Skip to content

A Will Eternal 1306

บทที่ 1306 หลัวเทียนไร้ปราณี

เรือนกายของเขาไม่ทันได้สั่นสะท้าน เมื่อความลี้ลับจากนิ้วที่สี่ร่วงลงมา ร่างทั้งร่างของเขาก็พลันแหลกสลายกลายมาเป็นควันสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนที่พยายามเผ่นหนีไป แต่ก็ยังถูกไล่ตามไปโจมตี เมื่อปราณของความลี้ลับพุ่งเข้าลบเลือน ควันสีเทาเหล่านั้นเหมือนจะดื้อรั้นอย่างมาก ถึงได้กลับมารวมตัวกันเป็นเงาร่างของเมี่ยเซิ่งอีกครั้ง เพียงแต่ว่าเขากลับเผ่นหนีไปอีกรอบด้วยสายตาที่ฉายความหวาดกลัว

กระนั้นก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงความตายที่ถูกกำหนดมาไว้แล้วได้ ท่ามกลางการแผ่กระจายของปราณแห่งความลี้ลับ ภายใต้การพังทลายครั้งแล้วครั้งเล่าและกลับมารวมตัวกันใหม่อีกนับครั้งใหม่ถ้วน ควันสีเทาที่แผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขาก็ยิ่งแผ่วจางลงเรื่อยๆ ปราณของเขาก็อ่อนกำลังลงเรื่อยๆ เช่นกัน

ซ้ำภายใต้การก่อตัวใหม่หลายครั้งนี้ ขาทั้งคู่ของเขาก็ได้จางหายไปแล้ว เรือนกายของเขา แขนของเขาก็ได้สลายไป ตอนนี้หลงเหลืออยู่เพียงแค่ร่างท่อนบนกับศีรษะเท่านั้น

“ข้าไม่ยอม!!” เมี่ยเซิ่งขมขื่นสุดระกำ ทั้งๆ ที่ความสำเร็จรออยู่ตรงหน้า ทั้งๆ ที่ขาดอีกแค่ก้าวเดียวเขาก็จะสามารถกลายมาเป็นนิรันดร์กาล แต่จู่ๆ ทุกอย่างนี้…กลับมาพังครืนลงกะทันหัน

เมื่อเห็นว่าศีรษะกำลังจะแหลกสลายหายไป ท่ามกลางความบ้าคลั่งที่ดุเดือดนี้ เมี่ยเซิ่งพลันหันขวับไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนที่กำลังล่องลอยไปยังดินแดนเซียนนิรันดร์กาล แล้วดวงตาของเขาก็มีแววเหี้ยมอำมหิตเปล่งวาบขึ้นมา!

“ในเมื่อข้าไม่อาจทำสำเร็จ ถ้าอย่างนั้น…ก็ให้โลกวิญญาณนิรันดร์กาลใบนี้มีหลัวเทียนถือกำเนิดขึ้นมาอีกคนหนึ่ง…”

“หลัวเทียนไร้ปราณี และเจ้าก็มีคนให้ห่วงใยมากมาย เมื่อเป็นเช่นนี้จะกลายมาเป็นหลัวเทียนที่แท้จริงได้อย่างไร…”

“เอาเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าสมหวัง นับแต่นี้ไปเจ้า…จะกลายเป็นคนเหี้ยมอำมหิตไร้ปราณี ไร้ญาติขาดมิตร ให้ทุกอย่างในอดีตของเจ้าถูกกลบฝัง ให้เจ้า…ผ่านการชำระล้างบาปครั้งสุดท้าย กลายมาเป็นหลัวเทียนที่จะทำลายโลกแห่งเต๋าเว่ยยาง!” เมื่อคำพูดของเขาก้องสะท้อน เมี่ยเซิ่งก็พลันหัวเราะ ท่ามกลางเสียงหัวเราะนี้ ศีรษะของเขาซึ่งเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ในเวลานี้ก็พลันแผ่แสงสีดำมืดทะมึนอย่างที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน

วินาทีที่แสงนี้ปรากฏขึ้น มันก็พุ่งตรงไปที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในทันที!

ชั่วขณะที่ขยับเข้าไปใกล้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล มันกลับก่อตัวขึ้นเป็นน้ำวนลูกใหญ่ยักษ์ที่หมุนโคจรดังครืนครั่น ครั้นแล้วก็แผ่เข้าปกคลุมไปทั่วดินแดนเซียนนิรันดร์กาลท่ามกลางเสียงร้องอุทานตกใจของทุกชีวิต ภายใต้การไล่ล่าลบเลือนของปราณแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์ เมี่ยเซิ่งรู้ดีว่าตนไม่สามารถทำลายดินแดนเซียนนิรันดร์กาลได้ และการทำเช่นนั้นก็ไม่มีความหมาย ด้วยวิชาอภินิหารของพวกเขา แม้จะไม่สามารถชุบชีวิตคนที่อยู่ในขอบเขตเดียวกันได้ แต่หากคิดจะชุบชีวิตผู้คนบนดินแดนเซียนนิรันดร์กาลกลับใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียเลย

ดังนั้น เป้าหมายของเขา จึงไม่ใช่การสังหาร แต่เป็น…

“ใช้พลังชีวิตอันไร้ที่สิ้นสุดของข้าเป็นค่าตอบแทน ใช้สามดินแดนใหญ่ในโลกแห่งเต๋าชางหมางอันเป็นสมบัติของข้าเป็นค่าตอบแทน ในการเปิด…แม่น้ำแห่งกาลเวลา!!” เสียงของเมี่ยเซิ่งพลันดังก้องสะท้อนไปทั้งห้วงจักรวาล ครั้นแล้วน้ำวนที่เขาจำแลงขึ้นก็พลันหมุนโคจร ความเร็วในการหมุนของน้ำวนนี้ยิ่งนานก็ยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ และเพียงไม่นานก็พอจะมองเห็นว่าในน้ำวนเหมือนจะมีเข็มทิศอันหนึ่งกับไข่มุกสองเม็ด เม็ดหนึ่งสีขาว เม็ดหนึ่งสีดำ!

ของสามอย่างนี้แผ่ปราณเก่าแก่ และวินาทีที่พวกมันปรากฏก็พาให้น้ำวนลูกนี้พวยพุ่งขึ้นเทียมฟ้า

“แม้ว่าสมบัติแห่งดินแดนทั้งสามของข้าผู้อาวุโสจะถูกนิรันดร์กาลปิดผนึกจนไม่อาจร่ายพลังที่แท้จริงได้ แต่หากจะให้พวกมันกลายมาเป็นถ้อยคำในการเปิดแม่น้ำแห่งกาลเวลา กลับยังพอจะทำได้!” ในน้ำวนมีเสียงของเมี่ยเซิ่งดังลอยมา และเสียงของเขาก็ถูกลากยาวก้องสะท้อนอยู่ในห้วงจักรวาล ขณะเดียวกันน้ำวนลูกนี้ก็เหมือนไปเปิดโลกที่ไร้คำบรรยายใบหนึ่งซึ่งบัดนี้สร้างความครึกโครมให้แก่ทั้งห้วงจักรวาล ซากปรักหักพังทั้งหมดสั่นสะเทือนจนห้วงเอกภพเกิดความปั่นป่วนโกลาหลไปหมด

สามารถมองเห็นได้ว่าเบื้องใต้ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล จุดลึกของน้ำวนลูกนั้นกลับมีแม่น้ำสายใหญ่สายหนึ่งโผล่พรวดขึ้นมา น้ำในแม่น้ำเชี่ยวกรากซัดตลบ แรงดึงดูดมหาศาลขุมหนึ่งที่ไม่อาจขัดขวางถูกปล่อยออกมาซึ่งได้ดูดเอาทั้งน้ำวนและ…ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลที่อยู่ในน้ำวนให้ผลุบหายเข้าไปด้านในเพียงเสี้ยววินาที!

ในแม่น้ำใหญ่สายนี้แผ่ปราณแห่งความลี้ลับมหัศจรรย์ แผ่ปราณของนิรันดร์กาล ซ้ำยังแผ่ปราณของต้นกำเนิดหลายสิ่งหลายอย่างซึ่งรวมถึงต้นกำเนิดแห่งเวลาไว้ด้วย ศักดิ์สิทธิ์มหัศจรรย์อย่างไร้ที่สิ้นสุด สร้างความสะเทือนเลือนลั่นให้กับห้วงจักรวาล ราวกับเป็นเพียงหนึ่งเดียวในหล้า!

และวินาทีนี้เอง ป๋ายเสี่ยวฉุนที่สัมผัสกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นได้อย่างอัศจรรย์ก็ได้ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง พอมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้ หัวสมองของเขาก็มีเสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในชีวิต

“ไม่!!” ป๋ายเสี่ยวฉุนร้องคำราม พยายามดิ้นรนจนเส้นเอ็นเขียวปูดโปน ร่างของเขาสั่นเทิ้มเหมือนคนบ้าคลั่ง คิดจะเข้าไปขัดขวาง แต่เขาที่อ่อนกำลัง แม้แต่ยืนยังทำไม่ได้ แล้วจะขัดขวางได้อย่างไร

“หลัวเทียน นี่คือของขวัญชิ้นหนึ่ง…ที่ข้ามอบให้แก่เจ้า เจ้าอย่าได้หวังว่าจะชุบชีวิตให้แก่พวกเขา เมื่อถูกปิดผนึกอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลา ในโลกใบนี้ ในโลกแห่งเต๋ายิ่งใหญ่ทั้งเก้าแห่ง ข้าผู้อาวุโสไม่เคยได้ยินว่าจะมีใครที่งมโลกใบหนึ่งออกมาจากในแม่น้ำแห่งกาลเวลาได้!” เสียงหัวเราะของเมี่ยเซิ่งแฝงไว้ด้วยความโชกโชนแห่งประสบการณ์ ก่อนจะค่อยๆ แผ่วหายไป… ที่หายไปพร้อมกัน ยังมีแม่น้ำสายใหญ่ที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึง…ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล

แล้วทุกอย่างก็สงบนิ่ง

เมื่อแม่น้ำแห่งกาลเวลาหายไป เมื่อเมี่ยเซิ่งตายไป เมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง…ตลอดทั้งห้วงจักรวาลก็ตกอยู่ในความเงียบ น้ำแข็งที่ปิดผนึกซากปรักหักพังทั้งหนึ่งล้านแปดหมื่นแห่งก็หายวับไปในพริบตา และวินาทีนี้ แสงสว่างเจิดจ้าก็ปกคลุมไปทั่วทุกหนแห่ง…

เพียงแต่ว่า ตรงจุดที่เคยเป็นที่ตั้งของดินแดนเซียนนิรันดร์กาลในอดีต ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับเหม่อมองไปยังทิศทางที่แม่น้ำสายยาวหายไป เขาเหมือนคนเสียสติ เหมือนกลายมาเป็นคนตายทั้งเป็นที่ไม่เหลือจิตวิญญาณ ได้แต่เหม่อลอยอยู่ตรงนั้น เนิ่นนาน…

จนกระทั่งกระอักเลือดออกมาหนึ่งคำ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็หมดสติไป มีเพียงริมฝีปากที่ยังสั่นระริกโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะค่อยๆ แน่นิ่งราวกับศพศพหนึ่งที่ล่องลอยไปในห้วงจักรวาล…อย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง…

ตลอดทั้งห้วงจักรวาล แม้ว่าซากปรักหักพังทั้งหนึ่งล้านแปดหมื่นแห่งจะถูกจุดไฟสว่างไสว แต่กลับเหลือเพียงเขาแค่คนเดียวที่หมดสติ เดียวดาย ไม่รู้ที่ไป

เวลาล่วงเลยผ่านพ้น ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน ท่ามกลางห้วงจักรวาลที่เงียบสงบแห่งนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนคืนสติแล้ว แต่เขาไม่ได้ลืมตา ชั่วขณะที่คืนสติ เขาเหมือนจะได้ยินเสียงคุ้นเคยที่เรียกเขาว่าท่านพ่อดังอยู่ข้างหู

“ท่านพ่อ ท่านฟื้นได้เสียที ท่านดูสิ ข้าโตแล้วนะ…”

“ท่านพ่อ ตบะของเสี่ยวเสี่ยวฝ่าทะลุแล้ว กลายมาเป็นเทียนจุนแล้วล่ะ”

“ท่านพ่อ ข้า…จะแต่งงานแล้ว”

นั่นคือเสียงของบุตรทั้งสามของเขา

พอได้ยินเสียงนี้ มุมปากของป๋ายเสี่ยวฉุนก็ขยับยกเป็นรอยยิ้ม และดูเหมือนว่าเขาจะยังได้ยินน้ำเสียงอ่อนโยนที่กำลังเอ่ยเรียกชื่อของเขาด้วย เขาแยกได้ว่าเสียงไหนคือเสียงของซ่งจวินหว่าน โจวจื่อโม่ โหวเสี่ยวเม่ยและกงซุนหว่านเอ๋อร์ และท่ามกลางเสียงของคนมากมายเหล่านี้ เขายังได้ยินเสียงของหญิงสาวที่ในความคุ้นเคยมีความแปลกหูด้วย

“เสี่ยวฉุน ข้าคือ…ตู้หลิงเฟย…”

เสียงที่ได้ยินมีมากมาย และป๋ายเสี่ยวฉุนก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงสายตาของคนนับไม่ถ้วนที่ทำให้เขาอบอุ่นใจ ราวกับว่าคนเหล่านั้นกำลังส่งยิ้มน้อยๆ มาให้ตน ในสายตาเหล่านั้น เขาสามารถแยกได้ว่ามีท่านอาหลี่ มีต้าเทียนซือ มีราชาผียักษ์ มีจางต้าพั่งที่อ้วนน้อยลง มีซ่งเชวีย มีเสินซ่วนจื่อ ฯลฯ…

ทั้งหมดนี้ทำให้เขาพึงพอใจอย่างมาก เขาเหมือนสัมผัสได้ถึงแสงอาทิตย์ที่อาบไล้ลงมาบนร่าง สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของต้นไม้ใบหญ้า สัมผัสได้ว่าทุกคนต่างก็เบิกบานผาสุก

ไม่นาน ตรงหางตาของป๋ายเสี่ยวฉุนที่หลับตาล่องลอยไปตามห้วงจักรวาลก็มีน้ำตาหยดลงมา เขาไม่อยากลืมตา แต่สุดท้ายก็ยังต้องเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ

และเมื่อดวงตาทั้งคู่ของเขาลืมขึ้น เสียงทั้งหมดก็หายไป เบื้องหน้าเขามีเพียงห้วงจักรวาล ข้างหูเขา มีเพียงความเงียบสงัด…

เนิ่นนานต่อมา ป๋ายเสี่ยวฉุนถึงได้ลุกขึ้นยืนอย่างเชื่องช้า ทอดสายตาเหม่อมองไปยังทิศไกล เขาเงียบนิ่งอยู่นาน ก่อนจะก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว เดินเหยียบลงไปบนห้วงจักรวาลอย่างเดียวดาย แล้วมาหยุดอยู่ตรงตำแหน่งอันเคยเป็นที่ตั้งของดินแดนเซียนนิรันดร์กาล

มองเห็นพื้นที่ที่ไม่มีดินแดนเซียนนิรันดร์กาลเหลืออยู่แล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ร้องไห้

“รบชนะนี่ฝาน แต่ก็ยังสูญเสียทุกอย่าง…” น้ำตาของป๋ายเสี่ยวฉุนหล่นลงสู่ห้วงจักรวาล เขายกมือขึ้นหมายจะคว้ามันเอาไว้ แต่กลับคว้าอะไรไว้ไม่ได้สักอย่าง เขาอยากจะหยิบเหล้าออกมาจากถุงเก็บของ แต่กลับไม่เหลืออะไรเลย

เขาได้แต่นั่งลงตรงพื้นที่นี้เงียบๆ เหม่อลอยอยู่กับตัวเอง หวนนึกถึงความทรงจำอยู่เพียงลำพัง จนกระทั่งมีวันหนึ่งเขาพลันเงยหน้าขึ้นด้วยดวงตาที่แดงฉาน ประกายแสงแห่งความบ้าคลั่งวาบผ่านนัยน์ตา

ครั้นแล้วก็ยกมือขึ้นทำมุทราร่ายบทจากโบราณกาล พาร่างของตัวเองย้อนเวลากลับไป

แต่ไม่นานป๋ายเสี่ยวฉุนก็ต้องเดินออกมาด้วยความขมขื่น ต่อให้ย้อนเวลา ต่อให้อยู่ในโลกที่เป็นเหมือนกระจกนั้น เขาก็ไม่อาจตามหาดินแดนเซียนนิรันดร์กาลได้เจออีกแล้ว

ราวกับว่าเมื่อจมหายเข้าไปในแม่น้ำแห่งกาลเวลา แม้แต่ร่องรอยของการดำรงอยู่ในอดีตก็ยังถูกลบเลือนไปด้วย

“แม่น้ำแห่งกาลเวลา…” ป๋ายเสี่ยวฉุนเอ่ยเสียงแหบพร่า น้ำเสียงของเขาทุ้มต่ำราวกับว่าในกายอัดแน่นไปด้วยความเจ็บปวดร้าวรานอย่างไร้ที่สิ้นสุด เพียงแต่ว่าไม่สามารถระบายรู้สึกนี้ออกมาได้ น้ำตาก็ไม่ช่วยให้ความเศร้าเสียใจคลายลง เป็นเหตุให้ความเจ็บปวดตกตะกอนอยู่ในร่างกายจนแสดงออกมาในรูปแบบของน้ำเสียงเช่นนี้

“แค่ถูกปิดผนึกอยู่ในแม่น้ำแห่งกาลเวลา…หาใช่ตายไปแล้ว!”

“เมี่ยเซิ่งสามารถเปิดได้ ข้า…ก็ทำได้เหมือนกัน!” ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนเริ่มหอบหนัก หลังจากที่เงยหน้าขึ้นมาก็รีบระเบิดตบะออกมาทันที เขาพยายามใช้วิธีการมากมายนับไม่ถ้วน พยายามอยู่เนิ่นนาน ซ้ำยังเคยทดลองเข้าควบคุมปราณลี้ลับอันเป็นต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลด้วย แต่กลับค้นพบว่า เมื่อดอกไม้แห่งนิรันดร์กาลหายไป ความลี้ลับของต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลก็หม่นแสงลงราวกับหายไปด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าชีวิตจะเป็นรากฐานในการดำรงอยู่ของต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาล

เมื่อไม่มีบุปผาแห่งนิรันดร์กาล แม้ว่าห้วงจักรวาลจะสว่างไสว

แต่นอกจากป๋ายเสี่ยวฉุนแล้วกลับไม่มีชีวิตที่สอง ต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลจึงเงียบงันไร้ปฏิกิริยาตอบสนองตามไปด้วย

แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ไม่ยอมแพ้ เขาทดลองอีกครั้งนับครั้งไม่ถ้วนจนกระทั่งหมดสิ้นทั้งแรงกายแรงใจ แต่ก็ยังไม่สามารถเปิดแม่น้ำแห่งกาลเวลาได้ เขายังถึงขั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าควรจะเปิดแม่น้ำแห่งกาลเวลาอย่างไร

ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ขมขื่นไม่ได้สิ้นหวัง เขาหลับตาลง เมื่อลมตาขึ้นอีกครั้ง นัยน์ตาของเขาก็ฉายแววเด็ดเดี่ยวยึดมั่นเกินจะเปรียบ

“ขอบเขตผู้บงการไม่อาจเปิดได้ ถ้าเช่นนั้น…หากข้ามีขอบเขตเป็นนิรันดร์กาล ก็ต้องทำได้แน่นอน!” ป๋ายเสี่ยวฉุนพึมพำเบาๆ

เขารู้ดีว่าขอบเขตนิรันดร์กาลไม่ได้มีแค่ผสานรวมกับบุปผาแห่งนิรันดร์กาลเท่านั้น ป๋ายเสี่ยวฉุนที่ต่อสู้กับนี่ฝานจนเข้าใจปราณแห่งความลี้ลับที่จำแลงมาจากต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลในขั้นต้นสามารถสัมผัสได้ว่า ยังต้องมีวิธีการอื่นที่ทำให้เขากลายมาเป็นนิรันดร์กาลแน่นอน!

“ต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลดำรงอยู่ท่ามกลางหมื่นสรรพสิ่ง ดำรงอยู่ในต้นกำเนิดแห่งเต๋าทุกเต๋า…แม้ว่าตอนนี้มันจะซึมเซาจนไม่อาจสัมผัสได้ถึง แต่…หากหมื่นเผ่าพันธ์ฟื้นตื่น ห้วงจักรวาลกลับคืนมามีชีวิตชีวา หลายเผ่าพันธ์กลับมาฝึกตนกันอีกครั้ง เมื่อชีวิตปรากฏขึ้น เมื่อนักพรตเผยกาย…ต้นกำเนิดแห่งนิรันดร์กาลก็จะยังปรากฎขึ้นอีกครั้ง!”

“หากยังไม่ปรากฏ ถ้าเช่นนั้น…ข้าก็จะสร้างนิรันดร์กาลขึ้นมาเอง!”

“เมื่อชีวิตทั้งหลายฟื้นตื่น เมื่อสิ่งมีชีวิตถือกำเนิด ต้นกำเนิดแห่งหมื่นสรรพสิ่งก็จะปรากฏ หากกระจ่างแจ้งในต้นกำเนิดแห่งเต๋าเพียงหนึ่งเดียวยังไม่พอ ข้าก็จะทำความเข้าใจจนบรรลุสิบเต๋า ร้อยเต๋า พันเต๋า หมื่นเต๋า…จนกระทั่งกระจ่างแจ้งในต้นกำเนิดของเผ่าพันธ์แห่งโลกหนึ่งล้านแปดหมื่นใบในห้วงจักรวาลนี้…”

“ผสานรวมต้นกำเนิดทุกอย่างในห้วงจักรวาล เพื่อสร้าง…นิรันดร์กาล!” ดวงตาของป๋ายเสี่ยวฉุนฉายความบ้าดีเดือด วิธีการนี้คือวิธีการเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้!

“ดินแดนเซียนนิรันดร์กาล บ้านเกิดของข้า…พวกเจ้ารอข้าหน่อย ข้าให้สัญญากับพวกเจ้า…” พกพาเอาความบ้าระห่ำ ป๋ายเสี่ยวฉุนหมุนตัวกลับไปมองตำแหน่งที่ดินแดนเซียนนิรันดร์กาลแล้วเอ่ยขึ้นแผ่วเบา แต่กลับหนักแน่นดั่งเอ่ยคำสัตย์ปฏิญาณ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!