บทที่ 1292 ร่างเต๋าครึ่งจักรภพ
บนท้องฟ้าของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล การฟื้นตื่นของผู้บงการนี่ฝานในห้วงจักรวาลทำให้ชั้นหินทั้งหมดที่เกาะอยู่บนร่างของเขาปริแตกแล้วร่วงระนาวลงมาต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบนพื้นปฐพี ผู้เดียวที่ยังคงนั่งเข้าฌานแน่นิ่งโดยไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ก็มีเพียงป๋ายเสี่ยวฉุนเท่านั้น
ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้แห้งเหี่ยวโรยราลงไปไม่น้อย ไม่มีปราณใดๆ แผ่ออกมาจากร่างของเขา ดวงตาทั้งคู่ปิดสนิท เส้นผมปลิวไสว มองไม่ออกว่าเป็นหรือตาย แต่กลับเหมือนจะมีความลี้ลับอะไรบางอย่างกำลังผุดขึ้นมาในกายเขาอย่างเลือนราง
ราวกับว่าที่นั่งอยู่ตรงนั้นไม่ใช่ร่างของมนุษย์ แต่เป็นทวยเทพองค์หนึ่ง!
เมื่อผู่กงอิงจำนวนนับไม่ถ้วนที่จำแลงมาจากพลังชีวิตและอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนปลิวกระจายไปหล่นอยู่ตามซากปรักหักพังแต่ละแห่งในห้วงจักรวาล เวลานี้การเปลี่ยนแปลงที่น่าตะลึงก็กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อผู่กงอิงฝังรากลงไป ซากปรักหักพังเหล่านั้นก็แผ่แสงเรืองรองต่อเนื่อง ขับไล่ความมืดมิด เป็นเหตุให้เศษซากแต่ละแห่งกลายมาเป็นต้นกำเนิดแห่งแสงสว่าง ขณะเดียวกันก็มีพลังชีวิตที่กำลังฟักตัวขึ้นช้าๆ
เมื่อแสงสว่างปรากฏขึ้น เมื่อความมืดมิดจางหายไป พื้นดินในซากปรักหักพังที่ถูกจุดไฟให้สว่างจ้าก็เหมือนกับแฝงเร้นไว้ด้วยความมีชีวิตชีวา ประหนึ่งการฟื้นตื่นหลังจากหลับลึกมานานหลายปี แล้วก็เหมือนการฟื้นคืนชีพขึ้นใหม่หลังจากที่ดับสูญไปแล้ว!
บัดนี้ดูเหมือนว่าความมืดมิดทั่วทั้งห้วงจักรวาลจะไม่มืดมนอันธการดังเดิมอีกต่อไป เพราะสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่ามีปณิธานที่น่าครั่นคร้ามขุมหนึ่งกำลังถูกปลุกให้เปล่งรัศมีเรืองรอง
การปรากฏของปณิธานนี้คล้ายจะไปเขย่าคลอนความมืดมิด เป็นเหตุให้ม่านมืดดำในห้วงจักรวาลถูกเลิกขึ้น ในห้วงจักรวาลจึงเหมือนมีสงครามระหว่างความมืดและแสงสว่างกำลังปะทุดุเดือดอย่างที่มิอาจหาคำใดมาบรรยายได้!
หากสามารถยืนอยู่ในระดับที่สูงที่สุดแล้วก้มหน้าลงมองห้วงจักรวาล ถ้าเช่นนั้นภาพเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า ก็คือภาพที่เหมือนกับท้องฟ้าในยามค่ำคืน
ท้องฟ้ากว้างใหญ่ที่เคยมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด บัดนี้กลับมีแสงดาวพร่างพราว แม้ว่าแสงที่ทอออกมาจากซากปรักหักพังแห่งแล้วแห่งเล่าจะอ่อนจางมากแค่ไหน แต่พวกมันกลับค่อยๆ ร้อยเรียงเข้าประสานเป็นหนึ่งเดียวกัน!
และดูเหมือนว่าท้องฟ้าที่มืดมิดจะไม่ต้องการให้เป็นเช่นนี้ จึงคิดจะกลบทับพื้นที่ซากปรักหักพังที่ถูกจุดแสงสว่างให้กลับเข้าไปอยู่ในความมืดอีกครั้ง แต่เนื่องด้วยความมืดเหล่านี้ไม่มีสติปัญญา จึงได้แต่ขัดขวางตามสัญชาตญาณเท่านั้น
การช่วงชิงแก่งแย่งกันระหว่างความดับสูญและความมีชีวิตชีวาจึงดำเนินอยู่ทั่วทุกมุมในห้วงจักรวาลแห่งนี้
อีกทั้งหากมองอย่างละเอียดจะค้นพบว่าทุกครั้งที่พื้นที่ซากปรักหักพังแห่งหนึ่งถูกจุดไฟให้สว่างไสว ปราณลี้ลับบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็จะเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง และไม่นานความรู้สึกที่เหมือนเขากลายมาเป็นทวยเทพก็ยิ่งเข้มข้นรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
เวลาหลายสิบปีมานี้ ต่อให้นี่ฝานจะฟื้นตื่นก่อนกำหนด ทว่าป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงยืนกรานที่จะจุดแสงสว่างให้แก่ทั้งห้วงจักรวาลอย่างเด็ดเดี่ยว จึงเป็นเหตุให้ซากปรักหักพังถึงห้าพื้นที่เต็มในห้วงจักรวาลถูกจุดไฟสว่างจ้าอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
เพียงแต่ว่า…ที่พื้นที่ห้าส่วนนี้ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจุดไฟสว่างได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะก่อนหน้านี้นี่ฝานยังหลับสนิท ภายใต้สถานการณ์ที่เขายังไม่ฟื้นตื่น ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงสามารถทำทุกอย่างนี้ได้โดยที่ไม่มีใครมาขัดขวาง
ทว่าตอนนี้เมื่อนี่ฝานตื่นขึ้น ความมืดมิดในห้วงจักรวาลแห่งนี้ก็เหมือนจะเปลี่ยนจากแต่เดิมที่เข้าขัดขวางโดยสัญชาตญาณมาเป็นมีสติปัญญามากขึ้น ห้วงจักรวาลจึงสั่นสะเทือนราวกับว่ามีจิตสำนึกขุมหนึ่งตื่นขึ้นมาแล้วขับไล่ความมืดมิดรอบด้านออกไป ด้านหนึ่งก็เพื่อขัดขวางไม่ให้ป๋ายเสี่ยวฉุนจุดไฟให้แก่ห้วงจักรวาลได้ต่อ อีกด้านหนึ่งความมืดมิดที่อยู่รอบๆ ซากปรักหักพังที่ส่องแสงสว่างก็กลายมาเป็นเหมือนกระแสน้ำขึ้นที่ส่งเสียงคำรามอย่างน่าประหลาดใจ ราวกับว่าต้องการจะโถมทับกลืนกินแสงสว่างเหล่านั้นไปอีกครั้ง
ภายใต้การต่อต้านทัดทานกันนี้ ซากปรักหักพังที่ยังไม่ทันถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจุดไฟให้สว่างจึงส่ายสะบัดโอนเอนเหมือนอยู่ท่ามกลางพายุฝนฟ้ากระหน่ำ ราวกับว่าอาจถูกความมืดมิดกลืนกินได้ทุกเมื่อ แต่ว่าในโลกซากปรักที่ถูกเขาจุดไฟให้สว่างจ้าแล้ว แม้ความมืดมิดจะพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงแค่ไหน แต่ทุกครั้งที่พวกมันกระโจนเข้ามาก็มักจะถูกแสงสว่างที่ส่องออกมาจากดอกผู่กงอิงขับไล่ให้ออกไปอยู่ข้างนอกเสมอ
เพียงแต่ว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ก็เหมือนอยู่ในสภาวะคุมเชิงกันและกัน แม้ป๋ายเสี่ยวฉุนจะขัดขวางให้ความมืดถอยกลับออกไปได้ แต่ขณะเดียวกันเขาก็ไม่มีพลังเหลือให้ไปจุดไฟสว่างให้กับซากปรักหักพังแห่งอื่นๆ
ทั้งหมดนี้คนนอกมองไม่ออก แม้แต่ตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังไม่อาจตระหนักได้อย่างชัดเจน ทุกอย่างล้วนมาจากสัญชาตญาณของเขาทั้งสิ้น และหลังจากที่ไม่สามารถจุดไฟสว่างให้กับห้วงจักรวาลได้อีก ไม่นานในซากปรักหักพังที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจุดไฟสว่างเป็นที่แรกซึ่งอยู่ใกล้กับดินแดนเซียนนิรันดร์กาลมากที่สุด
ดอกผู่กงอิงที่จำแลงมาจากชีวิตและอำนาจจิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็สาดแสงหมื่นจั้งจนกลายมาเป็นต้นกำเนิดแห่งแสงของซากปรักหักพังแห่งนี้ และไม่นานเมื่อแสงที่ทอออกมาจากผู่กงอิงบิดเบือน มันก็ได้วาดเค้าโครงร่างมายาของคนผู้หนึ่งขึ้นมา
ร่างมายานี้สุดท้ายแล้วมีลักษณะรูปร่างเป็นคนผู้หนึ่งที่นั่งขัดสมาธิ เมื่อใบหน้าแจ่มชัดขึ้นก็เผยให้เห็นใบหน้าของป๋ายเสี่ยวฉุน!!
มองไกลๆ ก็ราวกับว่าสถานที่แห่งนี้มีร่างแยกของป๋ายเสี่ยวฉุนเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งร่าง แต่กระนั้นก็เหมือนจะไม่ใช่ร่างแยก เพราะในร่างของเขามีเต๋า มีพลังชีวิต ทั้งยังมีพลังแห่งต้นกำเนิดของพื้นที่ที่เคยเป็นซากปรักหักพังแห่งนี้อยู่ด้วย!
ภาพเหตุการณ์นี้ไม่มีใครมองเห็น แต่ต่อให้มีคนมองเห็นก็ไม่อาจบอกได้ว่าที่ปรากฏอยู่ตรงนี้คืออะไรกันแน่…ต่อให้เป็นตัวป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ยังคงไม่มีคำตอบให้กับเหตุการณ์นี้
บางทีหากจะเรียกให้ถูกต้องสักหน่อย ควรเรียกว่านี่คือ…ร่างแห่งเต๋า!
นี่คืออีกวิธีการหนึ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเลือกทำหลังจากสัญชาตญาณของเขาค้นพบว่าพอนี่ฝานฟื้นตื่น ตนก็ไม่สามารถจุดแสงสว่างให้แก่พื้นที่แห่งอื่นนอกจากพื้นที่ห้าแห่งในห้วงจักรวาลได้อีก!
ในเมื่อไม่สามารถทำตามเป้าหมายเดิมได้ต่อ ดังนั้นเขาจึงใช้พื้นที่ทั้งห้านี้มาทำให้ตัวเอง…เลื่อนขั้นเป็นผู้บงการ!!
เมื่อร่างแห่งเต๋าปรากฏขึ้น ทันใดนั้นแสงสว่างของซากปรักหักพังแห่งนี้ก็เจิดจ้ายิ่งกว่าที่เคยเป็นหลายต่อหลายเท่า ภายใต้เสียงอื้ออึงที่ไม่ดังแว่วไปข้างนอก แสงสว่างนี้ได้พุ่งเข้าขับไล่ความมืดมิดที่อยู่รอบด้าน ไม่ว่าในความมืดมิดนั้นจะมีเสียงร้องคำรามดังมาแค่ไหนก็ไม่สามารถเข้าใกล้แสงสว่างเหล่านี้ได้ ได้แต่สลายหายไปอย่างต่อเนื่องเท่านั้น
และชั่วขณะที่ร่างแห่งเต๋าร่างแรกของป๋ายเสี่ยวฉุนปรากฏขึ้นในซากปรักหักพังแห่งนี้ ท้องฟ้านอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาล จู่ๆ ดวงตาของนี่ฝานก็ฉายประกายแสงคมกล้า เรือนกายที่ใหญ่โตโอฬารของเขายิ่งขยับเคลื่อนรุนแรง ชั้นหินบนร่างปริร้าวลามเป็นแถบๆ เศษหินอุกกาบาตร่วงกรูลงมาจากร่างของเขาไม่หยุด บ้างก็กระจายว่อนไปในห้วงจักรวาล บ้างก็หล่นลงมากระแทกใส่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล
ความร้อนรนกระวนกระวายนี้ของเขา คนของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลทุกคนล้วนสัมผัสได้อย่างชัดเจน
“เขากำลังร้อนใจงั้นรึ?” ซ่งเชวียที่ลมหายใจของหอบหนักพลันเอ่ยประโยคนี้ขึ้นมา
จักรพรรดิเซิ่งที่อยู่ข้างกันก็สังเกตเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หลังจากคนทั้งสองมองตากัน ต่างก็มองออกถึงความตื่นเต้นที่แฝงอยู่ในดวงตาของอีกฝ่าย
พวกเขาพลันหันหน้ากลับไปมองป๋ายเสี่ยวฉุน…ที่เป็นเพียงคนเดียวซึ่งยังนั่งเข้าฌานอยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล!
บัดนี้เมื่อร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนก่อตัวขึ้นในซากปรักหักพัง ความลี้ลับมหัศจรรย์ที่แผ่ออกมาจากร่างจริงของป๋ายเสี่ยวฉุนซึ่งอยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็ได้ปกคลุมรัศมีร้อยจั้งรอบตัวเขาเรียบร้อยแล้ว!
ในรัศมีหนึ่งร้อยจั้ง พื้นดินที่แตกระแหงได้ปรากฏลางว่าจะประสานตัวเข้าหากัน พลังชีวิตที่เข้มข้นก็พวยพุ่งอบอวล และที่ทำให้ทั้งซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งตื่นตะลึงมากที่สุดก็คือในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนเวลานี้เหมือนจะมีปณิธานแห่งต้นกำเนิดแผ่ออกมา!
ไม่นานเมื่อดอกผู่กงอิงในซากปรักหักพังแห่งที่หนึ่งก่อร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนขึ้นสำเร็จ ซากปรักหักพังแห่งที่สอง ซากปรักหักพังแห่งที่สาม…ซากปรักหักพังแต่ละแห่งที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนจุดไฟสว่างก็ล้วนมีร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนเผยกาย!
ร่างแห่งเต๋ามายาที่จำแลงขึ้นมาพลันระเบิดแสงจ้าพร่าตาจนส่งผลกระทบต่อห้วงจักรวาล เป็นเหตุให้เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นมองจึงรู้สึกเหมือนห้วงจักรวาลถูกเปลี่ยนแปลง ราวกับว่าพื้นที่ครึ่งหนึ่งได้มีแสงสว่างไสวทอประกายท่วมเทียมฟ้า!
“น่าสนใจ!” และวินาทีที่แสงสว่างระเบิดพร่าพรายนั้นเอง ผู้บงการนี่ฝานร่างยักษ์ที่อยู่นอกดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็พลันเงยหน้าขึ้น และปากของเขาก็เปล่งเสียงที่สามารถเขย่าคลอนจิตวิญญาณของผู้คนออกมา!
เสียงนี้กึกก้องไปทั้งนภากาศ เยียบเย็นประดุจดังแว่วมาจากกาลเวลาอันไกลโพ้น ขณะเดียวกันกับที่เสียงของเขาสะท้อนกังวานไปทั่วห้วงจักรวาล ร่างของเขาก็พลันขยับไหวอย่างแรง!
การขยับครั้งนี้เป็นเหตุให้ท้องฟ้าส่งเสียงลั่นอึกทึก ห้วงจักรวาลสั่นสะเทือน ชั้นหินทั้งหมดที่ปกคลุมอยู่ทั่วเรือนกายน่าพรั่นพรึงของนี่ฝานซึ่งมีรอยปริร้าวลามไปทั่วพลันระเบิดถล่มทลาย!
และตามหลังการระเบิดก็คือร่างของนี่ฝานที่สามารถ…คลายตราผนึกทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์แบบ!
มองไกลๆ ยักษ์ตนนี้ได้ผงาดยืนอยู่ท่ามกลางห้วงจักรวาล
และดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่อยู่เบื้องหน้าเขาก็เป็นเหมือนกับลูกหนังเล็กๆ ส่วนทุกชีวิตที่อยู่บนแผ่นดินก็ยิ่งเล็กกระจ้อยร้อยจนแม้แต่มดสักตัวก็ยังเทียบไม่ได้!
วินาทีนี้ฟ้าดินสะเทือนอึงคะนึง ทุกชีวิตบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลล้วนตัวสั่นสะท้าน หอบหายใจถี่กระชั้น ในจิตวิญญาณของพวกเขามีคลื่นยักษ์เทียมฟ้าถาโถม ก่อนหน้านี้ในบรรดาพวกเขาก็มีคนที่คิดว่า บางทีหลังจากที่นี่ฝานตื่นขึ้นมาก็ใช่ว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสรอดชีวิตเสมอไป จนกระทั่งบัดนี้ที่นี่ฝานฟื้นตื่นอย่างสมบูรณ์แบบ พวกเขาถึงได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้ว…ความเป็นไปได้นั้นกลับไม่มีอยู่เลย!!
ในสมองของทุกคนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาล บัดนี้เหมือนถูกยึดครองด้วยปณิธานบางอย่างจนสูญเสียความเป็นตัวของตัวเอง ได้แต่เหม่อมองมือขวาที่มีขนาดเกือบครึ่งของท้องฟ้าของผู้บงการนี่ฝานที่ยกขึ้น แล้วคว้าจับมาที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล!
เรือนกายของเขาใหญ่โตเกินไป
มือขวาของเขาก็ใหญ่เทียบได้กับดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเกือบครึ่งหนึ่ง พอมือข้างนั้นร่วงลงมาก็ราวกับว่าแผ่นฟ้าถล่มทลายดังอึกทึกอยู่ในใจของทุกคน!
“โลกหนึ่งแสนแปดหมื่นใบของห้วงจักรวาลแห่งนี้ดับสูญ ถึงจะมีบุปผาแห่งนิรันดร์กาลเบ่งบานหนึ่งดอก วันนี้…ข้าจะเด็ดบุปผาดอกนี้เพื่อกลายมาเป็นนิรันดร์กาล!”