีอันตรายใดๆ อย่างแท้จริง

ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกว่าคำพูดของวิญญาณวัตถุน้อยพอจะมีเหตุผลอยู่บ้าง โดยเฉพาะเมื่อมาอยู่ที่นี่แล้วบทจากโบราณกาลของเขาลิงโลดขึ้นมาจริงๆ ทั้งเขายังมีลางสังหรณ์อย่างหนึ่งด้วยว่า คอขวดของไฟยี่สิบเจ็ดสีอาจจะฝ่าทะลุไปได้จากที่นี่ จากนั้นเขาก็มองไปที่นาฬิกาทรายอันเป็นสมบัติล้ำค่าอีกครั้ง พลางครุ่นคิดว่าต่อให้จะทดลองเก็บสมบัติชิ้นนี้ไป แต่ก็ควรทำความเข้าใจกับมันดูซะก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้สุดท้ายแล้วจะล้มเหลว ก็ไม่ถือว่าตนเสียเปรียบนัก

คิดมาถึงตรงนี้ แล้วก็เห็นความพยายามที่จะเอาใจเขาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของวิญญาณวัตถุน้อย ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงหันไปพยักหน้าเห็นด้วยกับอีกฝ่าย ส่วนตัวเองก็แผ่อำนาจจิตออกไปอย่างระมัดระวัง หลังจากแน่ใจอีกครั้งว่าไม่มีปัญหาจริงๆ เขาถึงได้บินทะยานไปยังโลกนาฬิกาทรายเบื้องล่างด้วยดวงตาที่ฉายแววเฉียบขาด

เมื่อเห็นว่าตนเบี่ยงเบนความสนใจของป๋ายเสี่ยวฉุนได้สำเร็จ ในที่สุดวิญญาณวัตถุน้อยก็ระบายลมหายใจโล่งอก จากนั้นก็ตามมาด้วยความรู้สึกเหนื่อยล้าที่ผุดขึ้นมากลางใจ มันรู้สึกว่าสำหรับตนแล้ว การรับใช้ป๋ายเสี่ยวฉุนผู้นี้ช่างไม่ต่างจากการเอาชีวิตมาเดิมพันเลยจริงๆ

ขณะที่วิญญาณวัตถุน้อยทอดถอนใจอย่างปลงอนิจจัง ป๋ายเสี่ยวฉุนได้ขยับเข้าไปใกล้โลกนาฬิกาทรายที่อยู่เบื้องล่างด้วยความระมัดระวังแล้ว และเมื่อไม่มีอุปสรรคขัดขวางใดๆ เขาจึงเยื้องกรายเข้าไปในโลกใบนั้นได้โดยตรง

ทว่าเพิ่งจะพลิ้วกายลงมา ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย เพราะเขาสัมผัสได้ว่าการล่วงเลยผ่านของเวลาในที่แห่งนี้กลับเร็วกว่าโลกภายนอกถึงสองเท่า หากเป็นอย่างนี้ตลอดก็ยังพอว่า แต่นี่พอป๋ายเสี่ยวฉุนเยื้องกรายลงมา เขากลับพบว่ากาลเวลาของที่แห่งนี้สับสนวุ่นวายไปหมด ซึ่งหากต่างพื้นที่กัน การไหลรินของเวลาก็ต่างกันไปด้วย

บางสถานที่เวลาจะล่วงเลยผ่านไปอย่างเชื่องช้า บางสถานที่แทบจะเรียกได้ว่ากาลเวลาหยุดนิ่ง ทว่าบางสถานที่กลับทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญผวา เพราะกาลเวลาของที่นั่นไหลหายไปรวดเร็วเป็นสิบเท่า ร้อยเท่า หรือแม้แต่พันเท่า หมื่นเท่าก็ยังมี…

และท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดไปตลอดทาง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ได้มายืนอยู่บนพื้นดินของโลกใบนี้ เมื่อทอดสายตามองไป ในโลกใบนี้มีนาฬิกาทรายน้อยใหญ่อยู่นับไม่ถ้วน อันที่ใหญ่หน่อยก็หลายหมื่นจั้ง เล็กหน่อยก็ขนาดเท่ากำปั้น เต็มพรืดอยู่ทั่วพื้นที่ที่สายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดไปเห็น

มาถึงเวลานี้ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็มองออกแล้วว่า สิ่งที่ทำให้เวลาของโลกใบนี้สับสนวุ่นวายก็คือ นาฬิกาทรายที่มากมายจนนับไม่ถ้วนเหล่านี้นี่เอง หากอยู่ตรงนาฬิกาทรายที่ไม่เหมือนกัน ความเร็วในการไหลหายไปของเวลาก็แตกต่างกัน!

“โลกที่แตกต่าง มีกฎเกณฑ์ที่แตกต่าง…โลกที่แม่เฒ่าผีผู้นั้นอยู่อาศัยทำให้เวทอภินิหารทั้งหมดเสียประสิทธิภาพ สิ่งมีชีวิตที่มีเลือดเนื้อทั้งหมดกลายมาเป็นกระดาษ แต่ว่าที่นี่กลับมีเวลาเป็นกฎเกณฑ์!”

ป๋ายเสี่ยวฉุนสูดลมหายใจเข้าลึก การเดินทางในห้วงจักรวาลครั้งนี้ทำให้ความรู้ของเขาเพิ่มพูนขึ้นมาก แล้วก็ได้เปิดโลกทัศน์กว้างขวางขึ้น

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่านาฬิกาทรายทุกชิ้นต่างก็แฝงเร้นไว้ด้วยกฎเกณฑ์ของโลกใบนี้ สามารถส่งผลกระทบให้แก่โลกใบนี้ แล้วก็ด้วยจำนวนไร้ที่สิ้นสุดของนาฬิกาทรายของที่นี่ ถึงได้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกอกสั่นขวัญผวาตอนที่เพิ่งเยื้องกรายมาถึง

“ถ้าอย่างนั้น อะไรคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างของเวลา?”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!