Skip to content

A Will Eternal 255

บทที่ 255 ตรวนสลายลำคอปรากฏอีกครั้ง!

“ถึงเวลาแล้ว ซ่งจวินหว่าน ครั้งนี้ต้องขอบคุณเย่จั้งจริงๆ หากไม่เพราะการปรากฏตัวของเขา ต่อให้ข้าใช้ท่าไม้ตาย คิดจะช่วงชิงตำแหน่งบุตรโลหิตมาก็ใช่ว่าจะมีความมั่นใจนัก”

“ทว่าตอนนี้ ไม่มีกุญแจ สิทธิ์ในการเป็นบุตรโลหิตก็ย่อมเป็นของข้าอย่างมิต้องสงสัย!” ขณะที่เสียงหัวเราะของเซวี่ยเหมยดังลอยออกมาจากใต้หน้ากาก เมื่อหันไปมองพวกเซียวชิง หยางหงอู่ จางอวิ๋นซาน บนใบหน้าของคนทั้งสามต่างก็เผยรอยยิ้ม!

ชั่วพริบตาที่แรงขับไล่ปรากฏอยู่บนร่างของคนทั้งสาม ร่างของพวกเขาก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเช่นกัน แม้ว่าจะยังแข็งทื่อ ทว่าแต่ละคนกลับหยิบเอา…ป้ายคำสั่งสีเลือด…ซึ่งซ่งจวินหว่านและเซวี่ยเหมยเท่านั้นที่มี…ออกมา!

ป้ายคำสั่งสีเลือดทั้งสามนี้สีค่อนข้างมืดสลัวเล็กน้อย เหมือนว่ายังห่างชั้นกับป้ายคำสั่งของซ่งจวินหว่านและเซวี่ยเหมย และพวกเขาก็มีสีหน้าเป็นปกติ เห็นได้ชัดว่าก่อนจะมาที่นี่ก็รู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้

“เดิมทีข้าวางแผนไว้ว่าหลังจากที่คนอื่นๆ ช่วงชิงกุญแจไปได้ จะพาคนทั้งสามนี้เข้าไปต่างหาก เมื่อเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถบดขยี้ผู้พิทักษ์ของเจ้าได้ ทว่าตอนนี้ผลที่ได้ก็เหมือนกัน” เสียงหัวเราะของเซวี่ยเหมยดังลอยมา นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบ

“เซวี่ยเหมย เจ้าช่างกำเริบเสิบสานยิ่งนัก บังอาจทำเรื่องเช่นนี้ได้ นี่ไม่เพียงแต่เป็นการโกง ยังทำผิดกฏสำคัญของสำนักธาราโลหิตอีกดด้วย!!” ซ่งจวินหว่านไม่อยากจะเชื่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ในใจนางขมขื่น ภาพนี้ทำให้นางแทบจะสิ้นหวัง รู้ว่าการประลองบุตรโลหิตครั้งนี้ ถือว่าตนพ่ายแพ้แล้ว

ต่อให้เย่จั้งจะไม่ได้สูบกุญแจ หลังจากที่เซวี่ยเหมยโกง ด่านต่อไปบนเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด พวกเขาก็ยังคงโรมรันกับตนได้อยู่ดี ทำให้เซวี่ยเหมยสามารถเดินไปสุดเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด เหยียบย่างเข้าไปในห้องหัวใจได้เป็นคนแรก

“หากข้าได้เป็นบุตรโลหิต ใครเล่าจะสนใจเรื่องในวันนี้! อีกอย่างเลือดวิเศษสามชิ้นนี้ทำได้เพียงเข้าไปในเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด มิอาจเข้าไปยังห้องหัวใจได้!” เซวี่ยเหมยยิ้มน้อยๆ มองไปบนท้องฟ้า บัดนี้บนท้องฟ้าปรากฏน้ำวนกำลังเคลื่อนโคจรดังโครมคราม ในน้ำวนปรากฏเป็นเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือดหนึ่งเส้น…

และปลายทางของเส้นทางดึกดำบรรพ์นั้นก็คือที่ตั้งของห้องหัวใจ

นางสะบัดร่างหนึ่งครั้ง พุ่งทะยานเข้าไปในน้ำวนกลางอากาศ พวกเซียวชิงสามคนไม่พูดไม่จา ต่างก็ทยอยกันบินขึ้นไป เพียงแต่ว่าก่อนที่จะจากไป พวกเขาสามคนหันไปมองป๋ายเสี่ยวฉุนหนึ่งครั้ง นัยน์ตาเปล่งจิตสังหาร แต่เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้ว่าอะไรควรไม่ควร หลังจากที่แค่นเสียงเย็นก็บินเข้าไปที่น้ำวน

ซ่งจวินหว่านยืนเงียบอยู่ที่เดิม กำหมัดแน่นท่ามกลางความขมขื่น นางแพ้แล้ว ยังไม่ทันได้เข้าไปในเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือดก็แพ้แล้ว มีพวกเซียวชิงสามคนอยู่ ขอแค่พวกเขาต่อสู้รัดพันกับนาง ทุกอย่างก็จะตกเป็นของเซวี่ยเหมย

ทว่านางไม่ยินยอม ยามนี้จึงกัดฟันบินขึ้นไปเช่นกัน และขณะที่นางบินขึ้นไปยังน้ำวนกลางนภากาศนั้น พลันมีเสียงทุ้มต่ำเสียงหนึ่งดังก้องอยู่ข้างหูนาง

“จวินหว่านไม่ต้องสิ้นหวังไป” การปรากฏขึ้นของเสียงนี้ทำให้ร่างของซ่งจวินหว่านสั่นเยือก นัยน์ตาเผยแววเหลือเชื่อ เมื่อก้มหน้าลงไปมองก็เห็นว่าในบรรดาเงาร่างที่ค่อยๆ ถูกโลกใบนี้ขับออก บัดนี้ดวงตาของเย่จั้งพลันเบิกโพลง ราวกับสายฟ้าที่ส่องสว่างในราตรีมืดมิด สามารถฉีกกระชากม่านรัตติกาล เขย่าคลอนนภากาศ เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวแล้วกระโดดผลุงขึ้นกลางอากาศ พริบตาเดียวก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าของนาง

“เจ้า…” ซ่งจวินหว่านลมหายใจถี่กระชั้น การเปลี่ยนแปลงนี้กะทันหันเกินไป ทำให้นางไม่กล้าเชื่อ

“ข้าเคยบอกไว้ว่าจะต้องให้เจ้ากลายเป็นบุตรโลหิตให้ได้” ป๋ายเสี่ยวฉุนเชิดคาง เอ่ยปากเนิบนาบ ในใจเขาเองก็ตะลึงระคนดีใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้ตอนที่เจตจำนงไร้เทียมทานมาเยือน เขาก็ได้รับอิทธิพลบางส่วน แต่ไม่นานก็ฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติ มองเห็นภาพเมื่อครู่นี้เขาจึงสะบัดปลายแขนเสื้อหนึ่งครั้ง ดึงมือของซ่งจวินหว่านบินทะยานเข้าไปที่น้ำวน

มือเรียวราวลำเทียนของซ่งจวินหว่านสั่นระริก ไม่ได้ขัดขืน และสายตาก็เปล่งประกายสดใสอย่างที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน บัดนี้นางรู้สึกว่าป๋ายเสี่ยวฉุนพึ่งพาได้เป็นพิเศษ จึงปฏิบัติตามป๋ายเสี่ยวฉุนอย่างว่าง่าย กลายร่างเป็นรุ้งยาวสองเส้น บินทะยานเข้าหาน้ำวน

ชั่วขณะที่เหยียบย่างเข้าไปในน้ำวน คนทั้งสองตาลาย หลังจากร่างหายไป น้ำวนก็หายไปเช่นกัน พวกซ่งเชวียที่อยู่ในทะเลทรายร้างสีเลือดแห่งนี้ ร่างของทุกคนล้วนพร่าเลือน แล้วค่อยๆ หายไปทีละร่าง และมาปรากฏตัวอีกครั้งที่กลางอากาศของสำนักธาราโลหิต นอกโลกบรรพบุรุษโลหิต

ด่านที่สามของการประลองบุตรโลหิตมีชื่อว่าเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด นี่คือเส้นทางที่แคบและยาวเส้นหนึ่ง ปลายทางก็คือห้องหัวใจ เซวี่ยเหมยและซ่งจวินหว่าน ใครที่เหยียบเข้าไปในห้องหัวใจเป็นคนแรกก็จะได้ครอบครองผลึกโลหิต กลายเป็นบุตรโลหิต

ยามนี้บนเส้นทางสีเลือด เซียวชิง หยางหงอู่และจางอวิ๋นซานสามคนเรือนร่างพร่าเลือน ไม่นานก็เริ่มชัดเจนอย่างรวดเร็ว เมื่อปรากฏตัวขึ้น คนทั้งสามรีบหันไปมองรอบด้าน แต่กลับไม่เห็นร่างของเซวี่ยเหมย คนทั้งสามตะลึง พวกเขาจำได้แม่นยำว่าเซวี่ยเหมยเข้ามาในน้ำวนก่อนพวกเขาสามคน

และขณะที่พวกเขากำลังสงสัยนั้นเอง บนภูเขาเส้นทางดึกดำบรรพ์ที่ห่างออกไปหลายพันจั้งเกิดบิดเบือน ร่างของเซวี่ยเหมยที่สวมหน้ากากพลันเผยตัวอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะปรากฏตัว ดูเหมือนว่าเซวี่ยเหมยจะปรับตัวไม่ค่อยได้เท่าไหร่นัก แต่ไม่นานก็ฟื้นตัวอย่างว่องไว มองไปรอบด้าน ดวงตาทั้งคู่ของนางเปล่งประกาย ขณะที่กำลังจะห้อตะบึงไปยังปลายทางของเส้นทางดึกดำบรรพ์ ทันใดนั้น อีกฝั่งหนึ่งของเส้นทางดึกดำบรรพ์ เงาร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนและซ่งจวินหว่านก็เผยกายออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซ่งจวินหว่านก้าวออกมาหนึ่งก้าว ตรงเข้ามาสกัดอยู่เบื้องหน้าเซวี่ยเหมยโดยตรง

มองเห็นว่าซ่งจวินหว่านไม่ได้มาคนเดียว เซวี่ยเหมยก็อึ้งตะลึง พวกเซียวชิงสามคนก็ยิ่งหน้าเปลี่ยนสี

“เย่จั้ง!!”

“สวัสดีทุกคน พวกเราเจอกันอีกแล้วนะ” ป๋ายเสี่ยวฉุนหรี่ตา เชิดคางพูด สายตากวาดมองไปรอบด้าน สังเกตเห็นด้วยความตกตะลึงระคนแปลกใจว่าปราณที่ไม่มั่นคงและอาการบาดเจ็บบนร่างของเซวี่ยเหมย บัดนี้หายสนิท โดยเฉพาะบาดแผลบนหลังมือก็หายไปแล้วเช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามีวิธีการพิเศษในการฟื้นตัว ไม่ธรรมดาอย่างมาก

“วิชาอภินิหารอะไรกันถึงได้ฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ นั่นมันบาดแผลที่เกิดจากกระบี่โลหิตของซ่งจวินหว่านเชียวนะ ไม่ใช่อะไรที่ธรรมดาเลยสักนิด!” ขณะที่ป๋ายเสี่ยวฉุนกำลังแปลกใจ ดวงตาของเซวี่ยเหมยก็เปล่งประกายเย็นเยียบ

“เซียวชิง พวกเจ้าสามคนแบ่งสองคนไปสกัดซ่งจวินหว่าน!” พูดประโยคนี้จบ เซวี่ยเหมยก็ไม่สนใจซ่งจวินหว่านอีก ห้อตะบึงไปบนเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด ขณะที่ซ่งจวินหว่านกำลังจะเข้าไปขวาง จางอวิ๋นซานและหยางหงอู่ก็ร่ายของวิเศษล้ำค่ากระแทกออกมาอย่างไม่ลังเล สกัดกั้นซ่งจวินหว่านเอาไว้ และยังถ่วงเวลาให้ซ่งจวินหว่านต้องอยู่ ณ ที่แห่งนี้ พวกเขาเข้ามาได้ด้วยป้ายคำสั่ง หากเซวี่ยเหมยมิอาจกลายเป็นบุตรโลหิต และสำนักซักไซ้สืบหาความ พวกเขาย่อมไม่มีชีวิตรอด บัดนี้จึงทุ่มเทสุดพลัง

“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!!”

ซ่งจวินหว่านหน้าเปลี่ยนสี คิดจะสลัดให้พ้น ทว่าบัดนี้หยางหงอู่และจางอวิ๋นซานใช้ตบะทั้งหมดกระตุ้นของวิเศษล้ำค่า พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าจะโจมตีซ่งจวินหว่านจนพ่ายแพ้ แค่อยากถ่วงเวลาเอาไว้เท่านั้น จุดนี้พวกเขามั่นใจอย่างมากว่าต้องทำได้

แค่ถ่วงเวลาได้สิบชั่วลมหายใจก็สามารถตัดสินได้ว่าใครจะได้เป็นบุตรโลหิต!

มองเห็นว่าเซวี่ยเหมยห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ตรงดิ่งไปยังจุดลึกของเส้นทางดึกดำบรรพ์ ซ่งจวินหว่านร้อนใจ ส่วนป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นร้อนใจยิ่งกว่านางเสียอีก

“จะปล่อยให้เซวี่ยเหมยทำสำเร็จไม่ได้ หากนางได้เป็นบุตรโลหิต ข้าไม่ได้วัตถุนิจนิรันดร์มิดับสูญมาครอง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาระหว่างพวกเรา นางต้องอาศัยอำนาจส่วนรวมมาแก้แค้นส่วนตัวกับข้าแน่นอน”

คิดมาถึงตรงนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนก็คำรามเสียงดังลั่น ปีศาจฟ้าพลันระเบิดปราณพวยพุ่ง ร่างถลาพรวดไปเบื้องหน้า ชนาเขย่าภูเขาถูกนำออกมาใช้อีกครั้ง ชนเซียวชิงจนกระเด็น พุ่งเข้าไปโรมรันกับกลุ่มของซ่งจวินหว่าน หยางหงอู่และจางอวิ๋นวาน พลันมือขวายกขึ้นผลักซ่งจวินหว่านออกไป

“จวินหว่านรีบไป ที่เหลือให้ข้าจัดการเอง!!” ขณะที่เสียงคำรามของป๋ายเสี่ยวฉุนดังไปทั่วเส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือด มือทั้งคู่ของเขาพลันยกขึ้นโบกไปสองข้างอย่างรุนแรง พลังมหาศาลระลอกหนึ่งระเบิดออกมาจากในร่างของเขา สกัดกั้นหยางจางสองคนเอาไว้ แม้จะปล่อยให้ของวิเศษล้ำค่าของคนทั้งสองกระแทกลงบนร่างของตัวเอง ทว่าพลังอำนาจของเขากลับยิ่งแข็งแกร่ง

ดุจดั่งคำที่ว่าแค่คนเดียวเฝ้าพิทักษ์ในด่านสำคัญ ก็สามารถกางกั้นศัตรูนับพันนับหมื่น!

พลังอำนาจเกรียงไกร ร่างปีศาจฟ้าด้านหลังก็ยิ่งคำรามก้อง พละกำลังกล้ามเนื้อแผ่ขยายครั่นครืน เพียงแค่โบกมือครั้งเดียว ปราณเลือดของหยางจางสองคนก็โหมซัดสาด ถอยกรูดออกไปหลายก้าว

“เย่จั้ง เจ้ารนหาที่ตาย!!” นัยน์ตาเซียวชิงเผยความเฉียบขาด หยางจางสองคนยิ่งโกรธเกรี้ยวถึงขีดสุด คนทั้งสามสะบัดร่างเข้าประชิดอีกครั้ง กำลังจะร่วมมือกัน ทันใดนั้นดวงตาป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเผยประกายแสงแปลกประหลาด ยกมือขวาขึ้นแล้วตบลงไปบนพื้น

ตูมๆๆ

เส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือดสั่นสะเทือน ก่อเกิดเป็นพลังโจมตีกวาดทำลายไปรอบด้าน ขวางกั้นไว้ได้อีกครั้ง ทำให้หยางจางสองคนจำต้องหลบเลี่ยง มีเพียงเซียวชิงเท่านั้นที่คำรามเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนด้วยใบหน้าชั่วร้าย

“ตอนอยู่ที่ทะเลทรายร้างสีเลือดมีสายตาคนมากมาย สังหารเจ้าจะก่อให้เกิดความยุ่งยากตามมา ทว่าที่นี่ เย่จั้ง ในเมื่อเจ้ารนหาที่ตาย ข้าผู้อาวุโสก็จะทำให้เจ้าสมดั่งใจปรารถนา!” เซียวชิงหัวเราะเสียงเย็น ก่อนหน้านี้เขาก็รู้แผนการของเซวี่ยเหมยอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจกุญแจโลหิตเท่าไหร่นัก ส่วนเรื่องฆ่าป๋ายเสี่ยวฉุน เขาก็ไม่ได้กระตือรือร้นเช่นกัน แค่ช่วยผลักดันเท่านั้น ทว่าตอนนี้ สถานที่แห่งนี้มีคนอยู่น้อย อีกทั้งเย่จั้งก็กระโดดเข้ามาหาที่ตายเอง จิตสังหารของเขาจึงปะทุออกทันที

“ประโยคนี้ก็เป็นสิ่งที่ข้าอยากจะพูดอยู่พอดี” ป๋ายเสี่ยวฉุนพลันเงยหน้าขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยสีเลือด ทั้งยังมีความอาฆาตมาดร้าย

“ต่อให้เจ้าจะยังซุกซ่อนวิชาอะไรเอาไว้ ครั้งนี้ก็ย่อมตายอย่างมิต้องสงสัย!” เซียวชิงยกมือขวาขึ้นฉับพลัน นิ้วทั้งคู่แปลงเป็นกระบี่ แสงสีเลือดจ้าบาดตา ก่อให้เกิดปราณกระบี่ตรงดิ่งเข้าหาหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน

คลื่นตบะทรงพลังพลันระเบิดออกจากร่างของเขา ดุจดั่งเปลวเพลิงร้อนแรงกองหนึ่ง เมื่อเขาเข้ามาใกล้ มันก็เผาทำลายทุกสิ่งให้มอดไหม้

ทว่าชั่วพริบตาที่เขาเข้าใกล้ป๋ายเสี่ยวฉุนนั้นเอง มือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนยื่นออกมาเป็นกรงเล็บด้วยความเร็วที่มิอาจบรรยายได้ คว้าเข้าที่ลำคอของเซียวชิง แรงดึงดูดระลอกหนึ่งแผ่ซ่านออกมาจากกลางฝ่ามือของเขา นั่นก็คือวิชาที่ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่เคยใช้มาก่อนเมื่อมาอยู่ที่สำนักธาราโลหิต…ตรวนสลายลำคอ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!