Skip to content

A Will Eternal 1290

บทที่ 1290 คุ้มแล้วหรือ

โลกใบนี้มีโชคชะตาดำรงอยู่ ก็เหมือนโชคชะตาเสี้ยวสุดท้ายของโลกแห่งเซียนที่พอถูกป๋ายเสี่ยวฉุนดูดซับไป เขาก็กลายมาเป็นบุพกาลได้สำเร็จ สำหรับนักพรตทงเทียนแล้ว บัดนี้ดูเหมือนว่าโชคชะตาทั้งหมดบนร่างของเขาได้พังทลายแหลกสลายจนสิ้น!

เมื่อซ่งเชวียฟื้นตื่น เมื่อเขาทำมุทราและภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าในแม่น้ำแห่งเต๋าสั่นสะเทือนครืนครั่น ภูเขาลูกนี้ก็ได้ระเบิดพลังอันน่าครั่นคร้ามสั่นสะเทือนฟ้าดินอย่างไร้ที่สิ้นสุด ให้พุ่งตรงเข้ามาหานักพรตทงเทียน

นักพรตทงเทียนในเวลานี้ใกล้จะบุกออกไปจากแม่น้ำแห่งเต๋าได้แล้ว ทว่า… วินาทีนี้ ซ่งเชวียที่ฟื้นตื่นไม่เพียงแต่ควบคุมภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋า ยังทำให้แม่น้ำแห่งเต๋าสายนี้มีสติปัญญาเพิ่มขึ้น จึงเหมือนว่ามันได้ฟื้นตื่นขึ้นจากการหลับใหล

เมื่อสติปัญญาที่ว่านี้ปรากฏขึ้น กระแสน้ำในแม่น้ำแห่งเต๋าก็พลันไหลทวนย้อนกลับ พยายามต่อต้านอย่างเต็มกำลัง ขณะเดียวกันขอบเขตของมันก็หดสวบเข้ามา คล้ายจะห่อหุ้มนักพรตทงเทียนไว้ชั้นแล้วชั้นเล่า ราวกับไม่มีวันสิ้นสุด

อีกทั้งยังมีภูเขาแห่งเต๋าที่พองขยายท่ามกลางเสียงอึกทึก เวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาขนาดของมันก็ใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าจนมิอาจคณนา พลังแห่งต้นกำเนิดที่แผ่ออกมาจากภูเขายักษ์สะท้านฟ้าลูกนี้ ได้ตรงเข้ามาสยบกำราบนักพรตทงเทียนไว้โดยตรง

“บัดซบนัก!!” เมื่ออยู่ภายใต้พลานุภาพสยบนี้ แม้ใบหน้าผู้บงการนี่ฝานที่ก่อตัวขึ้นมารอบกายเขาจะแบกรับไว้ได้ ทว่าร่างกายของนักพรตทงเทียนได้หมดสิ้นซึ่งพลังชีวิตไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว ตอนนี้เลือดสดๆ จึงทะลักพรั่งพรูออกมาจากทวารทั้งเจ็ด เขาหมดสิ้นซึ่งความหวัง ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยมากมายนับไม่ถ้วน

แต่ไม่ว่าเขาจะพยายามดิ้นรนหรือต่อต้านอย่างไรก็ล้วนไม่มีประโยชน์ ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าใหญ่ยักษ์นั่นยังคงพุ่งกดทับลงมาพร้อมเสียงดังสะเทือนแก้วหูอย่างต่อเนื่อง นักพรตทงเทียนที่อยู่ในแม่น้ำแห่งเต๋าแผดเสียงคำรามด้วยความเจ็บปวด เขาไม่ยอมแพ้ ยังมีเรื่องอีกมากมายที่เขายังไม่ได้ทำ เขายังไม่ได้กลายเป็นผู้บงการ และเป้าหมายที่ยาวไกลยิ่งกว่านั้นของเขาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ เขาไม่สามารถ แล้วก็ไม่เต็มใจที่จะมาตายอยู่ที่นี่

และที่ทำให้เขารับไม่ได้ที่สุดก็คือ… หากครั้งนี้คนที่ลงมือต่อเขาคือป๋ายเสี่ยวฉุน เขาอาจจะพอรับได้บ้าง แต่นี่คนที่ลงมือกลับเป็นคนที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยให้ความสนใจแม้แต่น้อย สำหรับเขาแล้วความรู้สึกอัปยศนี้แทบไม่ต่างอะไรจากความตาย

ท่ามกลางเสียงหัวเราะขมขื่น นักพรตทงเทียนพลันก้มหน้าลง เปลวเพลิงบนร่างของเขาลุกไหม้รุนแรงถึงขีดสุดจนแม้แต่ใบหน้าของเขาก็ยังถูกกลบทับไว้จนมิด เป็นเหตุให้ลักษณะของเขาในเวลานี้เหมือนกับทะเลเพลิงผืนหนึ่ง

“ป๋ายเสี่ยวฉุน!” ดวงตาบนใบหน้าที่ก้มลงของเขาฉายประกายแสงคมกริบ ราวกับจะมองลอดทะลุแม่น้ำแห่งเต๋าไปเห็นห้องลับกลางวังหลวงนครจักรพรรดิขุยบนแผ่นดินของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล

ราวกับว่าเขาพอจะมองเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนที่อยู่ในห้องลับนั่นได้รำไร!

เมื่อเสียงของเขาดังออกมา นักพรตทงเทียนก็พลันกางแขนทั้งสองออกกว้าง วินาทีนี้กลับมีเปลวเพลิงที่น่าหวั่นผวายิ่งกว่าเดิม ระเบิดออกมาจากร่างของเขาอย่างเหี้ยมหาญ!!

ก่อนหน้านี้แม้เขาจะเผาร่างของตัวเอง แต่กระนั้นก็ยังกักเก็บไว้ส่วนหนึ่ง เผาไหม้เพียงเลือดเนื้อ เผาไหม้เพียงพลังชีวิต แต่กลับไม่ได้เผาไหม้วิญญาณของตน และไม่ได้เผาไหม้เต๋าที่เขาได้มาจากนี่ฝาน!

ทว่าตอนนี้เขาไม่สนใจอีกแล้ว เขาจึงเริ่มเผาดวงวิญญาณ เผาเต๋าของตัวเองให้มอดไหม้ และเมื่อทะเลเพลิงระเบิดปะทุ ปราณบนร่างของเขาก็พวยพุ่งสะท้านฟ้าอีกครั้ง ระหว่างที่โบกแขนทั้งสองข้าง ปากของเขาก็แผดเสียงร้องคำรามแหบโหยที่เกิดจากการพยายามข่มกลั้นความเจ็บปวดเพราะร่างกายถูกไฟกลืนกิน

“ร่างแห่งการดับสูญ!!” เมื่อเสียงคำรามของนักพรตทงเทียนดังขึ้นมา เมื่อมือทั้งคู่ของเขายกชูขึ้นก็มีแสงไฟหลายเส้นแผ่ออกมาจากในร่างของเขาอย่างต่อเนื่อง ใบหน้าของนี่ฝานรอบกายเขาที่จำแลงขึ้นมาจากวิชาอภินิหารก็ยิ่งเปล่งประกายแสงเจิดจ้า ซ้ำเบื้องใต้ใบหน้าใหญ่ยักษ์ยังมีเปลวเพลิงล่องลอยออกมา ก่อนจะมารวมตัวกันแล้วก่อขึ้นเป็นเรือนกายขนาดใหญ่ยักษ์เรือนกายหนึ่ง!

เรือนกายนั้นก็คือ ร่างมายาของผู้บงการนี่ฝาน!

นักพรตทงเทียนในเวลานี้ได้เผาผลาญทุกสิ่งของตัวเองอย่างสิ้นซาก วิชาอภินิหารที่เขาร่ายออกมาก่อตัวขึ้นเป็นเรือนกายของผู้บงการนี่ฝาน นี่ก็คือ… ท่าไม้ตายที่เขาได้มาจากเต๋าแห่งการดับสูญ!!

เพียงแต่ว่าค่าตอบแทนในการร่ายใช้ท่าไม้ตายนี้มากมหาศาลยิ่งนัก แต่กระนั้นอานุภาพของมันก็น่าครั่นคร้ามพอๆ กัน วินาทีที่ปรากฏขึ้นก็เป็นเวลาเดียวกับที่ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋ากระแทกตูมลงมา เมื่อเสียงกัมปนาทดังกึกก้อง แม้แต่ห้วงจักรวาลก็ยังสั่นสะเทือนไปด้วย เสียงสะเทือนเลือนลั่นราวกับจะดับแก้วหูทำให้ทั่วทั้งฟ้าดิน ทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลโยกคลอน

“ไสหัวไปซะ!” นักพรตทงเทียนคำรามดังลั่น เมื่อแขนทั้งสองข้างของเรือนกายนี่ฝานที่จำแลงมาจากวิชาอภินิหารของนักพรตทงเทียนโบกตวัด ภายใต้เสียงกัมปนาทเกริกก้องนั้น ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าก็ถึงกับมิอาจสยบกำราบเอาไว้ได้ ซ้ำเมื่อเจอกับแรงดีดสะเทือนกลับยังเกิดรอยปริร้าวลามไปทั่ว และไม่นานเมื่อเสียงตูมดังลั่น ภูเขาทั้งลูกก็พลันกระจัดกระจายเป็นส่วนๆ

วินาทีที่ภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าระเบิดพังทลาย เรือนกายนี่ฝานที่จำแลงมาจากวิชาอภินิหารของนักพรตทงเทียน ก็หอบเอาร่างของนักพรตทงเทียนให้พุ่งกระแทกไปยังแม่น้ำแห่งเต๋าที่โอบล้อมอยู่รอบกายเขา!

ริ้วคลื่นไร้คำบรรยายขุมหนึ่งพลันระเบิดซัดตะลุยไปอย่างดุเดือด แม่น้ำแห่งเต๋าที่มีสติปัญญาสายนั้นยังสั่นสะเทือนตามไปด้วย และพอเสียงตูมดังหนึ่งครั้ง มันก็แหลกสลายกลายเป็นหยดน้ำจำนวนนับไม่ถ้วน ที่จางหายไปท่ามกลางความว่างเปล่าของห้วงจักรวาล!!

ฟ้าดินสั่นสะเทือน ผู้คนตะลึงพรึงเพริด นักพรตทงเทียนอาศัยเรือนกายของนี่ฝานที่เขาจำแลงขึ้นเดินออกไปจากฉากสังหารได้สำเร็จ เขาไม่ได้หยุดชะงัก แต่ควบคุมให้เรือนกายมายาของนี่ฝานตรงดิ่งไปยังร่างจริงของผู้บงการนี่ฝานต่ออีกครั้ง!

สุดท้ายแล้วเขาก็ยังอยากจะมีชีวิตรอดต่อไป ต่อให้ทั้งดวงวิญญาณและเต๋าจะถูกเผาผลาญไปหมดสิ้น ต่อให้จะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้ แต่ก็ยังจำเป็นต้องใช้เวลายาวนาน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากจะมีชีวิตอยู่ต่อไป!

และขณะเดียวกันกับที่นักพรตทงเทียนทำลายภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าและแม่น้ำแห่งเต๋า วิญญาณวัตถุน้อยที่อยู่ในพัดวิเศษก็เหมือนเสียพลังต้นกำเนิดไปมหาศาล มันกรีดร้องเสียงแหลม ส่วนซ่งเชวียก็กระอักเลือดสดอย่างบ้าคลั่ง ประกายแสงสดใสในดวงตาพลันหม่นมัวลงไป ทว่าบนร่างของเขากลับมีริ้วคลื่นของความบ้าดีเดือดทะยานท่วมเทียมฟ้า

วินาทีที่ริ้วคลื่นนี้แผ่ออกมา แขนของผู้บงการที่ถูกหอบกลับมาหลังจากแม่น้ำแห่งเต๋าแหลกสลาย ก็พลันส่องแสงจ้าบาดตาราวกับดวงอาทิตย์ดวงหนึ่งที่พลันระเบิดแตก

การระเบิดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหันเกินไป อานุภาพของมันก็ยิ่งสะท้านฟ้าสะเทือนดิน เพราะอย่างไรซะนั่นก็คือแขนผู้บงการ เมื่อมันระเบิดออก พลังเดือดพล่านรุนแรงก็พลันซัดกวาดไปทั่วห้วงจักรวาลบริเวณใกล้เคียง

เป็นเหตุให้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าห้วงจักรวาลแห่งนี้ได้ถล่มยวบลงไป และพลังการระเบิดทั้งหมดของมันก็มีเป้าหมายเพียงแค่จุดเดียวเท่านั้น

นั่นก็คือ…นักพรตทงเทียน!

ตามหลังการโจมตี ร่างนี่ฝานที่เกิดจากวิชาอภินิหารซึ่งห่อหุ้มอยู่นอกร่างของนักพรตทงเทียนก็ได้รับผลกระทบจนส่ายไหว การส่ายคลอนของเรือนกายที่ใหญ่โตจึงเป็นเหมือนพายุหมุนบ้าระห่ำ ที่ซัดเข้าใส่นักพรตทงเทียนซึ่งอยู่ภายใน

พลังแห่งการพังทลายที่เกิดขึ้นทำให้ร่างของนักพรตทงเทียนสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลังชีวิตโยกคลอนจะดับมิดับแหล่ ทว่าทุกอย่างนี้ยังไม่สิ้นสุด หลังจากที่ระเบิดแขนผู้บงการเพื่อขัดขวางและทำร้ายให้นักพรตทงเทียนบาดเจ็บสาหัสอย่างไม่เสียดายได้สำเร็จ ดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอยของซ่งเชวียก็พลันฉายความเฉียบขาด และบนร่างของเขาก็มีริ้วคลื่นดุเดือดระเบิดออกมาทันที

ริ้วคลื่นนี้ก็มาจากการเผาไหม้ตัวเองเช่นกัน!!

“เจ้าแก่ทงเทียน ข้าผู้แซ่ซ่งยังไม่ตาย!”

ซ่งเชวียคำรามกร้าว ภายใต้เปลวเพลิงที่ลุกไหม้ไปทั่วร่าง เขาพลันลุกขึ้นยืน ใช้พลังชีวิต ใช้ต้นกำเนิดแห่งเต๋า ใช้ทุกอย่างของเขามาลงในการทำมุทราครั้งนี้ นอกร่างของเขาจึงปรากฏเรือนกายใหญ่ยักษ์มายาเรือนกายหนึ่งขึ้นมาเช่นกัน!

เรือนกายนี้สวมชุดนักพรตเต๋า หน้าตาหล่อเหลาสง่างาม ดวงตาดั่งดวงดาวที่ฉายแสงสุกสกาว หากป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ที่นี่ด้วยต้องจำได้ทันทีว่าเงาร่างที่ปรากฎขึ้นบนร่างของซ่งเชวียเวลานี้ ก็คือร่างของ…เต้าเฉิน!!

มือขวาของเขายกขึ้นคว้าจับผ่านความว่างเปล่า ทันใดนั้นหยดน้ำของแม่น้ำแห่งเต๋าที่พังทลายอยู่รอบกายก็พุ่งกลับมารวมตัวกันอยู่ในร่างของเขา กลบทับเรือนกายของซ่งเชวียที่อยู่ด้านในร่างยักษ์นี้ไว้จนมิด กลายมาเป็นเลือดเนื้อที่ทำให้เต้าเฉินซึ่งเกิดจากวิชาอภินิหารของซ่งเชวียเหมือนฟื้นคืนชีพ มีชีวิตสมจริง!!

ก่อนที่มือซ้ายของเขาจะยกขึ้นคว้าจับผ่านอากาศอีกครั้ง ทันใดนั้นภูเขาต้นกำเนิดแห่งเต๋าที่ย่อยยับก็พุ่งกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง มาลอยอยู่ฝั่งซ้ายมือของเขา ขณะเดียวกันวิญญาณวัตถุน้อยที่อยู่ในพัดวิเศษก็พลันตื่นเต้นดีใจ จึงเข้าควบคุมพัดวิเศษให้มาปรากฏอยู่ฝั่งขวาของเรือนกายเต้าเฉิน

ทั้งหมดนี้พูดแล้วเชื่องช้า ทว่าในความเป็นจริงกลับเกิดขึ้นในเวลาเพียงชั่วประกายไฟแลบ ขณะเดียวกันกับที่นักพรตทงเทียนเตรียมจะกลับเข้าไปในร่างของผู้บงการนี่ฝานอีกครั้ง ซ่งเชวียก็ได้ร่ายใช้วิชาอภินิหารสูงสุดที่ต้องเผาไหม้ตัวตนของตัวเองสำเร็จแล้ว

เมื่อเสียงคำรามของซ่งเชวียดังขึ้น เรือนกายของเต้าเฉินที่เขาควบคุมไว้นอกร่างเหมือนเป็นเต้าเฉินตัวจริง เขาตรงดิ่งไปยังนภากาศ ตรงดิ่งเข้าหา…นักพรตทงเทียน ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเรือนกายมายาของนี่ฝาน

“ตาย!!” ดวงตาของซ่งเชวียฉายความบ้าคลั่ง คนที่เกลียดแค้นนักพรตทงเทียนไม่ได้มีแค่ป๋ายเสี่ยวฉุน เขาซ่งเชวียก็เป็นคนโลกทงเทียนเหมือนกัน

เขาเองก็เคียดแค้นนักพรตทงเทียนเข้ากระดูกดำเช่นเดียวกัน ตามหลังเสียงคำรามของเขา ร่างของเต้าเฉินที่ปกคลุมอยู่นอกกายเขาก็พลันยกมือขวาขึ้นกำเป็นหมัดแล้วต่อยไปที่นักพรตทงเทียน

หมัดนี้ปล่อยพลังทั้งหมดที่เขามี ต่อยทุกสิ่งทุกอย่างของซ่งเชวียออกไป เป็นเหตุให้เรือนกายของเต้าเฉินที่อยู่นอกร่างเขาเป็นเหมือนดาวตกที่ส่องประกายแสงพร่างพราว หอบเอาพายุหมุนรอบกายให้หมุนคว้างด้วยพลังอำนาจสะเทือนฟ้าตรงดิ่งเข้าหานักพรตทงเทียนจนห้วงจักรวาลสั่นสะเทือน แปดทิศกึกก้องอึงคะนึง

นักพรตทงเทียนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง หากห้วงจักรวาลไม่ยุบเว้าเพราะการพังทลายของแขนผู้บงการ เขายังพอจะมีโอกาสให้กลับไป แต่ตอนนี้เขาเข้าใจดีว่าตนไม่อาจกลับไปได้อีกแล้ว วิกฤตคับขัน นักพรตทงเทียนหัวเราะเสียงเหี้ยม แล้วจึงพลันหมุนตัวขวับกลับมายกมือทั้งคู่ขึ้นทำมุทรา ควบคุมเรือนกายนี่ฝานที่จำแลงจากวิชาอภินิหารให้ร้องคำราม มือทั้งคู่ยกขึ้นแล้วกดลงไปเบื้องหน้าอย่างแรง ทันใดนั้นในมือทั้งคู่ของเขาก็มีน้ำวนสีดำลูกหนึ่งปรากฏขึ้น แล้วตรงเข้าปะทะกับเงาร่างของเต้าเฉิน

ต่อสู้กันมาจนถึงตอนนี้ เสียงกัมปนาทที่รุนแรงที่สุดได้ก้องกังวานไปทั่วแปดทิศของหัวงจักรวาลในวินาทีนี้ ความว่างเปล่าราวกับจะแหลกสลาย ห้วงจักรวาลราวกับจะถล่มทลาย แม้แต่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ยังมียอดเขาจำนวนนับไม่ถ้วนพังครืนลงมา ท่ามกลางแรงสะเทือนนี้ แผ่นดินของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ยิ่งเกิดรอยแตกร้าวแผ่ลามแตกระแหง!

มองไปไกลๆ ก็ราวกับว่าห้วงจักรวาลกลายมาเป็นหลุมดำ พลังที่พลุ่งพล่านดุเดือดอย่างถึงที่สุดปะทุทะลักทลายอยู่ระหว่างซ่งเชวียกับนักพรตทงเทียน อยู่ระหว่างเงาร่างของเต้าเฉินและเงาร่างของนี่ฝาน

ภายใต้เสียงอึกทึกครึกโครมที่ดังไม่ขาดสาย ในที่สุดเงาร่างของนี่ฝานจากวิชาอภินิหารที่ห่อหุ้มอยู่นอกกายของนักพรตทงเทียนก็ไม่อาจต้านทานได้ไหว จึงกลายมาเป็นเปลวเพลิงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนซึ่งแตกกระจายแผ่ลามไปสี่ทิศ ขณะเดียวกันร่างของเต้าเฉินนอกกายซ่งเชวียก็แหลกสลายไปเช่นเดียวกัน

ซ่งเชวียกระอักเลือดพ่นเป็นสาย ร่างถูกหอบม้วนตลบกลับไป เขาได้ทุ่มพลังทั้งหมดที่มีแล้ว เวลานี้จึงเหมือนเปลวเพลิงในสายลมที่หากลมพัดมาเพียงนิด เขาก็คงมอดดับ ยังดีที่มีจักรพรรดิเซิ่งอยู่ข้างกาย ซึ่งแม้ว่าเขาเองก็จะบาดเจ็บสาหัสไม่ต่างกัน แต่ก็ยังใช้พลังทั้งหมดที่มีไปรับตัวซ่งเชวียแล้วปกป้องเขาไว้ พาถอยหนีไปด้วยกัน

ส่วนนักพรตทงเทียนนั้น เมื่อเงาร่างของนี่ฝานที่จำแลงขึ้นมาแหลกสลาย เรือนกายของเขาก็โผล่อยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาล เส้นผมของเขายุ่งเหยิงพันกัน สีหน้าของเขาซีดขาว เมื่อมองไปก็เห็นว่าเปลวเพลิงบนร่างของเขาลามกินลึกเข้าไปถึงกระดูกนานแล้ว และเผาผลาญพลังชีวิตเสี้ยวสุดท้ายในร่างของเขาจนสิ้นซากอย่างที่ไม่มีโอกาสให้เขาได้พลิกฟื้นอีก

บัดนี้เขากลับสงบนิ่งได้อย่างน่าประหลาดใจ สายตาของเขาไม่มีซ่งเชวีย ไม่มีจักรพรรดิเซิ่ง แล้วก็ไม่มีทุกชีวิตที่อยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ยิ่งไม่มีป๋ายเสี่ยวฉุน มีเพียง…ทิศทางใดทิศทางหนึ่งบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่สายตาของเขามองไป

“ท่านพ่อ ทุกอย่างนี้ มันคุ้มค่าแล้วหรือ…”

“ข้าคือลูกสาวของท่านนะ!!”

“ขอร้องล่ะ ขอร้องท่านล่ะ ท่านพ่อ…”

บัดนี้ข้างหูของเขามีเสียงของตู้หลิงเฟยในปีนั้นดังก้องขึ้นมา และเบื้องหน้าของเขาก็คล้ายมีภาพบนเกาะทงเทียนในอดีตที่เขาบังคับกดร่างลูกสาวกับป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าด้วยกัน เพื่อให้พวกเขาผสานรวมกลืนกินกันเอง

“นั่นสิ มันคุ้มแล้วหรือ…”

นักพรตทงเทียนพึมพำเบาๆ เขาพลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดบนหลังมือ เมื่อก้มหน้าลงมองเขาก็เห็นน้ำตาหยดหนึ่งที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่ามันหลั่งรินลงมาได้อย่างไร บนหลังมือที่น้ำตาหยดนั้นร่วงลงไปกลับไม่มีความรู้สึกเปียกชื้นบนผิวหนัง ทว่าวินาทีที่หยดน้ำตาสัมผัสเข้ากับผิวหนัง ใต้ผิวหนังตำแหน่งนั้นกลับมีเปลวเพลิงลุกไหม้ขึ้นมาแล้วลามไปที่หลังมือ ฝ่ามือ แขน รวมถึงเรือนกายของเขาที่เพียงชั่วพริบตา… ก็ถูกเผาไหม้จนสลายกลายเป็นเถ้าธุลี

“ดูเหมือนว่าข้าในอดีต จะไม่ใช่แบบนี้…”

นักพรตทงเทียนหลับตาลง ท่ามกลางความขมขื่นก็มีความรู้สึกเลื่อนลอย จนกระทั่งเปลวเพลิงนั้นเผาไหม้ไปถึงศีรษะและศีรษะก็กลายเป็นเถ้าถ่าน เขาที่พกพาเอาความเลื่อนลอย พกพาเอาการย้อนทวนความทรงจำ หรืออาจพกพาเอาความคิดถึงที่มีต่อบุตรสาวในช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตก็ได้ค่อยๆ สลายหายไปในที่สุด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!