บทที่ 256 เจ้าคือป๋ายเสี่ยวฉุน?!
ตรวนสลายลำคออยู่กับป๋ายเสี่ยวฉุนมาตั้งแต่รวมลมปราณถึงสร้างฐานราก ผ่านประสบการณ์เทือกเขาลั่วเฉิน ผ่านเหตุการณ์หุบเหวกระบี่อุกกาบาต เมื่ออยู่ในมือของเขาจึงถูกฝึกฝนจนชำนาญถึงระดับสูงสุดแล้ว แม้ว่านี่เป็นเพียงแค่เวทอภินิหารของบทมิวางวายบทที่หนึ่ง ทว่าจากการที่ป๋ายเสี่ยวฉุนฝึกวิชาเนื้อคงกระพัน อานุภาพของตรวนสลายลำคอจึงระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง
กรงเล็บนี้ ป๋ายเสี่ยวฉุนอดกลั้นมานานมากแล้ว ก่อนหน้านั้นตอนที่อยู่ในทะเลทรายร้างสีเลือด มีสายตาของคนมากมายจับจ้อง ต่อให้อยู่ในช่วงวิกฤตคับขันเขาก็ยังข่มกลั้นไม่ใช้มัน และยังมีลมปราณม่วงแปลงกระถางที่ต้องยิ่งยับยั้งเอาไว้ แม้แต่พลังควบคุมก็ยังไม่สามารถร่ายออกมาได้
เพราะยังไงซะสำนักธาราเทพก็มีพลังควบคุมเป็นหลัก วิชาอภินิหารทุกอย่างที่สามารถเปิดเผยตัวตน ป๋ายเสี่ยวฉุนล้วนไม่สามารถเอามาใช้ได้ รวมไปถึงเนตรทงเทียนที่หล่อเลี้ยงอยู่ในหว่างคิ้วของเขามานานมากแล้วด้วย
ส่วน…หม้อกระดองเต่าและกระบี่ไม้ หรือแม้แต่ของวิเศษที่ผ่านการหลอมพลังจิตสามครั้ง เขาก็เก็บไว้อย่างมิดชิด ทว่าตอนนี้…อยู่ที่นี่ ป๋ายเสี่ยวฉุนไม่คิดจะอดทนอีกต่อไป
จากเสียงคำรามที่ดังขึ้น จากการปรากฏตัวของตรวนสลายลำคอ ความกระหายเลือดที่แท้จริงระเบิดพร่างพรายขึ้นบนร่างของป๋ายเสี่ยวฉุน พลังอำนาจสะท้านฟ้า ทั้งผสานเข้ากับวิชามิวางวายของร่างปีศาจฟ้าที่เขามี ทำให้ตรวนสลายลำคอนี้ยิ่งมีอานุภาพทรงพลัง
เสียงตูมดังหนึ่งครั้ง มือขวาของเขาก็มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าเซียวชิง ปล่อยให้กระบี่โลหิตจากนิ้วทั้งคู่ของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ คว้าจับเอาไว้ ความมหาศาลของพละกำลัง และยังมีแรงดึงดูดที่ส่งออกมา ทำให้เซียวชิงหน้าเปลี่ยนสีทันทีทันใด
เขารู้สึกเหมือนตาฝาด ราวกับว่าบัดนี้เย่จั้งที่อยู่เบื้องหน้าได้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน ไม่ว่าจะเป็นพลังอำนาจหรือความรู้สึกเวลามองก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
โดยเฉพาะกรงเล็บมือขวาของอีกฝ่ายที่ยิ่งทำให้เขาอกสั่นขวัญแขวน ปราณน่าหวาดกลัวที่ถูกส่งมาจากมือข้างนั้นทำให้เซียวชิงสำลักลมหายใจ รู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตาย ฝืนก้าวถอยหลัง กระบี่โลหิตของมือขวาเปลี่ยนทิศทางตรงดิ่งเข้าหามือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุน ร่างกายบิดเบี้ยวอย่างที่ไม่คาดคิด หลบเลี่ยงตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนไปได้
ทว่าวินาทีที่หลบพ้นนั้นเอง กระบี่โลหิตจากมือขวาของเขาปะทะเข้ากับตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุน พริบตานั้นปราณกระบี่ก็กระแทกโจมตีลงกลางฝ่ามือของป๋ายเสี่ยวฉุน มีเสียงของโลหะดังลอยมาให้ได้ยิน และตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คว้าจับนิ้วทั้งคู่ของเซียวชิงแล้วบีบลงไปอย่างแรง!
เสียงกร๊อบดังลั่น!
คลื่นเคลื่อนไหวแผ่ครั่นครืนออกไปสองข้าง เซียวชิงร้องอู้อี้อยู่ในลำคอ ร่างถอยร่นฉับพลัน มือขวาของเขาสั่นระริก นิ้วทั้งสองบิดเบี้ยว ถูกบิดจนหักครึ่งท่อน!
“เย่จั้งผู้นี้ผิดปกติ หยางหงอู่ จางอวิ๋นซาน ลงมือพร้อมกัน สังหารคนผู้นี้ให้ได้!” เซียวชิงหน้าเปลี่ยนสี ขณะที่เขาพูดอย่างรวดเร็ว หยาง จางสองคนต่างก็สำลักลมหายใจ กัดฟันพร้อมใจกันลงมือ ธูปหอมลุกไหม้ ควันคมกริบราวกับมีด พัดวิเศษร่อนรำ ก่อเกิดเป็นลมพายุบ้าคลั่ง!
ลมหายใจของป๋ายเสี่ยวฉุนถี่ระรัวน้อยๆ ทว่าร่างไม่ได้หยุดชะงักแม้แต่นิด คำรามต่ำๆ หนึ่งครั้ง แล้วพุ่งเข้าเข่นฆ่าเซียวชิงราวกับสัตว์ร้ายบ้าระห่ำตัวหนึ่ง ทั้งมือขวายังกำเป็นหมัดแน่นแล้วต่อยโครมลงไปกลางอากาศ ร่างของปีศาจฟ้าปรากฏกาย แผดเสียงคำรามแล้วเดินออกมา พุ่งดิ่งไปพร้อมหมัดราวสายฟ้าแลบ
เวลาเดียวกันนั้น มือซ้ายของป๋ายเสี่ยวฉุนทำมุทราชี้ไปที่หยางหงอู่ การชี้นี้ทำให้ในถุงเก็บของของเขามีกระบี่บินสิบกว่าเล่มบินพุ่งออกมาในพริบตาเดียว แต่ละเล่มล้วนทาสีสันเลอะเทอะลายตา ทว่าหากมองอย่างละเอียดจะเห็นว่าด้านบนนั้นมีลายเส้นสีเงินอยู่สองสามเส้น!
ซึ่งนี่ก็คืออาวุธที่หลอมพลังจิตของป๋ายเสี่ยวฉุน เวลานี้ถูกเขาควบคุมด้วยคาถาลมปราณม่วงทงเทียนจากตบะสร้างฐานราก ความยิ่งใหญ่ของพลานุภาพนั้น แค่เพิ่งปรากฏตัวก็ทำให้ใบหน้าของหยางหงอู่ไร้สีเลือดได้ทันที
ท่ามกลางเสียงตูมตามดังสนั่นหวั่นไหว ป๋ายเสี่ยวฉุนไร้ซึ่งอาการลังเลใด ผินหน้าหันไปอีกฝั่ง ปากก็กล่าวคำคำหนึ่งออกมาเบาๆ!
“กระถาง!”
กระถางสีม่วงใบใหญ่ใบหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศเบื้องหน้าจางอวิ๋นซาน ด้านบนนั้นมีลายอักขระนูนๆ เว้าๆ ปล่อยประกายแสงสีม่วง ทั้งยังมีความยิ่งใหญ่เกรียงไกรเขย่าคลอนฟ้าดินเยื้องกรายมาเยือน!
ตูมๆๆ!
เสียงกึกก้องดังสะท้อน ป๋ายเสี่ยวฉุนคนเดียวต่อสู้กับคนสามคน บัดนี้ภายใต้การระเบิดพลังจากทุกด้าน ขณะที่เซียวชิงหน้าเปลี่ยนสี ควันธูปของหยางหงอู่ก็ถูกกระบี่บินแทงทะลุทะลวง เขากรีดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ร่างโซเซถอยร่น ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาก็อาบไปด้วยเลือด
ทว่าเพิ่งจะถอยไปได้แค่ก้าวเดียว ป๋ายเสี่ยวฉุนก็เดินออกมาหนึ่งก้าว เห็นได้ชัดว่าเขาเลือกฆ่าหยางหงอู่เป็นคนแรก ทั้งบนแผ่นหลังยังมีปีกพลังแม่เหล็กปรากฏ กระพือพรึ่บทีเดียว ความเร็วนั้นเหนือล้ำเกินกว่าก่อนหน้านี้มากมาย แทบจะใกล้เคียงกับการหายตัว พริบตาเดียวก็มาปรากฏอยู่ด้านหน้าหยางหงอู่ มือขวายกขึ้น พลังของตรวนสลายลำคอระเบิดเข้าหาลำคอของหยางหงอู่
หยางหงอู่เปล่งเสียงร้องโหยไห้ พยายามขัดขวางเต็มกำลัง ทว่ายังคงสูญเสียโอกาสแก้มือไปแล้ว ด้วยจิตใจของเขาตื่นตระหนกไปกับกระบี่บิน ตามมาด้วยความเร็ว และสุดท้ายคือตรวนสลายลำคอของป๋ายเสี่ยวฉุน ต่อให้เขาจะมีประสบการณ์การสู้รบมากแค่ไหน ยามนี้ก็มิอาจช่วยอะไรได้
เสียงกร๊อบดังหนึ่งครั้ง สองนิ้วมือขวาของป๋ายเสี่ยวฉุนหนีบเข้าที่ลำคอของหยางหงอู่ แล้วบีบเข้าหากันแรงๆ ลำคอของเขาก็หักครึ่งท่อน!
เสียงร้องโหยหวนหยุดชะงักลงกลางคัน หยางหงอู่ขาดลมสิ้นใจตาย แม้จะตายไปแล้ว ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ยังคงเบิกกว้าง ราวกับไม่อยากเชื่อที่ตัวเองต้องมาตายตกด้วยน้ำมือของป๋ายเสี่ยวฉุน
“ลมปราณม่วงแปลงกระถาง เจ้า…เจ้าไม่ใช่เย่จั้ง!!” จางอวิ๋นซานที่อยู่ด้านข้าง บัดนี้กรีดร้องเสียงแหลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่คาดคิด เมื่อคำพูดของเขาดังออกมา ป๋ายเสี่ยวฉุนก็ควักเอาธูปที่เหลือครึ่งท่อนของหยางหงอู่โยนเข้าใส่จางอวิ๋นซาน!
เซียวชิงหน้าเผือดสี ตบะแผ่กระจาย ขณะที่กำลังจะเข้าไปขัดขวาง ทันใดนั้นหม้อใบใหญ่ใบหนึ่งกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขาแล้วพุ่งเข้าโจมตีโดยไม่รีรอ ไม่ว่าเซียวชิงจะต่อต้านกลับไปเช่นไรก็ไม่สามารถฟาดฟันให้หม้อใบใหญ่นี้แตกสลายได้แม้แต่นิด สุดท้ายจึงถูกสกัดกั้นให้อยู่ห่างเพียงครึ่งก้าว
และครึ่งก้าวนี้ สำหรับจางอวิ๋นซานแล้วก็คือความเป็นความตาย ในเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนเปิดเผยวิชาถึงเพียงนี้แล้ว มีหรือจะปล่อยให้คนที่อยู่ที่นี่มีชีวิตรอดกลับไป เวลานี้เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ปีกด้านหลังโบกกระพือ ความเร็วเพิ่มพรวดพราด อาศัยพลังที่เพิ่มขึ้นนี้ เขาร่ายวิชาชนาเขย่าภูเขา ความเร็วจึงเพิ่มขึ้นมาจากพื้นฐานก่อนหน้านี้อีกหลายต่อหลายเท่าตัว พละกำลังกล้ามเนื้อก็ยิ่งปะทุอย่างบ้าคลั่ง เพิ่มพูนขึ้นมาหลายเท่าเช่นกัน ทำให้บัดนี้ชนาเขย่าภูเขาของเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าเวลาธรรมดามากมายนัก
ไม่เพียงแต่ความเร็วที่เร็วถึงที่สุด พละกำลังก็ยิ่งน่าตะลึง หากเพียงเท่านี้ก็ยังพอว่า แต่ป๋ายเสี่ยวฉุนกลับยังคงยกมือขวาขึ้น ใช้พื้นฐานของชนาเขย่าภูเขา ร่ายวิชา…ตรวนสลายลำคอ!!
วิชาอภินิหารสองวิชาจากบทมิวางวาย บัดนี้เมื่อร่ายออกมาพร้อมกัน ก่อให้เกิดเป็นพลังน่าหวาดกลัวจนยากจะพรรณนา ความเร็วของป๋ายเสี่ยวฉุนฝ่าทะลุเข้าไปในความว่างเปล่า ระหว่างนิ้วมือทั้งสองของมือขวากรีดผ่าอากาศ เกิดเป็นรอยปริแตกยาวสองเส้น พุ่งเข้ามาใกล้โดยที่จางอวิ๋นซานมิอาจหลบเลี่ยง ตั้งตัวไม่ทัน ถึงขั้นที่ว่าในดวงตาของเขายังคงเห็นป๋ายเสี่ยวฉุนอยู่ห่างไปไกลด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อป๋ายเสี่ยวฉุนกลับใช้ความเร็วสูงสุด พละกำลังสูงสุดมาปรากฏตัวอยู่หน้าจางอวิ๋นซาน สองนิ้วของมือขวาเขาก็มาหนีบอยู่ตรงลำคอของจางอวิ๋นซานแล้ว
ไม่จำเป็นต้องบีบลงไปแรงๆ แม้แต่นิด แค่พุ่งเข้าชน ด้วยพละกำลังและความเร็วที่น่าตกใจของป๋ายเสี่ยวฉุนนั้น จางอวิ๋นซานก็ถูกผลักจนร่วงลงไปกระแทกเข้ากับผนังที่อยู่ด้านข้าง
ตูมๆๆ!
เสียงดังกัมปนาทเขย่าสี่ทิศจนแม้แต่เส้นทางดึกดำบรรพ์สีเลือดก็ยังสั่นสะเทือนอยู่หลายที ร่างของจางอวิ๋นซานถูกป๋ายเสี่ยวฉุนกดอัดอยู่บนกำแพง มือของเขาลอดทะลุลำคอของจางอวิ๋นซาน ขณะที่บนกำแพงปรากฏรอยปริร้าว ศพของจางอวิ๋นซานก็ถูกฝังแน่นอยู่ในกำแพงไปเรียบร้อย!
เวลาเดียวกันนั้นเซียวชิงที่ช้าไปครึ่งก้าว ในที่สุดก็ตามกลับมาทัน บัดนี้เมื่อสะบัดร่างหนึ่งครั้ง เส้นผมของเขาแผ่สยาย นัยน์ตาเผยความตะลึงพรึงเพริดและคลุ้มคลั่ง
“เจ้าคือป๋ายเสี่ยวฉุน?!” หากจนถึงตอนนี้เขายังเดาไม่ได้ถึงตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุนก็คงเสียแรงเปล่าที่มีชีวิตอยู่มาหลายปี สำนักธาราโลหิตไม่เคยหยุดพักการตรวจสอบเรื่องของป๋ายเสี่ยวฉุน โดยเฉพาะนักพรตสร้างฐานรากอย่างพวกเขาก็ยิ่งได้ยินเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับป๋ายเสี่ยวฉุน
และในสายตาคนหลายคน วิชาที่เป็นตัวแทนของป๋ายเสี่ยวฉุน…ก็คือ…ตรวนสลายลำคอนี้ ต่อให้ก่อนหน้านั้นเซียวชิงเดาไม่ได้ แต่พอหลังจากได้เห็นลมปราณม่วงแปลงกระถาง และได้เห็นตรวนสลายลำคอ เขาก็เดาออกทันที!
“สังหารเจ้า ก็เท่ากับสร้างความชอบครั้งยิ่งใหญ่!!” เซียวชิงไร้ซึ่งความลังเลใด วินาทีที่เดาได้ว่าเย่จั้งก็คือป๋ายเสี่ยวฉุน เขารู้ว่าหากไม่มีหลักฐาน ต่อให้ตะโกนเสียงดังด้วยความแค้นบอกกับเซวี่ยเหมยหรือซ่งจวินหว่านก็ไร้ประโยชน์ บัดนี้วิกฤตความเป็นความตายมาเยือน ระหว่างที่กัดฟันมือขวาของเขาจึงยกขึ้นมาตบลงไปที่หน้าอกอย่างแรกหนึ่งครั้ง พริบตาเดียวพลังตบะบ้าคลั่งระลอกหนึ่งก็ระเบิดตูมตาม มหาสมุทรวิญญาณเส้นสุดท้ายในร่างเขากำลังก่อตัวเป็นผลึกอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าเขาคิดจะ…เหยียบย่างเข้าสู่ขั้นรวมโอสถที่นี่! เมื่อรวมโอสถสำเร็จ สังหารป๋ายเสี่ยวฉุนก็เป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าพลิกฝ่ามือ
ต่อให้มีความเสี่ยงสูงมาก แต่เขารอไม่ได้อีกแล้ว ป๋ายเสี่ยวฉุนในยามนี้ทำให้เขารู้สึกถึงวิกฤตความเป็นความตายอันรุนแรง ด้วยตบะของเขาในตอนนี้ เมื่อเขาถามตัวเองหลังจากที่ได้เห็นอีกฝ่ายโจมตีจางอวิ๋นซาน อัตราที่จะมีชีวิตรอดของเขาคงไม่ถึงสี่ส่วน!
ทว่าวินาทีที่มหาสมุทรวิญญาณเส้นสุดท้ายในร่างของเขากำลังจะกลายเป็นผลึกนั้นเอง ทันใดนั้น ปราณวิถีฟ้าในร่างของป๋ายเสี่ยวฉุนพลันระเบิดพุ่งออกมา ข่มทับสร้างฐานรากวิถีดินทั้งหมด ต่อให้ตอนนี้ป๋ายเสี่ยวฉุนยังอยู่แค่สร้างฐานรากช่วงกลาง ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เกิดพลังบดขยี้ทุกสิ่ง แต่กลับสามารถทำให้มหาสมุทรวิญญาณสร้างฐานรากวิถีดินของเซียวชิงกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น ลดแนวโน้มที่จะรวมโอสถสำเร็จลงไปถึงสามส่วน!
เวลาเดียวกันนั้น ขณะที่พลังของอีกฝ่ายลดลงฮวบฮาบ กลางหว่างคิ้วของป๋ายเสี่ยวฉุน ดวงตาที่สาม เนตรทงเทียนของเขาพลันเบิกโพลงขึ้นมา
ดวงตาสีม่วงข้างนั้น นาทีนี้ราวกับว่าถ้อยคำใดก็ไม่สามารถบรรยายได้ ดุจดั่งว่า…เมื่ออยู่ภายใต้เนตรอาคมนี้ สูงสุดเท่าฟากฟ้าลงล่างเท่าน้ำพุเหลือง ต่างก็เป็นเพียงมดตัวน้อยนิด!
ทั้งยังมีพลังควบคุมมิอาจพรรณนาระลอกหนึ่งที่หลังจากป๋ายเสี่ยวฉุนหล่อเลี้ยงด้วยความอบอุ่นมาหลายปี เมื่อดวงตาของเนตรทงเทียนเปิดออก มันก็พลันปะทุพวยพุ่งตามมา กลายเป็น…พลังที่มิอาจต่อต้านได้!
หากก่อนหน้านี้เซียวชิงมีความคิดอยากจะตะโกนบอกให้ซ่งจวินหว่านและเซวี่ยเหมยรู้ถึงตัวตนของป๋ายเสี่ยวฉุน ถ้าเช่นนั้นเนตรทงเทียนนี้ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายสลายกลายเป็นเถ้าธุลีได้ในทันที!
ตูมๆๆ!
จิตใจของเซียวชิงราวกับมีสายฟ้าระเบิดฟาดผ่า ร่างสั่นเทิ้ม สีหน้าบิดเบี้ยวพยายามดิ้นรน แม้แต่ลิ้นก็ยังถูกควบคุม ปากเปล่งเสียงคำรามต่ำฟังไม่ชัด เส้นเอ็นปูดโปน แต่เขากลับค้นพบอย่างน่าตื่นตระหนกว่าตนมิอาจควบคุมมือขวาของตัวเองได้ มือขวาของเขาค่อยๆ ยกขึ้นช้าๆ ท่ามกลางความหวาดกลัวในแววตาและเสียงคำรามแหบแห้งโหยหวน มือขวาของเขากลับยกขึ้นมาตบลงไปแรงๆ บนจุดเทียนหลิง[1]ของตัวเอง!
“ไม่…”
ปัง!
ฝ่ามือที่ตบลง กะโหลกศีรษะแตกโพละพังทลาย สีแดงสีขาวสาดกระเซ็นไปรอบทิศ เซียวชิงขาดใจตายไปทันที ผลึกที่แปลงออกมาจากมหาสมุทรวิญญาณเส้นสุดท้ายในร่างกายที่เริ่มแข็งตัวก็ค่อยๆ แตกออกไปทีละชุ่น
ป๋ายเสี่ยวฉุนตัวสั่นเทา กระอักเลือดสดออกมาหนึ่งคำ ดวงตาที่สามตรงหว่างคิ้วก็มีเลือดไหลริน ขณะที่มันค่อยๆ ปิดเข้าหากัน ตลอดทั้งร่างของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ทั้งยังเวียนศีรษะ ลมหายใจยุ่งเหยิงไม่เป็นจังหวะ มือขวาดึงออกจากลำคอของจางอวิ๋นซาน
ดวงตาของจางอวิ๋นซานยังคงเลื่อนลอย ร่างและหัวหลุดออกจากกัน ร่วงตุบลงมาบนพื้น!
ฆ่าสามคนนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ ป๋ายเสี่ยวฉุนใช้เวลาไปแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น ทว่าพลังที่สูญเสียไปทำให้เขาหน้าขาวซีด ยังดีที่มียาวิเศษมากพอ เขาจึงกลืนมันลงไปทันที ไม่มีเวลามานั่งทำสมาธิ เก็บเอาหม้อกระดองเต่ากลับมา หยิบถุงเก็บของของคนทั้งสาม เงยหน้ามองสุดปลายทางของเส้นทางดึกดำบรรพ์แล้วกัดฟันห้อตะบึง ปีกด้านหลังพัดกระพือต่อเนื่อง ความเร็วนั้นก่อให้เกิดเสียงอากาศระเบิดเป็นทอดๆ
——
[1] จุดเทียนหลิง (天灵)จุดที่อยู่ตรงกลางกระโหลกศีรษะ