บทที่ 1305 นี่ฝานวายปราณ
วินาทีที่นิ้วที่สองแตะลงไปอย่างเงียบเชียบ เส้นผมของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ขาวโพลนไปครึ่งศีรษะ ผิวหนังของเขาสูญเสียประกายสดใส พลังชีวิตของเขาลดฮวบหายไปกลายมาเป็นพลังไร้รูปลักษณ์ที่เกิดการขานรับกับเต๋าใหญ่แห่งห้วงจักรวาล กับต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลอย่างลี้ลับมหัศจรรย์!
ท่ามกลางการขานรับนี้ ปราณลี้ลับรอบกายเขาก็พากันพวยพุ่งขึ้นแล้วผสานรวมเข้าไปในนิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน ก่อนจะตรงเข้าหานี่ฝานที่พุ่งกระโจนเข้ามา
นี่ฝานหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง เขาที่ร้องคำรามรีบยกมือทั้งคู่ขึ้น ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วก็ยิ่งระเบิดแสงสีดำเข้มข้น เป็นเหตุให้วินาทีนี้นอกร่างของเขามีม่านแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ซึ่งไม่ว่าม่านแสงไหน ต่อให้ผู้บงการโจมตีอย่างเต็มกำลังก็ยังไม่อาจทำลายม่านปราการนี้ของเขาไปได้!
เขาพยายามต้านทานอย่างเต็มกำลัง ขณะเดียวกันก็เริ่มเพิ่มความเร็วพุ่งเข้าโจมตีป๋ายเสี่ยวฉุน
“ต่อให้เจ้าจะสามารถเขย่าคลอนนิรันดร์กาล แต่เจ้าในตอนนี้อ่อนแอเกินไป ขอแค่ขยับเข้าใกล้ ข้าก็สังหารเจ้าได้ในหมัดเดียว!” นี่ฝานแผดเสียงคำราม ป๋ายเสี่ยวฉุนสีหน้าไร้อารมณ์ ทว่าวินาทีที่เสียงของนี่ฝานก้องสะท้อน ร่างของเขากลับสะท้านเยือกเสียเอง
ท่ามกลางการสั่นสะท้านนี้ ม่านแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนที่ก่อตัวอยู่รอบกายเขา ปราการที่มองดูเหมือนจะไม่อาจเขย่าคลอนกลับเป็นเหมือนเรือรบสีดำที่จู่ๆ ก็กลายมาเป็นภาพวาดที่ถูกลบทิ้งไปทีละชั้น ซ้ำพอม่านแสงถูกลบไปแล้วยังลามไปถึงเรือนกายของนี่ฝานเองด้วย
เสียงคำรามแหบโหยดังออกมาจากปากของผู้บงการนี่ฝาน ชั่วขณะนั้นร่างกายของเขาเหมือนแหลกสลาย เลือดสดทะลักพรั่งพรู ขณะเดียวกันดวงตาที่สามตรงหว่างคิ้วเขาก็มีน้ำตาเป็นสายเลือดหลั่งรินลงมา แม้แต่ร่างแห่งเต๋าอีกแปดร่างที่เหลือของเขา บัดนี้ก็ล้วนแหลกสลายตายสิ้น!
และขณะที่ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ปราณของเขาก็อ่อนกำลังลงไปฮวบฮาบ แต่เขากลับใช้สิ่งนี้มาเป็นค่าตอบแทนจึงต้านทานนิ้วที่สองอันน่าพรั่นผวาของป๋ายเสี่ยวฉุนไว้ได้
เพียงแต่ว่าดวงตาของเขากลับฉายความบ้าคลั่ง แล้วก็ไม่คิดจะถอยหนี แต่ยังก้าวเดินเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยความเร็วที่มีมากจนอีกแค่สิบจั้งก็จะถึงตัวป๋ายเสี่ยวฉุน
และขณะที่เขาเตรียมจะลงมือต่อนั้นเอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สีหน้ายังคงไร้อารมณ์กลับยกมือขึ้นชี้นิ้วที่สาม เมื่อนิ้วที่สามแตะออกไป ผมทั้งศีรษะของเขาก็ขาวโพลน ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยยับย่น ดูแล้วแก่ชราอย่างถึงที่สุด แม้แต่ดวงตาก็ยังฟ้าฟางหม่นมัว
สำหรับป๋ายเสี่ยวฉุนแล้ว ค่าตอบแทนของการเขย่าคลอนต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลและการควบคุมปราณของความลี้ลับนับว่ามากมหาศาลยิ่งนัก และนิ้วที่สามนี้ก็เหมือนจะเป็นขีดจำกัดของเขาแล้ว วินาทีที่ปลายนิ้วตวัดลง ปราณลี้ลับมหัศจรรย์นั้นก็รวมตัวกันแล้วทะยานเข้าหานี่ฝานอีกครั้ง!
“ไม่!!” ปากของนี่ฝานร้องตะโกน ทว่าดวงตากลับฉายแววตะลึงระคนหวาดกลัว แต่ถึงกระนั้นดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของเขากลับยังกลายมาเป็นสีเทา เป็นเหตุให้ร่างของเขายังคงกระโจนเข้ามาโจมตีราวกับมิอาจควบคุม ดั่งว่าต่อให้ตัวเองต้องตายก็ต้องสังหารป๋ายเสี่ยวฉุนให้จงได้!
ทว่าวินาทีที่เขาขยับเข้ามาใกล้นั้นเอง ปราณลี้ลับที่นิ้วที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุนเข้าควบคุมกลับระเบิดพลังแห่งการลบเลือนในชั่วพริบตา พลังนี้แผ่ขยายลุกลามจนมาโดนร่างของผู้บงการนี่ฝานโดยที่เขามิอาจหลบเลี่ยง
นี่ฝานสั่นเทิ้มไปทั้งกาย มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าร่างของเขาได้สลายหายไป เริ่มจากขาทั้งสองข้างก่อน จากนั้นก็มือทั้งคู่ ลำตัว จนกระทั่งมาถึงส่วนศีรษะ…ผู้บงการนี่ฝานที่เคยเป็นผู้พิชิตห้วงจักรวาล เคยทำลายโลกหนึ่งล้านแปดหมื่นใบผู้นี้ บัดนี้ทุกสิ่งทุกอย่างของเขาได้สลายหายไปอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่อาจฝืนชะตาฟ้าลิขิตได้อีกแล้ว
และเสี้ยววินาทีที่ศีรษะของเขาจะถูกลบเลือนทิ้งไปนั้นเอง ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของเขากลับพลันขยายใหญ่ สีเทาในดวงตายิ่งเข้มข้นมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าเมื่อนี่ฝานหายไป ดวงตาที่สามนี้ก็ได้ดูดซับเอาพลังชีวิตทั้งหมดและเต๋าที่บรรลุมาชั่วชีวิตของเขาไปจนหมดสิ้น!
ขณะเดียวกันวินาทีนั้นดวงตาของนี่ฝานก็ฉายประกายกระจ่างใส เมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเห็นสายตานี้ของอีกฝ่าย เขาก็ตัวสั่นเทิ้ม พลันหวนนึกไปถึงภาพเหตุการณ์แรกในความทรงจำของเต้าเฉิน นึกไปถึงสายตาของเด็กหนุ่มที่ยอมตายเพื่อหาอาหารมาให้น้องชายในวันที่หิมะโปรยปรายและตั๊กแตนสีขาวบินว่อนเต็มฟ้า
สายตาที่กระจ่างบริสุทธิ์เช่นเดียวกับในตอนนี้
“น้องชาย…ฆ่าเมี่ยเซิ่ง…ให้ได้!!” วินาทีที่ประกายดวงตาใสบริสุทธิ์นี้ปรากฏขึ้น ปากของนี่ฝานที่กำลังจะถูกลบทิ้งก็พลันแผดเสียงคำรามสุดท้ายของชีวิตเขาออกมา!!
เสียงยังคงก้องสะท้อน ทว่าศีรษะของเขากลับถูกลบทิ้งไปแล้ว!
นี่ฝาน มอดม้วย!!
เพียงแต่ว่าชั่วขณะที่ศีรษะของนี่ฝานถูกลบทิ้งไป ดวงตาที่สามกลางหว่างคิ้วของเขากลับระเบิดพังทลาย!
ตามหลังการพังทลาย ควันสีเทาจำนวนมากที่อยู่ด้านในก็พุ่งปะทุเข้าต่อกรกับนิ้วที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุน!
ท่ามกลางเสียงกัมปนาทดังเกริกก้อง ปราณลี้ลับจากดัชนีที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุนสลายหายไป ควันสีเทาเหล่านั้นก็แตกกระจายจนหมด แต่กลับไม่ได้จางหายไปไหน พวกมันล้วนม้วนตลบหวนคืนมาก่อตัวขึ้นเป็นรูปร่างของคน ไม่ใช่นี่ฝานอีกต่อไป แต่ปราณแห่งความตายและการดับสูญที่คนผู้นี้แผ่ออกมากลับบริสุทธิ์ยิ่งกว่า!
ปราณนี้เหมือนผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานจนเกินกว่าจะนับคำนวณ ราวกับว่าต่อให้ทุกอย่างจะดับสูญ แต่เขาก็ยังเป็นหนึ่งเดียวที่คงความบ้าคลั่งเอาไว้!
เรือนกายที่จำแลงออกมานี้คือ ผู้เฒ่าคนหนึ่งที่สวมชุดคลุมยาวสีเทา และเขาก็คือเมี่ยเซิ่งที่ป๋ายเสี่ยวฉุนเคยย้อนเวลากลับไปเห็นว่าอีกฝ่ายยืนอยู่บนเรือรบที่บุกเข้ามาในโลกนิรันดร์กาล!
“น่าเสียดาย เจ้าไม่เหลือพลังให้ร่ายนิ้วที่สี่…ของหลัวเทียนอีกแล้ว!” ผู้เฒ่าคนนี้ยิ้มบางๆ เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง ร่างของเขาก็ตรงดิ่งเข้าหาป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างกายของเขาไม่ใช่ของจริง และพอขยับเข้ามาใกล้ก็กลายร่างมาเป็นควันสีเทาอีกครั้ง ควันสีเทาเหล่านี้ทำท่าราวกับว่าจะลอดทะลวงเข้ามาในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไรอย่างนั้น!
ทว่าวินาทีที่เขาขยับเข้ามาใกล้ ป๋ายเสี่ยวฉุนที่อ่อนกำลังสุดขีด แม้แต่ดวงตาก็เริ่มพร่าเลือนกลับเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบเครือ
“งั้นหรือ…” วินาทีที่ประโยคนี้ขาดคำ มือขวาของเขาก็ยกขึ้นแล้วชี้นิ้วออกมาเป็น…ครั้งที่สี่!!
ชั่วขณะที่นิ้วนี้ร่วงลงมา รอยยิ้มของผู้เฒ่ายังคงไม่หายไปจากใบหน้า ดวงตาก็ยิ่งฉายแววเหยียดหยัน ชั่วชีวิตที่ผ่านมาเขาเคยประมือกับผู้แข็งแกร่งมานับครั้งไม่ถ้วน เขาวิเคราะห์ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่มีพลังเหลือ ก็คือไม่มีพลังเหลือจริงๆ แล้วมีหรือที่เขาจะหลงกลแผนแกล้งขู่ให้ตกใจกลัวของอีกฝ่าย ร่างของเขาจึงยังคงขยับเข้าไปใกล้ดังเดิม!
ทว่านาทีที่เขาขยับเข้าไปใกล้นั้นเอง รอยยิ้มของเขากลับแข็งค้างอยู่บนใบหน้า ดวงตาฉายความเหลือเชื่อ และยิ่งมากด้วยความตะลึงพรึงเพริด
“เป็นไปไม่ได้!!” ร่างของเขาไม่ขยับเคลื่อนหน้าอีกต่อไป แต่รีบถอยกรูดกลับมาด้านหลังอย่างว่องไว…
แต่กลับสายไปแล้ว นิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุนร่วงลงมา แม้เส้นผมทั้งศีรษะของเขาจะหลุดร่วง แม้เรือนกายจะงองุ้ม ตลอดทั้งร่างแผ่ปราณของความชราเสื่อมโทรม ร่างทั้งร่างเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก พลังชีวิตหายไปสิ้นดั่งตะเกียงที่น้ำมันแห้งขอด เหมือนเดินมาสู่ปลายทางสุดท้ายของชีวิต แต่ทว่า…เขากลับยังไม่ตาย!!
ไม่เพียงแต่ไม่ตาย ซ้ำยังมีพลังชีวิตเข้มข้นที่ไม่รู้ว่าระเบิดออกมาจากตำแหน่งใดของร่างกายเขาปะทุออกมาด้วย แต่เห็นได้ชัดว่าพลังชีวิตนี้ไม่ใช่ของป๋ายเสี่ยวฉุน เมื่อเป็นเช่นนี้ แม้พลังชีวิตนี้จะมากไพศาลเท่าใด แต่หากคิดจะควบคุมความลี้ลับอันเป็นต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลก็ยังต้องถูกเผาผลาญพลังอย่างมหาศาล!
เพียงแต่ว่า…จำนวนของพลังชีวิตนี้มากอย่างถึงที่สุดจริงๆ จึงยังสามารถกระตุ้น…นิ้วที่สี่อันเป็นนิ้วสุดท้ายออกมาได้!!
“นี่มันเป็นไปไม่ได้!!” เมี่ยเซิ่งใจสั่นสะท้านรุนแรง เขาวางแผนทุกอย่าง ถึงขั้นยอมเผาผลาญเรือนกายที่ตัวเองเตรียมไว้เพื่อใช้ต้านทานนิ้วที่สามของป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างไม่เสียดาย แล้วเขาก็วิเคราะห์ได้ว่าป๋ายเสี่ยวฉุนไม่อาจร่ายนิ้วที่สี่ออกมาได้ แต่ตอนนี้พลังชีวิตที่ระเบิดออกมาจากในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนกลับทำให้ทุกการวิเคราะห์ ทุกแผนการของเขาพังภินท์ไม่เหลือชิ้นดี
“พลังชีวิตนี่มันมาจากที่ไหนกัน!!” ท่ามกลางความมึนงงสับสนของเมี่ยเซิ่ง เขาไม่ทันสังเกตเห็นว่าในดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่ห่างออกไปไกล กลางนครจักรพรรดิขุยที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ เจ้าเต่าน้อยที่เดิมทีจับตามองเหตุการณ์บนท้องฟ้าร่วมกับทุกคนด้วยความตึงเครียด จู่ๆ กลับแผดเสียงร้องแหลมดัง เห็นเพียงว่าร่างกายของมันเหี่ยวซูบลง พลังชีวิตเหือดหายไปเป็นจำนวนมาก ก่อนจะชักกระตุกเป็นลมลงไปกองกับพื้นเพราะพลังชีวิตในร่างเหลืออีกแค่เสี้ยวก็จะหมดสิ้น
“ป๋ายเสี่ยวฉุน ข้าเกลียดเจ้า…” ก่อนที่จะหมดสติไป เจ้าเต่าน้อยพลันนึกขึ้นได้ว่าปีนั้นตอนที่ป๋ายเสี่ยวฉุนค้นพบมัน ชีวิตของมันกับป๋ายเสี่ยวฉุนได้เชื่อมโยงเข้าด้วยกันแล้ว…
หากป๋ายเสี่ยวฉุนถูกฆ่า มันก็ต้องตายเหมือนกัน…
เพียงแต่ว่าเวลาผ่านมานานหลายปีเกินไป เจ้าเต่าน้อยจึงลืมเรื่องนี้ไปนานแล้ว และหากเป็นสิ่งมีชีวิตประเภทอื่น ต่อให้จะมีการเชื่อมโยงกับป๋ายเสี่ยวฉุนในลักษณะเดียวกัน แต่ก็คงไม่ช่วยให้ป๋ายเสี่ยวฉุนร่ายนิ้วที่สี่ออกมาได้ แต่นี่ เจ้าเต่าน้อย…มันคือเต่าแห่งนิรันดร์กาล และขณะเดียวกันก็มาจากนอกโลก!
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พลังชีวิตที่เหมือนจะมากมายไร้ที่สิ้นสุดของมันก็ยังต้องถูกดูดออกไปจนเหลือแค่เสี้ยวเดียว นั่นถึงจะทำให้ป๋ายเสี่ยวฉุนนำมาผสานรวมกับพลังของตัวเองที่เหลืออยู่แล้วร่ายนิ้วที่สี่ออกมาได้!
และเมื่อนิ้วที่สี่ตวัดลง ห้วงจักรวาลไร้คลื่นใดๆ ทั้งสิ้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่เหนื่อยล้าหลับตาทั้งคู่ลงช้าๆ ราวกับว่าแม้แต่แรงลืมตาก็ยังไม่เหลือ และร่างของเขาที่สูญเสียการค้ำประคองก็ได้ค่อยๆ ลอยลิ่วไปยังทิศทางของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล…วินาทีที่ดวงตาทั้งคู่ของเขาปิดเข้าหากัน เสียงคำรามแหบโหยที่ไม่เคยมีขึ้นมาก่อนก็แผดดังออกจากปากของเมี่ยเซิ่ง