บทที่ 1264 เอาชนะบรรพบุรุษ
พลังแห่งห้าอวัยวะ ต้นกำเนิดแห่งห้าธาตุ!
เมื่อแสงสว่างเปล่งวาบตรงตำแหน่งอวัยวะทั้งห้าช่วงหน้าอกของบรรพบุรุษขุย พวกมันก็ก่อตัวขึ้นมาเป็นวงแสงห้าเส้นอย่างรวดเร็ว หลังจากปกคลุมร่างทั้งหมดของบรรพบุรุษขุยไว้ภายใน พลังอำนาจของเขาก็เริ่มไต่ทะยาน พลังกล้ามเนื้อของเขาระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ครั้นแล้วบรรพบุรุษขุยก็พลันเงยหน้าขึ้นมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์แวบหนึ่ง ก่อนจะกระโจนพรวดเข้ามาในเสี้ยววินาที!
ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนหอบกระชั้น เพิ่งจะคิดหลบเลี่ยง แต่ความเร็วของบรรพบุรุษขุยกลับเหนือกว่าเก่าหลายเท่ายิ่งนัก เพียงแค่ชั่วพริบตาก็ขยับเข้ามาใกล้พร้อมเหวี่ยงหมัดออกมา ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก ป๋ายเสี่ยวฉุนกระอักเลือดพุ่งเป็นสาย ร่างถอยกรูดออกไป ยังไม่ทันยืนได้มั่นคง บรรพบุรุษขุยก็กระโจนเข้าใส่อีกครั้ง คราวนี้เขากางมือทั้งสองข้างออกคล้ายจะคว้าไหล่สองข้างของป๋ายเสี่ยวฉุนเพื่อที่จะ… ฉีกกระชากมันออกมา!!
วิกฤตร้ายแรงถึงตายทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนแผดร้องดังสุดเสียง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย แม้แต่หน้าผากก็ยังมีเส้นเอ็นสีเขียวปูดโปน ความหวาดกลัวที่รู้ว่ามีเพียงเส้นบางๆ กั้นขวางระหว่างความเป็นความตายกระตุ้นให้ป๋ายเสี่ยวฉุนพรั่นพรึง ขณะเดียวกันก็เกิดความคลุ้มคลั่งอยากจะโต้กลับ!
“แม้ว่าข้าจะไม่ได้สร้างขั้นที่หกของบทมิวางวาย แต่ข้า… กลับสร้างบทจากโบราณกาลซึ่งเกิดจากการผสานรวมระหว่างบทอมตะและบทมิวางวาย!”
“แม้ว่าเจ้าจะเดินไปสู่จุดสูงสุดของบทมิวางวาย แต่สุดท้ายแล้ว… ก็ยังเทียบกับเส้นทางที่ข้าเดินมาไม่ได้!!”
ขณะที่แผดเสียงตะโกน มือทั้งคู่ของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ทำมุทราไปด้วย ทันใดนั้นคัมภีร์แห่งอดีตกาลก็ถูกร่ายออกมา บนร่างของบรรพบุรุษขุยจึงมีอักขระจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นทันที ก่อนที่อักขระเหล่านี้จะหดสวบเข้าหากัน กลายมาเป็นตราผนึก ทว่าคราวนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รอให้การผนึกเสร็จสิ้น เขาที่ดวงตาฉายความอำมหิตและวิปลาสจึงร้องคำรามเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
“ระเบิดๆๆ!!”
เสียงตูมๆๆ ดังสะท้านฟ้า อักขระทุกตัวระเบิดออกโดยตรง หากเป็นการระเบิดตัวเองของอักขระเพียงแค่ตัวสองตัว ต่อให้แปดตัวสิบตัว หรือมากนับร้อยนับพันตัว บางทีก็อาจจะยังไม่สามารถเขย่าคลอนบรรพบุรุษขุยได้ ทว่าตอนนี้อักขระที่ปรากฎอยู่นอกกายเขากลับมีมากหลายหมื่นตัว ดังนั้นพอมันระเบิดพร้อมกันหมดจึงกลายมาเป็นพลังการระเบิดที่ต่อให้เป็นบรรพบุรุษขุยก็ยังไม่อาจแบกรับได้ไหว
ท่ามกลางเสียงระเบิดดังปึงปัง ร่างทั้งร่างของบรรพบุรุษขุยพลันส่ายไหวโอนเอนอย่างรุนแรง เมื่อเจอกับแรงโจมตีที่เกิดจากการระเบิดของอักขระมากมาย ร่างของเขาก็ถอยกรูดไปด้านหลัง วงแสงห้าชั้นที่อยู่นอกร่างพังทลายลงไปถึงสองชั้น
ทว่าเมื่อบทมิวางวายเคลื่อนโคจร บรรพบุรุษขุยก็ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความเหี้ยมเกรียม เขายังคงกระโจนเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วเหวี่ยงหมัดต่อยออกมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ราวกับว่าหากไม่ตายกันไปข้างก็ไม่มีทางยอมเลิกราเด็ดขาด
ป๋ายเสี่ยวฉุนหอบหายใจดังฮักๆ แต่สายตากลับฉายแววดุดัน เมื่อยกมือขวาขึ้นทำมุทรา คัมภีร์แห่งอนาคตกาลแดนนิพพานก็ถูกเขาร่ายออกมาอย่างไม่ลังเล
ท่ามกลางเสียงอึกทึก เนื่องด้วยสายเลือดที่ขานรับกัน การเชื่อมโยงทางชะตาชีวิตของคัมภีร์แห่งอนาคตกาลจึงสำเร็จในเสี้ยววินาที เมื่อบรรพบุรุษขุยเหวี่ยงหมัดออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็กระอักเลือด ขณะเดียวกันร่างของบรรพบุรุษขุยก็สั่นเทิ้ม กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำเช่นกัน
“มาสิ!” ป๋ายเสี่ยวฉุนตาแดงก่ำ เผ่นพรวดออกไปโรมรันกับบรรพบุรุษขุย ระหว่างที่เสียงตูมตามดังกึกก้องอย่างต่อเนื่อง อาการบาดเจ็บที่ป๋ายเสี่ยวฉุนได้รับ บรรพบุรุษขุยก็ได้รับไม่ต่างกัน ทว่าวิชาอภินิหารของป๋ายเสี่ยวฉุนที่บรรพบุรุษขุยได้รับกลับไม่ส่งผลกระทบต่อป๋ายเสี่ยวฉุนเอง เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าบรรพบุรุษขุยต้องแบกรับอาการบาดเจ็บถึงสองด้าน!
ต่อให้จะมีการฟื้นตัวจากบทมิวางวาย แต่ไม่นานพลังการฟื้นตัวนี้ก็เริ่มตามไม่ทันความถี่ของอาการบาดเจ็บที่ได้รับ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้ความบ้าระห่ำของป๋ายเสี่ยวฉุน เพียงชั่วครู่บรรพบุรุษขุยก็กระอักเลือดออกมาเป็นสาย ม่านแสงบนร่างปริแตกไปอีกสองชั้น สุดท้ายท่ามกลางเสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุน หนึ่งหมัดของเขาที่ปล่อยโครมออกไปก็ต่อยให้ม่านแสงที่เกิดจากขั้นที่หกของบทมิวางวายชั้นสุดท้ายของบรรพบุรุษขุยแตกทลายสิ้น!
ทำทุกอย่างนี้เสร็จ มุมปากของป๋ายเสี่ยวฉุนก็มีเลือดซึมลงมา เซร่นไปด้านหลัง อ้าปากหอบหายใจดังแฮ่กๆ พลางมองบรรพบุรุษขุยที่สภาพกระเซอะกระเซิงจนแทบจะเรียกได้ว่าพังภินท์
“ในด้านของเวทคาถา ข้าแข็งแกร่งกว่าเจ้า!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนคำรามเสียงดังลั่น
บรรพบุรุษขุยไม่เอ่ยอะไรสักคำ แต่กลับดิ้นรนอีกครั้ง หลังจากมองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชาเขาก็พลันยกมือขึ้นกำเป็นหมัด ทันใดนั้นด้านหลังเขาก็มีเงามายาขนาดใหญ่ยักษ์เงาหนึ่งจำแลงขึ้นมา!
เมื่อเงามายานั้นปรากฏขึ้น ความเผด็จการสูงล้ำขุมหนึ่งก็ระเบิดตูมขึ้นมาบนร่างของเขาทันที
นั่นก็คือหมัดจักรพรรดิมิดับสูญ
“ข้าก็มีเหมือนกัน!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคำรามแล้วก็ผุดลุกขึ้นยืนเหมือนกัน มือขวาของเขากำเป็นหมัด ร่างมายาพลันจำแลงขึ้นมาข้างหลัง เพียงแต่ว่าไม่เหมือนกับของบรรพบุรุษขุย เขาไม่ได้ใช้หมัดจักรพรรดิมิดับสูญ แต่เป็น…
“หมัดผู้บงการมิดับสูญ!”
เพียงแค่ชั่วพริบตา คนทั้งสองก็กระโจนเข้าใส่กันอีกครั้ง นี่คือศึกระหว่างบรรพบุรุษขุยกับจักรพรรดิขุยองค์ปัจจุบัน นี่คือศึกระหว่างหมัดจักรพรรดิมิดับสูญกับหมัดผู้บงการมิดับสูญ และนี่ก็ยิ่งเป็นศึกที่ไม่มีทางปรากฏขึ้นได้ในโลกภายนอก!
มองไปไกลๆ ไม่เพียงเฉพาะป๋ายเสี่ยวฉุนกับบรรพบุรุษขุยเท่านั้นที่บินขยับเข้ามาใกล้กันอย่างรวดเร็ว เงามายาขนาดใหญ่ยักษ์สองเงานั้นก็พุ่งเข้าใส่กันอย่างฉับไวไม่ต่างกัน ท่ามกลางเสียงอึกทึก ทั้งสองฝ่ายพลันปะทะเข้าด้วยกัน เสียงตูมตามดังกึกก้องสะท้อนไปทั่ว เงามายาด้านหลังของบรรพบุรุษขุยยิ่งเปลี่ยนมาเป็นพร่าเลือน จนกระทั่งระเบิดตูมแล้วสลายหายไป
เมื่อเงามายาแหลกสลาย ร่างของบรรพบุรุษขุยก็แห้งเหี่ยวลงในฉับพลัน เขากระอักเลือดออกมาคำใหญ่ เซกรูดไปด้านหลังไม่หยุด ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็เสียพลังไปมากเหมือนกัน เขาก้มตัวเอามือทั้งคู่ยันเข่า หอบหายใจดังฮักๆ อย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
“บรรพบุรุษขุย ข้ารู้ว่าเจ้ายังต้องเหลือจิตสำนึกอยู่ ข้าไม่อยากสู้กับเจ้าแล้ว เจ้าถอยไป ข้ายังต้องไปซ่อมตราผนึกอีกนะ!!”
ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าตวาดใส่บรรพบุรุษขุยเสียงดัง เขาไม่รู้ว่าหลังจากบรรพบุรุษขุยจะยังมีศัตรูที่ร้ายกาจยิ่งกว่านี้รออยู่อีกหรือไม่ ดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เขาใช้ไปส่วนใหญ่ก็คือพลังกล้ามเนื้อ ส่วนตบะที่ไว้ใช้สำหรับร่ายเวทอาคมนั้น เขากลับคอยระงับเอาไว้ตลอดเวลา
เพียงแต่ว่าบรรพบุรุษขุยที่ถอยห่างออกมาหนึ่งร้อยจั้งและอ่อนแรงอย่างถึงที่สุดจนร่างเหมือนจะสลายหายไปคล้ายจะไม่ได้ยินคำพูดของป๋ายเสี่ยวฉุน เขายังคงค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ต่อให้ร่างที่ลุกขึ้นยืนของเขาจะสั่นสะท้าน แต่ก็ยังคงหยัดยืนขึ้นมาอย่างมั่นคง แล้วเดินทีละก้าวขยับเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน!
เมื่อเดินมา พลังการฟื้นตัวของบทมิวางวายเขาก็เหมือนจะโคจรอย่างบ้าคลั่ง เพียงแต่ว่าอาการบาดเจ็บของเขาสาหัสเกินไป แม้ว่าความเร็วในการรักษาตัวจะมีมาก แต่ก็เหมือนการใช้น้ำแก้วเดียวไปดับไฟทั้งคันรถ
เพียงแต่ว่าหากปล่อยให้เขาเดินเข้าหาโดยไม่โต้ตอบกลับคืนก็มีความเป็นไปได้มากที่จะเปิดโอกาสในการฟื้นตัวให้แก่บรรพบุรุษขุย ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องบรรพบุรุษขุยที่เดินมาเขม็ง ครั้นแล้วจึงกัดฟันยกมือขวาขึ้นทำมุทราชี้ไป คัมภีร์เกิดและตายแห่งปัจจุบันพลันถูกร่ายใช้ เสียงอึกทึกที่ดังก้องกังวานมาพร้อมกับประตูหินใหญ่ยักษ์บานหนึ่งที่ปรากฏอยู่ด้านหลังป๋ายเสี่ยวฉุน นั่นคือประตูแห่งความตาย!
ส่วนด้านหลังบรรพบุรุษขุยก็มีประตูแห่งการเกิดจำแลงขึ้นมา เมื่อเขาเดินเข้ามาใกล้ และเมื่อประตูทั้งสองบานปรากฏขึ้น บรรพบุรุษขุยก็พลันตัวสั่น มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเรือนกายของเขากำลังแก่โทรมและอ่อนแรงลง แม้แต่การฟื้นตัวของบทมิวางวายก็ยังยากที่จะพลิกฟื้นสถานการณ์ให้ดีขึ้น
ทว่าบรรพบุรุษขุยก็ยังคงเดินเข้ามาหา ทีละก้าว ทีละก้าว ต่อให้จะแก่โทรม ต่อให้จะอ่อนแอ แต่ก็ยังคงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าป๋ายเสี่ยวฉุนภายใต้สายตาเหลือเชื่อของเขา!
และระหว่างที่เดินมานี้ก็เหมือนว่าความอ่อนแอและความแก่ชราได้ทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง ราวกับว่าพลังแห่งการสยบที่เดิมทีกดกำราบความคิดบางอย่างของเขาเอาไว้ได้ค่อยๆ สลายหายไป สิ่งที่ตามมาคือดวงตาทั้งคู่ของเขาไม่ได้เย็นชาอีกต่อไป จนกระทั่งเมื่อมายืนอยู่ต่อหน้าป๋ายเสี่ยวฉุน
ความเย็นชาเสี้ยวสุดท้ายในดวงตาของเขาก็ได้สลายหายไปในที่สุด แทนที่มาด้วยความโชกโชนดั่งผู้ผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานและความลึกล้ำสุดจะหยั่งถึง
“นี่ฝานดึงปณิธานสุดท้ายของข้ามาผนึกไว้ในร่างของตัวเอง เพื่อให้กลายมาเป็นต้นกำเนิดและสารหล่อเลี้ยงในการทำลายล้างโลก…”
“เดิมทีข้านึกว่าคงต้องจมอยู่ในความชั่วร้ายนี้ไปชั่วชีวิต จนกระทั่งได้มาพบกับเจ้า…”
“อย่าได้โกรธเคืองข้าเลย มีเพียงเจ้าเอาชนะข้าได้อย่างเด็ดขาด จนถึงวินาทีที่ข้าจะตายไปเท่านั้น ข้าถึงจะสามารถหลุดพ้นจากการควบคุมของนี่ฝาน กลับคืนสู่ความมีสติอีกครั้ง…”
“และข้าในเวลานี้ก็ไม่มีเรื่องใดให้เสียดายอีกแล้ว เจ้า…จดจำขั้นที่หกของบทมิวางวายซึ่งข้าเพิ่งร่ายใช้เมื่อครู่นี้ได้แล้วหรือยัง?”
ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนยังอึ้งงัน บรรพบุรุษขุยก็เอ่ยเนิบช้า แม้น้ำเสียงของเขาจะราบเรียบอย่างมาก แต่กลับเผยให้เห็นถึงความเอื้อเอ็นดูอย่างสนิทใจ ยังไม่ทันรอให้ป๋ายเสี่ยวฉุนตอบรับอะไร บรรพบุรุษขุยก็ยิ้มน้อยๆ เมื่อเขายกมือขวาขึ้น ร่างของเขากลับค่อยๆ พร่าเลือนไปจากสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุน
แต่กลับมีผลึกแสงห้าชิ้นหลากสีลอยมาตรงหน้าอกของป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วผสานรวมเข้าไปในอวัยวะทั้งห้าของเขา เหมือนการสืบทอดอย่างหนึ่ง
ป๋ายเสี่ยวฉุนยืนอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน เขาลูบคลำหน้าอกของตัวเอง พอจะรู้สึกได้ว่าอวัยวะทั้งห้าของตัวเองคล้ายจะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม แต่เมื่อรับสัมผัสอย่างละเอียดกลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองคิดไปเอง ทว่าหลังจากที่นิ่งเงียบไปนาน เขาก็ยังยกมือขึ้นกุมประสานแล้วโค้งตัวคารวะต่ำๆ ให้แก่ตำแหน่งที่ร่างของบรรพบุรุษขุยจางหายไป ลึกๆ ในใจมีแต่ความซับซ้อนสับสนอย่างบอกไม่ถูก หลังจากยืดตัวขึ้นตรง ป๋ายเสี่ยวฉุนก็สูดลมหายใจเข้าลึกแล้วทะยานออกไปข้างหน้าอีกครั้ง!
ขณะนี้เขาอยู่ห่างจากปลายทางสุดท้ายอันเป็นที่ตั้งของจุดตันเถียน… อีกแค่ระยะทางสั้นๆ เท่านั้น เพราะการซ่อมแซมตราผนึกสายเลือดทั้งหมดของเขาขยับมาได้ถึงเก้าส่วนแล้ว!
และเมื่อเขาเคลื่อนที่อีกครั้ง ทุกคนในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่อยู่ข้างนอกซึ่งก่อนหน้านี้ตกสู่ห้วงเหวของความสิ้นหวัง บัดนี้กลับเหมือนมองเห็นทางรอดเสี้ยวหนึ่ง ทุกคนจึงพากันไชโยโห่ร้อง ความหวังก่อตัวขึ้นมาในหัวใจอีกครั้ง!
มีเพียงจักรพรรดิเซิ่งที่ยืนอยู่อากาศซึ่งพอมองเห็นว่าจุดแสงที่เป็นตัวแทนของป๋ายเสี่ยวฉุนขยับเคลื่อนที่ไปอีกครั้ง เขาก็เหมือนจะแก่ชราขึ้นอีกหลายส่วน เอ่ยพึมพำกับตัวเองว่า
“เขาเอาชนะ… บรรพบุรุษของเขาได้แล้ว…”