Skip to content

A Will Eternal 1299

บทที่ 1299 หลัวเทียนถูกสร้างขึ้นอีกครั้ง

ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก คราวนี้พายุแห่งกาลเวลาที่ปรากฎอยู่รอบกายป๋ายเสี่ยวฉุนและนี่ฝานใหญ่โตกว่าครั้งก่อนๆ ไม่น้อย และเมื่อพายุหายไป ป๋ายเสี่ยวฉุนก็รีบถอยห่างเพื่อเว้นระยะจากนี่ฝาน ทว่าคราวนี้นี่ฝานกลับไม่ได้พุ่งเข้ามาไล่ฆ่าเหมือนก่อนหน้านี้ แต่พลันหันไปมองยังห้วงจักรวาลทิศไกลด้วยสายตาฉายประกายประหลาด!

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็สัมผัสได้ ตอนที่มองไป เขาจึงพลันเบิกตากว้าง!

เขามองเห็นว่าในห้วงจักวาลที่ห่างไปไกล มีน้ำวนที่ใหญ่โตมโหฬารยิ่งกว่าเรือนกายของนี่ฝานก่อนหน้านี้กำลังหมุนโคจรดังครืนครั่น ด้านในแผ่ปราณแปลกประหลาดที่ไม่เหมือนปราณของโลกแห่งนิรันดร์กาล!!

และที่ยิ่งน่าตกตะลึงก็คือ แทบจะวินาทีเดียวกับที่ป๋ายเสี่ยวฉุนมองไป เขาก็เห็นทันทีว่าตรงนั้นมีเรือรบเก่าแก่ลำหนึ่งที่พยายามดิ้นรนจะฝ่าออกมาจากในน้ำวนให้ได้!!

เรือรบลำนั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันก็คือเรือรบที่แฝงไว้ด้วยปราณแห่งความตายไร้ที่สิ้นสุด… ซึ่งเคยปรากฎอยู่ในหุบเขาควันมืดที่อยู่ในซากปรักของโลกแห่งเซียนอีกที!

“นี่คือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่นจนเกือบจะแผดเสียงร้องโหยหวนออกมา

เขาค้นพบว่าตนช่างดวงซวยยิ่งนัก ย้อนอดีตกลับมาตอนที่นี่ฝานเผยกายอยู่ข้างบุปผาแห่งนิรันดร์กาลก็ยังพอทน แต่ตอนนี้ดันย้อนกลับมายัง…ตอนที่เรือรบปรากฏในหุบเขาควันดำเสียอีก

“นี่ฝานสืบทอดเต๋าของเขานะนี่…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่น เตรียมจะใช้การย้อนกลับเวลาไปจากที่นี่อีกครั้ง เขากังวลว่าหากตนช้าไปสักก้าวหนึ่ง หากนี่ฝานบรรลุอะไรสักอย่างจากที่นี่ได้ แบบนั้นก็แย่แน่

แต่ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเตรียมจะย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง เขากลับหยุดชะงัก สายตาที่จ้องมองไปยังน้ำวนขนาดใหญ่ยักษ์ลูกนั้นเปลี่ยนมาเป็นประกายวาววาม

“ไม่แน่ว่า นี่อาจจะเป็นโอกาสที่ว่านั้น?”

ป๋ายเสี่ยวฉุนเกิดความลังเลใจ หากจะให้จากไปทั้งอย่างนี้ เขาก็ไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไหร่ ต้องรู้ว่าเขาย้อนเวลากลับมาหลายครั้งแล้ว มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่เกิดเหตุการณ์ลึกลับและแปลกประหลาดมากที่สุด

“บางที่ข้าอาจจะหาช่องโหว่จากเต๋าของนี่ฝานได้จากที่นี่?”

ดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนโชนแสงลุกเรือง ตัดสินใจว่าจะลองดูอีกสักครู่หนึ่ง หากท่าไม่ดีก็จะหนีไปทันที

และขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังครุ่นคิดอยู่นั้นเอง เสียงสะเทือนเลือนลั่นก็ดังออกมาจากในน้ำวนกะทันหัน เรือรบเก่าแก่ที่อยู่ด้านในดิ้นรนจนฝ่าออกมาจากในน้ำวนได้เกินครึ่ง แล้วก็เผยให้เห็นผู้เฒ่าสวมชุดคลุมยาวสีดำที่นั่งอยู่บนเรือรบลำนั้น!

ผู้เฒ่าคนนั้นสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าตรงกลางหว่างคิ้วกลับมีรูโหว่โบ๋กลวงอยู่รูหนึ่ง แต่ไม่มีเลือดสดไหลออกมา อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่ารูโหว่นี้กำลังจะประสานตัวเข้าหากันอย่างรวดเร็วด้วย

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก ตอนนั้นที่เขาเห็นโครงกระดูกของอีกฝ่ายอยู่ในหุบเขาควันดำ รูโหว่กลางหว่างคิ้วของโครงกระดูกไม่ได้ปิดตัวประสานกันอย่างที่เห็นอยู่ในตอนนี้

ขณะเดียวกัน นี่ฝานที่อยู่ข้างๆ เขาบัดนี้ก็ตัวสั่นสะท้าน ดวงตาฉายแสงคมกล้าในทันที

ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็หายใจติดขัด เขารู้สึกว่าการปรากฏของเรือรบนี้แปลกประหลาดมากเกินไป โดยเฉพาะเมื่อเรือรบในน้ำวนดิ้นรนจนหลุดออกมาได้เกินครึ่ง มันก็ยิ่งแผ่ปราณประหลาดที่ไม่ใช่ของโลกนิรันดร์กาลออกมาเข้มข้นมากกว่าเดิม

ป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มจะรู้สึกว่าไม่ควรมองต่อไป จึงเตรียมจะย้อนเวลากลับไปอย่างไม่ลังเลอีกครั้ง แต่ว่าเวลานี้เอง เสียงอื้ออึงกลับดังออกมาจากในน้ำวนเป็นระลอกไม่หยุด ราวกับว่าเรือรบลำนี้ใกล้จะเจอทางออกมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว

ผู้เฒ่าที่อยู่บนเรือ ดวงตาของเขาเวลานี้ฉายความคลุ้มคลั่ง มือทั้งคู่พลันยกขึ้นแล้วโบก ทันใดนั้นเรือรบที่เขาอยู่ก็เหมือนเผาไหม้ตัวเองเพื่อแลกมาด้วยริ้วคลื่นพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม พอริ้วคลื่นนี้ระเบิดออกเสียงดังกัมปนาทก็ผลักดันให้เรือรบลำนั้นพุ่งฝ่าออกมาจากน้ำวน เข้ามาอยู่ในโลกนิรันดร์กาลได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทว่าชั่วขณะที่เรือรบพุ่งพรวดออกมานั้นเอง ในน้ำวนที่อยู่ด้านหลังมันกลับมีเสียงคำรามดังสนั่นหวั่นไหวจนน้ำวนสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนที่นิ้วมือขนาดใหญ่ยักษ์ข้างหนึ่งจะยื่นพรวดเข้ามาในโลกนิรันดร์คล้ายต้องการสังหารผู้เฒ่าที่อยู่บนเรือรบอย่างไรอย่างนั้น

“ไม่ว่าเจ้าจะหนีไปที่ไหน ห้วงจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลได้ผ่านพ้นไปหมดแล้ว สุดท้ายเจ้าก็ต้อง…”

เสียงเย็นชาดังก้องออกมาจากในน้ำวน ทว่าคำพูดของเขายังไม่ทันเอ่ยจบ ชั่วขณะที่นิ้วมือยื่นออกจากน้ำวนเข้ามาในโลกนิรันดร์กาล จู่ๆ นิ้วมือข้างนั้นก็แหลกสลายไปด้วยตัวเองราวกับกระเบื้องที่แตกสลายแล้วกระจายหายเป็นฝุ่นผง…

ภาพนี้ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง หัวใจเต้นกระหน่ำรุนแรง วินาทีเมื่อครู่นี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า เมื่อมาอยู่ในห้วงจักรวาลแถบนี้ ความรู้สึกลี้ลับมหัศจรรย์ที่สัมผัสได้หลังจากเลื่อนขั้นเป็นผู้บงการได้ระเบิดออกมาอย่างเต็มที่ แล้วก็ความลี้ลับที่ว่านี้นี่แหละ ที่ไปลบเลือน…นิ้วมือที่ยื่นออกมาจากในน้ำวนนั่นทิ้ง!

ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนตื่นตะลึง ในน้ำวนก็มีเสียงร้องอุทานตกใจคล้ายสะท้านสะเทือนด้วยความเหลือเชื่อดังออกมา

“ถึงขนาดลบเลือนดัชนีแห่งเต๋าของข้าได้ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร… สถานที่แห่งนี้… สถานที่แห่งนี้ผิดปกติ!! ไม่ใช่เซียน ไม่ใช่เทพ ไม่ใช่มาร ไม่ใช่ปีศาจ ไม่ใช่ผี แต่ที่นี่คือ…”

ขณะที่เสียงซึ่งเปี่ยมไปด้วยความสะทกสะท้านนี้ดังกังวาน เรือรบก็ได้หยุดชะงักอยู่กลางห้วงจักรวาล ผู้เฒ่าที่หว่างคิ้วมีรูโหว่ซึ่งนั่งอยู่ในเรือรบหันหน้ากลับไปช้าๆ มองน้ำวนลูกนั้นด้วยสายตาที่ยิ่งฉายแววคลุ้มคลั่ง แล้วก็พลันหัวเราะหยัน

“ที่นี่คือโลกวิญญาณนิรันดร์กาลแห่งเดียวที่ถูกเซียน เทพ มาร ปีศาจ และผีร่วมกันปิดผนึก คือบ้านเกิดของหลัวเทียนในตำนาน!”

“หากไม่ใช่ให้ข้าผู้อาวุโสฟื้นคืนชีพใหม่ พลิกกลับฟ้าดิน สังหารทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกแห่งเต๋าเว่ยยางของพวกเจ้าจนสิ้นซาก ถ้าเช่นนั้น…ก็ต้องใช้เต๋าของข้าผู้อาวุโสมาทำปรารถนาของโลกวิญญาณนิรันดร์กาลให้เป็นจริง ให้หลัวเทียนอีกคนหนึ่งถือกำเนิด ให้จักรวาลแห่งนี้ถูกเปิดออกใหม่อีกครั้ง!”

พอพูดถึงประโยคสุดท้าย ผู้เฒ่าที่นั่งอยู่บนเรือรบก็แหงนหน้าหัวเราะร่า ทว่าเขาหัวเราะไปหัวเราะมา ปราณลี้ลับมหัศจรรย์ในห้วงจักรวาลกลับปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้วพุ่งผ่านเขากับเรือรบไปเบาๆ …

พริบตานั้นเรือรบพลันแห้งเหี่ยวโรยรา ทุกสิ่งที่อยู่บนเรือซึ่งไม่สอดคล้องกับโลกแห่งนิรันดร์กาลล้วนมลายหายสิ้น ส่วนผู้เฒ่าคนนั้นก็ตัวสั่น เสียงหัวเราะเริ่มขาดหาย ขณะเดียวกันเลือดเนื้อทั้งหมดบนร่างของเขาก็พลันหายวับไป

หลงเหลือเพียงโครงกระดูกร่างหนึ่งที่นั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ตรงนั้น รูโหว่กลางหว่างคิ้วที่กำลังประสานตัวเข้าหากันก็ค้างอยู่ในลักษณะเดิมไปชั่วนิรันดร์

ก่อนที่เรือรบลำนี้จะค่อยๆ ลอยห่างไปไกลอย่างเงียบเชียบ

ในน้ำวนไม่มีคำพูดใดดังออกมาอีก มีเพียงเสียงลมหายใจหอบหนัก เสียงลมหายใจนั้นซ่อนแฝงความหวาดกลัว ยิ่งมากด้วยความตะลึงพรึงเพริด ราวกับว่าเกิดความพรั่นพรึงต่อโลกวิญญาณนิรันดร์กาล เกิดความหวาดผวาต่อบ้านเกิดของหลัวเทียนแห่งนี้อย่างที่ไม่อาจหาคำใดมาบรรยายได้

และในช่วงเวลาที่ปราณลี้ลับมหัศจรรย์นั้นพุ่งผ่านน้ำวน ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เห็นกับตาตัวเองว่าน้ำวนลูกนั้นแหลกสลายเป็นเสี่ยงๆ ถูกโถมทับจนราบเรียบ และสุดท้ายก็ถูกลบทิ้งไปอย่างง่ายดาย

“พลังชนิดนี้…” หัวใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเต้นกระหน่ำรัวแรง ในสมองมีเสียงสะเทือนเลือนลั่นดังไม่หยุด ด้านหนึ่งก็ตกใจไปกับภาพเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้นนี้ ส่วนอีกด้านหนึ่งก็เพราะปราณที่ลี้ลับขุมนั้นน่าตะลึงจนทั้งเทพและผีต้องสะท้านขวัญผวา!

“ผู้เฒ่าคนนั้นบอกว่า ที่นี่คือโลกวิญญาณนิรันดร์กาล ที่นี่คือบ้านเกิดของหลัวเทียน หลัวเทียนคือใครกัน…”

ป๋ายเสี่ยวฉุนจ้องเขม็งไปยังจุดที่น้ำวนเคยปรากฏตัว ซึ่งก็คือ… จุดสุดท้ายที่ปราณลี้ลับนั้นพุ่งผ่านไป

เนิ่นนานต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนสังเกตเห็นว่านี่ฝานไม่ได้มาไล่ฆ่าตนต่อ แต่มองไปยังทิศทางที่เรือรบหายไปเงียบๆ ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ พลันหวนนึกไปถึงคำพูดที่เต้าเฉินเคยกล่าวไว้ สายตาที่เขาใช้มองนี่ฝานจึงเปลี่ยนมาเป็นแปลกประหลาด

“คนผู้นี้…แท้จริงแล้วคือนี่ฝาน หรือว่าผู้เฒ่าคนเมื่อครู่นี้กันแน่?”

ท่ามกลางความลังเล ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ครุ่นคิดว่าควรจะเอ่ยถามเพื่อกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายดูหน่อยดีหรือไม่

ทว่าชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเตรียมจะอ้าปากนั้นเอง จู่ๆ ตำแหน่งของน้ำวนที่ปราณลี้ลับพุ่งผ่านไปเมื่อครู่นี้ก็ยุบถล่มลงไป จากนั้นก็ปูดนูนขึ้นมาอีกครั้ง!

มีเสียงคำรามเบาๆ ดังออกมาจากห้วงจักรวาลที่ปูดนูนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ… มีเค้าโครงของใบหน้าหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นที่ที่ปูดนูน!

ราวกับว่าห้วงจักรวาลได้กลายมาเป็นกำแพงชั้นหนึ่งที่กางกั้น ฝั่งนี้ของกำแพงคือโลกวิญญาณนิรันดร์กาล ส่วนอีกด้านหนึ่งก็คือห้วงมิติลึกลับที่ไม่มีใครรู้จัก!

ภาพเหตุการณ์นี้ไม่เพียงทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนผงะตกใจเท่านั้น แม้แต่นี่ฝานเองก็ยังหันขวับกลับไปมอง

แต่ไม่นานสายตาของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ฉายแววประหลาดล้ำ เขาไม่รู้ว่านี่ฝานจะสามารถสัมผัสได้ถึงความลี้ลับของห้วงจักรวาลหรือไม่ แต่เขากลับสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า ปราณลี้ลับอัศจรรย์ที่มองไม่เห็นนั้นได้พุ่งมาอีกครั้งแล้ว และก็กำลังก่อตัวอยู่รอบใบหน้านั้น คล้ายกำลังรอคอย…

ป๋ายเสี่ยวฉุนกะพริบตาปริบๆ ตอนที่มองไป เขาก็เห็นว่าเมื่อใบหน้าพยายามดิ้นรน ตรงนั้นก็เริ่มมีน้ำวนขนาดเล็กปรากฏขึ้น น้ำวนลูกนี้โคจรอย่างต่อเนื่องคล้ายจะลอดทะลุห้วงจักรวาลเพื่อเชื่อมโยงโลกวิญญาณนิรันดร์กาลกับพื้นที่ลึกลับด้านหลังของห้วงจักรวาลให้ทะลุผ่านถึงกันได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!