Skip to content

A Will Eternal 1293

บทที่ 1293 ลืมตาตื่น!

เมื่อเสียงของนี่ฝานก้องสะท้อน ทั้งห้วงจักรวาลก็สั่นสะเทือน ราวกับว่าในเสียงนี้แฝงเร้นไว้ด้วยเต๋าที่มากพอจะดับทำลายทุกอย่าง สามารถพลิกตลบกลบทับทั้งห้วงจักรวาลไว้จนมิด!

อีกทั้งยามที่เสียงนี้แผ่กระจายออกไป แม้แต่พื้นที่ซากปรักในห้วงจักรวาลที่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนยึดครองก็ยังสั่นสะเทือนตามไปด้วย ส่วนห้วงจักรวาลที่ถูกความมืดมิดกลบทับก็ยิ่งเหมือนกระแสน้ำขึ้นที่ส่งเสียงดังอึงอลไปแปดทิศ

ส่วนมือขวาของนี่ฝาน บัดนี้ก็เหมือนกลายมาเป็นนภากาศที่พอยกขึ้นแล้วตวัดลงมา ตลอดทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็พลันตกอยู่ในอันตรายล่อแหลม และในช่วงเวลาอันเป็นกุญแจสำคัญนี้ แม้ว่าหัวสมองของทุกชีวิตจะขาวโพลน แต่เรือนกายกลับสั่นสะท้านตามสัญชาตญาณ ซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งหอบหายใจหนักหน่วง แม้ว่าพวกเขาเองก็จะได้รับผลกระทบเหมือนกัน แต่เนื่องด้วยต่างก็เป็นครึ่งก้าวผู้บงการ แม้ระดับการได้รับผลกระทบจะมีมาก แต่ก็ยังพอจะฝืนต้านทานไว้ได้

วิกฤตคับขัน หน้าผากของซ่งเชวียเกร็งจนเส้นเอ็นปูดนูน เขามองเห็นมือใหญ่มหึมาที่ปิดบังครึ่งหนึ่งของท้องฟ้าซึ่งพุ่งวูบลงมาจากเบื้องบน มือใหญ่นี้เป็นสีดำประหนึ่งท้องนภาพังถล่ม ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลก็เหมือนจะแหลกสลาย เสียงคำรามพลันดังออกจากปากของซ่งเชวีย เขาพลันเงยหน้าขึ้นอย่างไม่สนใจสิ่งใด แม้ว่าเมื่ออยู่ภายใต้พลานุภาพสยบนี้ร่างของเขาจะเริ่มแหลกยับ แต่เขาที่ตาแดงก่ำก็ยังเผาไหม้เรือนกายของตัวเองอีกครั้งอย่างเด็ดเดี่ยว แล้วพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า กระโจนเข้าหามือใหญ่ที่ร่วงลงมา

ข้างกายเขายังมีปราณของการเผาไหม้ตัวเองอีกขุมหนึ่งลุกโชนขึ้นมา คือจักรพรรดิเซิ่งที่หน้าขาวซีดนั่นเอง เขายิ้มขื่น ทว่านัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด แล้วก็กระโจนออกไปเช่นกัน

มองไกลๆ เงาร่างของพวกเขาทั้งสองคนที่พอเปรียบเทียบกับมือใหญ่บนท้องฟ้าแล้วก็เรียกได้ว่าเล็กจ้อยจนแทบไม่มีค่าพอให้พูดถึง ทว่าพวกเขากลับยังเลือกที่จะเผชิญหน้าและทัดทานอย่างสุดกำลัง!

ภาพความกล้าหาญองอาจ ภาพความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาดนี้ที่แม้ว่าเนื่องจากหัวสมองของทุกชีวิตขาวโพลนจึงไม่ทันสังเกตเห็น แต่เนื่องด้วยดินแดนเซียนนิรันดร์กาลมีวิญญาณ แม้มารดาแห่งนิรันดร์กาลจะอ่อนแอมาก แต่นางกลับรับรู้เรื่องทุกอย่างนี้ได้

ความเศร้าอาดูรแผ่อวลออกมาจากต้นไม้ใบหญ้าทุกต้น แผ่ออกมาจากทุกสรรพชีวิต แผ่ออกมาจากฟ้าดิน ตลบอบอวลไปทั่วโลกทั้งใบ ขณะเดียวกันร่างของซ่งเชวียและจักรพรรดิเซิ่งก็ได้ขยับเข้าใกล้มือของนี่ฝานที่พุ่งเข้ามาแล้ว!

ซ่งเชวียแผดเสียงกร้าว จักรพรรดิเซิ่งคำรามก้อง ร่างของพวกเขาทั้งสองระเบิดแสงสว่างเจิดจ้า แต่เมื่อเทียบกับฝ่ามือของนี่ฝานแล้วกลับยังเล็กกระจ้อยร้อยจนไม่มีค่าพอให้พูดถึง แม้ว่าพวกเขาจะเลือกเผาไหม้ตัวเอง แต่ก็ยัง…มิอาจสกัดขวางเอาไว้ได้

เสียงอึกทึกระเบิดอึงคะนึงไปทั้งแผ่นฟ้า แม้จะมีซ่งเชวียกับจักรพรรดิเซิ่งลงมือ แต่จุดจบได้ถูกกำหนดมาแล้ว แม้ว่าการลงมือของพวกเขาจะใช้ทุกกำลังที่มี ต่อให้ทุ่มเทจนหมดสิ้นไม่มีเหลือ แต่ก็ยัง…ไม่อาจสกัดกั้นมือใหญ่ของนี่ฝานที่พุ่งเข้ามาเสียงดังครืนครั่นได้แม้แต่เสี้ยววินาที!

ท่ามกลางเสียงกัมปนาท ซ่งเชวียกระอักเลือด ร่างที่เหมือนจะพังทลายถูกหอบตลบกลับไปกระแทกลงบนพื้นดิน ระหว่างที่ร่วงดิ่งลงนี้ร่างของเขาก็ได้แหลกสลายออกจากกันอย่างต่อเนื่อง…จักรพรรดิเซิ่งเองก็เป็นเช่นเดียวกัน เลือดสดอาบโชกไปทั่วกาย ครึ่งร่างของเขาแตกยับเป็นเศษซาก จิตสำนึกสลายหายสิ้น หากไม่เป็นเพราะวินาทีนี้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแผ่ปราณของมารดาแห่งนิรันดร์กาลออกมาเป็นกลุ่มแสงปกป้องคนทั้งสองเอาไว้ เกรงว่ายังไม่ทันรอให้ร่างของพวกเขากระแทกลงพื้นจิตก็คงดับสลายมลายสิ้นไปแล้ว

จิตสำนึกของซ่งเชวียยังเหลืออยู่อีกเสี้ยวหนึ่ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะขมขื่น เขามองมือใหญ่ของนี่ฝานบนท้องฟ้าที่พุ่งลงมาเสียงดังอึกทึก ดวงตาของเขาฉายแววสิ้นหวัง เขาอยากจะหันหน้ากลับไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่ยังคงนั่งเข้าฌานอีกสักครั้ง แต่กลับไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ทำได้แต่มองมือใหญ่ของนี่ฝานที่ปกคลุมพื้นที่เกินครึ่งของแผ่นฟ้าซึ่งกำลังตรงเข้ามาปิดทับแผ่นดินอย่างรวดเร็ว…

เขาพอจะจินตนาการได้เลยว่าหากมือของนี่ฝานร่วงลงมาเมื่อไหร่ สิ่งแรกที่ต้องตายไปก็คือทุกชีวิตบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแห่งนี้ หลังจากนั้นก็คือการพังทลายของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล สุดท้าย…ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่พังทลายไปนี้ก็อาจถูกผู้บงการนี่ฝานจับมาชุบหลอมให้กลายมาเป็นกำลังสุดท้ายที่ประคับประคองให้เขาเลื่อนสู่ขอบเขตนิรันดร์กาล!

“จบสิ้นแล้วหรือ…” ซ่งเชวียพึมพำ ความเศร้าอาลัยที่ผุดขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามปรามผสานรวมเข้ากับความเศร้าโศกของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ครั้นแล้วดวงตาของเขาก็ปิดลงช้าๆ

ทว่าวินาทีนี้เอง ทันใดนั้นหนังตาของป๋ายเสี่ยวฉุนที่เป็นเพียงผู้เดียวซึ่งยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลกลับสั่นขยับ ซ้ำวินาทีนี้ในร่างของเขายังมีปราณที่น่าครั่นคร้ามระเบิดออกมา!

ปราณนี้แผ่กระจายไปรอบด้านเสียงดังเกริกก้อง จากก่อนหน้านี้ที่กินรัศมีแค่ร้อยจั้งก็พลันกลายมาเป็นหมื่นจั้ง แล้วก็ยังไม่หยุดชะงัก ยังคงแผ่ลามจนเป็นแสนจั้ง ล้านจั้งและยังลามไปไกลราวกับไร้ที่สิ้นสุด…

ภายใต้เสียงตูมตามที่ระเบิดอึงคะนึงไปทั้งผืนฟ้า เมื่อปราณบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนและพลังต้นกำเนิดในร่างของเขาแผ่กระจายไปอย่างต่อเนื่องก็เหมือนจะมีริ้วคลื่นของผู้บงการส่งเสียงก้องกังวานออกมาจากในร่างของเขา

และการแผ่ออกมาของปราณผู้บงการนี้ก็เหมือนการหยดน้ำลงบนกระทะที่น้ำมันเดือดพล่าน เป็นเหตุให้คลื่นที่แผ่ออกจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุด ซ้ำยังระเบิดติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า ท่ามกลางเสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้า วินาทีที่มือใหญ่ของผู้บงการนี่ฝานขยับเข้ามาใกล้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลนั้นเอง ปราณที่ระเบิดออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็กลายมาเป็นม่านแสงขนาดใหญ่ยักษ์ที่แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างของเขา แผ่คลุมไปทั่วร่างของทุกคนที่อยู่กลางอากาศ แผ่คลุมไปทั่วราชวงศ์จักรพรรดิขุย กลบทับดินแดนเซียนทั้งห้า กลบทับฟ้าดินทั้งหมด ครั้นแล้วจึงระเบิดพลังพุ่งเข้าปะทะกับมือใหญ่ของผู้บงการนี่ฝานที่ดิ่งลงมาจากท้องฟ้าของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในทันที

เสียงดังสะเทือนเลือนลั่นราวแก้วหูจะดับสนั่นไปทั้งฟ้าดิน ซ่งเชวียลืมตาโพลง ลมหายใจถี่กระชั้น ทุกชีวิตที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศซึ่งถูกม่านแสงของป๋ายเสี่ยวฉุนปกคลุมก็พลันคืนสติกลับมา เมื่อมองเห็นทุกอย่างที่อยู่รอบกาย มองเห็นแสงที่แผ่ออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน เสียงร้องอุทานด้วยความฮือฮาตกใจก็ดังระงมเซ็งแซ่

“คือจักรพรรดิขุย!!”

“จักรพรรดิขุยออกจากด่านแล้ว!!”

“เสี่ยวฉุน…”

“ท่านพ่อ…”

เสียงเรียกขานจากคนนับไม่ถ้วนพลันดังอื้ออึงไปทั่วดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ส่วนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนในเวลานี้ก็เริ่มขยับเขยื้อนช้าๆ เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น และขณะที่เงยหน้าขึ้นนี้ก็มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าเรือนกายที่แห้งเหี่ยวของเขากำลังฟื้นคืนพลังกลับมาอย่างรวดเร็ว

จนกระทั่งเมื่อศีรษะของเขาเงยขึ้นอย่างเต็มที่ ดวงตาของเขา…ก็ได้เปิดขึ้นช้าๆ!

วินาทีที่ดวงตาทั้งคู่ลืมโพลง ทั่วทั้งดินแดนเซียนนิรันดร์กาล ทั่วทั้งโลก ทั่วทั้งห้วงจักรวาลก็ระเบิดเสียงแห่งการขานรับอึงคะนึง เสียงนี้ทุกคนล้วนได้ยินกันหมด แต่กลับฟังไม่ออกว่าหมายถึงอะไร ราวกับเสียงอึงคะนึงของกฎเกณฑ์จำนวนนับไม่ถ้วนที่มาจากดินแดนเซียนนิรันดร์กาล มาจากซากปรักหักพังแต่ละแห่งในห้วงจักรวาล มาจากทั่วทั้งห้วงจักรวาล!

วินาทีนี้ซากปรักหักพังห้าพื้นที่ในห้วงจักรวาลที่มีร่างแห่งเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนระเบิดแสงเจิดจ้าพร่าตา ก่อนที่แสงเหล่านั้นจะมาผสานเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ขับไล่ความมืดมิดทั้งหมดที่อยู่ในพื้นที่ทั้งห้า ทั้งยังมีเสียงขานรับทยอยกันส่งออกมาจากร่างแห่งเต๋าที่นั่งเข้าฌานอยู่ในพื้นที่ห้าแห่งของป๋ายเสี่ยวฉุน!

เสียงขานรับนี้ยิ่งนานยิ่งหนักแน่น จนกระทั่งท้ายที่สุดซากปรักหักพังทั้งหมดในห้วงจักรวาลห้าส่วน ร่างแห่งเต๋าทั้งหมดของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ล้วนพากันส่งเสียงขานรับเป็นครั้งสุดท้าย เสียงนี้ดังสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ก้องกังวานไปทั่วห้วงเอกภพ

และต้นกำเนิดของเสียงนี้ก็มาจาก…ป๋ายเสี่ยวฉุนที่บัดนี้ลืมตาตื่นอยู่ในดินแดนเซียนนิรันดร์กาล!

ดวงตาของเขาไม่แยกเป็นสีขาวสีดำอีกต่อไป แต่ทอแสงสว่างไสวคล้ายสามารถมองเมินทุกสิ่ง ส่องสว่างพร่างพราวให้กับทุกอย่าง และปราณของผู้บงการที่ก็ยิ่งระเบิดครืนครั่นออกมาจากร่างของเขาราวกับพายุที่หมุนคว้างซัดตะลุยไปถึงครึ่งหนึ่งของห้วงจักรวาล!

เต๋าของผู้บงการนี่ฝานคืออาศัยการดับทำลายทุกสิ่ง กวาดล้างทุกอย่าง ประหนึ่งการดับโคมไฟทั้งหมดที่ส่องสว่างในห้วงจักรวาลให้มอดดับ เพื่อให้สิ่งที่มองเห็นและสิ่งที่สัมผัสได้มีเพียงความมืดมิด

เต๋าเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้โลกใบไหนให้การยอมรับ หรือจะพูดอีกอย่างก็คือไม่มีโลกใบไหนมีคุณสมบัติมากพอที่จะให้การยอมรับได้ แต่นี่เป็นการเลื่อนขั้นด้วยตัวเอง เป็นผู้บงการสำเร็จได้ด้วยตัวเอง นี่ก็คือ…ผู้บงการที่แข็งแกร่งที่สุด!

ส่วนเต๋าของป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นเช่นเดียวกัน เขาอาศัยการปลุกชีวิตให้ฟื้นตื่น ปลูกเมล็ดพันธ์แห่งเต๋าของตัวเองลงไปในห้วงจักรวาลที่ดับสูญ จากนั้นก็สร้างร่างแห่งเต๋าขึ้นมา ส่องประกายแสงเจิดจ้า จุดไฟให้กับโคมไฟทุกดวงในห้วงจักรวาลได้ทอประกายแสงอีกครั้ง!

นี่ก็คือเต๋าของเขา เต๋าเช่นนี้ก็ไม่ต้องการให้โลกใบใดมายอมรับเหมือนกัน แล้วก็…ไม่มีปณิธานของโลกใบไหนที่มีคุณสมบัติมากพอให้ยอมรับเช่นเดียวกัน เพราะนี่คือ…เต๋าที่แข็งแกร่งที่สุด!

เขาใช้วิธีนี้ในการเลื่อนขั้น วินาทีที่ฝ่าทะลุขอบเขตบุพกาลเลื่อนสู่ผู้บงการ เขาก็ได้……มีชะตาชีวิตเช่นเดียวกับนี่ฝาน นั่นคือกลายเป็น…ผู้บงการที่แข็งแกร่งที่สุด!

“นี่ฝาน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนเงยหน้าขึ้น ไม่ได้มองมือใหญ่ที่ปะทะกับม่านแสงของตน แต่มองไปไกลยิ่งกว่านั้น มองไปยังผู้บงการนี่ฝานที่ยืนอยู่กลางห้วงจักรวาล ซึ่งเวลานี้สีหน้าเคร่งเครียด นัยน์ตาของอีกฝ่ายฉายประกายของความแปลกใจและกำลังก้มหน้าลงมองตนเช่นเดียวกัน

วินาทีที่สายตาของพวกเขาทั้งสองมองประสานกันผ่านฟ้าดิน ร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันถลันลุกขึ้นยืน เมื่อลุกขึ้นยืน พลังอำนาจแกร่งกร้าวจากร่างเขาก็ระเบิดท่วมฟ้า ความแข็งแกร่งของปราณที่ระเบิดออกมานี้ทำให้มันซัดตะลุยพวยพุ่งสู่นภากาศ เป็นเหตุให้มือของผู้บงการนี่ฝานที่กำลังจะร่วงลงมาปะทะกับม่านแสงยังไม่ทันได้ระเบิดพลัง ปราณที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าซึ่งระเบิดออกมาจากร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนก็พุ่งแซงหน้าเสียงดังครืนครั่นขึ้นฟ้าจนกระเทือนให้มือของผู้บงการนี่ฝานดีดกระเด็นผลึงกลับไป!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!