Skip to content

A Will Eternal 1258

บทที่ 1258 ร่วงดับ

หลังจากปลดปล่อยตั๊กแตนออกมา ร่างของจักรพรรดิแสก็ถอยกรูดทะยานขึ้นฟ้าราวกับว่าจะหนีไป!

ป๋ายเสี่ยวฉุนจะไล่ตามไปโจมตีต่อ แต่เห็นได้ชัดว่าตั๊กแตนที่บินออกมาจากในร่างของจักรพรรดิแสแตกต่างไปจากในความทรงจำของเต้าเฉิน ในอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนที่กวาดออกไป ไม่ว่าตั๊กแตนตัวใดก็ล้วนมีตบะไม่อ่อนด้อย โดยเฉพาะความเร็วที่มากสุดขีด เวลาเพียงแค่ชั่วลมหายใจเดียวก็แผ่ฮือกระจายไปรอบด้าน แล้วก็ดูเหมือนว่าพวกมันจะมีพลังประหลาดบางอย่างที่ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ถึงได้สามารถมองข้ามระยะทาง เพียงแค่บินออกมาก็ขยับเข้าไปใกล้นักพรตคนใดคนหนึ่งได้แล้ว!

ต่อให้จักรพรรดิเซิ่งจะพยายามลงมือขัดขวาง แต่เห็นได้ชัดว่าวิชาอภินิหารของเขากลับถูกตั๊กแตนเหล่านี้ลอดทะลวงไปได้โดยตรง!

วิกฤตคับขัน ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีเวลามามัวคิดมาก มือขวาของเขาพลันยกขึ้นแล้วกดลงไปเบื้องล่าง วิชาล่อสังหารอันเป็นเวทอภินิหารชนิดที่สี่ถูกร่ายออกมาในฉับพลัน

พริบตานั้นความว่างเปล่าก็พลันบิดเบือน และขอบเขตของการบิดเบือนนี้ก็แผ่ลามปกคลุมทั่วทุกพื้นที่ที่ตั๊กแตนทั้งหมดบินผ่านไป อีกทั้งเมื่ออยู่ภายใต้การบิดเบือนนี้ แรงดึงดูดก็ได้เกิดขึ้น และเมื่อแรงดึงดูดเกิดขึ้น ความเร็วในการไหลหายไปของเวลาในที่แห่งนี้ก็ถูกเปลี่ยนแปลง ตั๊กแตนจำนวนนับไม่ถ้วนที่ต่อให้จะมองเมินพลังแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้แรงดึงดูดซึ่งเปลี่ยนแปลงความเร็วในการไหลหายไปของเวลาก็ยังได้รับผลกระทบอยู่ดี มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าความเร็วของพวกมันชะลอช้าลง สายตาของจักรพรรดิเซิ่งแน่วนิ่ง รู้ดีว่าหากไม่ขับไล่ตั๊กแตนพวกนี้ออกไป พวกมันต้องกลายมาเป็นภัยร้ายในภายหลังแน่นอน และเมื่อตอนนี้ความเร็วของพวกมันช้าลงแล้ว เขาจึงรีบลงมือทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่ได้เข้าร่วมการลงมือของจักรพรรดิเซิ่ง เขาสะบัดร่างระเบิดความเร็วเต็มกำลัง ไล่กวดไปสังหารจักรพรรดิแสบนท้องฟ้า ความเร็วของเขายิ่งนานก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น ทว่าจักรพรรดิแสเองก็ไม่ช้า เมื่อเห็นว่าตัวเองคงไม่สามารถไล่ตามอีกฝ่ายได้ทันในเวลาสั้นๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็แค่นเสียงเย็นอยู่ในลำคอ ครั้นแล้วจึงยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง

ทันใดนั้นความว่างเปล่าเบื้องหน้าเขาก็พลันบิดเบือน ก่อนที่เรือลำหนึ่งจะจำแลงขึ้นมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก้าวขึ้นไปบนเรือลำนี้ ตอนที่แผ่อำนาจจิตออกไป เรือลำนี้ก็ระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าขีดสูงสุดของบุพกาล!

มันก็คือเรือลำน้อยที่อยู่บนหน้าพัดวิเศษ!

ความเร็วของเรือลำนี้ก่อให้เกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่วโลก แล้วก็ไล่กวดตามไปทันจักรพรรดิแสในชั่วพริบตา และด้วยความเร็วที่มากเกินไปจึงทำให้พายุลูกหนึ่งหมุนคว้างขึ้นมาจนจักรพรรดิแสหน้าเปลี่ยนสี คิดจะเบี่ยงหลบ แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับคำรามแล้วกระโดดพรวดออกมาจากเรือลำนั้น วินาทีที่มือขวาของเขากำเป็นหมัด เบื้องหลังของเขาก็มีเงามายาใหญ่ยักษ์เงาหนึ่งโผล่พรวดขึ้นมา

สวมมงกุฎจักรพรรดิ สวมชุดจักรพรรดิ นั่นก็คือเงาหมัดจักรพรรดิไม่ดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุน เพียงแต่ว่ามือขวาของเงานี้คือมือของผู้บงการ ดังนั้นหมัดจักรพรรดิมิดับสูญจึงเปลี่ยนมาเป็นหมัดผู้บงการมิดับสูญ!!

ไร้ซึ่งความลังเล ภายใต้การระเบิดตบะและพลังกล้ามเนื้อทั้งหมด หมัดสังหารของป๋ายเสี่ยวฉุนที่ถูกต่อยออกไปก็ราวกับว่าต่อให้เป็นพลานุภาพแห่งสวรรค์ เมื่อมาเจอกับหมัดที่ปล่อยขีดสุดของพลังการต่อสู้ในทุกวันนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าไปก็ยังมิอาจต้านทาน ยังต้องดับสลายพินาศวอดวาย!

ท่ามกลางเสียงกัมปนาท น้ำวนมหึมาลูกหนึ่งก่อตัวขึ้นมาเบื้องหน้าเขาประหนึ่งปากขนาดใหญ่ที่อ้าแล้วเขมือบกลืนใส่จักรพรรดิแส ลำพังเพียงแค่พายุที่ก่อตัวขึ้นจากหมัดนี้ก็ทำให้จักรพรรดิแสสั่นเทิ้มไปทั้งร่างได้อยู่แล้ว ต่อให้ตบะของเขาในเวลานี้จะแข็งแกร่งกว่าเดิมไม่น้อย ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหมัดล้ำโลกหมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ยังมิอาจต้านทานได้

โดยเฉพาะปราณผู้บงการที่แฝงเร้นอยู่ในหมัดนี้ที่ปิดกั้นทุกทางถอยของจักรพรรดิแส เป็นเหตุให้จักรพรรดิแสที่ตัวสั่นแผดเสียงคำรามด้วยความบ้าคลั่ง ไม่ยินยอมและสิ้นหวัง ปากของเขาแผดเสียงสบถด่าสาปแช่งฟังไม่ได้ศัพท์ยากจะเข้าใจ ในร่างของเขาก็ยิ่งแผ่ควันดำออกมามากกว่าเดิม เมื่อควันดำเหล่านี้ก่อตัวเข้าด้วยกันก็กลายมาเป็นตะปูสีดำตัวหนึ่ง!

“ป๋ายเสี่ยวฉุน เจ้าจงไปตายซะ!!” ดวงตาของจักรพรรดิแสฉายความเหี้ยมอำมหิตอย่างถึงที่สุด หลังจากที่ตะปูตัวนี้ก่อตัวขึ้นมาได้ ร่างของเขาก็แห้งเหี่ยวลง เลือดเนื้อจำนวนนับไม่ถ้วนถูกตะปูตัวนั้นดูดกลืนเอาไปหมด เวลาเพียงสั้นๆ ร่างของเขาก็เหี่ยวเฉาลงอย่างสิ้นเชิง สุดท้ายจึงสลายหายไป เลือดเนื้อทั้งหมด พลังชีวิตทั้งหมด ตบะทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาล้วนกลายมาเป็นสารบำรุงหล่อเลี้ยงตะปูตัวนั้น!

และพอตะปูตัวนี้ดูดกลืนเอาทุกอย่างของจักรพรรดิแสเข้าไป มันก็ไม่ใช่ภาพมายาอีกต่อไป แต่เหมือนกลายมาเป็นของจริงที่จับต้องได้ ปราณประหลาดน่าพิศวงที่แผ่ออกมาจากตัวของมันก็ทะยานขึ้นฟ้า แผ่กลิ่นอายที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนอกสั่นขวัญผวา เพราะสัมผัสได้ถึงวิกฤตความเป็นความตายที่รุนแรงถึงขีดสุด!!

ไม่มีหยุดชะงัก ตะปูตัวนี้กลายมาเป็นดาวตกสีดำดวงหนึ่งที่พุ่งฉิวเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!

สีหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่น่ามอง การปรากฏของตะปูทำให้เขาหวนนึกไปถึงตะปูสีดำที่ตอกตรึงอยู่กลางหว่างคิ้วของราชินีเซียน ซึ่งบัดนี้นอกจากพลังอำนาจของพวกมันที่แตกต่างกันแล้ว อย่างอื่นก็ล้วนเหมือนกันหมดโดยไม่มีผิดเพี้ยน!

เขาไม่มีเวลามามัวคิดมาก ท่ามกลางเสียงร้องคำราม หมัดผู้บงการมิดับสูญถูกเขาฝืนยกระดับขึ้นไปอีกขั้น แม้แต่เงามายาด้านหลังของเขาที่นอกจากแขนผู้บงการแล้ว ส่วนอื่นๆ ก็ล้วนเป็นภาพมายา ราวกับว่าใช้หลักการเดียวกับตะปูตัวนี้ นั่นคือดูดซับและผสานรวมส่วนอื่นๆ มากระตุ้นปราณผู้บงการให้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม เป็นเหตุให้หมัดนี้ของป๋ายเสี่ยวฉุนสำแดงพลังการต่อสู้น่าครั่นคร้ามอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!

การเปลี่ยนแปลงกะทันหันและปฏิกิริยาการรับมืออย่างทั้งหมดนี้ แท้จริงแล้วเกิดขึ้นในเวลาเพียงเสี้ยววินาที แค่ชั่วกะพริบตา หมัดผู้บงการมิดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งเข้าชนกับตะปูตัวนี้เสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนโลกทั้งใบสั่นสะเทือน ท้องนภาเหมือนจะแตกทลายลงมา แผ่นดินก็โยกไหว

การโจมตีด้วยสุดยอดพลังการต่อสู้ของบุพกาลนี้ ไม่ว่าจะเป็นป๋ายเสี่ยวฉุนหรือจักรพรรดิแสผู้เป็นร่างจำแลงซึ่งถูกนี่ฝานปลุกเสกพลังให้ล้วนไม่มีใครที่ไม่อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งที่สุดของขอบเขตบุพกาล โดยเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนที่เมื่ออยู่ภายใต้การระเบิดพลังมากกว่าเดิมหลายเท่าก็เหมือนกับได้ครอบครองหมัดผู้บงการที่แท้จริงซึ่งเขย่าคลอนไปทั้งห้วงนภา!

เพียงแต่ว่าตะปูตัวนี้เผด็จการเกินไป วินาทีที่ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าด้วยกันก็ลดทอนและต่อต้านกันและกันอย่างต่อเนื่อง มองไกลๆ จะเห็นว่าเงายักษ์ที่ก่อขึ้นจากหมัดผู้บงการมิดับสลายของป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ อย่างรวดเร็ว ทว่าปราณประหลาดที่อยู่บนตะปูตัวนั้นก็ลดฮวบฮาบลงไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายจู่โจมกันไม่มีหยุดยั้ง สุดท้ายเมื่อหมัดผู้บงการมิดับสูญของป๋ายเสี่ยวฉุนแหลกสลายไปอย่างสิ้นเชิง ตะปูตัวนั้นก็ไม่ใช่สีดำอีกต่อไป แต่กลายมาเป็นสีเทา มองดูเหมือนจะไม่มีพลังเหลืออยู่แล้ว

ทว่าเวลานี้เอง บนตะปูสีเทากลับมีใบหน้าดุร้ายของจักรพรรดิแสลอยขึ้นมา เวลานี้เศษซากความคิดสุดท้ายของเขาได้ระเบิดขึ้นอีกครั้ง เป็นเหตุให้ความเร็วของตะปูที่ทะยานขึ้นพรวดพราดตรงดิ่งเข้าหาหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน!

การจู่โจมที่มาอย่างกะทันหันนี้ทำให้ทุกคนที่สังเกตการณ์อยู่รอบด้านตื่นตะลึงกันไปหมด ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนเป็นคนมีนิสัยชอบความมั่นคง ก่อนหน้านี้ตอนที่เห็นตะปูสีดำตัวนั้น เขาก็เตรียมพร้อมสำหรับรับมือเรื่องเลวร้ายที่สุดเอาไว้แล้ว เมื่อตะปูสีเทาพุ่งเข้ามา เส้นแสงสีดำก็พลันแผ่ออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน หม้อกระดองเต่ามาโผล่เบื้องหน้าของเขาแล้วชนเข้ากับตะปูดำเสียงดังปัง!

หม้อกระดองเต่าสั่นสะเทือน แม้จะกลายร่างเป็นแสงสีดำที่หายกลับเข้าไปในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง แต่กลับขัดขวางการตอกตรึงตะปูตัวนั้นไว้ได้ พลังจิตเสี้ยวสุดท้ายของจักรพรรดิแสที่เหลืออยู่จึงร้องคำรามอย่างไม่ยอมแพ้ เตรียมจะเผ่นหนีไป แต่กลับถูกป๋ายเสี่ยวฉุนยกมือขึ้นคว้าจับตะปูสีเทาตัวนั้นมาไว้ในมือ!

ไร้ซึ่งความลังเลใด ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายความเหี้ยมอำมหิต กระแทกอำนาจจิตออกไปกำจัดดวงจิตเสี้ยวสุดท้ายของจักรพรรดิแสที่อยู่ในตะปูสีเทาตัวนั้นจนสิ้นซาก!

เมื่อกำจัดทิ้งไปได้แล้ว เสียงโหยหวนที่ดังขึ้นข้างหูของเขาก็ค่อยๆ จางหายไปในที่สุด

ส่วนตั๊กแตนที่อยู่ด้านล่างซึ่งเมื่อเข้าไปอยู่ในพื้นที่ล่อสังหารของป๋ายเสี่ยวฉุนจึงชะลอความเร็วลงก็ได้ถูกจักรพรรดิเซิ่งกำจัดจนหมด และบัดนี้จักรพรรดิเซิ่งที่มีสีหน้าเคร่งเครียดก็ขยับกายมาปรากฎตัวอยู่ข้างป๋ายเสี่ยวฉุน สายตามองไปยังตะปูสีเทาที่อยู่ในมือของอีกฝ่าย ตะปูตัวนี้ก่อขึ้นมาจากเลือดเนื้อทั้งหมด พลังชีวิตที่มันแผ่ออกมาจึงน่าตะลึง ทั้งยังแข็งแกร่งจนเทียบเคียงได้กับบุพกาลคนหนึ่ง ซึ่งเวลานี้กำลังดิ้นรนอยู่ในมือของป๋ายเสี่ยวฉุน แต่เมื่อถูกอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนกวาดไปลบเลือนความคิดทั้งหมดที่อยู่ในนั้น สุดท้ายมันก็กลายมาเป็นตะปูสีขาวที่แน่นิ่งไม่กระดุกกระดิกอีก

ป๋ายเสี่ยวฉุนเก็บตะปูนี้ลงไปแล้วหันไปสบตากับจักรพรรดิเซิ่ง ต่างฝ่ายต่างมองออกถึงความกังวลของกันและกัน ทั้งยังเงยหน้าขึ้นมองไปยังหัวกะโหลกของยักษ์ที่บดบังไปครึ่งท้องฟ้าพร้อมๆ กัน

ขณะเดียวกันผู้คนของนครจักรพรรดิแสที่ยังเหลืออยู่ก็พากันเงียบงันด้วยความเลื่อนลอย แต่เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว เหล่าเทียนจุนของนครจักรพรรดิแสกลับสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะพากันบินเข้าไปใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วรีบถวายคำนับ ทั้งยังส่งตัวราชาผียักษ์มาให้ แม้ว่าราชาผียักษ์จะหมดสติ แต่กลับไม่เป็นอันตราย

ข้อนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้มาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งตอนที่เพิ่งมาถึงเขายังแผ่อำนาจจิตกลุ่มหนึ่งไปปกป้องราชาผียักษ์ไว้ก่อนแล้วด้วย

“คารวะจักรพรรดิขุย คารวะจักรพรรดิเซิ่ง!”

การคารวะของพวกเขาได้บอกถึงท่าทีของพวกเขาอย่างชัดเจนแล้ว จักรพรรดิแสมีปัญหา ราชวงศ์จักรพรรดิแสจึงไม่ดำรงอยู่อีกต่อไป หากเปลี่ยนมาเป็นเวลาอื่น ไม่ว่าจะป๋ายเสี่ยวฉุนหรือจักรพรรดิเซิ่งก็คงต้องแย่งชิงกัน ทว่าตอนนี้พวกเขาต่างก็ไม่มีอารมณ์นั้น

“นักพรตทงเทียนล่ะ!” จู่ๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เอ่ยถามประโยคนี้ขึ้นมา ก่อนหน้านี้ตอนที่เขาแผ่อำนาจจิตออกไปกลับไม่เห็นนักพรตทงเทียนในนครจักรพรรดิแส และพอเขาเอ่ยถาม เทียนจุนเหล่านั้นก็เงียบไปครู่ ก่อนที่หยวนเยาจื่อจะเป็นคนรายงานเสียงต่ำ

“จักรพรรดิขุย นักพรตทงเทียน…หายตัวไปนานมากแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน”

ป๋ายเสี่ยวฉุนขมวดคิ้ว เตรียมจะถามต่อ ทว่าเวลานี้เอง เสียงกัมปนาทดั่งแหวกฟ้าผ่าดินที่ราวกับว่าไม่เคยปรากฎมาก่อนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็พลันดังสนั่นขึ้นมาจากท้องฟ้าและสะท้อนก้องไปทั่วทุกมุมบนแผ่นดินเซียนนิรันดร์กาล!!

เมื่อเสียงกัมปนาทดังมาก็ตามหลังมาด้วยปราณของความชั่วร้ายที่เข้มข้นอย่างถึงที่สุดซึ่งแฝงเร้นไว้ด้วยพลังแห่งความตายและการดับทำลายราวกับต้นกำเนิดแห่งความมืดมิดทั่วทั้งห้วงจักรวาลซึ่งพลัน…เยื้องกรายลงมาเยือน!

ป๋ายเสี่ยวฉุน จักรพรรดิเซิ่งและทุกคนที่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลล้วนหน้าเปลี่ยนสี พากันเงยหน้าขึ้นอย่างพร้อมเพรียง แล้วพวกเขาก็ได้เห็นว่า…ดวงตาทั้งคู่ที่ปิดสนิทบนใบหน้าของยักษ์นี่ฝานที่อยู่บนท้องฟ้ากำลัง ขยับเขยื้อน!!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!