Skip to content

A Will Eternal 1256

บทที่ 1256 ง้าวจักรพรรดิ

จักรพรรดิแสเกิดความลังเลใจ ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของจักรพรรดิเซิ่งก็รู้สึกว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะในฐานะที่พวกเขาเองก็เป็นบุพกาลจึงเข้าใจถึงความยากลำบากในการเลื่อนขั้นเป็นบุพกาลได้ดี ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นความลับที่นักพรตทุกคนในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลไม่มีใครรู้

อันที่จริงทั้งจักรพรรดิแสและจักรพรรดิเซิ่งต่างก็เข้าใจมาตั้งเมื่อหลายปีก่อนแล้วว่า คงยากที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลจะมีบุพกาลปรากฎขึ้นอีก เพราะว่าการเลื่อนขั้นของบุพกาลทุกคนล้วนจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากโลกใบนี้!

และการยอมรับนี้ก็ไม่ใช่วิธีการง่ายๆ อย่างพยักหน้ายินยอม แต่เป็นการได้รับโชคชะตาแห่งโลก นี่ก็เท่ากับว่าเป็นการดึงเอากฎเกณฑ์อย่างหนึ่งออกไปจากในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล เพื่อให้ตัวเองได้เลื่อนสู่ขอบเขตของบุพกาล!

ทว่าก็ด้วยสาเหตุนี้ที่ทำให้ทั้งจักรพรรดิแสและจักรพรรดิเซิ่งเกิดความคลางแคลงใจ เพราะความอ่อนแอของมารดาแห่งนิรันดร์กาลนั้น คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่พวกเขากลับรู้ดีอยู่แก่ใจ

ดังนั้นต่อให้ตอนนี้สิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนแสดงออกมาจะไม่ใช่ขอบเขตเทียนจุนอีกแล้ว ทว่าพวกเขาก็ยังคงไม่อาจเชื่อได้ แต่ก็ยังไม่ทันได้คิดอะไรมากมาย เพราะภายใต้การลงมือของป๋ายเสี่ยวฉุน ท่ามกลางการจู่โจมกลับของจักรพรรดิแส คนทั้งสองคนจึงปะทะกันอย่างต่อเนื่องอีกหลายร้อยกระบวนท่าในเวลาสั้นๆ

จนกระทั่งเสียงที่ดังเกินอสนีสวรรค์ดังกึกก้องไม่ขาดสาย มุมปากของจักรพรรดิแสมีเลือดสดไหลซึม ถอยกรูดไปข้างหลัง ดวงตาฉายปราณสังหารเข้มข้น แล้วจึงพลันยกมือขวาขึ้นพลางคำรามดังลั่น

“สุริยา!!”

ตามหลังเสียงคำรามของเขา ท้องฟ้าทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็เหมือนจะหม่นมัวลงในชั่วพริบตา ราวกับว่าแสงสว่างทั้งหมดถูกดึงดูดเอาไป แต่ครู่เดียวโลกทั้งใบก็สว่างเจิดจ้าอย่างถึงที่สุด แล้วจึงเห็นว่าบนท้องฟ้ามีดวงอาทิตย์ที่เป็นของจักรพรรดิแสปรากฎขึ้นมา!

ดวงอาทิตย์ดวงนี้ใหญ่โตมโหฬารอย่างถึงที่สุด มันแผ่อุณหภูมิความร้อนที่น่าตะลึง ซ้ำบริเวณโดยรอบยังมีเปลวเพลิงสีดำลุกโชนแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง หลังจากเปลวเพลิงทั้งหลายตัดสลับเข้าด้วยกันก็เหมือนจะผสานรวมกับร่างของจักรพรรดิแส ภาพนี้สร้างความสะเทือนขวัญให้กับทุกผู้คน!

คนของนครจักรพรรดิแสที่อยู่รอบด้านพากันตัวสั่นเทิ้ม แต่ละคนรีบถอยหนีออกห่างอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังมีคนไม่น้อยที่หลบไม่ทันและถูกความร้อนแผดเผาจากดวงอาทิตย์ที่โผล่ออกมาเผาไหม้จนกลายเป็นซากแห้งไปในเสี้ยววินาที!

พริบตานั้นเสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดก็ดังเอ็ดอึงออกมาจากรอบนครจักรพรรดิแส เมื่อดวงอาทิตย์ที่แผ่รัศมีเปลวเพลิงสีดำอยู่ภายใต้การควบคุมของจักรพรรดิแส มันก็ตรงเข้าใส่ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยเสียงดังครืนครั่น หมายสังหารเขาให้จงได้!!

ดวงอาทิตย์ดวงนี้พกพาพลานุภาพสยบที่เหนือเกินกว่ามังกรกระดูกก่อนหน้านี้ และท่ามกลางเสียงอึกทึกก็เหมือนว่ามันจะย่างโลกทั้งใบให้ไหม้เกรียม ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นประกายวาบ ถอยหลบไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว มือทั้งคู่ก็ยิ่งทำมุทราพลางคำรามเสียงทุ้มต่ำ

“คัมภีร์เกิดและตายแห่งปัจจุบัน!”

วิชาอภินิหารที่สองของบทจากโบราณกาล!

เมื่อมือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนโบกตวัด เสียงกัมปนาทก็ดังกึกก้องอยู่ด้านหลังของเขา ก่อนที่ประตูหินเก่าแก่บานหนึ่งจะก่อตัวขึ้นมา ประตูหินบานนี้แผ่ปราณแห่งความตายที่รุนแรงราวกับเป็นตัวแทนของความตาย และนั่นก็คือประตูแห่งความตาย!

ขณะเดียวกันด้านหลังดวงอาทิตย์ที่พุ่งทะยานเข้ามาก็มีประตูใหญ่บานหนึ่งปรากฏเช่นกัน ประตูบานนี้เป็นตัวแทนของความมีชีวิตชีวา เปี่ยมล้นไปด้วยพลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุด ซึ่งก็คือ…ประตูแห่งการเกิด!

นี่ก็คือประตูแห่งการเกิดและการตายสองบานที่เกิดจากคัมภีร์เกิดและตายแห่งปัจจุบันของป๋ายเสี่ยวฉุน พระอาทิตย์ดวงนั้นพุ่งออกจากประตูแห่งการเกิดตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ก็เท่ากับว่าตรงดิ่งเข้าหาความตาย และระหว่างขั้นตอนนี้ก็คือขั้นตอนที่มันเดินจากการเกิดไปสู่การตาย!!

แทบจะขณะเดียวกันกับที่เวทลับนี้ก่อตัวขึ้นมา ดวงอาทิตย์ที่มีพลังอำนาจสะท้านฟ้าดินก็พลันหม่นแสง ความเร็วของมันยิ่งเพิ่มมากขึ้น นั่นก็เท่ากับว่าเดินไปสู่ความตายเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งเหมือนว่าจะไม่มีโอกาสหวนกลับอีกแล้ว แม้แต่ร่างกายของจักรพรรดิแสที่ผสานรวมร่างกับดวงอาทิตย์ดวงนี้ก็ยังเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่ากำลังแห้งเหี่ยวและแก่ชราไปอย่างรวดเร็ว

แม้แต่แสงเจิดจ้าที่แต่เดิมสว่างพร่าตาก็ยังเปลี่ยนมาเป็นมืดดำแห้งแล้ง!

ภาพนี้ทำให้ทุกคนที่มองดูอยู่ปากอ้าตาค้าง แล้วก็ยิ่งทำให้จักรพรรดิแสและจักรพรรดิเซิ่งใจสั่นอย่างรุนแรง

“เวทลับนี้ช่าง…เผด็จการยิ่งนัก!!”

ทั้งหมดนี้พูดแล้วยาว แต่ในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที เสียงคำรามด้วยความไม่ยอมแพ้ของจักรพรรดิแสดังสนั่น ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเวทลับอันเผด็จการและน่าหวาดกลัวเช่นนี้จากป๋ายเสี่ยวฉุน สิ่งที่เขาทำได้มีเพียงอย่างเดียว!

“ระเบิด!” จักรพรรดิแสคำรามดังลั่น ดวงอาทิตย์นอกร่างงเขาที่กำลังหม่นแสงลงอย่างรวดเร็วพลันระเบิดแตกกระจาย มองไกลๆ ก็เหมือนกับดาวดวงหนึ่งที่ระเบิดสลาย แรงโจมตีรุนแรงราวกับไร้ที่สิ้นสุดแผ่ครืนครั่นไปรอบด้าน ปกคลุมแปดทิศ ผ่านที่ใดพื้นดินก็ยุบถล่ม ภูเขาพังครืนลงมา คนไม่น้อยของนครจักรพรรดิแสร่างแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงไปในทันที!

การลงมือของป๋ายเสี่ยวฉุนยังระวังพวกกลุ่มคนที่อยู่เบื้องล่างบ้าง แต่จักรพรรดิแสที่เป็นเจ้าเหนือหัวของราชวงศ์จักรพรรดิแสกลับไม่แยแสแม้แต่น้อย ราวกับว่าขอแค่ทำร้ายป๋ายเสี่ยวฉุนได้ ต่อให้คนตายไปมากแค่ไหน เขาก็ไม่สนใจ!

ตลอดทั้งพื้นดินมีแต่เสียงร้องครางโหยหวนดังระงม ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ถอยกรูดไปด้านหลังอย่างว่องไว ตบะทั้งร่างแผ่ออกมาหมดสิ้น พยายามต้านทานเอาไว้สุดกำลัง การพังทลายของดวงอาทิตย์ไม่ได้มีอิทธิพลต่อตัวเขามากมายนัก เขาจึงเตรียมจะลงมือต่อ ทว่าเวลานี้เอง จักรพรรดิแสที่ห่างออกไปไม่ไกลได้ฝืนปรับอารมณ์ของตัวเองให้เป็นปกติ มองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้ามืดทะมึน ดวงตาฉายความเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

“ป๋ายเสี่ยวฉุน แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าได้พลังการต่อสู้ของบุพกาลมาได้อย่างไร แต่ข้าก็จะทำให้เจ้าได้รู้ว่า เมื่อไม่ได้รับการยอมรับจากโลก สุดท้ายแล้ว…เจ้าก็มีได้แค่พลังการต่อสู้ของบุพกาลเท่านั้น!” จักรพรรดิแสพลันยกมือขวาขึ้นคว้าจับไปยังตรีศูลที่สยบขวัญผู้คนซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนพื้นผ่านอากาศ!

“ง้าวจักรพรรดิ!!”

ตามหลังเสียงคำรามของจักรพรรดิแส ตรีศูลขนาดใหญ่ยักษ์ซึ่งปักอยู่บนพื้นดินก็พลันสั่นสะเทือน สุดท้ายจึงทะยานขึ้นฟ้าเสียงดังตูม เมื่อพวยพุ่งขึ้นมาสู่ท้องฟ้าแล้วมันก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่ชั่วพริบตาก็มาปรากฎอยู่ในมือของจักรพรรดิแสแล้วถูกเขากุมกระชับเอาไว้!

วินาทีที่คว้าจับตรีศูลไว้ได้ คลื่นตบะขุมหนึ่งที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าก่อนหน้านี้พลันระเบิดออกมาจากร่างของจักรพรรดิแส ทั้งยังส่งผลกระทบต่อท้องฟ้าทั้งผืน เป็นเหตุให้ท้องฟ้าด้านหลังเขาที่บิดเบือนกลายมาเป็นน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ น้ำวนนี้หมุนโคจรดังสนั่นหวั่นไหวจนเป็นเหตุให้ทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลสั่นสะเทือนตามไปด้วย

“ป๋ายเสี่ยวฉุน ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว!” ตรีศูลที่อยู่ในมือของจักรพรรดิแสแผ่แสงสีดำสนิท ทั้งยังมีปราณขุมหนึ่งที่คนนอกสัมผัสไม่ถึง แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านั่นคือ…ปราณของนี่ฝาน!!

บัดนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เหลือความลังเลอีกต่อไปแล้ว เขามั่นใจแล้วว่าจักรพรรดิแสที่อยู่เบื้องหน้าผู้นี้ก็คือร่างจำแลงของนี่ฝานอย่างแท้จริง!!

และตรีศูลเล่มนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รู้ว่ามันคือสมบัติอาคมที่เคยสังหารจักรพรรดิแสตัวจริง คิดดูแล้ว…นี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในสมบัติของนี่ฝาน เมื่อต้องมาประมือกับนี่ฝานทางอ้อมเช่นนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนจำต้องสูดลมหายใจเข้าลึก ระเบิดตบะและพลังอำนาจทั้งหมดที่อยู่ในร่างออกมาหมดอย่างไม่มีกั๊กไว้อีก!

เสียงตูมตามดังสะท้อนก้องไปยังชั้นฟ้า ด้านหลังร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้นเช่นกัน และน้ำวนลูกนี้ก็พัดตะลุยแผ่ไปทั่วท้องนภา ครั้นแล้วจึงปะทะเข้ากับน้ำวนของจักรพรรดิแสอย่างจัง

เวลาเดียวกันนั้น คนทั้งสองก็ประมือโรมรันกันอีกครั้ง!

“จักรพรรดิแสทุ่มสุดชีวิตแล้วจริงๆ!” จักรพรรดิเซิ่งหน้าเปลี่ยนสี รีบเดินออกมาหนึ่งก้าว ตรงดิ่งไปยังสมรภูมิรบ

แต่ยังไม่ทันที่จักรพรรดิเซิ่งจะมาถึง จักรพรรดิแสกลับโบกตวัดตรีศูลที่อยู่ในมือแล้ว นั่นทำให้เปลวเพลิงสีดำ สายฟ้าสีดำ และพายุทมิฬถูกซัดครืนออกมา สุดท้ายพวกมันได้ร่วมกันก่อร่างเค้าโครงดวงตาสีดำข้างหนึ่งขึ้นมา ซึ่งดวงตาข้างนั้นจู่ๆ ก็ลืมขึ้นมองป๋ายเสี่ยวฉุน!

วินาทีที่ดวงตาข้างนี้ลืมขึ้นแล้วจ้องมองไปยังป๋ายเสี่ยวฉุนก็คือวินาทีที่พลังของง้าวแห่งตรีศูลได้ลอดทะลวงความว่างเปล่าและห้วงมิติออกไป!

ดวงตาสีดำข้างนี้เป็นเหมือนดวงตาแห่งการทำลายโลก สามารถสร้างความพินาศวอดวายให้กับทุกสิ่ง บดขยี้ทุกอย่าง อีกทั้งป๋ายเสี่ยวฉุนยังรู้สึกด้วยว่าดวงตาสีดำข้างนี้สร้างวิกฤตเป็นตายให้แก่เขา!

“คัมภีร์แห่งอนาคตกาลแดนนิพพาน!!” วินาทีที่วิกฤตอันตรายเกิดขึ้น ชั่วขณะที่สายตานี้มองมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามก้อง ยกมือขวาขึ้น เพียงชั่วพริบตาในมือเขาก็มี…หินสีดำก้อนหนึ่งปรากฏขึ้นมา!!

หินสีดำก้อนนี้ก็คือหนึ่งในเลือดเนื้อของนี่ฝานยักษ์ผู้บงการที่อยู่บนท้องฟ้า แล้วก็เป็นของขวัญที่จักรพรรดิแสส่งมาให้ตอนต้าเป่าและเสี่ยวเสี่ยวถือกำเนิดด้วยเจตนาอันชั่วร้าย!

ยามนี้เมื่อมันปรากฎอยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ถูกเขาเอามาใช้กับ…คัมภีร์แห่งอนาคตกาลแดนนิพพาน เชื่อมโยงชะตาชีวิตของตัวเองเข้ากับหินก้อนนี้ ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเป็นการเชื่อมโยงกับผู้บงการนี่ฝานในบางระดับ!!

ป๋ายเสี่ยวฉุนยิ่งเข้าใจอย่างชัดเจนว่า ด้วยตบะของตน เกรงว่าคงไม่สามารถเขย่าคลอนผู้บงการนี่ฝานได้ ทว่าหากใช้วิชาอภินิหารวิชานี้มาเชื่อมโยงชะตาชีวิตของจักรพรรดิแสทางอ้อม เขากลับยังพอจะทำได้!!

เพราะอย่างไรซะคนผู้นี้ก็คือร่างจำแลงของนี่ฝาน ด้วยความมั่นใจในข้อนี้ถึงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนลงมือกับรากฐานอันเป็นต้นกำเนิดของอีกฝ่าย! และนี่ก็คือหนึ่งในเป้าหมายการหยั่งเชิงของเขาก่อนหน้านี้!

ทุกอย่างนี้พูดแล้วยาว ทว่าวินาทีที่ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายคัมภีร์แห่งอนาคตกาลแดนนิพพานเพื่อเชื่อมโยงชะตาชีวิตของตัวเองกับหินก้อนนี้

สายตาของดวงตาสีดำก็พุ่งตรงมา ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านเยือก ร้องอึกอักอยู่ในลำคอ ก่อนจะพ่นเลือดสดออกมาเป็นสาย การฟื้นตัวของบทมิวางวายระเบิดทันควัน ขณะเดียวกันร่างผู้บงการนี่ฝานที่อยู่บนท้องฟ้ายังคงแน่นิ่งอยู่เหมือนเดิม ทว่าจักรพรรดิแสที่อยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับหน้าเปลี่ยนสีอย่างแรง

“เป็นไปไม่ได้!” เสียงของเขาเพิ่งจะดังออกมา ร่างทั้งร่างก็สั่นเทิ้มอย่างรุนแรง กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ถอยกรูดออกไปหลายก้าว หน้าอกก็ยิ่งยุบยวบลงไปเป็นหลุมใหญ่ ราวกับถูกโจมตีอย่างรุนแรงจนเกินจะจินตนาการได้ถึง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!