บทที่ 1300 เต่าเว่ยยาง
และเวลานี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเบิกตากว้างถึงขั้นที่ลูกตาแทบจะถลนออกมาจากเบ้า เพราะเขามองเห็นว่าในน้ำวนเวลานี้กลับมีเต่ายักษ์ตัวหนึ่งที่หน้าตาคล้ายจระเข้ซึ่งพกพาเอาความดุร้ายและความฉุนเฉียวเกรี้ยวกราดมุดออกมาจากน้ำวนด้วยดวงตาแดงก่ำ
ที่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนสะท้านสะเทือนอย่างถึงที่สุดก็คือ ลักษณะของเต่าตัวนี้ นอกจากจะมีขนาดใหญ่แล้ว นอกนั้นกลับเหมือนสัตว์แห่งชะตาชีวิตของเขา…อย่างไม่มีผิดเพี้ยน!!
“ความรุ่งโรจน์ของโลกแห่งเต๋าที่กว้างใหญ่ไพศาล ได้กลายมาเป็นเพียงอดีตที่ผันผ่าน อันดับต่อมาจะเป็นช่วงเวลาของโลกแห่งเต๋าเว่ยยางข้า เต่าเว่ยยาง (เว่ยยางแปลว่ายังไม่สิ้นสุด หรือความสงบร่มเย็นผาสุก) จงสังหารขัดขวางการถือกำเนิดของหลัวเทียนคนที่สอง!” หลังจากที่เต่าลักษณะคล้ายจระเข้ตัวนี้กระโจนเข้ามา น้ำวนก็ค่อยๆ สลายหายไป ใบหน้าที่ปูดนูนขึ้นมาก็ค่อยๆ ถอยกลับไปช้าๆ จนกระทั่งหายไปจากน้ำวน จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงเย็นชาเย่อหยิ่งที่ดังออกมาเนิบช้า
ทว่าชั่วขณะที่เสียงนี้กล่าวจบนั้นเอง ปราณแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์ที่ปรากฏอยู่ในบริเวณใกล้เคียงก็พลันเคลื่อนไหว ในความรู้สึกของป๋ายเสี่ยวฉุน ปราณลี้ลับนี้ได้มุดพรวดแล้วหายเข้าไปในน้ำวนทันที ขณะเดียวกันก็มีเสียงร้องอุทานและเสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากในน้ำวน แล้วจากนั้นทุกเสียงก็ขาดหายไปกลางคัน…
และไม่นานปราณแห่งความลี้ลับนั้นก็หวนกลับออกมาจากในน้ำวนอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ลบน้ำวนทิ้งไปแล้วก็พุ่งไปหาเต่าจระเข้โดยตรง ดูเหมือนว่าเต่าจระเข้นี้จะไม่ธรรมดาอย่างมาก เพราะพอปราณแห่งความลี้ลับนั้นเข้ามาใกล้มันก็แผ่แสงสีทองออกมาจากทั่วร่าง โดยเฉพาะกระดองของมันที่บัดนี้เปล่งแสงระยิบระยับ
พอป๋ายเสี่ยวฉุนมองเห็นเข้า สมองก็เกิดเสียงดังอึงอลขึ้นมาอีกครั้ง
“กระดองเต่านั่น…ช่างคุ้นตายิ่งนัก…” ป๋ายเสี่ยวฉุนใจสั่น ขณะที่เอ่ยพึมพำกับตัวเองก็สัมผัสได้ว่าหลังจากที่ปราณแห่งความลี้ลับนั่นปัดกวาดผ่านไปบนร่างของเต่าจระเข้ ร่างของเต่าจระเข้นี้ก็หายวับไปทันที แต่กลับเหลือกระดองเอาไว้ และเมื่อปราณแห่งความลี้ลับนั้นทำท่าจะลบกระดองเต่าทิ้งไปด้วย จู่ๆ ห้วงจักรวาลที่กระดองเต่านั้นตั้งอยู่ก็พลันมีดอกไม้ขนาดใหญ่ยักษ์ที่เป็นเพียงภาพมายาดอกหนึ่งจำแลงขึ้นมา!
ดอกไม้นี้บางครั้งก็พร่าเลือน บางครั้งก็ชัดเจน ทั้งงดงามและลึกลับอย่างถึงที่สุด
พอมันปรากฎตัวก็คล้ายจะจับได้ถึงการดำรงอยู่ของกระดองเต่าชิ้นนี้จึงค่อยๆ ดึงมันมาผสานรวมเข้ากับตัวเอง ท่ามกลางขั้นตอนนี้ ปราณลี้ลับที่อยู่ในห้วงจักรวาลกลับไม่เข้ามาขัดขวาง แล้วก็ไม่คิดที่จะลบเลือนกระดองเต่าต่อไป นี่ทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนไพล่นึกไปถึง…เจ้าเต่าน้อย
และพอกระดองเต่าถูกดึงให้ผสานรวมเข้าไปในดอกไม้แล้ว เต่าตัวน้อยที่เพิ่งถือกำเนิดใหม่ก็จำแลงขึ้นมาบนใบของดอกไม้นั้นจริงดังคาด ใบหน้าของมันยังคงเลื่อนลอย ราวกับว่าถูกปราณลี้ลับลบเลือนความทรงจำทั้งหมดทิ้งไป และตอนนี้ก็ค่อยๆ หายไปจากห้วงอวกาศพร้อมกับดอกไม้ด้วยอาการมึนงงไม่คลาย
“เต่าแห่งนิรันดร์กาล…” ป๋ายเสี่ยวฉุนมองเจ้าเต่าน้อยที่หายไปพร้อมกับดอกไม้ด้วยจิตใจที่สะท้านไหว การย้อนเวลากลับมาในครั้งนี้มีความหมายต่อเขาอย่างใหญ่หลวง โดยเฉพาะในด้านความเป็นมาของเจ้าเต่าน้อยและหม้อกระดองเต่าของตนที่บัดนี้ได้กระจ่างแจ้งอยู่ในใจเขาแล้ว ดวงตาของเขาจึงยิ่งฉายประกายคมกริบ
และสร้างความสะท้านสะเทือนที่สุดให้แก่เขาก็คือปราณแห่งความลี้ลับในห้วงจักรวาลนั้น เขาจึงขยับร่างทะยานตรงไปยังจุดที่ดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลจางหายไป พอมาถึงป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยกมือขวาขึ้น เขาสัมผัสได้ว่าปราณแห่งความลี้ลับยังอยู่ที่นี่ ไม่ได้สลายหายไปไหน มือของเขาที่คว้าไปจึงเป็นตำแหน่งที่ปราณแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์นั้นดำรงอยู่พอดี
เขาเกิดความรู้สึกบางอย่างที่บอกไม่ถูก ราวกับว่าความลี้ลับมหัศจรรย์นี้ไม่มีทางที่จะทำร้ายเขา ก็เหมือนกับที่เขารู้สึกได้ตอนเลื่อนขั้นเป็นผู้บงการว่ามีพลังงานขุมหนึ่งเกิดการขานรับบางอย่างกับตน
แทบจะชั่วขณะเดียวกับที่มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนคว้าจับไป ผู้บงการนี่ฝานที่อยู่ห่างไปไกลก็สะท้านสะเทือนไปกับทุกอย่างที่มองเห็นอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าความรู้สึกของเขานั้นแตกต่างจากป๋ายเสี่ยวฉุน…เขาไม่อาจสัมผัสได้ถึงปราณลี้ลับนั้น
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่รู้ว่าปราณลี้ลับนั้นคืออะไร และพอสังเกตเห็นท่าทางของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาของนี่ฝานก็พลันเบิกกว้าง
“เขากำลัง…เป็นไปไม่ได้!” หน้าของนี่ฝานเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิงเป็นครั้งแรก ดวงตาก็ยิ่งฉายความตะลึงระคนสงสัย เขารีบระเบิดตบะให้ท่วมทะยานฟ้าอย่างไม่ลังเล และพริบตาเดียวปราณของเขาก็แผ่กำจายไปทั่ว ยกมือขวาขึ้นจำแลงมาเป็นนิ้วดับชีวา ปราณที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งมีชีวิต ดับทำลายทุกความว่างเปล่าจึงระเบิดออกมาอีกครั้งแล้วตรงเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนเสียงดังครืนครั่น!
มองไปไกลๆ นิ้วดับชีวานี้ได้ก่อตัวกลายมาเป็นรูปธรรมที่มีลักษณะเป็นเหมือนนิ้วมือขนาดใหญ่โตมโหฬารข้างหนึ่งที่พกพาเอาการดับทำลาย พกพาเอาความตายพุ่งเข้าโจมตีป๋ายเสี่ยวฉุนโดยตรง
หากเปลี่ยนมาเป็นก่อนหน้านี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนต้องย้อนเวลากลับไปในอดีตเพื่อหลบเลี่ยงท่าไม้ตายที่มาจากนี่ฝานซึ่งเขาไม่มีทางต้านรับได้อย่างแน่นอน แต่เขาในตอนนี้ เมื่อยกมือขวาขึ้น เมื่อสัญชาตญาณพาให้เขาไปสัมผัสกับปราณแห่งความลี้ลับนั้น ปราณแห่งความลี้ลับนี้กลับไม่ได้จางหายไป แต่ถูกป๋ายเสี่ยวฉุนแตะสัมผัสเข้าโดยตรง
วินาทีที่สัมผัสเข้ากับปราณของความลี้ลับมหัศจรรย์ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็พลันสะท้านเยือกไปทั้งร่าง เลือดสดของเขาเดือดพล่าน ตบะของเขาระเบิดสะท้าน จิตวิญญาณของเขากำลังสั่นคลอน บัดนี้ชีวิตของเขาเหมือนเกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
“นี่คือ…นี่คือ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อาจบรรยายถึงความรู้สึกของตัวเองได้ ราวกับว่าปราณลี้ลับที่ว่านี้มาจากห้วงจักรวาล มาจากดวงดาว มาจากโลกทุกใบ มาจากทุกชีวิต ราวกับว่า…หมื่นสรรพสิ่ง ทุกสิ่งมีชีวิตที่อยูในโลกนิรันดร์กาลใบนี้ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของปราณลี้ลับมหัศจรรย์นี้!
“ศักดิ์สิทธิ์…” ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงพูดคำนี้ออกมา ทั้งๆ ที่เป็นเพียงคำที่ธรรมดาอย่างมาก แต่ชั่วขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนพูดมาออกมาจากปาก ปราณลี้ลับนั้นกลับลิงโลดร่าเริงขึ้นในฉับพลันราวกับว่าความสิริมงคลผาสุกได้มาสู่หัวใจ
ป๋ายเสี่ยวฉุนจึงพลันเงยหน้าขึ้นมองไปยังนี่ฝาน แล้วจากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นชี้ไปที่อีกฝ่าย!
การชี้ครั้งนี้ทำให้นี่ฝานหน้าเปลี่ยนสีในฉับพลัน วิกฤตอันตรายขุมหนึ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนระเบิดออกมาจากในจิตสำนึก เขาพลันถอยกรูดไปข้างหลัง ทว่าวินาทีที่เขาถอยหนีออกไปนั้น ปราณแห่งความลึกลับกลับลอดทะลวงนิ้วดับชีวาของเขา ทำให้นิ้วดับชีวานี้ชะงักค้างอยู่กลางห้วงจักรวาล และพอทะลวงผ่านนิ้วดับชีวาไปได้ ปราณแห่งความลึกลับก็ตรงเข้าไปโผล่อยู่ข้างกายของนี่ฝาน เมื่อถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกระตุ้น ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของนี่ฝาน ปราณแห่งความลี้ลับนี้ก็อ้อมวนผ่านร่างเขาไปหนึ่งรอบ…โดยที่ไม่ได้ทำอันตรายใดๆ ต่อเขา เพียงล่องลอยผ่านเขาไปเท่านั้น…
“หา?” นี่ฝานตะลึงงัน
“เอ่อ…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเองก็ตาค้างไปเหมือนกัน ไม่เพียงแต่รู้สึกผิดหวัง ยังเหงื่อแตกพลั่กออกมาจากหน้าผากด้วย
หลังจากความเงียบสั้นๆ ผ่านพ้นไป เมื่อนี่ฝานเงยหน้ามองป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยสายตาเย็นชา นิ้วดับชีวาของเขาที่ถูกทำให้หยุดนิ่งอยู่กลางอากาศก็พลันระเบิดออก แล้วทะยานตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนอีกครั้ง
“ศักดิ์สิทธิ์อะไรกัน ไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย” ป๋ายเสี่ยวฉุนใกล้จะร้องไห้เต็มที จะให้ย้อนเวลากลับไปในตอนนี้ก็ไม่ทันกาลเสียแล้ว และเมื่อเห็นว่านิ้วดับชีวานั้นขยับเข้ามาใกล้ วิกฤตความตายทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนเบิกตากว้าง ร้องคำรามพลางยกมือขวาขึ้นโบกหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นหม้อกระดองเต่าก็เผยกาย ไม่ใช่มาขัดขวางนิ้วดับชีวา แต่ชั่วขณะที่หม้อกระดองเต่าใบนี้ถูกหยิบออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับคำรามดังลั่น
“เขตแดน!!”
วินาทีที่สองคำนี้ถูกตะโกนออกมาจากปากของเขา หม้อกระดองเต่าที่อยู่ในมือก็ทอแสงประกายด้วยตัวเอง แสงสีทองที่สว่างวาบขึ้นบนกระดองเต่าผสานเข้าไปในบึงน้ำของเขา เป็นเหตุให้ห้วงจักรวาลในขอบเขตกว้างไกลไร้ที่สิ้นสุดเกิดการบิดเบือน จนกระทั่งจำแลงมาเป็นบึงน้ำสีทอง
คราวนี้ขอบเขตของมันกว้างใหญ่ไพศาลกว่าที่เคยเป็นมาทุกครั้ง และท่ามกลางไอน้ำที่ระเหยอบอวลก็มีเสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนดังขึ้นอีกครั้ง
“ธารา!!”
เสียงครืนๆ ดังสนั่นไปทั้งชั้นฟ้า แสงสีทองทอประกายเจิดจ้าโชติช่วงออกมาจากในบึงน้ำ ภายใต้การระเบิดของประกายแสงนี้ ยอดเขาหลายลูกผุดผงาดขึ้นมา และเบื้องใต้ยอดเขายาวเหยียดดั่งไร้ที่สิ้นสุดก็เผยให้เห็นศีรษะที่เหมือนจระเข้ ซ้ำหลังจากที่ศีรษะนี้โผล่ออกมาแล้วก็ยังเผยให้เห็นลำคอยาวเหยียด!
เกล็ดบนร่างของมันส่องแสงสีทองระยิบระยับ พอเผยหัวกับหอออกมาพร้อมๆ กัน ห้วงจักรวาลก็พลันสั่นสะเทือน กรงเล็บสองข้างที่มีขนาดใหญ่โตจนเกินคำบรรยายยื่นพรวดออกมาจากในหนองน้ำโดยตรง หลังจากนั้นก็ตามมาด้วยกระดองเต่าใหญ่ยักษ์ วินาทีที่กระดองเต่านี้เผยกาย หม้อกระดองเต่าในมือของป๋ายเสี่ยวฉุนที่จำแลงเป็นแสงสีทองก็ผสานรวมเป็นหนึ่งกับสัตว์แห่งชะตาชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนในทันที!
และเมื่อผสานรวมเรียบร้อย สัตว์แห่งชะตาชีวิตของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ตัวสั่นเยือก แผดเสียงร้องคำรามอีกครั้ง ก่อนจะระเบิดปราณที่แกร่งกร้าวยิ่งกว่าเดิมออกมา ครั้นแล้วจึงกระโดดผลุงขึ้นฟ้าทะยานออกมาจากในหนองน้ำอย่างเต็มตัว!
เรือนกายของมันใหญ่โตมโหฬารจนห้วงจักรวาลแทบจะรองรับได้ไม่หมด บนกระดองแผ่แสงสีทองพร่างพราย ใบหน้าดุร้ายเหี้ยมเกรียม ตลอดทั้งร่างแผ่ปราณของความอำมหิตโหดเหี้ยม และนี่ก็คือ…เต่าจระเข้…ที่ก่อนหน้านี้ป๋ายเสี่ยวฉุนกับนี่ฝานเห็นว่ามันโผล่ออกจากน้ำวนผลุบหายเข้ามาในโลกแห่งนิรันดร์กาล!!
โฮก!!
เสียงคำรามสะท้านฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว ครั้นแล้วเต่าจระเข้ตัวนี้ก็กระโจนพรวดเข้าจู่โจมนิ้วดับชีวาอย่างเหี้ยมหาญไม่มีกริ่งกลัว!
สีหน้าของนี่ฝานแปรเปลี่ยนมาเป็นไม่น่ามองอย่างถึงที่สุด เพราะเขาคิดไม่ถึงเลยว่าป๋ายเสี่ยวฉุนจะมาร่ายเวทอภินิหารแบบนี้ที่นี่ ยิ่งเห็นความคลุ้มคลั่งเกรี้ยวกราดของเต่าจระเข้ตัวนี้ด้วยแล้ว ต่อให้เป็นเขาก็ยังใจสั่นพรั่นพรึงอย่างรุนแรง